Share

บทที่ 5

Author: เจียงหนานเยียน
เหล่าไท่จวินเห็นซือเจ๋อเยว่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร จึงเข้าใจนางผิด เพราะในสายตาของเหล่าไท่จวิน นางก็เป็นเพียงเด็กสาวอายุน้อยที่อายุยังไม่ครบยี่สิบ ยังไม่เข้าใจโลกดี

นางจึงอธิบายต่อว่า “ข้ามิได้มีเจตนารังเกียจองค์หญิงแต่อย่างใด”

“องค์หญิงมาจากในวัง ข้าไม่รู้ว่าองค์หญิงรับทราบเรื่องของจวนเยียนอ๋องมากน้อยเพียงใด”

“ข้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้วกัน ท่านอ๋องพ่ายศึก ฝ่าบาทกริ้วหนัก จวนเยียนอ๋องไม่มีทางรอดจากภัยนี้”

“องค์หญิงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่แรก หากอยู่ในจวนเยียนอ๋องต่อไป เกรงว่าจะมีภัยติดตามมา ทางที่ดีควรรีบจากไปเสียก่อน เพื่อความปลอดภัยขององค์หญิงเอง”

ซือเจ๋อเยว่สบสายตากับเหล่าไท่จวินที่เต็มไปด้วยความเมตตาและอ่อนโยน ทำให้ขอบตาร้อนผ่าว

การกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ทำให้นางได้เห็นทั้งความมืดมิดและความอบอุ่นของผู้คนอย่างชัดเจน

เสด็จลุงของให้นางแต่งงานกับคนตาย ขณะที่ผู้เป็นมารดาอย่างอวิ๋นไท่เฟยก็เพิกเฉยต่อชะตากรรมนี้

บรรดาข้าราชบริพารในวังหลวงต่างก็รังเกียจนาง ไม่มีความเคารพต่อนางแม้แต่น้อย

เดิมทีนางคิดมาตลอดว่าจวนเยียนอ๋องที่กำลังมีเรื่องร้ายมากมาย นางแต่งเข้ามาเช่นนี้คงต้องถูกตำหนิและเกลียดชังไม่มากก็น้อย ไม่คาดคิดว่าจะได้รับความเมตตาและความกรุณาอย่างมาก

ซือเจ๋อเยว่ไม่ได้รับหนังสือหย่าจากเหล่าไท่จวินในทันที แต่กลับขยับตัวโขกศีรษะคำนับเหล่าไท่จวิน

พระชายาผู้เฒ่าพยายามจะประคองนางขึ้น แต่นางกล่าวเบา ๆ ว่า “ขอบพระคุณเหล่าไท่จวิน”

เหล่าไท่จวินเข้าใจเจตนาของนาง จึงยอมรับคำนับ หลังจากนางลุกขึ้นแล้ว เหล่าไท่จวินจึงยื่นหนังสือหย่าให้นาง นางรับไว้ด้วยสองมือก่อนจะคำนับอีกครั้ง

ซือเจ๋อเยว่เก็บหนังสือหย่าไว้ในอกเสื้อแล้วพูดด้วยความตั้งใจว่า “ข้าได้เรียนรู้ศาสตร์ลึกลับบางอย่างจากสำนักเต๋า”

“ข้าอาจจะดูได้ไม่แม่นยำนัก แต่ขอเหล่าไท่จวินลองฟังไว้สักหน่อย”

เหล่าไท่จวินพยักหน้า “องค์หญิงโปรดพูด”

ซือเจ๋อเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “วันนี้เมื่อข้าเดินผ่านลานหน้าเข้ามาในจวน ข้ารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายโลหิตและความอาฆาตที่รุนแรงมาก”

“แม้คนที่ตายอย่างกะทันหันและผิดธรรมชาติจะทิ้งกลิ่นอายเช่นนี้ไว้บ้าง แต่ไม่ควรจะหนักหนาถึงเพียงนี้”

“หากรุนแรงถึงระดับนี้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการตายที่มีเงื่อนงำ ข้ากลัวว่าการตายของเยียนอ๋องและบรรดาคุณชายในจวนอาจไม่ได้เป็นเพียงเรื่องที่ปรากฏอย่างผิวเผินเช่นนั้น”

ใบหน้าของเหล่าไท่จวินเปลี่ยนสีทันที “องค์หญิงยังเห็นอะไรอีกบ้างหรือ?”

เมื่อซือเจ๋อเยว่เห็นเหล่าไท่จวินในโถงพิธีแต่งงาน นางก็สังเกตได้ทันทีว่าเหล่าไท่จวินกำลังจะประสบเคราะห์ใหญ่

ไม่เพียงแต่เหล่าไท่จวินเท่านั้น แต่คนทั้งจวนเยียนอ๋องก็มีเป็นเช่นนี้

เพียงแต่เรื่องนี้นางก็ลำบากที่จะเอ่ยปาก นางคงไม่สามารถพูดว่า ‘เหล่าไท่จวิน ข้ามองเห็นว่าทั้งตระกูลของท่านอาจถึงแก่ชีวิต’

นางจึงเลือกใช้ถ้อยคำอย่างระมัดระวังและกล่าวว่า “เรื่องของวิญญาณเทพเจ้าและโชคชะตา อาจจะไม่แน่นอนเสมอไป เพราะยังมีคำกล่าวว่า ‘มนุษย์ชนะฟ้าลิขิต’ อยู่เช่นกัน”

“ทุกคนในจวนเยียนอ๋องเปี่ยมไปด้วยความซื่อสัตย์และกล้าหาญ สวรรค์จะต้องไม่ปล่อยให้ความซื่อสัตย์ของท่านต้องประสมเคราะห์เป็นแน่”

เหล่าไท่จวินเข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของซือเจ๋อเยว่ จึงหัวเราะเบา ๆ พร้อมกล่าวว่า “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

เมื่อเห็นเหล่าไท่จวินแสดงท่าทางเช่นนี้ ซือเจ๋อเยว่ก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงเสนอว่า “ให้ข้าทำนายชะตาให้จวนเยียนอ๋องสักครั้งดีหรือไม่?”

เหล่าไท่จวินพยักหน้าขอบคุณ

ซือเจ๋อเยว่เด็ดใบไม้หกใบจากต้นไม้ดอกที่อยู่หน้าโถงพิธี แล้วโยนใบไม้ลงบนพื้น นางมองดูลักษณะของใบไม้อย่างละเอียด ดวงตาของนางนิ่งสงบ

มันคือปี้กว้า[1]

นางปิดตาลงชั่วครู่ ความหมายของปี้กว้านี้คือ ‘เปลวไฟเผาผลาญภูเขา หยกและหินล้วนถูกเผาไหม้’

เหล่าไท่จวินเอ่ยถาม “กว้าทำนายดูไม่ค่อยดีงั้นหรือ?”

ซือเจ๋อเยว่ตอบเบา ๆ ว่า “นี่เป็นกว้าใหญ่ ถ้าต้องการรู้รายละเอียดมากขึ้น ต้องเขย่าทำนายอีกครั้ง”

นางเก็บใบไม้ขึ้นมาและโยนลงไปอีกครั้ง คราวนี้ผลออกมาเป็นจิ้นกว้า[2]

เมื่อเห็นกว้านี้ นางหัวเราะเบา ๆ หลังจากได้ปี้กว้าแล้วยังเขย่าได้จิ้นกว้า แสดงให้เห็นว่าถึงแม้จวนเยียนอ๋องจะอยู่ในกองเพลิง แต่ก็ยังคงมีความหวังและโอกาสรอดอยู่

ซือเจ๋อเยว่หันไปบอกกับเหล่าไท่จวิน “ดั่งดวงตะวันโผล่พ้นแผ่นฟ้า สุภาพบุรุษย่อมแสดงคุณธรรมอันสว่างไสว”

“แม้ว่ากว้าของจวนเยียนอ๋องจะดูน่าหวาดหวั่น แต่ตราบใดที่คนในจวนร่วมใจกันเป็นหนึ่ง และหันหน้าเผชิญกับศัตรูโดยพร้อมเพรียง ก็ยังพอมีหนทางรอดอยู่บ้าง”

เมื่อได้ยิน เหล่าไท่จวินก็หัวเราะเบา ๆ พลางคิดว่าเป็นเพียงคำปลอบโยนจากซือเจ๋อเยว่ นางจึงกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แล้วสั่งให้คนมาส่งนางออกไป

เมื่อซือเจ๋อเยว่ออกจากห้อง นางก็เห็นว่าทั่วทั้งจวนเยียนอ๋องถูกปกคลุมด้วยไอสีแดงบาง ๆ ที่สายตาคนทั่วไปมองไม่เห็น

ไอสีแดงนี้ถูกเรียกว่ากลิ่นอายอาฆาต ซึ่งมักพบได้ในสนามรบเท่านั้น

เมื่อเห็นสิ่งนี้ปรากฏอยู่เหนือจวนเยียนอ๋องในเวลานี้ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจวนแห่งนี้อาจต้องเผชิญกับการนองเลือดครั้งใหญ่

นางคิดถึงเหล่าไท่จวินที่ใจดีและเยียนเซียวหราน พลางรู้สึกไม่สบายใจนัก

แต่ทว่าตัวนางเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวง ยังไม่มีรากฐานใด ๆ ตนเองยังยากจะรักษาตัว การจะช่วยเหลือจวนเยียนอ๋องไม่ต่างจากฝันลม ๆ แล้ง ๆ

นางกัดฟันและตัดสินใจแข็งใจเดินไปยังประตูด้านข้างเพื่อออกจากจวนเยียนอ๋อง

ขณะเดินไปถึงมุมประตู ก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจับจ้องมองนางอยู่

เมื่อนางหันไป ก็เห็นเยียนเซียวหรานยืนอยู่ใต้ชายคาไม่ไกลมากนัก

ชายหนุ่มได้เปลี่ยนจากชุดเจ้าบ่าวสีแดงสดมาเป็นเสื้อคลุมสีดำสนิท ร่างกายสง่างามตั้งตรงราวกับต้นสน

แม้ในยามค่ำคืนเช่นนี้ การสวมเสื้อผ้าสีดำมักจะกลืนไปกับความมืด แต่ด้วยรัศมีที่ทรงพลังของเขา ทำให้ที่ที่เขายืนอยู่นั้นเป็นจุดที่โดดเด่นที่สุด

ซือเจ๋อเยว่ถึงกับมองเห็นดวงตารูปทรงดอกท้อทอันงดงามใต้คิ้วคมเข้มของเขา นางพลันนึกถึงคืนนั้นขึ้นมา... วันที่นางกดเขาไว้ใต้ร่าง...

ซือเจ๋อเยว่สะบัดหัวเบา ๆ พยายามสลัดภาพเหตุการณ์อันเย้ายวนใจที่นางเกือบจะลืมไปแล้วออกจากความคิด

นางกลัวว่าเขาจะจำได้ นางไม่อยากพัวพันกับเขาอีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากเห็นเขาตาย

นางจึงลังเลอยู่ระหว่างการเลือกที่จะจากไปหรืออยู่ต่อ

ในขณะที่นางยังตัดสินใจไม่ได้นั้น เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบและวุ่นวายก็ดังขึ้นจากนอกประตูด้านข้าง

มีคนตะโกนเสียงดังว่า “เยียนอ๋องทำให้กองทัพพ่ายศึกอย่างใหญ่หลวง ฝ่าบาทมีพระบัญชา ห้ามมิให้ผู้ใดออกจากจวนเยียนอ๋อง!”

ซือเจ๋อเยว่ “...”

ฮ่องเต้เจาหมิงเร่งรีบขนาดนี้เลยหรือ!

นางเพียงแค่ลังเลไปเล็กน้อย ก็ถูกขังให้ออกไปจากจวนเยียนอ๋องไม่ได้แล้ว?

ขณะที่นางกำลังสับสนอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีคนมาจับมือนาง “ตามข้ามา”

ซือเจ๋อเยว่อึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะหันไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเยียนเซียวหราน

นางรู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นทันที อยู่ดี ๆ เขามาจับมือข้าทำไม? หรือว่าเขาจำข้าได้แล้ว?

นางพยายามดึงมือกลับอย่างไม่รู้ตัว

เยียนเซียวหรานก็รู้สึกว่าการกระทำนี้ไม่เหมาะสมเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ปล่อยมือและอธิบายว่า “ข้ารู้ว่ามีทางหนึ่งที่สามารถออกจากจวนเยียนอ๋องได้”

“เวลาเร่งด่วน ขออภัยที่บังอาจล่วงเกินองค์หญิง”

ซือเจ๋อเยว่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งใจ แล้วหัวเราะแห้ง ๆ พลางตอบว่า “ไม่เป็นไร เรื่องเร่งด่วนเข้าใจได้”

เยียนเซียวหรานจับมือซือเจ๋อเยว่แล้วพานางวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานพวกเขาก็มาถึงหอเล็ก ๆ ด้านข้างจวน

เยียนเซียวหรานดึงเชือกโรยตัวจากมุมหนึ่งของตัวเรือน แล้วใช้แรงเหวี่ยงเชือกไปยังต้นไม้ฝั่งตรงข้าม

จากนั้นเขาหยิบรอกอันหนึ่งออกมายื่นให้ซือเจ๋อเยว่ “ตอนนี้พวกเขาเฝ้าอยู่ที่ประตูหลักทั้งหมด ที่นี่ไม่มีใคร องค์หญิงรีบไปเถิด”

ซือเจ๋อเยว่หันกลับมามองเขา ยามนี้แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของเขา ทำให้ดูงดงามราวกับหยก

นางเอ่ยเสียงเบาว่า “เหตุใดท่านถึงต้องการให้ข้าไป?”

เยียนเซียวหรานตอบว่า “เรื่องของจวนเยียนอ๋องไม่เกี่ยวข้องกับองค์หญิง”

“ในวันนี้องค์หญิงถูกบีบให้แต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋อง มีบุญคุณต่อจวนเยียนอ๋อง”

“จวนเยียนอ๋องชัดเจนในเรื่องบุญคุณและความแค้น จะไม่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อน”

ก่อนที่ซือเจ๋อเยว่จะแต่งเข้ามาในจวนเยียนอ๋อง ได้ยินเพียงชื่อเสียงเรื่องความซื่อสัตย์และความกล้าหาญของพวกเขาเท่านั้น

หลังจากที่นางเข้ามาในจวน เวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น นางก็พบว่าพวกเขาล้วนเป็นคนดี

ทว่าโชคร้ายที่คนดีเช่นนี้กำลังจะพบจุดจบในไม่ช้า

นางจึงถามเขา “ท่านปล่อยข้าไปเช่นนี้ ไม่กลัวฮ่องเต้เจาหมิงจะเล่นงานจวนเยียนอ๋องหรือ?”

-----------------------------------------------

[1] ปี้กว้า คือ ตราสัญลักษณ์ที่ใช้ในการทำนายชะตากรรม กว้ามีทั้งหมด 64 รูปแบบ ความหมายแตกต่างกันไป ปี้กว้าอยู่ในลำดับที่ 22

[2] จิ้นกว้า อยู่ในลำดับที่ 35
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 381  

    เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เป็นข้าที่ไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าเรื่องราวระหว่างเราจะต่างออกไป" "แต่ข้ากลับลืมไปว่า เจ้าเป็นคนของสำนักเต๋า เราสองคนก็อยู่กันคนละฝ่ายตั้งแต่แรกเริ่ม" "ซือเจ๋อเยว่ ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตัดขาดจากเจ้า หากพบกันอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!" เมื่อเอ่ยจบเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งจากร่างกายแล้วขว้างออกไป สิ่งนั้นทำหน้าที่รับแรงโจมตีจากค่ายกลแทนเขา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งออกจากค่ายกลราวกับดาวตกก็ไม่ปาน ซือเจ๋อเยว่รีบไล่ตามออกไป แต่ภายนอกกลับไร้เงาของไป๋จื้อเซียน นางรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง วันนี้เขาเข้าใจนางผิด แล้วจากไปเช่นนี้ ภายภาคหน้าก็ไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก ยังดีที่เขาเคยสาบานต่อสวรรค์ ว่าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยสถานการณ์ก็ยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขาดสะบั้นในบัดนี้ ด้วยนิสัยของเขา ย่อมต้องหาหนทางสังหารนางให้ได้อย่างแน่นอน! นางคิดว่าตนเองยังคงประเมินไป๋จื้อเซียนต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาได้ เยียนเซียวหรานถามขึ้น "เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้น?" ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ "ตุ๊

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 380

    ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้นับหลังจากตั้งแต่ที่อาจารย์สามปั้นเสร็จแล้ววางไว้ที่นี่ ก็ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรนางคิดมาตลอดว่าอาจารย์สามทำเช่นนี้เพราะจะหยอกนางเล่น ไม่คิดเลยว่าจนกระทั่งวันนี้จะมีความเคลื่อนไหวแล้วที่ประตูมีเสียงของไป๋จื้อเซียนดังลอยเข้ามา “เจ้าล่อลวงข้ามาที่นี่ ก็เพราะอยากจะฆ่าข้าใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับไปมองก็เห็นไป๋จื้อเซียนยืนอยู่ที่หน้าประตู ตุ๊กตาดินเผาเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นค่ายกล จะจัดการกับเขาหลังจากที่วันนี้เขาเดินเข้ามาในสำนักเต๋า ความสามารถทุกด้านก็ถูกลดทอนลง ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ยังเป็นตุ๊กตาที่อาจารย์สามปั้นขึ้นเองกับมืออีกด้วย ด้านในมีค่ายกลที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งซ่อนอยู่ไป๋จื้อเซียนในเวลานี้ถูกค่ายกลนี้ขังเอาไว้ ไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้เขาเกิดความสงสัยมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่อยากจะจัดการเขามาตลอด เขาจึงคิดว่านางเป็นผู้ควบคุมให้ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้มาจัดการเขาก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่เคยคิดอยากจะจัดการเขาในสำนักเต๋าจริง ๆ แต่เป็นครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางจริง ๆเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 379

    ความทรุดโทรมนี้เริ่มปรากฏตั้งแต่ประตูเขาที่เก่าและทรุดโทรม ยาวไปตลอดทางจนถึงกระทั่งถึงโถงใหญ่ของสำนักเต๋าด้านในก็มีเพียงรูปหล่องทองคำปรมาจารย์เต๋าที่ยังมีสภาพดีอยู่เพียงเท่านั้น อาคารอื่น ๆ ของวัดก็สามารถใช้คำว่าชำรุดทรุดโทรมมาบรรยายได้เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมา นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ที่เฝ้าภูเขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ไปไหนแล้วใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ได้ยินก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าอาศัยคืนเดียวก็จะไปแล้ว”ใบหน้าของนักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ก็มีสีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นมาทันที นางหยิบทองหนึ่งกำมือออกมาจากมิติคาถาเต๋าแล้วมอบให้เขา “ค่าอาหารของปีนี้”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ใช้สองมือรับทองคำ ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “อย่างไรเสียศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เก่งกาจ!”สำนักเต๋าผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก ทองคำเหล่านี้เมื่อแลกเป็นเงินก็ได้หลายพันตำลึง เพียงพอที่จะให้พวกเขามีกินได้ถึงสิ้นปีซือเจ๋อเยว่ถามเขา “พวกอาจารย์ออกจากสำนักเต๋าตั้งแต่เมื่อใด?”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ “ทันทีที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ออกไปจากสำนักเต๋า เจ้าสำนักพวกเขาก็ไปแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ขมวดคิ้ว “พวกเขาได้บอกหรือไ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 378

    ซือเจ๋อเยว่เผชิญหน้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของไป๋จื้อเซียน นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยท่าทางเช่นนี้ของเขา เกรงว่าคนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเขากำลังสุมหัวกันกลั่นแกล้งเขาแต่เรื่องจริงคือเขาเกือบทำให้พวกเขาต้องติดกับดักจนตายในเวลานี้นางจำต้องกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋มาก”ไป๋จื้อเซียนมองนางด้วยสีหน้าน่าสงสารพร้อมกล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าดุข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางสูดหายใจในใจทีหนึ่ง เจ้าหมอนี่แสดงละครเก่งมาก!นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ามีนิสัยใจร้อน เวลามองอะไรก็มักจะมองแค่สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่สู้คุณชายไป๋ที่มองการณ์ไกล”“คุณชายไป๋คาดการณ์เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในตอนหลังได้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าชื่นชมตบะอันล้ำลึกทำให้ข้านับถือจากใจจริง”“ครั้งหน้าหากยังมีเรื่องแบบเดียวกันอีก คุณชายไป๋ได้โปรดแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสียหน่อย พวกเราจะได้ร่วมมือกันได้ดี”นางพูดจบก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “คุณชายไป๋ช่วยพวกเราคำนวณดูหน่อยได้หรือไม่ พวกเรากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะล้มจวนหนิงกั๋วกงได้หรือไม่?”ไป๋จื้อเซียน “...”ถึงแม้เขาจะมีชีวิตอยู่มาหนึ่งพันปีแล้วก็ตาม เรียนรู้เพียงความสามารถฆ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 377

    “ถึงแม้วันนี้ข้ากับชื่อปาเลี่ยจะบุกฝ่าออกมาได้ แต่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”“การล้อเล่นแบบนี้ อย่างไรคุณชายไป๋ช่วยลดลงหน่อยจะดีมาก”ไป๋จื้อเซียนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาหันหน้าไปมองไป๋จื้อเซียน โดยไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยชื่อปาเลี่ยที่อยู่ข้าง ๆ พูดไกล่เกลี่ย “ครั้งนี้พวกข้าไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ช่างเถอะ”ความโกรธที่ไป๋จื้อเซียนมีอยู่มากมายไม่มีที่ระบาย ยกมือขึ้นแล้วสะบัดทำให้ชื่อปาเลี่ยลอยกระเด็นออกไปชื่อปาเลี่ย “!!!!!”หากวันหลังเขายังกล้าสอดเรื่องของพวกเขาอีก เขาก็คือก็คือไอ้ลูกหมา!เขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ร้องโอ๊ยออกมาทีหนึ่งซือเจ๋อเยว่รีบยื่นมือออกไปประคองชื่อปาเลี่ย “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ชื่อปาเลี่ยกุมหน้าอกกล่าว “ข้าเจ็บหน้าอกนิดหน่อย”ในระหว่างที่พูดเขารู้สึกผิดปกติบริเวณหน้าอก ยื่นมือออกไปแล้วล้วง ไม่คิดเลยว่าจะควักสมุดบันทึกเล็ก ๆ เล่มหนึ่งออกมาจากข้างใน “นี่มันอะไรกัน?”หลังจากซือเจ๋อเยว่รับมาก็เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็ก พบว่าเป็นสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้ายฉบับนั้นที่เยียนอ๋องซื่อจื่อกล่าวไว้นางทั้งตกใจทั้งดีใจ “นี่คือสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้าย!”เยียนเซียวหรา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 376

    ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไร”นางพูดจบก็กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”เยียนเซียวหรานยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่เป็นอะไร”เขาพูดจบก็ประสานมือคำนับไป๋จื้อเซียนกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋ที่พาองค์หญิงออกมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้ข้าไม่ต้องเป็นพะวงที่จะบุกฝ่ากองทัพออกมา”สีหน้าของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องนี้เขาวางแผนทำร้ายเยียนเซียวหราน เยียนเซียวหรานขอบคุณเขาจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมากยังมีท่าทีของซือเจ๋อเยว่อีก ในดวงตาของนางมีเพียงเยียนเซียวหรานเท่านั้น ไม่มีเขาเลยแม้แต่น้อยความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเขารู้สึกไม่พอใจ จึงอยากจะทำร้ายชื่อปาเลี่ยอีกครั้งดวงตาของเขากวาดมองไปยังชื่อปาเลี่ย ชื่อปาเลี่ยได้หลบไปอยู่ที่ด้านหลังของซือเจ๋อเยว่อย่างรวดเร็ว “คุณชายไป๋จะทำร้ายข้า องค์หญิงช่วยด้วย!”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าไป๋จื้อเซียนมีนิสัยขี้โมโห เขาติดตามอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา ไม่รู้ว่าจะเบิดขึ้นเมื่อไหร่เพียงแต่หากปล่อยเขาไป วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะก่อเหตุวุ่นวายอะไรขึ้นอีกนางคิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องคิดหาว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status