14 : หาที่ปลูกเรือนหลังใหม่
สะใภ้ทั้งสองหันไปมองหน้ากัน แล้วหลุบสายตาลงต่ำ พวกนางไม่เคยคิด ว่าการแต่งงานเข้าตระกูลหลี่ จะต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้ หากพวกนางไม่ได้รักสามีด้วยใจจริง หรือหากก่อนหน้าสามีใจร้ายกับพวกนาง คงตัดสินใจรับหนังสือหย่ากลับบ้านเดิมไปแล้ว แต่เมื่อเลือกติดตามสามีมาเช่นนี้ ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
สะใภ้ทั้งสองอยู่คุยกับแม่สามีต่อสักพัก จากนั้นก็ขอตัวกลับไปยังเรือนของตนเอง
จี้ชิวหรงเห็นสามีอุ้มบุตรชายเดินเล่นอยู่ในสวน นางพลันยิ้มออกในทันที
“ท่านแม่” อี้เอ๋อร์เห็นมารดาก็ชูมือขึ้น คนเป็นแม่อดที่จะยื่นมือเข้าไปอุ้มเขาไม่ได้จริง ๆ
“ท่านพี่ไม่ได้ไปกับท่านพ่อพี่รองหรือเจ้าคะ”
“ข้าจะไปได้อย่างไรต้องดูแลอี้เอ๋อร์ ไปกันเยอะก็มากความ ให้ท่านพ่อไปกับพี่รองน่ะถูกแล้ว เจ้าไปที่เรือนด้านข้าง ได้เรื่องอะไรมาหรือไม่”
“ท่านพี่อยากถามว่าข้าเห็นลูกชายของท่านไหม ก็เอ่ยมาตามตรงเถอะ”
“ฮูหยินเหตุใดเอ่ยเช่นนั้นเล่า”
“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่ได้พบพวกเขาหรอก พบเพียงหม่าหลินเฟยเจ้าของเรือน ได้พูดคุยกันเล็กน้อย ถึงได้รู้ว่าเฉาซูหลิ่งไปขอเช่าเรือนของนาง ที่ว่างอยู่ในตรอกหนิงอัน แต่หม่าฮูหยินให้พวกนาง พักอยู่ในเรือนชั่วคราวไปก่อน เมื่อหาเรือนอยู่อาศัยได้แล้ว ค่อยย้ายออกไป”
จี้ชิวหรงเอ่ยแล้วสังเกตสีหน้าของสามีไปด้วย เห็นเพียงเขาทำหน้ายุ่งไม่ค่อยสบอารมณ์
“นางคิดอะไรของนางกันแน่ ถึงได้พาลูก ๆ ไปอยู่เรือนผู้อื่นเช่นนั้น”
“ข้าก็ไม่รู้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยเพียงเท่านั้น ก็พาบุตรชายเข้าไปนอนกลางวัน
หลี่หย่วนเจ๋อเดินไปยังห้องหนังสือของเรือน เขาพบว่าที่นี่มีร่องรอยของลูก ๆ ของเขาอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นกระดาษคัดลายมือที่ลงชื่อว่าหลี่ชงหยวน ภาพวาดที่มีชื่อของหลี่เมิ่งเหยาเขียนกำกับเอาไว้
เพราะถูกไล่ออกจากเรือนไปอย่างกะทันหัน ทำให้พวกนางไม่ได้มาเก็บของในห้องหนังสือไป แต่อย่างน้อยบุตรชายของเขา ก็รู้ตัวอักษร
ขณะที่ตระกูลหลี่ พยายามหาช่องทางอยู่รอดในเมืองฉาง หลี่เมิ่งเหยาเองก็ต้องการหาทาง ขายโอสถที่นางปรุงขึ้นเหมือนกัน ตั้งแต่นางย้ายมาอยู่ในเรือนของหม่าหลินเฟย นางก็ขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง ทำการศึกษาในเรือนโอสถ นี่
ห้าวันต่อมานางจึงบอกแม่นมหู ว่าต้องการออกไปทำธุระนอกเรือนกับลุงจง แม่นมหูคิดนางคงออกไปหาที่ทางอยู่ใหม่ จึงมารายงานให้ฮูหยินของตนได้รู้
หม่าหลินเฟยนั่งคุยกับบุตรชายในสวนอยู่พอดี ด้านข้างมีเสี่ยวหยวนนั่งคัดตัวอักษรอยู่ แม้อยู่ที่นี่พี่สาวของเขาก็ไม่ยอมให้เขา เที่ยวเล่นเปล่าประโยชน์ ให้เขาเอากระดาษพู่กันติดตัวมาด้วย
“เมิ่งเหยาออกไปข้างนอกกับจงกุ้ยรึ ไม่ใช่ว่าไปหาเรือนอยู่ใหม่หรอกนะ” หม่าหลินเฟยเอ่ยแล้วถอนหายใจเบา ๆ
“พี่หญิงใหญ่จะหาเรือนใหม่หรือขอรับ ข้ายังอยากเรียนหนังสือกับพี่ชายหยวนอยู่เลย พี่หญิงใหญ่สอนไม่ค่อยรู้เรื่อง” เสี่ยวหยวนน้อยรีบฟ้อง
หยวนเหวินเซียวอดขำเขาไม่ได้ “เหตุใดไปว่านางเช่นนั้น”
“นางชอบสอนอะไรแปลก ๆ ข้าอยู่เรื่อย”
“เช่นอะไรบ้างล่ะ” หยวนเหวินเซียวแอบอยากรู้
“นี่ไงพี่ชายหยวน นางสอนข้าเขียนตัวเลขแบบนี้ แต่พอข้าเอาไปถามคนอื่นในบ้าน ก็ไม่มีใครรู้จัก เอาไปถามคนข้างนอก ก็มีแต่คนหาว่าข้าโง่ ร่ำเรียนอะไรมาเสียเวลาเปล่า ๆ”
“นี่มันอะไร” หม่าหลินเฟยหยิบกระดาษ ที่เป็นตัวเลขสมัยใหม่ขึ้นมาดู “ข้าเองก็ไม่รู้จัก”
“นี่เรียกว่าเลขหนึ่ง นี่เลขสอง...” เสี่ยวหยวนชี้นิ้วอธิบายให้เข้าใจ “เห็นไหมเล่ามีเพียงข้ากับพี่หญิงใหญ่ที่เข้าใจ คนอื่นไม่เห็นจะรู้เรื่องด้วย”
“แล้วการคิดเลขล่ะ พี่หญิงใหญ่เจ้าสอนด้วยหรือไม่” หยวนเหวินเซียวสนใจตัวอักษรแปลกประหลาดเหล่านี้
“สอนขอรับ” เสี่ยวหยวนตอบคล้ายไม่ได้สนใจ เขานำกระดาษกลับไปนั่งคัดตัวอักษรที่นั่งของตัวเองต่อ
“เมิ่งเหยานี่มีความคิดแปลกประหลาดดีจริง ๆ” หม่าหลินเฟยอดทึ่งในตัวของนางไม่ได้
“นางคิดค้นอะไร ที่เข้าใจกันได้เพียงสองคนพี่น้อง มันจะมีประโยชน์อันใดกับเสี่ยวหยวนเล่า วันก่อนข้าได้ยินจากหลินต๋าว่าคนตระกูลหลี่มาหาท่านแม่หรือขอรับ”
“ใช่” หม่าหลินเฟยเลยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้บุตรชายได้รับรู้ด้วย จะได้รับรู้สถานการณ์ของเพื่อนบ้านคนใหม่ เผื่อจะได้รับมือกันในวันข้างหน้า
“มากคนก็มากความ หากเป็นไปได้ ก็ไม่ต้องคบหาพวกเขาอย่างลึกซึ้งหรอก ทำตามมารยาทเป็นพอ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใด คนตระกูลหลี่ถึงย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ทั้งตระกูล ข้าไม่อยากถามเอากับเฉาซูหลิ่ง เดี๋ยวจะหาว่าไปก้าวก่าย เรื่องราวในเรือนของนาง”
“เรื่องนั้นท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงไป ข้าให้ห้าวตงไปสืบหาความจริงแล้วขอรับ”
“มิน่าข้าถึงไม่เห็นหน้าเขามาหลายวัน”
“วันนี้น่าจะกลับมาได้แล้ว เมืองถังอยู่ไม่ไกลเท่าใด เขาขี่ม้าเร็วไปด้วย” เอ่ยยังไม่ทันขาดคำ ฉีห้าวตงก็เดินเข้ามาในสวนเสียแล้ว
เขาคำนับสองแม่ลูกก่อนรายงานเรื่องราวที่ได้รับรู้มา เล่าตั้งแต่เริ่มแรก เรื่องของหลี่ปิ่งเฉิงยักยอกเสบียงทหารในกองทัพ จนถูกสั่งประหารชีวิต
บิดาถูกถอดออกจากตำแหน่งเจ้าเมืองถัง และยึดทรัพย์สินของตระกูลหลี่ทั้งหมด และห้ามรับราชการไปอีกสามรุ่น
“เรื่องของเฉาซูหลิ่งได้สืบมาด้วยหรือไม่”
หยวนเหวินเซียวไม่ได้วางใจในทีเดียว เมื่อเฉาซูหลิ่งกับบุตรของนางได้เข้ามาอยู่ในเรือน เขาได้ให้ฉีห้าวตงออกไปสืบหาเรื่องราวในอดีต เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“สืบมาแล้วขอรับ เป็นอย่างที่เฉาซูหลิ่งบอกกับฮูหยินจริง ๆ ห้าปีก่อนฮูหยินรองผู้นั้น ถูกขายออกไปอยู่หอนางโลมแล้ว ข้าไปเจอกับบ่าวรับใช้ของตระกูลหลี่ ที่รับจ้างทำงานอยู่แถวนั้นพอดี จึงได้ติดสินบนเขาเล็กน้อย เขาบอกว่าเรื่องนี้หลี่หงซวน ไม่อยากให้คนนอกรู้เรื่อง จึงทำการอย่างเงียบ ๆ และยังบอกอีกว่าตัวต้นคิดคือฮูหยินรอง ส่วนเฉาซูหลิ่งน่าจะถูกนางหลอกใช้อีกที แต่ตระกูลจี้บ้านเดิมของฮูหยินใหญ่ไม่ยินยอม คงอยากกำจัดเสี้ยนหนามให้บุตรสาว จึงบีบบังคับให้ตระกูลหลี่ ขับไล่เฉาซูหลิ่งกับบุตรสาวออกมาอยู่ที่นี่ขอรับ”
“แล้วสามีของเฉาซูหลิ่งไม่คิดทำการใดรึ อย่างน้อยก็น่าจะเก็บลูกสาวเอาไว้ ยามนั้นนางคงสิบกว่าปีเอง” หม่าหลินเฟยส่ายหน้าเบา ๆ
“คิดว่าเขาคงเกรงใจฮูหยินใหญ่ของตัวเองขอรับ นางเพิ่งสูญเสียลูกในท้องไป การขับไล่สองแม่ลูกออกมา คงเยียวยาจิตใจนางได้บ้าง”
หยวนเหวินเซียวเอ่ยขึ้น เขาไม่สันทัดเรื่องราวความรัก แต่ยังจำใบหน้าของเด็กสาว ที่มายืมตะเกียงกับกระโถนฉี่ได้อยู่ น่าเสียดายที่ยามนี้ ไม่ได้เห็นหน้าของนางแล้ว
“เฮ้อ เอาเถอะ ถือว่าเราช่วยคนไม่ผิดก็แล้วกัน เมิ่งเหยาออกไปข้างนอก ไม่ใช่ว่าจะได้เรือนหลังใหม่หรอกนะ ข้ายังอยากให้พวกนาง อยู่ที่นี่นานเสียหน่อย”
“เรื่องเช่นนี้เราไปบังคับพวกเขาไม่ได้หรอกขอรับ แต่เด็กนั่น เอ่อ เมิ่งเหยามีเงินหาซื้อเรือน หรือเช่าเรือนได้จริง ๆ หรือท่านแม่”
เขานึกไม่ออกว่าระหว่างห้าปีที่อยู่ที่นี่ เด็กคนนั้นจะหาเงินได้จากช่องทางไหน
“พี่หญิงใหญ่มีเงินขอรับ” เสี่ยวหยวนที่นั่งคัดลายมืออยู่ ได้ยินทุกคำพูดของพวกเขา จึงอดที่จะเอ่ยแทรกขึ้นไม่ได้
สองแม่ลูกหันไปมองหน้าเขาอย่างแปลกใจ
“ข้าไม่ได้โกหกนะขอรับ พี่หญิงใหญ่มีเงินจริง ๆ ข้าอยากได้อยากกินอะไร นางไม่เคยขัดเลย แม้แต่ของเล่นราคาแพง นางก็ซื้อให้” เสี่ยวหยวนยืดอกอย่างภาคภูมิใจในตัวพี่สาว
“ข้าเชื่อเจ้า” หยวนเหวินเซียวคิดว่าเขายังเด็ก เห็นพี่สาวซื้อของเล่นให้เลยคิดว่านางมีเงิน
หม่าหลินเฟย “ห้าวตงเจ้ากลับมาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเถอะ”
“ขอรับฮูหยิน” ฉีห้าวตงคำนับแล้วหันหลังจากไป
ฝ่ายของหลี่เมิ่งเหยานางให้ลุงจงแยกตัวไป หาที่สำหรับปลูกเรือนหลังใหม่ เน้นเงียบสงบไม่วุ่นวายแต่ยังอยู่ในตัวเมืองฉาง เพื่อความสะดวกต่อการเรียนในสำนักศึกษา ของน้องชายในวันข้างหน้า
ส่วนตัวนางแยกไปยังหอโอสถประจำเมืองฉาง นางมาก่อนกำหนดเพราะกำลังว่างอยู่พอดี เถ้าแก่จางรีบเชิญนางไปยังห้องทำงานของเขาในทันที ยาที่นางมอบไว้ให้บังเอิญได้ใช้ กับฮูหยินผู้เฒ่าของเจ้าเมืองฉางพอดี นางเกิดหมดลมหายใจไป เพราะอาการป่วยกำเริบ
ยามนั้นเขานึกสิ่งใดไม่ออก จึงได้นำยาลู่เฟินที่พกติดกระเป๋าไปให้นางกิน ไม่คิดว่ามันจะยื้อลมหายใจของนางกลับมาได้จริง ๆ ยามเล่าเรื่องนี้ ให้เจ้าของยาลู่เฟินอย่างหลี่เมิ่งเหยาฟัง สีหน้าของเขา เปล่งประกายด้วยความหวัง
“แม่นางหากมียาของเจ้าวางจำหน่าย หอโอสถของข้าต้องโด่งดังอย่างแน่นอน”
“ท่านอย่าโลภให้มากนัก ยาวิเศษเช่นนี้จะปรุงได้ง่าย ๆ อย่างไรกัน กว่าข้าจะหาวัตถุดิบยามาปรุงได้ ใช้เวลาและเสี่ยงชีวิตไปไม่น้อย ยามนี้มีเพียงไม่กี่เม็ดเท่านั้น” โลภไม่ได้ ๆ นางพร่ำเตือนตนเอง
“จริงของแม่นาง ว่าแต่ท่านจะให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดี เรียกแต่แม่นาง ๆ อยู่เช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะ” พอรู้สรรพคุณของยา เถ้าแก่จางก็รีบเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่
“ข้าแซ่หลี่ เรียกแม่นางหลี่เป็นพอ”
“แม่นางหลี่นี่เอง แต่ท่านปิดหน้าปิดตามาหาข้าเช่นนี้ เกิดมีคนหวังร้ายเลียนแบบเป็นท่าน มาหลอกขายยาให้ข้าเล่า”
“ท่านก็มอบป้ายเข้าหอโอสถให้ข้ามาสิ” นางเสนอความคิด
“จริงด้วย ข้าจะมอบป้ายหอโอสถ และจะทำสัญลักษณ์พิเศษเอาไว้ มีเพียงท่านที่สามารถถือครองป้ายนี้ได้ หากท่านได้รับความเดือดร้อน สามารถให้คนถือป้ายนี้ มาขอความช่วยเหลือจากข้าได้ทุกเมื่อ” นอกจากจะทำการค้าขายกันแล้ว ยังต้องผูกไมตรีกันไว้ด้วย
หลี่เมิ่งเหยาเข้าใจความคิดของเขาได้ไม่ยาก มองดูเขาใช้เครื่องมือเหล็กชนิดหนึ่ง สลักลายมือชื่อของเขา ลงบนแผ่นป้ายไม้ของทางร้าน นี่หรือที่บอกว่าสัญลักษณ์พิเศษ ใครเลียนแบบก็ได้ง่ายนิดเดียว
“เสร็จแล้วแม่นางหลี่” เขาส่งมอบให้แก่นาง
หลี่เมิ่งเหยารับป้ายของเขามา ในใจกลับรู้สึกไม่ยินดีเท่าใดนัก ก่อนหน้านางใช้ชีวิตในโลกยุคนี้อย่างสงบสุข จากการลอบนำทองคำและของมีค่าออกไปขาย ไม่มีความจำเป็นต้องคิดอะไรให้ไกลตัว
ยามนี้มาถูกคนตระกูลหลี่ ขับไล่ออกจากเรือน จำเป็นต้องนำเงินก้อนโตออกมาใช้จ่าย
เสี่ยวหยวนเองก็เติบโตขึ้นมา นางต้องวางรากฐาน ที่สามารถจับต้องได้ให้ผู้คนเห็น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า หาที่มาที่ไปของเงินไม่ได้ แค่กิจการร้านค้าให้เช่าในเมือแห่งนี้ คงไม่เพียงพอ
“ท่านว่าราคามาเถอะ ยาพวกนี้ไม่ได้ปรุงกันง่าย ๆ ไม่มีรายการสั่งยาอะไรทั้งนั้น เมื่อใดข้าหาวัตถุดิบยาได้ก็จะปรุงมัน หากหาไม่ได้ก็ไม่มียา”
“แม่นางหลี่ขอถามได้หรือไม่ วัตถุดิบยานั้นสามารถหาได้ที่ไหน หากแม่นางอยากได้คนช่วยหา ข้าย่อมช่วยได้”