โจวซู่ฉินยกมือขึ้นทาบอก ตบเบาๆ อย่างต้องการคลายอาการตกใจ “เจ้าเข้ามาหาข้าแบบนี้ไม่ได้นะ”ซิงเยว่ไหวไหล่ไม่แยแสเดินมารินชาแล้วนั่งลงที่โต๊ะตรงข้ามเจ้าของห้อง“ข้าขอพบเจ้าตรงหน้าเรือนแล้ว แต่บรรดาสาวใช้ของเจ้าเหล่านั้นไม่ให้เข้ามา”ในสายตาคนนอกทั่วทั้งจวน โจวซู่ฉินคือว่าที่ภรรยาที่ถูกต้องของหลิวไท่หยาง ในขณะที่ซิงเยว่คือหญิงชู้ คือสตรีไร้ยางอายผิดศีลธรรมของเขาทุกคนย่อมไม่อาจไม่มองเป็นศัตรู ไม่อาจไม่ปกป้องดังนั้นซิงเยว่จึงเลี่ยงการทำร้ายสาวใช้ภักดีเหล่านั้นโดยการแอบเข้ามาเงียบๆ แค่ทำให้คนสนิทของโจวซู่ฉินง่วงจนหลับไปอย่างไม่รู้ตัวเท่านั้นเองโจวซู่ฉินพยักหน้าเข้าใจก่อนหย่อนกายนั่งลงดุจเดิม แม้ในใจจะนึกสงสัยว่าซิงเยว่เข้ามาได้อย่างไร ฝีมือน่ากังขา แต่นางมีเรื่องกลัดกลุ้มให้ครุ่นคิดมากกว่าจึงไม่ใส่ใจ“อีกสามวันเท่านั้น” โจวซู่ฉินเปรยขึ้น น้ำเสียงหดหู่ไม่ปิดบัง “หลายวันก่อนเป็นเพราะเจ้าหายตัวไป เขาจึงรีบออกตามหาเจ้า ทิ้งเรื่องของเนี่ยจื่อหานอย่างไม่ไยดี”เห็นได้ชัดว่าไม่ทันการณ์แล้ว โจวซู่ฉินจึงระบายออกอย่างอัดอั้นไม่มีเก็บข่มต่อหน้าซิงเยว่“หากต้องแต่งจริงๆ เจ้าต้องยั่วยวนทำให้เขาลุ่มหลงม
วันรุ่งขึ้นซิงเยว่ทำตัวปกติไร้ร่องรอยพิรุธให้เห็นแม้แต่นิด ทั้งๆ ที่ไม่ได้นอนเลยทั้งคืนนางลุกออกมาเดินเล่นรับแสงอรุณกรุ่นพลังสุริยาจากดวงตะวันเฉิดฉาย จังหวะนั้นหญิงสาวพลันสังเกตเห็นพ่อบ้านใหญ่และสาวใช้อาวุโสข้างกายหลิวฮูหยินกำลังพาบ่าวไพร่หลายคนก้มหน้าก้มตาแบกหามทรัพย์สินของมีค่าหลายหีบอย่างขยันขันแข็งมีผู้คุมบัญชีสี่ห้าคนช่วยกันจดบันทึกอย่างเอาเป็นเอาตายและรายงานเสียงดังอย่างเอิกเกริกจังหวะหนึ่งสาวใช้อาวุโสคนสนิทของหลิวฮูหยินหันมาเห็นซิงเยว่ จึงเดินมาหา ทำทีชวนคุยอย่างเป็นกันเอง ทว่ากลับแฝงความถือตัวแกมโอ้อวด“เหล่านี้คือสินสอดของคุณชายรอง” นางยิ้มเหยียด “เห็นหรือไม่ว่าสกุลหลิวให้ความสำคัญกับคุณหนูโจวปานใด สินสอดที่ตระเตรียมยาวสุดถนนหนทางเชียวนะ”แน่นอนว่าเป็นการพูดจาหมายข่มกัน ทั้งต้องการกำราบสตรีข้างกายที่มิใช่ภรรยาเอาไว้มิให้กล้าคิดเผยอใฝ่สูงหญิงสูงวัยคนเดิมจุ๊ปากแค่นเสียงหยันอีกว่า“ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ตัวไว้นะ ไม่ว่าคุณชายรองจะโปรดปรานเจ้าปานใด สุดท้ายเจ้าก็เป็นได้แค่สาวใช้ห้องข้างชั้นต่ำตลอดไป แม้แต่อนุปลายแถวก็อย่าหวัง ดังนั้นอย่าได้เหิมเกริมเด็ดขาด จงอยู่ในที่ของเจ้าอย่างส
หลิวไท่หยางมุ่นคิ้ว “นางเหนื่อยมากหรือ?”จิ้นสิงพยักหน้า “ก่อนบ่าวจะออกมา นางเอ่ยปากว่าขอนอนหลับพักผ่อน ห้ามผู้ใดรบกวนขอรับ”หลิวไท่หยางรู้สึกสะดุดหูเล็กน้อยกับวาจาคำสั่งนั้น ทว่าเพียงส่งเสียงอืมในลำคอไม่ถือสาแล้วขึ้นรถม้าเงียบๆ โดยมีจิ้นสิงคอยติดตามไม่ห่างซิงเยว่กลับมาแล้วหลิวไท่หยางย่อมสบายใจ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องออกไปจัดการกิจธุระทั้งหลายของตนพร้อมกับตามหาตัวเนี่ยจื่อหาน ให้นางพักผ่อนรออยู่ในเรือนย่อมดีกว่าออกเดินทางเหน็ดเหนื่อยกับเขารถม้าของสองนายบ่าวเคลื่อนตัวจากไปจนลับตา มุมหนึ่งพลันปรากฏเงาร่างของสตรีผู้มีนัยน์ตาหงส์เย็นเยียบซิงเยว่ย่อมได้ยินสิ่งที่ครอบครัวหลิวคุยกันทั้งหมดเมื่อราตรีมืดมัวมาเยือนซิงเยว่ในชุดสีดำสนิทกลืนกินไปกับความมืดมิดจึงได้เวลาใช้วิชาตัวเบาเร้นกายหายไปอย่างเงียบเชียบฝีเท้าเบาดุจสายลม ความเร็วดุจสายฟ้า เคลื่อนกายว่องไวปราดเปรียวไปตามหลังคาเรือนต่างๆ ดุจปีศาจวายุไม่นานหญิงสาวพลันปรากฏกายอยู่ภายในเรือนของแม่ทัพหนุ่มรูปงามนามหยางเจี้ยนทว่าคนที่ซิงเยว่ต้องการพบมิใช่เขาผู้นี้ หากแต่เป็นภรรยาของเขาต่างหากหมิงเยว่เห็นเงาดำคุ้นตาก็รีบผลักสามีออกห่างทันที เมื่
หลังจากฟังบิดาบ่นจนหูชาและถกเถียงจนเหนื่อย หลิวไท่หยางยังไม่ทันเดินกลับถึงเรือนส่วนตัวเสียด้วยซ้ำ พลันมีเรื่องด่วนเข้ามาแทรกกะทันหันเต็มไปหมด“คุณชายรอง ร้านฝูลู่โซ่วส่งคนมาแจ้งว่าธัญพืชถูกเหมาไปหมดไม่พอขายถึงสิบวันแล้วขอรับ”“ไปเบิกที่คลังสกุลหลิวฝั่งตะวันตก บอกหย่งซิ่งให้โยกย้ายธัญพืชรอบใหม่จากคลังหมู่บ้านเหยี่ยชิงมาเก็บไว้ให้พอขายถึงฤดูกาลหน้า ก่อนกระจายไปตามร้านสี่มุมเมือง” ร่างสูงเดินสั่งงานเสียงเรียบระหว่างทางเดิน โดยมีเถ้าแก่ผู้ทำการค้าแทนจากร้านต่างๆ เดินตามหลังอย่างนอบน้อมอีกคนรีบเอ่ยหลังจากที่คนแรกค้อมกายจากไป “หมู่บ้านที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมถูกน้ำฝนที่ตกหนักสามวัน กัดเซาะจนเส้นทางขนส่งพังทลาย มาส่งผ้าไหมให้เราไม่ได้ ร้านแพรพรรณหลายร้านผูกขาดกับเราเพียงผู้เดียวหลายปี เหตุการณ์นี้อาจทำให้ปีหน้าพวกเขาพากันเปลี่ยนใจขอรับ”“ส่งซื่อเหลียนไปเจรจาขอยืดเวลากับร้านแพรพรรณ หากเถ้าแก่แต่ละร้านยังไม่ผ่อนปรนก็ลดราคาลงสองส่วน นำไหมทองคำไปปลอบใจร้านละหนึ่งหีบ เพื่อแลกกับสัญญาซื้อขายผูกขาดในปีหน้า อย่าลืมเพิ่มราคาสินค้าใหม่ในคลังรอไว้ล่วงหน้า ค่อยนำมาเสนอขายหลังผูกสัญญาเสร็จสิ้น”“เมื่อถึง
กระนั้นยังคงมีแววตากังขาตามหลังด้วยสงสัยว่าคุณชายรองรับได้หรือที่สตรีข้างกายหายตัวไปตั้งหลายคืนหายตัวไปกับใครพำนักอยู่ที่ไหนนอนกับผู้ใดก็สุดรู้ แต่คุณชายรองกลับพาคนมาฟูมฟักอยู่ข้างกายดุจเดิม เรื่องเสื่อมเสียถึงเพียงนี้ย่อมเป็นที่ครหาติดตัวตลอดไป หลิวไท่หยางจึงถูกนายท่านเรียกตัวไปตักเตือนทันทีที่ก้าวเท้าเข้าประตูจวนชั้นในหลิวอี้คำรามลั่นใส่หลิวไท่หยางไม่ยั้งเมื่อพบหน้า“แค่สาวใช้ชั้นต่ำคนหนึ่ง เจ้าถึงกับไม่สนใจสิ่งใด ทิ้งการทิ้งงานหายตัวไปเพื่อนางตั้งหลายวัน ทั้งยังพาคนกลับมาอย่างผ่าเผยทางประตูใหญ่ เจ้าเป็นถึงคุณชายสูงส่งทายาทผู้สืบทอดสกุลหลิวกลับลุ่มหลงมัวเมาสาวใช้ห้องข้างจนไม่ใส่ใจชื่อเสียงวงศ์ตระกูล รีบขายนางออกไปเลยนะ!”หลิวไท่หยางยังคงสงบนิ่งกล่าวเสียงเรียบเย็น“ความผิดของข้าหากเทียบกับท่านพ่อแล้วยังนับว่าห่างชั้นเหลือเกิน เมื่อก่อนตอนที่ท่านแม่เพิ่งแต่งเข้ามา ท่านมีสาวใช้ร่วมเตียงอยู่แล้วกี่คน หลังจากนั้นรับอนุกี่คน ยามท่านแม่ตั้งครรภ์ ท่านยังลักลอบเลี้ยงนางรำนอกเรือน ถึงขั้นพาบุตรชายเข้ามาหยามน้ำใจท่านแม่ของข้า”หลิวอี้ถึงขั้นสะอึกชะงักงันพูดไม่ออกหลิวไท่หยางมองบิดาด้วย
หลังจากถูกหมิงเยว่ผลักไสประหนึ่งขับไล่ออกจากเรือนพักผ่อนริมทะเลสาบชานเมืองซิงเยว่ก็นั่งรถม้ากลับพร้อมหลิวไท่หยางทันทียามนี้หญิงสาวยังไม่สามารถหาโอกาสบอกเรื่องความจำที่กลับมาให้แก่ชายหนุ่มได้ เพราะสังเกตเห็นอีกฝ่ายคล้ายเมาสุรามากมาย ทั้งยังคล้ายมีเรื่องเคร่งเครียดให้ครุ่นคิดอย่างสับสนตลอดเวลาซิงเยว่ไม่รู้ว่าระหว่างที่นางคุยเปิดอกกับพี่หมิงเยว่ หลิวไท่หยางได้คุยอะไรกับแม่ทัพหนุ่มผู้เป็นพี่เขยคนนั้นเรื่องที่บุรุษพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน นางไม่กระจ่างแจ้งเท่าใดนัก คงเหมือนกับเรื่องที่สตรีคุยกัน บุรุษล้วนไม่เข้าใจและไม่ควรเข้าถึงความนัยนั่นละดังนั้นซิงเยว่จึงทำได้เพียงจับไหล่หนาให้ลงนอนหนุนตักนางเหมือนที่ชอบทำ เมื่อหลิวไท่หยางล้มตัวลงนอน นางก็เอื้อมนิ้วนุ่มนิ่มช่วยคลึงหว่างคิ้วแข็งเกร็งให้เขาจนคลายออกแล้วหลับไปด้วยฤทธิ์สุรา เมื่อกลับถึงจวนหลิว จิ้นสิงผู้ทำหน้าที่สารถีก็ส่งเสียงทุ้มเบาอย่างระมัดระวัง“ถึงแล้วขอรับ”ดวงตาคู่คมปรือขึ้นเผยความอ่อนล้าเหนื่อยหน่าย ก่อนหยัดกายสูงใหญ่ลุกนั่ง ยังไม่ลืมฉวยโอกาสเอื้อมวงแขนกอดกระชับร่างนุ่มอย่างหวงแหนก้มหน้าจุมพิตอย่างถือสิทธิ์อีกหลายที จนซิงเยว่หน้าม