ไพลินหันไปมองนาฬิกาติดผนังเกือบทุกนาที เพราะใกล้จะถึงเวลาที่นัดกับศรันย์เอาไว้แล้ว แต่คุณหญิงกับคุณหนูยังคงกลั่นแกล้งให้เธอทำนู้นทำนี่ไม่หยุดสักที ไพลินจึงตัดสินใจเดินมาหาคุณหญิงเพื่อจะบอกว่าเธอทำงานในครัวเสร็จแล้ว
“คุณท่านคะ ลินทำงานในครัวเสร็จแล้วค่ะ”
ไพลินก้มหน้าพูดออกไปไม่กล้าสบตากับทั้งสามคนที่นั่งทานอาหารอยู่ เห็นอย่างนั้นก็อดนึกถึงประมุขคนเก่าของบ้านที่เอ็นดูและเลี้ยงดูเธอคงเหมือนลูกแท้ๆ ไม่ได้ หากท่านยังอยู่ตรงนี้ ท่านคงจะเรียกเธอไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย และสั่งแม่ครัวทำของโปรดของเธอมาให้
“เสร็จแล้วก็ไปสิ จะเสนอหน้าอยู่ทำไม” คุณหญิงวรมลตะคอกออกไปเสียงดัง
“หรือว่าอยากนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเรา”
ตามมาด้วยเสียงของลูกสาวอย่างวนิดาที่กำลังเหยียดยิ้มมองไพลินด้วยสายตาที่ชิงชังอย่างเห็นได้ชัด ส่วนวรานนท์ลูกชายคนโตของบ้านก็ได้แต่นั่งดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ถึงแม้ในใจจะอยากให้เธอมานั่งร่วมโต๊ะด้วยก็ตาม แต่คงไม่ดีแน่ถ้าจะพูดออกไป สิ่งที่เขาพูดอาจจะทำให้น้องสาวกับแม่ของเขากลั่นแกล้งเธอมากกว่าเดิม
“เปล่าค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
ไพลินตอบไปเสียงเบาก่อนจะเดินออกมายังห้องนอนของตัวเอง มือเรียวเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าชุดสวยใส่กระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้องด้วยท่าทางเร่งรีบ
Rrrrrr
แต่ยังไม่ทันถึงหน้าบ้าน เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นมา ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าเป็นใคร
“กำลังออกไป” ไพลินตอบออกไปโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายได้ถาม
(คร๊าบบบบ นึกว่าจะไม่ไปซะแล้ว) ศรันย์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงยียวน สักพักไพลินก็วิ่งออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ
“ไปกันเถอะ ขอโทษที่ออกมาช้า” ไพลินรีบเอ่ยขอโทษ เพราะครั้งนี้เธอปล่อยให้ศรันย์รอนานจริงๆ
“ถ้ามาช้ากว่านี้ เข้าไปตามถึงข้างในจริงๆ ด้วย” ศรันย์พูดทีเล่นทีจริงก่อนที่ทำหน้าที่พลขับพาเพื่อนรักไปยังร้านที่เธอทำงานอยู่
…
#CLUB
“ขอบใจนะที่มาส่ง ไว้ร้องเพลงเสร็จจะเลี้ยงขนม” ไพลินบอกเพื่อนรักด้วยสายตาเอ็นดูพลางตบไหล่เบาๆ ก่อนจะวิ่งเข้าไปที่หลังร้าน
“โตป่านนี้แล้ว ใครเขาอยากกินขนมวะ”
ศรันย์ได้แต่ยิ้มตามหลังของไพลินด้วยสายตาเอ็นดู และสงสารในเวลาเดียวกัน เขาไม่อยากให้เธอต้องลำบากร้องเพลงกลางคืนแบบนี้เลย แต่เธอก็ยังดื้อไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใคร
…
เสียงเพลงดังกระหึ่มขึ้นทันทีเมื่อนักร้องสาวประจำผับมาถึง ร่างสวยขึ้นโชว์ลีลาการร้องการเต้นจนสนุกสุดเหวี่ยง และได้ทริปจากลูกค้ามามากมาย แล้วส่วนมากก็จะเป็นพวกผู้ชายที่หลงใหลในตัวเธอ
“วันนี้ได้เงินเยอะเลยนะกินอะไรดี” ไพลินหันไปถามศรันย์ขณะที่เดินมาขึ้นรถหลังจากร้องเพลงเสร็จ
“อยากกินอาหารฝีมือเธอได้ป่ะ?” ศรันย์หันมาถามด้วยท่าทางทะเล้น หากแต่เป็นข้ออ้างที่อยากอยู่กับเธอเท่านั้น
“ได้ดิ แต่วันนี้คงไม่ได้แล้ว”
ไพลินตอบไปตามตรง ตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้ว คงจะไปทำอาหารที่คอนโดของศรันย์เหมือนที่เคยไปไม่ได้แล้ว
“พรุ่งนี้ก็ได้”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้างขึ้นมาทันที เมื่อคนที่รักจะไปที่คอนโดตัวเอง บางทีเขาอาจจะใช้โอกาสนี้ สารภาพรักกับเธอก็ได้
“โอเค พรุ่งนี้ฉันจะโทรชวนริสาด้วย”
คำตอบของไพลินทำเอาศรันย์หุบยิ้มทันที โทรชวนริสาอีกแล้ว แบบนี้เขาก็ไม่มีโอกาสบอกความในใจกับเธอน่ะสิ ศรันย์ได้แต่ถอนหายใจแล้วขับรถออกมาส่งเธอเช่นเคย
“ขอบใจนะ พรุ่งนี้เจอกัน” ไพลินบอกเพื่อนรักก่อนจะปิดประตูลงจากรถคันหรู
“ถ้าอยากขอบคุณจริงๆ พรุ่งนี้ช่วยทำรายงานให้จะดีกว่า”
“โอเค ได้อยู่แล้ว”
“แล้วเจอกัน พร้อมเมื่อไหร่ก็โทรมาละกัน”
ไพลินยืนมองจนรถของศรันย์ลับสายตาไป ค่อยหันหลังเดินกลับเข้ามาในบ้าน เธอค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างระมัดระวังเพราะตอนนี้บ้านหลังใหญ่ปิดไฟหมดแล้ว แต่ก็พอจะมีแสงไฟสลัวๆ จากห้องของคุณชายที่ส่องลงมาพอให้เห็นทาง
ตึกตัก! ตึกตัก!
หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวเมื่อนึกถึงชายที่เธอแอบรักมาตลอด เขาคือหนึ่งเหตุผลที่เธอยังอยู่ที่นี่
ไพลินเลิกมองแล้วเดินไปยังห้องพักของเธอ เธอรู้ตัวดีว่าเธอกับเขาต่างกันราวฟ้ากับเหว แล้วคุณหญิงวรมลแม่ของเขายังเกลียดเธอราวกับไส้เดือนกิ้งกือ ท่านไม่มีทางยอมรับคนที่ไม่มีอะไรอย่างเธอแน่ๆ
ร่างบางหันหลังเดินไปยังห้องพักของตัวเองโดยที่ไม่รู้ว่ามีใครบางคนแอบมองอยู่เช่นกัน
….
- เช้าวันต่อมา -
ไพลินตื่นแต่เช้ามาทำงานบ้านช่วยแม่บ้าน แล้วตั้งโต๊ะอาหารตามปกติก่อนที่คุณหญิงจะลงมา พอตั้งโต๊ะเสร็จไพลินก็กลับเข้าไปในห้องครัว เพื่อที่จะไปทานข้าวกับกลุ่มแม่บ้าน
“ป้าคะ วันนี้ลินจะออกไปทำรายงานกับเพื่อนนะคะ” ไพลินบอกป้าอิ่ม แม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่ และเป็นคนที่คอยดูแลและให้คำปรึกษาเธอมาโดยตลอด
“จะไปตอนไหนล่ะ?” ป้าอิ่มถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและเอ็นดูในความขยันและสู้ชีวิตของเด็กสาว
“ทำงานบ้านช่วยป้าเสร็จก่อนถึงจะไปค่ะ” ไพลินตอบไปพร้อมตักข้าวใส่จาน
“ถ้าจะไปก็ไปบอกคุณหญิงด้วยล่ะ” ป้าอิ่มบอกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะใครๆ ก็รู้ว่าคุณหญิงไม่ชอบไพลิน
หลังจากทานข้าวเสร็จไพลินก็ช่วยป้าอิ่มเก็บโต๊ะอาหาร เสร็จแล้วก็เดินมาหาคุณหญิงที่ห้องรับแขก
“คุณท่านคะ วันนี้ลินขอไปทำรายงานกับเพื่อนนะคะ” ไพลินก้มหน้าพูดออกไปตามมารยาท
“จะไปทำรายงานหรือจะออกไปกับผู้ชายกันแน่ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเมื่อคืนแกไปทำอะไรมา” คุณหญิงพูดออกไปด้วยสายตาชิงชัง เพียงเพราะคิดว่าไพลินคือลูกของสามีกับชู้
“ลินแค่ออกไปทำงานค่ะ” ไพลินตอบไปตามตรง
“ทำงานอย่างนั้นหรอ ทำงานอะไรถึงกลับมาดึกๆ ดื่นๆ อย่าให้รู้นะว่าแกไปทำอย่างที่คนอื่นเขาพูด ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันเฉดหัวแกออกจากบ้านแน่!”
ไพลินก้มหน้ารับฟัง ไม่พูดไม่เถียงอะไร เพราะพูดไปก็มีแต่จะทำให้เรื่องเลวร้ายขึ้น
หลังจากแจ้งคุณหญิงแล้วไพลินก็เดินกลับมาที่ห้องพัก เก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปทำรายงาน ถึงแม้จะโดนคุณหญิงบ่นก็ตาม เธอชินกับสถานการณ์แบบนี้ไปนานแล้ว
ขณะที่เดินออกมาไพลินก็กดโทรออกหาศรันย์ แต่ก็ต้องหยุดเดินเมื่อมีร่างสูงยืนอยู่ตรงทางเดินพอดี ตากลมโตมองคุณชายของบ้านด้วยความสงสัย ทำไมเขาถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้ ทางนี้ไม่ใช่ทางที่คนอย่างเขาจะมาเดินเล่น
“เอ่อ… ลินขอทางหน่อยค่ะ” ไพลินตัดสินใจพูดออกไปด้วยท่าทางเลิกลั่ก ใบหน้าสวยหันมองซ้ายขวาราวกับคนทำผิด ในใจของเธอหวั่นกลัวหากคุณหญิงมาเห็นเข้า คราวนี้คงจะโดนไล่ออกจากบ้านแน่ๆ เพราะท่านสั่งกำชับเด็ดขาดไม่ให้เธอเข้าใกล้ลูกชายของท่าน
“จะไปไหน?” ประโยคแรกในรอบหลายสัปดาห์ที่เขาพูดกับเธอจนไพลินถึงกับมองใบหน้าหล่อด้วยความสงสัย หัวใจของเธอเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะในตอนที่สบตากัน เวลาได้มองทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างซ่อนอยู่ในดวงตาคู่คม
“ไปทำรายงานกับเพื่อนค่ะ” ไพลินตอบไปแล้วรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ไม่มีคำถามใดๆ ให้หายสงสัย เขายอมหลีกทางให้เธอไปอย่างง่ายดาย
พอเดินมาถึงหน้าบ้านไพลินก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เธอโทรหาศรันย์ แต่ลืมคุยเพราะมัวแต่สนใจคนที่ยืนขวางทางเธออยู่
แต่ไม่ทันได้โทรหาอีกรอบ รถคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดตรงหน้าเธอพอดี
“เมื่อกี้คุยกับใคร?” ศรันย์ถามขึ้นมาขณะที่อีกคนขึ้นมานั่งในที่ประจำ
“คุณนนท์” ไพลินตอบไปตามตรง หัวใจเต้นแรงขึ้นมาแปลกๆ เมื่อนึกถึงสายตาคู่คมที่เหมือนจะมีบางอย่างซ่อนอยู่ ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า แต่เธอรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“พี่ชายนิดาหน่ะหรอ”
“ใช่”
“เขาไม่ชอบเธอเหมือนกันหรอ”
“เปล่า เขาแค่ถามเฉยๆ ไปกันเถอะป่านนี้ริสาบ่นแล้ว” ไพลินรีบตัดบทพูดนอกเรื่องไป เพราะกลัวเพื่อนจะสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอเมื่อพูดถึงคนที่เธอแอบรัก
- สองวันต่อมา -@บ้านกิตติคุณเวลา 10.00 น.หลังจากที่วรานนท์ได้ออกจากโรงพยาบาลก็กลับมาพักฟื้นที่บ้าน คุณหญิงวรมลต่างให้แม่บ้านจัดเตรียมอาหารต้อนรับลูกชายกลับบ้าน มีทั้งอาหารคาวหวานต่างๆ มากมายหลายเมนู พร้อมกับจัดเตรียมห้องไว้สำหรับไพลินกับวรานนท์หลังจากที่เรื่องไม่ดีต่างๆ ผ่านไปก็ย่อมมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้น อย่างที่เขาว่ากันว่า... ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ... ชีวิตของไพลินก็เช่นกันบนโต๊ะอาหารที่มีอาหารต่างๆ หลากหลายเมนูให้เลือกทานที่ถูกจัดแต่งไว้บนโต๊ะอย่างสวยงาม ที่โต๊ะอาหารกลับมีคนนั่งอยู่แค่เพียงสี่คน แต่กลับทำอาหารเยอะแยะมากมายราวกับทำเอาไว้เลี้ยงคนทั้งซอยไพลินนั่งมองอาหารด้วยท่าทางตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับคุณหญิงวรมลและวนิดา ครั้งก่อนเธอยังได้ทำหน้าที่เป็นสาวใช้ของบ้านหลังนี้อยู่เลย แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้...ไพลินยังคงตื่นเต้นอยู่ภายในใจไม่หาย“ทานเยอะๆ นะตานนท์... ไพลินก็ด้วยนะ” คุณหญิงบอกลูกชายอย่างห่วงใย ก่อนที่จะหันไปบอกไพลินด้วยความเป็นห่วงหลานที่อยู่ในท้องของเธอ“ค่ะ... คุณหญิง” ไพลินพูดออกมาอย่างอ่อนน้อม“คุณหญิงอะไรหล่ะ เรียกคุณแม่แบบตา
- สองเดือนต่อมา -ไพลินนั่งมองวรานนท์อย่างอ่อนใจ วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เธออยู่ดูแลวรานนท์แทบจะตลอดเวลา ใช้ชีวิตทุกอย่างอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ว่าจะกินข้าว จะนอน จะอาบน้ำ เธอแทบจะไม่ได้ออกไปไหน เรียกได้ว่าโรงพยาบาลจนแทบจะเป็นบ้านของเธอกับวรานนท์อีกหลังเลยก็ว่าได้ไพลินไม่อยากออกไปไหนเพราะกลัวว่าวรานนท์จะตื่นมาไม่เจอเธอ ในทุกๆ วันจะมีคุณหมอและพยาบาลเข้ามาตรวจและดูแลวรานนท์อยู่ตลอด ไพลินก็จะจัดดอกไม้ภายในห้องให้ดูสดใสและสวยงามอยู่ตลอดเช่นกัน เพราะเธอเชื่อว่าดอกไม้จะทำให้วรานนท์สดชื่นและจะได้รีบฟื้นขึ้นมาหาเธอกับลูกในเร็วๆส่วนคุณหญิงวรมลกับวนิดาก็วิ่งวุ่นอยู่กับเรื่องงาน เพราะตั้งแต่ที่วรานนท์เกิดอุบัติเหตุ หุ้นในบริษัทก็ลดลง จนคุณหญิงกับวนิดาต้องเข้าไปช่วยกันบริหารต่อจากวรานนท์ ส่วนเรื่องที่โรงพยาบาลไพลินอาสาที่จะดูแลวรานนท์ให้ ในตอนแรกคุณหญิงไม่ยอมเพราะเป็นห่วงหลานคนแรกทีี่อยู่ในท้องของไพลิน แต่ไพลินก็ดื้อไม่ยอม ยังคงยืนยันที่จะเป็นคนดูแลวรานนท์ คุณหญิงวรมลจึงจำยอมอย่างขัดไม่ได้ แต่คุณหญิงกับวนิดาก็เข้ามาหาไพลินกับวรานนท์ที่โรงพยาบาลทุกวัน“ลินอยากให้พี่นนท์ตื่นขึ้นมาเร็วๆ จัง อีกไม่กี
“สวัสดี... ไพลิน” อยู่ๆ ก็มีเสียงแหบของผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยทักทายไพลินขึ้นมา“อะ เอ่อ... สวัสดีค่ะ”ไพลินตกใจเมื่อได้ยินเสียงและเห็นบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน จนเธอรู้สึกกลัวขึ้นมาเพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นคือคุณหญิงวรมลกับวนิดานั่นเอง“ทำไมเธอถึง...” คุณหญิงวรมลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด แต่ยังพูดไม่ทันจบก็ต้องหยุดพูดเสียก่อน“ลินไม่ได้เป็นคนบอกเรื่องนี้ให้คุณชาญรู้นะคะ... ลินจะไม่กลับไปหาคุณนนท์อีก ลินสัญญาค่ะ แต่...” ไพลินรีบพูดสวนขึ้นมาทันที เพราะกลัวคุณหญิงวรมลจะเข้าใจผิด ก่อนที่เธอจะเว้นระยะของคำพูดไว้“ลินอยากรู้แค่ว่า... ตอนนี้คุณนนท์เป็นยังไงบ้างคะ” ไพลินก้มหน้าก้มตาพูดออกมาด้วยความกลัวคุณหญิง“ตานนท์จะเป็นหนักกว่านี้ก็เพราะเธอนั้นแหละ!!” คุณหญิงวรมลพูดออกมาเสียงเรียบ พร้อมกับมองหน้าของไพลินด้วยสีหน้าและท่าทางเคร่งเครียด“คุณแม่คะ...” วนิดารีบพูดขึ้นเพื่อเตือนให้คนเป็นแม่ใจเย็นๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ แต่คุณหญิงก็ทำหูทวนลมไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย“ลินขอโทษนะคะ” ไพลินพูดออกมาเสียงเบา ด้วยท่าทางที่รู้สึกผิด“ขอโทษเหรอ... ขอโทษแล้ว
หลังจากที่ชาญวิทย์นั่งคุยเรื่องแผนการที่จะทำให้ไพลินกลับมา กับวนิดาและคุณหญิงวรมลอย่างเข้าใจกันในทุกฝ่ายแล้ว ชาญวิทย์จึงขอตัวกลับก่อน ถึงแม้คุณหญิงวรมลกับวนิดาจะยังไม่อยากให้กลับและขอร้องให้เขาอยู่จนไพลินโทรกลับมาก็ตาม ชาญวิทย์จึงจำเป็นต้องโกหกว่าต้องเข้าไปทำงานที่บริษัท คุณหญิงวรมลจึงให้เขากลับก่อน ได้เรื่องยังไงให้รีบโทรมาบอกวนิดากับคุณหญิงวรมลทันที...ชาญวิทย์ขับรถออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของชาญวิทย์ก็ดังขึ้น...สายตาคมมองทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ มือหนารีบควานหาโทรศัพท์เพื่อจะได้ดูว่าใครที่โทรมา และชาญวิทย์ก็รีบกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นไพลินโทรมา“ครับน้องลิน” ชาญวิทย์ไม่รอช้ารีบพูดทักทายขึ้นมาทันที(พี่นนท์เป็นยังไงบ้างคะ?) ไพลินเองก็รีบถามออกมาทันทีด้วยความเป็นห่วงคนรัก“เอ่อ... คือว่า...” ชาญวิทย์พูดออกมาตะกุกตะกัก เพราะยังไม่ได้เตรียมคำพูดที่จะพูดกับไพลิน(คืออะไรคะ... พี่นนท์เป็นอะไร?) ไพลินคิดไปไกลกับท่าทางและคำพูดที่ฟังดูไม่ค่อยสู้ดีนักของชาญวิทย์ จึงรีบถามขึ้นมาทันที“น้องลินว่างมั้ยครับ... ออกมาเจอพี่ที่ร้านกาแฟxxxหน่อยได้มั้ย พี่จะบอกอาการของไอ้นนท์ให้น้องลินฟ
@โรงพยาบาลxxx“คิดอะไรอยู่เหรอยัยดา?” คุณหญิงวรมลเอ่ยถามวนิดาออกมาด้วยความสงสัย เพราะเห็นวนิดาเอาแต่นั่งเหม่อ ไม่สนใจอะไรอยู่สักพักแล้ว“คะคุณแม่...” วนิดาถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงของคุณหญิงวรมลพูดขึ้น แต่ด้วยใจที่เหม่อลอยจึงทำให้เธอไม่ได้ยินในสิ่งที่คุณหญิงวรมลพูดออกมาสักเท่าไหร่ เธอจึงถามออกไปทันทีที่มีสติขึ้นมา“แม่ถามว่าเป็นอะไร... คิดอะไรอยู่ถึงได้นั่งเหม่อขนาดนี้” คุณหญิงวรมลจึงถามออกมาด้วยความสงสัยอีกครั้ง“คือ... ดากำลังคิดอยู่ค่ะว่าจะไปตามหาไพลินที่ไหนได้บ้าง” วนิดาพูดออกมาด้วยท่าทางที่คิดหนัก เพราะเธอไม่รู้ว่าไพลินจะไปอยู่ที่ไหนหรือว่าจะไปอยู่กับใคร นอกจากบ้านของเธอกับคอนโดของวรานนท์แล้วไพลินก็ไม่เคยไปอยู่ที่ไหนกับใครเลยสักครั้ง“จริงด้วยสิ...” คุณหญิงวรมลพูดออกมาเสียงเบา ก่อนที่จะเดินไปหาวรานนท์ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง“แม่จะทำยังไงดีตานนท์...” คุณหญิงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เตียง ก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับมือของวรานนท์เอาไว้ด้วยความหนักใจ ไม่รู้ว่าจะไปตามหาไพลินที่ไหน..ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!“สวัสดีครับ...”ทันทีที่เสียงเคาะประตูเงียบลง ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชาญวิทย์ดังขึ้
- วันต่อมา -“เป็นยังไงบ้างยัยดา?”คุณหญิงวรมลเอ่ยถามลูกสาวออกมาเสียงเรียบ ทันทีที่เดินเข้ามายังห้องที่วรานนท์พักฟื้นอยู่“อาการก็ยังเหมือนเดิมค่ะคุณแม่” วนิดาพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ไม่อยากให้คุณหญิงวรมลต้องเป็นห่วง“ถ้าตานนท์ตื่นขึ้นมาเร็วๆ ก็คงจะดี...” คุณหญิงวรมลพูดออกมาเสียงเศร้า“คุณแม่คะ... ดามีเรื่องจะคุยกับคุณแม่ค่ะ” วนิดาพูดออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง“เรื่องอะไร?” คุณหญิงวรมลถามออกมาด้วยความสงสัยเมื่อได้เห็นท่าทางของลูกสาว“เรื่อง... ลินค่ะ” วนิดาพูดออกมาเสียงเรียบ“ดา... แม่ว่าเราอย่า...” คุณหญิงวรมลที่กำลังจะห้ามลูกสาวไม่ให้พูดถึงไพลิน แต่คุณหญิงพูดยังไม่ทันจบ วนิดาก็พูดสวนขึ้นมาทันที“คุณแม่ไม่อยากช่วยให้พี่นนท์ฟื้นเหรอคะ” วนิดาพูดออกมาด้วยความอยากรู้คุณหญิงวรมลนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา เพราะรู้ดีว่าวนิดากำลังคิดจะทำอะไร“คุณแม่ลองคิดดูดีๆ นะคะ ที่พี่นนท์ต้องเป็นแบบนี้เพราะใคร” วนิดาพูดออกมาพร้อมกับมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างรอคำตอบ“ก็เพราะนังลินไง!! ตานนท์ถึงต้องเป็นแบบนี้!!” คุณหญิงวรมลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจงเกลียดจงชัง“คุณแม่คะ…” วนิดามองหน้าคุณแม่อย่างไม่เข้าใจคุณหญิง