หน้าหลัก / โรแมนติก / บุปผาต้องมนตร์ / Chapter 5. เมื่อไรนางจะฟื้น

แชร์

Chapter 5. เมื่อไรนางจะฟื้น

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-12 16:15:55

            มู่ฟางเหนียงค่อยๆ ลงจากบันไดแล้วยืนเท้าเอวจ้องหน้าบิดาก่อนจะเปิดรอยยิ้มสดใสออกมา 

            “เห็นท่านพ่อจ้องลูกตั้งนานแล้ว ท่านจะพูดอะไรก็พูดมาเถิด” หญิงสาวหัวเราะออกมา นางมักยิ้มและหัวเราะง่ายเช่นนี้ ผิดกับบิดาที่มักมีสีหน้าเรียบนิ่งและดูสงบเยือกเย็น

            “เจ้านี่นะ พ่อยังไม่ทันพูดก็มารู้ความคิดพ่อเสียแล้ว” บิดาถอนหายใจเบาๆ และคลี่ยิ้มที่มุมปาก

            “ลูกไม่รู้ว่าท่านพ่อคิดอะไร” หญิงสาวส่ายหน้าไปมา “รู้แค่ว่าท่านมีเรื่องอยู่ในใจแต่ปากหนักมิกล้าเอ่ย”

            “หน้าตาพ่อดูออกขนาดนั้นเลยรึ” ผู้เป็นพ่อหัวเราะขึ้นมา

            “ถ้าเป็นคนป่วยก็เห็นอาการชัดเลยละเจ้าค่ะ” หญิงสาวหัวเราะเสียงใส การที่ในโรงหมอไม่มีผู้อื่น ทำให้นางไม่ต้องคอยระวังรักษากิริยาตัวเองให้เรียบร้อยนัก

            “ว่าแต่ท่านพ่อมีเรื่องอันใดเจ้าคะ อย่าให้ลูกเดาอยู่เลย”

            มู่หยางซัวถอนหายใจแล้วยกมือดึงเอาเศษใบไม้บนศีรษะของลูกสาวออกอย่างเบามือ “ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วเหนียงเอ๋อร์”

            “ท่านพ่อแก่ขนาดหลงลืมอายุลูกสาวคนเดียวได้อย่างไรกัน” นางเบ้ปากน้อยๆ

            “ใช่ๆ พ่อย่อมแก่ลงทุกวัน ถึงได้เป็นห่วงว่าจนเวลานี้พ่อคนนี้ยังไม่มีทรัพย์สินอันใดให้ลูกสาวคนเดียวอย่างเจ้าเลย หากวันหน้าเจ้าแต่งงานออกเรือนไปจะได้มีสินส่วนตัวบ้าง”

            “สมบัติที่ท่านพ่อให้ลูกมานั้นล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใดแล้วเจ้าค่ะ” นางยิ้ม แววตาเป็นประกายดุจมีดวงดาวพราวระยับในแววตาของนาง “ความรู้ที่ท่านพ่อให้นั้น สามารถทำให้ลูกเลี้ยงตัวเองได้ทั้งชีวิต”

            ผู้เป็นพ่อได้ยินก็ยิ้มปลื้ม แต่กระนั้นก็ยังไม่วางใจนัก ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อ พ่อที่ไหนที่ไม่มีแม้กระทั่งบ้านสักหลังให้ลูกอยู่ ไม่มีแม้กระทั่งเครื่องประดับให้ลูกสักชิ้น

            “ท่านพ่ออย่าคิดมากสิ ทุกวันที่ลูกคัดลอกตำรายาให้ท่านก็ได้ทบทวนความรู้ ทุกครั้งที่ได้ติดตามท่านออกตรวจรักษาก็เสมือนได้ฝึกฝนตนเอง เรื่องเหล่านี้ไม่มีใครให้ลูกได้เท่าท่านพ่ออีกแล้ว แล้วเช่นนี้จะเรียกว่าท่านพ่อมิได้ให้อะไรแก่ลูกได้อย่างไรกัน”

            “แต่เจ้าเป็นหญิง อย่างไรในวันข้างหน้าเจ้าก็ต้องแต่งงาน”

            “เหตุใดท่านพ่อคิดจะผลักไสลูกเล่า ท่านพ่อไม่อยากให้ลูกอยู่ด้วยแล้วใช่หรือไม่” หญิงสาวทำกระเง้ากระงอด “ลูกไม่คิดว่าท่านพ่อจะมีความคิดเช่นนี้” นางถลึงตาใส่ “ลูกของท่านคนนี้เป็นหญิงที่ตั้งปณิธานแล้วว่าจะเป็นหมอหญิงที่ผู้อื่นดูแคลน และลูกก็ไม่มีความคิดจะแต่งงานออกเรือน ลูกจะอยู่ดูแลปรนนิบัติท่านพ่อไปชั่วชีวิต”

            “ตอนนี้เจ้าก็พูดได้ สักวันเจ้ามีคนรักแล้วก็จะลืมพ่อคนนี้”

            “งั้นท่านก็แต่งงานใหม่ก่อนสิ แล้วลูกจึงจะวางใจยอมแต่งงานบ้าง” นางหัวเราะออกมา

            “พ่ออายุมากแล้ว ซ้ำยังเป็นหมอจนๆ ใครจะมาสนใจ”

            “โถๆ ท่านพ่อ ท่านพ่อของลูกทั้งหนุ่มและหล่อเหลา มีหญิงสาวนับไม่ถ้วนหมายปองท่าน ไม่รังเกียจที่ท่านมีลูกติดและยากจน”

            “เอาละๆ เลิกพูดเรื่องของพ่อเถิด” บิดาส่ายหน้าไปมา จนใจเพราะไม่เคยเถียงลูกสาวชนะได้สักครั้งครา

            “ถ้าเช่นนั้นลูกถามอาการพี่หลิ่งหลินได้หรือไม่เจ้าคะ” นางถามจริงจัง หลังจากวันนั้นแล้วบิดาก็ถูกเชิญไปดูอาการอีกสองครั้ง ยังไม่เห็นวี่แววว่าเคอหลิ่งหลินจะตื่นฟื้น “พี่สาวหลับไปครึ่งเดือนแล้วนะท่านพ่อ”

            “ร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากเป็นผู้อื่นคงได้ไปนั่งเจรจากับยมทูตในปรโลกแล้ว”

            “ลูกเป็นห่วงนาง”

น้ำเสียงอ่อนลงและพูดด้วยความจริงใจ นางรอนแรมติดตามบิดาตั้งแต่จำความได้ เคอหลิ่งหลินเป็นผู้หญิงนิสัยประหลาดแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ หลังจากที่นางหลงป่าเกือบตายในคราวนั้น เคอหลิ่งหลินก็แวะเวียนมาหานางเสมอๆ พานางออกไปนอกบ้าน เป็นเพื่อนขึ้นเขาหาสมุนไพร พอคิดถึงตอนนี้นางก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ เคอหลิ่งหลินไม่เคยบอกว่าตนเองเป็นใคร นางก็เข้าใจไปเอง ต่อไปนี้นางคงต้องจ้างใครสักคนนำทางขึ้นเขาหาสมุนไพรแล้ว

            “นางเป็นคนดี ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก”  

            “ท่านพ่อก็ยอมรับว่านางเป็นคนดีแล้วสินะ” มู่ฟางเหนียงแสร้งทำเป็นหรี่ตามองบิดา ก่อนหน้านี้ท่านพ่อไม่ค่อยชอบใจกับนิสัยของเคอหลิ่งหลินนัก เพราะชอบพานางออกไปนอกบ้านโดยไม่บอกกล่าวอยู่เรื่อย แถมยังเรื่องกิริยามารยาทอีก แต่ก็เป็นคนเดียวที่บิดาไว้ใจ

            “เอาอย่างนี้ ครั้งหน้าถ้าคนที่จวนส่งรถม้ามารับ เจ้าก็ไปกับพ่อด้วยก็แล้วกัน”

            “เจ้าค่ะ” นางยิ้มออกมาได้ แล้วก็ทำหน้าครุ่นคิด “แต่ลูกก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมพี่หลิ่งหลินถึงบาดเจ็บหนักเช่นนี้ แล้วทำไมผู้หญิงที่มาจากเมืองหลวงคนนั้นมีไข่มุกหมื่นราตรีมารักษาคุณชายเฉินได้”

            “เจ้ายุ่งเรื่องผู้อื่นเกินไปแล้ว” บิดาปราม

            “คนอื่นที่ไหนล่ะ” นางย่นจมูก

            “เอาละๆ พ่อแตะต้องนางไม่ได้เลยใช่ไหม นี่นะเรอะที่บอกจะอยู่กับพ่อไปชั่วชีวิต”

            “มันเหมือนกันที่ไหนล่ะท่านพ่อ” นางหัวเราะออกมา “ลูกตากสมุนไพรเสร็จแล้วจะไปคัดตำรายาให้ท่านพ่อ ท่านอยากตรวจที่ลูกทำไว้ก่อนแล้วหรือไม่”

“ตำรายาคัดลอกเมื่อใดก็ได้ แต่เจ้ามาเดินหมากกับพ่อสักตาจะเป็นไร”

            “ลูกเดินหมากกับท่านก็แพ้ท่านพ่อทุกที ท่านพ่อต่อเพลงขลุ่ยให้ข้าดีกว่า หรือไม่ก็เป็นหุ่นให้ลูกฝึกฝังเข็ม อ้อ! เมื่อเช้าลูกลองทำขนมจินเด (ขนมงาทอด) ท่านพ่อลองชิมดูหรือยังเจ้าคะ”

            “งั้นพ่อขอเลือกขลุ่ยดีกว่า” ท่านหมอยิ้มเอ็นดูลูกสาว

            “ลูกไปเอาขลุ่ยก่อนนะเจ้าคะ” หญิงสาวหมุนตัวจะไปหยิบขลุ่ยของตนเอง แต่ก็มีคนเข้ามาในโรงหมอ นางแย้มยิ้มต้อนรับ

            “แม่นางน้อย ไม่ทราบว่าท่านหมอมู่อยู่หรือไม่”

            “ท่านพ่ออยู่เจ้าค่ะ ไม่ทราบว่ามีธุระอันใด ข้าจะไปเรียนท่านพ่อให้ทราบ”

            “ลูกชายข้าตกจากหลังม้า ข้าจะพาเขามาหาท่านหมอ แต่พอขยับหรือจับตัว เขาก็ร้องโอดครวญเจ็บปวดสาหัส ข้าจึงต้องบากหน้ามาเชิญท่านด้วยตัวเอง”

            “โปรดรอสักครู่” นางผงกศีรษะอย่างเข้าใจ หมุนตัวจะเดินไปตามบิดาแต่ท่านพ่อก็เดินมาก่อนแล้ว

            “ทำถูกแล้ว คนตกจากม้าไม่ควรขยับตัวมากนัก มิเช่นนั้นกระดูกอาจเคลื่อนได้” 

            “ท่านหมอจะไปดูอาการลูกชายข้าใช่ไหม?”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  136.  จบ

    องค์ชายไท่หยางมักมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าซีดเซียวเสมอ ซึ่งมองเพียงผิวเผินจะเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าและร่างกายอ่อนแอนี้กุมความลับที่ใช้ต่อรองกับเขาได้ดียิ่งนัก เขาเองก็ได้สัญญาการซื้อขายกับทางการหลายรายการเพราะการแนะนำของคุณชายเฉิน“แล้วนี่คุณชายเฉิน อ้อ! ไม่สิ! องค์ชายไท่หยางนึกสนุกอย่างไรถึงอยากได้หน้ากากอสูรที่ดูน่ากลัวเช่นนี้”“ก็คงไม่ต่างจากเจ้าที่เบื้องหน้าเป็นคุณชายเจ้าสำราญเช่นกัน”“พระองค์กล่าวเช่นนี้ เห็นทีว่ากระหม่อมคงไม่มีทางหลีกเลี่ยงแล้วกระมัง” เหวินเฮ่าหลันกลับรู้สึกพอใจกับท่าทางเปิดเผยขององค์ชายไท่หยาง“ร่างกายของข้าไม่ค่อยแข็งแรงนัก จึงมีเรื่องที่ต้องทำให้เรียบร้อยก่อน... แต่การเคลื่อนไหวในฐานะขององค์ชายไท่หยางทำได้ลำบากนัก จึงอยากจะรบกวนเจ้าหาช่างดีๆ ทำหน้ากากอสูรนี่ให้ข้า”“พระองค์จะเอาไว้ใช้เอง?”เหวินเฮ่าหลันได้คำตอบเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก หลังจากนั้นเขาหาช่างที่ไว้ใจได้สั่งทำหน้ากากอสูร แต่ไม่รู้สิ่งใดดลใจเขาให้ช่างทำสองอัน เมื่อส่งมอบหน้ากากอสูรนั่นให้องค์ชายไท่หยาง ไม่นานนักก็ได้ยินข่าวว่ามีบุรุษลึกลับภายใต้หน้ากากอสูรออกอาละวาดเล่น

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  135.  บุปผาพยศรัก

    ปีศาจน้อย! จ้าวจิ่นสือขบกรามแน่น นางเรียนรู้ที่จะหยอกล้อเขาเช่นเดียวกับที่เขาทำกับนาง เขาไม่อาจทานทนไฟปรารถนาที่เผาไหม้อยู่นี้ได้อีก ขยับร่างกายรวดเร็วรุนแรงและลึกล้ำ เป็นนางที่พาเขาให้เตลิดโบยบินไปในค่ำคืนวิวาห์ที่อุ่นร้อน ราวกับวิหคคู่ที่โบยบินในเวิ้งฟ้า หยอกล้อราวกับทั้งโลกมีเพียงแค่เขากับนางเท่านั้น ร่างสองร่างสอดประสานแทบเป็นหนึ่งเดียว ชายหนุ่มส่งเสียงคำราม ในขณะที่หญิงสาวหวีดร้องออกมาอย่างสุขสม แล้วเขาจึงผ่อนร่างนางลงนอนกอดอย่างรักใคร่นางปิดเปลือกตาหอบใจแรงแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจตัวเองจนเกือบจะเป็นปกติจ้าวจิ่นสือมองหญิงคนในรักในวงแขน ยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมของนางให้พ้นใบหน้า หนึ่งชีวิตได้พานพบผู้คนมากมาย แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นเจ้าของเสียงในหัวใจ เขาก้มหน้าสูดกลิ่นหอมของนางให้กลิ่นกายของนางไหลเวียนในตัวเขา นางคือหญิงสาวของเขาแต่เพียงผู้เดียว“ฟางเหนียง ข้ารักเจ้า”ผ่านเรื่องราวมากมายฟันฝ่ามาด้วยกันจนมีวันนี้ แต่แท้จริงแล้วทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น นางคิดถึงกลองป๋องแป๋งอันนั้น นางจะเก็บรักษาเอาไว้ให้ลูกๆ ได้ดู ของขวัญล้ำค่าที่เชื่อมโยงหัวใจของคนสองคนให้ได้มาใกล้ชิดกั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  134.  บทส่งท้าย2. 

    “ท่าน...” นางถูกดวงตาร้อนแรงของเขาจ้องมองจนลืมคำพูดตัวเองไปเสียสิ้น “อืม”เขาจ้องมองนาง ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายที่ได้มองใบหน้านี้เลยสักคราเดียว คิดไม่ออกเลยว่าหากไม่มีนางเคียงข้างแล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเก็บเป็นความลับไว้ให้ลึกที่สุด ไม่เช่นนั้นนางจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไป รู้ว่าอย่างไรเขาก็ต้องจำนนยอมแพ้พ่ายต่อสายตาคู่นี้ของนาง “ข้า... ข้าต้องปรนนิบัติท่าน... พี่” คืนนี้นางเป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้องแล้ว ควรทำหน้าที่ของตนเองถึงจะถูก แต่มือเล็กก็สั่นเทา ยื่นไปหมายจะช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่อาการเงอะงะของนางเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา ทำให้นางฉุนกึกขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึงตาใส่อย่างดุดัน “ใช่สิ! ข้าทำไม่เก่งนี้ เรื่องแบบนี้ข้าคุ้นเคยเสียเมื่อไหร่ล่ะ” นางหงุดหงิดโมโห อารมณ์นางช่วงนี้ขึ้นๆ ลงๆ แปรปรวนชอบกล “ไม่เป็นไร น้องหญิงอยากทำอะไรก็ตามใจเจ้าเถิด” เขากลั้นหัวเราะแต่กลายเป็นยิ้มกรุ้มกริ่มแทน ปล่อยให้มือเล็กช่วยถอดเสื้อตัวนอก พอนางลุกขึ้นจะเอาเสื้อของเขาไปแขวน ตัวเองก็เสียหลักเพราะนั่งตัวเกร็งอยู่ตั้งนา

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   133.  บทส่งท้าย 1.

    หญิงสาวนั่งก้มหน้า มองปลายเท้าที่สวมรองเท้าสีแดงสดสวยปักรูปหงส์อย่างงดงามประณีต เสียงครื้นเครงด้านนอกไม่ได้ช่วยให้นางลดอาการตื่นเต้นลงได้เลย ยามมองผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดงสดนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องหอราวกับถูกย้อมด้วยสีแดง นางจึงหลุบตาลงก้มมองปลายเท้าของตนแทน เพียงหนึ่งเดือนหลังเสร็จภารกิจลับของจ้าวจิ่นสือ ด้วยความช่วยเหลือขององค์ชายไท่หยาง ทำให้ทั้งสองได้รับราชโองการพระราชทานสมรส แม้มู่ฟางเหนียงจะเป็นเพียงหญิงสาวสามัญชน แต่ด้วยความรักใคร่ที่รองแม่ทัพจ้าวจิ่นสือมีให้นางนั้นเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว นางทั้งเขินทั้งอาย แต่ก็ดีใจที่ฮูหยินอี้ซิ่วรักและเอ็นดูนางราวกับเป็นลูกสาวแท้ๆ ท่านพ่อของนางก็พลอยวางใจว่านางจะอยู่ที่จวนแม่ทัพจ้าวได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนใจอันใด “เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อไปนี้ทำอะไรก็เชื่อฟังพ่อแม่สามีของเจ้าให้ดี” “ท่านพ่อ” นางกลั้นน้ำตา คราวนี้ได้แยกกันอยู่แล้วจริงๆ ท่านพ่อของนางมีใจรักใคร่น้าเสี่ยวหลิว เสร็จงานแต่งงานของนางแล้วก็จะกลับไปเมืองหลวง ช่วยน้าเสี่ยวหลิวดูแลโรงเตี๊ยมหมื่นบุปผาและรักษาคนเจ็บป่วยเช่นเคย ส่วนนางเองก็ได้รั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 132. ไม่อยากเชื่อ

    “ท่าน... ระ.. รักข้า..” นางแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ อาศัยจังหวะที่นางไม่เป็นตัวของตัวเองลอกคราบเสื้อผ้าออกเหลือเพียงเอี๊ยมปิดบังทรวงอกที่สะท้อนหอบหายใจแรงกับกางเกงชั้นในตัวน้อย มือกร้านลูบไล้เรียวขาของนาง ไอร้อนจากกายของเขาทำให้นางแทบไม่รู้สึกว่าตัวเองเกือบจะเปลือยเปล่าอยู่แล้ว“ข้า... เข้าใจว่า... ท่าน ระ รัก พี่หลิ่งหลิน” นางรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีพูดออกไปเขาผงกศีรษะรับแล้วกลับยิ้มให้นาง “ก่อนนั้นข้าคิดเช่นนั้น แต่เมื่อเจอเจ้า ข้าก็รู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไร”หัวใจของนางแทบหยุดเต้นไป แต่กระนั้นก็ยังหวาดหวั่นอยู่ “แต่ท่านเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ท่านจะรับข้าไว้ในฐานะใดเล่า”“ข้าย่อมให้เจ้าเป็นภรรยา” มือใหญ่เลื่อนขึ้นจากต้นขาด้านในสู่กลีบบุปผาอ่อนบาง “ข้าจ้าวจิ่นสือจะมีภรรยาเพียงผู้เดียวก็คือเจ้า”“ท่านจะไม่มีหญิงอื่นอีกหรือ?” นางกะพริบตามองหน้าเขา ค้นหาความจริงใจในทุกถ้อยคำ “ข้าไม่ได้หวังตำแหน่งใด ข้าเพียงไม่อาจแบ่งสามีกับผู้อื่นได้”“เจ้าทำให้ข้ารักเจ้าจนไม่มีที่ว่างให้ผู้อื่นแล้ว” แตะกลีบดอกไม้เบาๆ แล้วกระซิบเสียงพร่า แท่งศิลาใต้ตักของนางเริ่มร้อนระอุ“อย

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 131. อย่ามายุ่งกับข้า 

    “นึกแล้วเชียว” นางพึมพำ ไม่รอถามอะไรเขาทั้งนั้น ขยับเสื้อของเขาออกกว้างเพื่อจะได้จัดการล้างแผลและใส่ยาให้ใหม่ ขณะนั้นเอง เสียงเรียกชื่อนางอย่างเกรงใจก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามา เสี่ยวเอ้อที่รอพานางไปส่งที่พักก็ต้องตกใจเพราะเห็นมู่ฟางเหนียงกำลังเปลื้องผ้าชายหนุ่มอยู่ แต่เขามองไม่เห็นบาดแผลจึงคิดไปเองว่าทั้งสองกำลัง...“ข้าจะรอข้างนอก แม่นางมู่เสร็จธุระแล้วโปรดเรียก”นางเพียงหันไปพยักหน้ารับ เพราะใจจดจ่อกับบาดแผล พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นสายตาของเขาก้มมองนางอยู่ก่อนแล้วผู้หญิงคนนี้ วุ่นวายกับเขานัก! จ้าวจิ่นสือได้แต่บ่นในใจ แต่ก็ยอมให้นางแกะผ้าพันแผลและทำความสะอาดที่บริเวณชายโครงซ้ายของเขา“โรคทางใจรักษายากนัก” นางรำพึง“อย่ามาทำเป็นรู้ดี” เขาแค่นเสียงในลำคอ รินสุราใส่จอกให้ตนเอง แต่นางกลับยื่นมือไปคว้าแย่งไว้“ระหว่างที่รักษาแผลนี้อยู่ งดดื่มสุราทุกชนิด” นางถลึงตาสั่งเขา “ข้ารักษาให้ท่านได้เพียงบาดแผลภายนอก แต่ในใจที่เจ็บปวดของท่านนั้น ท่านคงต้องใช้เวลาเยียวยารักษาเอง”“ข้าจะดื่ม” เขาท้าทายนาง“ถือว่าข้าเตือนแล้ว ท่านอยากให้แผลเน่าอยู่ภายในก็ตามใจท่านเถิด” นางปิดบาดแผลให้เขาเรียบร้อย “ท่าน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status