บทที่ 05 โลกกลมเกินไป
"พี่มังกรก็มาด้วย" ฉันที่กำลังยืนชงเหล้าในห้องวีไอพีอยู่ ๆ ยัยเบบี้ก็สะกิดเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยท่าทางตื่นเต้น ที่คะยั้นคะยอให้ฉันอยู่บริการห้องนี้ก็เพราะอย่างนี้สินะ เบบี้ชอบพี่มังกรเพื่อนพี่เบียร์มาก ทุกครั้งที่ยัยนี่มาที่นี่เดาได้ไม่ยากว่าวันนั้นกลุ่มแก๊งของพี่เบียร์จะมารวมตัวกัน แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่เพื่อนสนิทฉันจะคลั่งขนาดนั้น เพราะกลุ่มพี่เบียร์ถือว่าฮอตที่สุดของที่นี่ สาว ๆ ที่มาเที่ยวต่างอยากสอยกลุ่มของเจ้าของร้านกันทั้งนั้น ยิ่งยัยเบบี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ รายนี้มีพี่มังกรที่ไหนก็ต้องมีมันที่นั้น ฉันดูออกว่าพี่มังกรรู้ว่ามันชอบเขามาก แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไรเพื่อนฉันเลย วี่แววที่จะแสดงออกว่าชอบกลับก็ไม่มี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบุคลิกที่เป็นคนเงียบขรึมหรือไม่ชอบเพื่อนฉันกันแน่ ส่วนยัยเบบี้รายนี้สู้ไม่ถอย ตามแล้วตามเล่าพยายามมากเสียกว่าการล่าใบปริญญาตรีของมันเสียอีก
"เก็บอาการหน่อย" ฉันเอ่ยตอบเพื่อนพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ ยัยนี่ชักจะออกนอกหน้าเกินไป จนพี่ชายของเธอจ้องมองมาที่เราสองคนอย่างสังเกตพิรุธ
"ทำไมเวลาเพื่อนพี่มาวันนั้นแกถึงกระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษ" พี่เบียร์เอ่ยได้ถูกใจมาก เอาจริงพี่ชายยัยนี่ไม่รู้หรอกว่าน้องสาวตัวเองคลั่งรักเพื่อนสนิทแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายัยเบบี้กำลังชอบพี่มังกร
"ก็ปกตินะคะ หนูดีใจที่ได้เจอเพื่อน" ยัยเบบี้รีบเก็บอาการ ก่อนที่จะลงมานั่งบนโซฟาแล้วฉายแววตาปกติราวกับไม่มีอะไร
จนกระทั่ง…
บานประตูหนาห้องวีไอพีถูกเลื่อนออก ฉันเงยหน้าออกจากแก้วเหล้าที่กำลังชงเพื่อมองคนที่มาใหม่ จนได้เห็นว่าเป็นพี่มังกร พี่หมอมาคัส บรรดาเพื่อนของพี่เบียร์ที่ฉันรู้จักอยู่แล้ว
เพราะมาเสิร์ฟให้อยู่บ่อยๆ
"สวัสดีครับน้องเบบี้ น้องแก้วตา~" เสียงหวานของพี่หมอมาคัสที่เหมือนจะเป็นกันเองที่สุดในกลุ่มเอ่ยทัก ฉันจึงยิ้มรับแล้วพยักหน้าเพื่อเป็นการทักทาย
เป็นแค่เด็กเสิร์ฟไม่ได้ไปสนิทอะไรกับเขาหรอก
"แทนที่มึงจะทักเพื่อนก่อน" พี่เบียร์เอ่ย
"ทักทำไม เจอกันจนเบื่อขี้หน้าแล้ว"
"สัส"
"พี่มังกร…พี่มาคัสสวัสดีค่ะ" เพื่อนฉันทักเพื่อนพี่ชายด้วยความเคอะเขิน ใบหน้าสวยไม่กล้ามองหน้าคนที่ชอบเขินจนตัวจะม้วนไปกับโซฟาแล้ว
"อืม" นั้นแหละคือสิ่งที่ฉันเคยบอกไป พี่มังกรเค้นเสียงตอบในลำคอแค่นั้น แถมใบหน้ายังนิ่งเรียบเหมือนคนที่ถูกบังคับให้มานั่งร่วมวงด้วย
"เออวันนี้มีมาอีกคนเพิ่มนะ น้องแก้วตาชงมาเพิ่มอีกแก้วนะครับ"
"ได้ค่ะ" ปกติแล้วกลุ่มนี้จะมีด้วยกันสามคน ทุกคนฉันรู้หมดว่ามีสไตล์การดื่มแบบไหน แต่กับอีกคนคงต้องรอเจ้าตัวมาเพื่อถามก่อน
"ใครมาเพิ่มวะ?"
"เดี๋ยวมึงก็รู้"
ครืดดดดด~
สิ้นเสียงของพี่หมอมาคัสที่เอ่ยประตูหนาก็ถูกเลื่อนเปิดออกอีกครั้ง ฉันเงยหน้ามองคนที่มาเพิ่ม เรียวปากบางถึงกับอ้าปากค้างเมื่อคนตรงหน้าดันเป็น…มาเฟียป่าเถื่อนที่เคยเจอวันนั้น
อะไรจะบังเอิญขนาดนี้นะ วันนั้นดันว่าเขาเป็นหมาซะด้วยสิ ยัยแก้วตาซวยแน่ ๆ ดันมาเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านที่ทำงานอีก ฉันรีบก้มหน้าทันทีที่เขามองมา หวังว่าคงจะจำฉันไม่ได้นะ ฉันไม่อยากถูกไล่ออกตอนนี้
"เชี้ย…ไอสงคราม" ไอมาเฟียป่าเถื่อนชื่อสงคราม ฉันรู้เพราะพี่เบียร์มองเขาด้วยใบหน้าที่อึ้งกับการปรากฏตัวที่นี่ของเขา แค่ใบหน้าที่ดูน่ากลัวยังไม่พออีกเหรอ ชื่อของเขาน่ากลัวกว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นอีก
ขนลุกชะมัดเลย
อีกคนที่มาใหม่ไม่คิดจะตอบกลับ เมื่อเห็นว่าเขาเงียบฉันจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นเพื่อสังเกตสถานการณ์ แต่แล้ว…
เคร้ง!
ที่คีบน้ำแข็งในมือฉันร่วงหล่นเมื่อใบหน้าคมกำลังจดจ้องมาที่ฉัน ใช่…เขากำลังจ้องฉันด้วยสายตานิ่ง ๆ ต้องจำฉันได้แน่ ๆ ชะตากรรมของยัยแก้วตากำลังจะขาดสะบั้นลงแล้ว
"แก้วตาเป็นอะไร?" ทุกคนในห้องต่างพากันชะงักเพราะฉัน ยัยเบบี้หันมามองแล้วเลิกคิ้วขึ้นถาม ขณะที่ฉันส่ายหัวเบา ๆ แล้วกลับมาก้มหน้าต่อเพราะพยายามหลีกหนีสายตาที่กำลังจ้องมอง
ออกไปตอนนี้ฉันจะโดนบอดี้การ์ดเขาดักยิงหรือเปล่า สายตาแบบนี้ฉันดูออกว่าเขาจำฉันได้ และคงจำได้แม่นเพราะนายป่าเถื่อนยังจ้องฉันไม่เลิกเลย
"มึงกลับมาเมื่อไหร่วะ กูไม่เห็นรู้" อ๋อ…เพิ่งกลับมา ถึงว่าไม่เคยเห็นมาที่ผับพี่เบียร์เลย
"เมื่อวาน"
"กลับยาวไหมวะ?"
"ยาว"
"งั้นก็คงได้มาที่นี่บ่อย ๆ แม่งคิดถึงช่วงที่อยู่ด้วยกันครบสี่คนชิบหาย"
"อืม…กูคงมาที่นี่บ่อย ๆ" คำหลังเขาเน้นย้ำแล้วมองมาที่ฉัน ขณะที่ฉันได้แต่ยืนเกร็งทำตัวไม่ถูกเพราะสายตาของร่างสูงที่จดจ้องอย่างเคียดแค้น
"มึงมีอะไรวะ กูเห็นมองแต่น้องแก้วตา" ใจฉันเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เมื่อพี่หมอมาคัสถามจบ หวังว่าเขาคงจะไม่บอกเรื่องที่ฉันว่าเขากับพี่เบียร์หรอกนะ ฉันยังไม่อยากถูกไล่ออกวันนี้ ที่นี่งานดีเงินก็ดี ฉันยังไม่อยากไปจากที่นี่…!
"เครื่องดื่มไม่มี?" ฉันถอนหายใจออกอย่างโล่งอก พอเขาพูดจบมือบางก็รีบเร่งชงเหล้าให้ ไม่ถามหรอกว่าเขาดื่มแบบไหน ผสมไปมั่ว ๆ ดื่ม ๆ ไปคงไม่ตายหรอก
"นี่ค่ะ" ฉันวางแก้วเหล้าตรงหน้าเขาแล้วรีบหนีกลับไปยืนที่เดิม ดวงตากลมพยายามหนีสายตาเขาตลอดเวลาเพราะฉันทำอะไรไม่ถูก
"สุดยอดเด็กเสิร์ฟร้านกูเลยนะ เพื่อนน้องกูเองชื่อแก้วตา ส่วนนี่น้องกูเบบี้ เพื่อนพี่สมัยมหาวิทยาลัยไอสงคราม"
"สวัสดีค่ะพี่สงคราม" ยัยเบบี้ยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มตามประสามัน
"ครับ" ส่วนนายนั้นก็รับไหว้ ทำตัวดีกับเขาก็เป็น ฉันนึกว่าจะป่าเถื่อนเป็นอย่างเดียว ดูจากหน้าแล้วคนแบบนี้ไม่น่ามีเพื่อนคบหรอก
"ไม่มีมารยาทไหว้กับเขาเหรอ?" เสียงทุ้มว่าจบแล้วก็ปรายตามองมาที่ฉัน ศึกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วสินะ ตาลุงนี่ตั้งใจว่าฉันชัด ๆ กำลังจะเลิกแล้วต่อกันอยู่แล้วเชียว หาเรื่องแบบนี้ฉันว่าเรื่องระหว่างเราคงไม่จบง่าย ๆ
"สวัสดี…ค่ะ" ฉันยกมือไหว้ลวก ๆ เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เห็นจะน่าพนมมือไหว้เลยสักนิด แต่ท่องไว้นั้นเพื่อนเจ้านาย แถมยังเป็นมาเฟียมีปืนเหน็บเอวอีก ลูกจ้างต่ำต้อยจน ๆ อย่างฉันไม่ควรสร้างปัญหาให้ตัวเอง
"หึ ชงแบบนี้มึงบอกว่าอร่อยเหรอ?" เขาวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะแล้วหันไปบอกพี่เบียร์ ก่อนที่จะเหลือบมองฉันแล้วกระตุกยิ้มมุมปากราวกับกำลังหาเรื่อง
"มากูชิมดิ้" พี่เบียร์รีบแย่งแก้วมาดื่มต่อจากเพื่อน แล้วหันมามองฉันเป็นคนที่สองพร้อมกับใบหน้างุนงงเล็กน้อย
"พี่ว่ารสชาติมันไม่ได้เลยนะแก้วตา" จะได้ได้ยังไงตอนชงฉันไม่คิดจะมองเลยด้วยซ้ำ ถ้าตรงนี้มีน้ำปลาอยู่ด้วยฉันจะเทให้หมดขวดเลย มาว่าฉันน่ารำคาญบ้าง ไม่มีมารยาทบ้าง คนแบบนี้ไม่ควรทำตัวดีด้วยหรอก
"ขอโทษค่ะ คงหยิบอะไรผิดไป เดี๋ยวชงใหม่ให้นะคะ" ฉันกระตุกยิ้มใส่เขากลับบ้าง คิดว่าทำฉันเป็นคนเดียวหรือไง ทีใครทีมัน ฉันไม่ยอมหรอก
"ผมคิดว่าเมื่อกี้เราทำเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม""อันนี้มันเค้กช็อกโกแลตหน้าไหม้หนิครับ" ฉันถึงทำกับหลุดขำพรืดในตอนที่ลูกชายสองคนที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จกำลังจดจ้องเค้กก้อนแรกของพวกเขาสีหน้าขมวด ก่อนที่จะปรายตาไปมองคนเป็นพ่อพร้อมกัน พี่สงครามจึงกระแอมคอนิดหน่อยราวกับกำลังคิดคำตอบ"พ่อว่า…เตาอบที่บ้านน่าจะมีปัญหานิดหน่อย" พี่สงครามพูดเสียงเรียบพยายามเก็บอาการ ในขณะที่ฉันก็พยายามกลั้นขำไม่ให้เกิดพิรุธ"หมดกันเค้กที่คามิลพยายามทำ" คามิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ทิ้งตัวไปพิงเก้าอี้ทานข้าว ทว่ายังมีอีกคนที่กำลังจ้องพี่สงครามกับฉันสลับกัน"มีอะไรคริส?" พี่สงครามเอ่ยถาม"เตาอบมีปัญหาหรือลืมสงครามลืมเอาออกจากเตาอบ" คริสถามเสียงเรียบ เด็กคนนี้รู้ทันคนเป็นพ่อเสียทุกอย่าง พอถามจบพี่สงครามก็เริ่มเกิดอาการพิรุธทันที"ใครจะไปลืม เตาอบมีปัญหาจริง ๆ""ไม่ใช่ว่ามัวแต่สวีทกับคาริสาเหรอครับ?" คิ้วเรียงสวยเลิกขึ้นมองคนเป็นพ่อนิ่ง จนสุดท้ายพี่สงครามก็ต้องยอมรับ"แม่ทำพ่อเสียสมาธิ พ่อเลยลืม""พี่คราม!" ฉันถลึงตาใส่เขาที่อยู่ ๆ ก็โยนความผิดมาให้ฉัน เขาต่างหากที่เป็นคนเดินมาหาฉันเอง ฉันไม่ได้ทำให้เขาเสียสมาธิเลยสักนิด"เฮ้อ
ห้าปีผ่านไป"นี่มันอะไรกันเนี่ย!" ฉันได้แต่อ้าปากค้างแล้วเหลือบมองคนสามคนที่กำลังทำอะไรบางอย่าง ไล่มองสามร่างต่างขนาดทีละคนก่อนที่จะหยุดที่คนสุดท้ายที่ฉันคิดว่าเป็นตัวต้นเรื่อง"…" ไม่มีเสียงตอบรับจากใครสักคนที่อยู่ในครัว ตอนนี้ฉันกำลังเล็งผู้ชายสามคนที่กำลังพังห้องครัวของฉัน ไล่เรียงตั้งแต่หกขวบคามิล สิบสามขวบคริสและคนสุดท้าย เกือบสี่สิบขวบพี่สงครามเป็นหัวโจกมีอุปกรณ์ทำขนมอยู่ในมือทุกคน แป้งขนมตลบอบอวลไปทั่วห้องครัวฟุ้งกระจายเกินกว่าที่คนข้างนอกจะคิดว่าพวกเขากำลังทำอาหาร"อธิบายมาค่ะพี่คราม" ฉันเล็งไปที่คนเป็นพ่อที่มือถือตะกร้อตีไข่ พอเห็นสายตาที่ฉันมองเขาก็รีบวางลงในทันที"พี่แค่กำลังทำตามที่เมียบอกไง ไม่จับอุปกรณ์ตีรันฟันแทง" ใช่…เพราะพี่สงครามชอบให้ลูก ๆ ของฉันทำอะไรที่อันตราย ฝึกการเป็นมาเฟียอะไรของเขาซึ่งฉันเข้าใจดี แต่ฉันคิดว่ายังไม่ถึงวัยจึงห้ามพี่สงครามอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่คิดว่ากิจกรรมที่สามีเลือกทำจะเป็นการเข้าครัวทำอาหารแบบนี้"แต่พี่กำลังจะพังครัว" ทุกอย่างเละเทะไปหมดโดยเฉพาะใบหน้าของสามหนุ่มที่เต็มไปด้วยแป้ง ยิ่งตามพื้นก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่"ฉันแค่จะทำเค้กช็อกโกแลตให้เธอบ้า
ท่อนเอ็นปูดนูนกำลังถูกฉันค่อย ๆ นั่งทับลงรูสวาท ความใหญ่โตเต็มที่กำลังทำให้กลีบดอกไม้ที่ฉ่ำเยิ้มแหวกออกจากกัน สุดท้ายมันก็เข้ามาในร่างกายของฉันสำเร็จ เอ็นร้อนแท่งใหญ่ทำให้ฉันต้องงอตัวไปข้างหน้า สอดประสานมือหนาของพี่สงครามแน่นเพื่อเป็นที่ยึดไม่ให้ฉันตกลงไปคอหักจากโต๊ะทำงานตัวสูง"ซี๊ดดด~" ร่างสูงครางร้องพึงพอใจในเอวบางบดขยี้กลางกายที่กำลังเชื่อมติดกัน แม้ว่าท่านี้มันจะทำให้เสียวซ่านจนตัวงอแต่ฉันก็ไม่ย่อท้อที่จะบำเรอความสุขให้กับสามี ยิ่งได้ยินเสียงครางที่น่าพอใจแรงที่จะขยี้เป็นเนื้อเดียวกันก็มีมากขึ้น"ทะ ทำไมถึงใหญ่แบบนี้ อื้อ…""เมียจ๋าก็ตอดผัวเหมือนกัน~" เราต่างคนต่างครางเสียวกับความเข้าขากันข้างใน เม็ดเหงื่อฉันท่วมไปทั่วกรอบหน้าเป็นสัญญาณของวันสวาทที่กำลังเริ่มขึ้นฉันใช้เวลากับการบดขยี้ไม่นานเรือนร่างก็เริ่มเปลี่ยนเป็นกระดกสะโพกขึ้น ก่อนที่จะกระแทกขึ้นลงเพราะทนความเสียวไม่ไหว ทว่าการทำแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้ฉันเสียวน้อยลงเลยปึก ปึก ปึก !"อะ อื้อ~" ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวไปหมด ยิ่งตอนที่เข้าสุดออกสุดความใหญ่โตกำลังไล่ทำให้ฉันจุกไปทั้งท้องน้อย หน้าอกอวบอั๋นกระเพื่อมไปตามแรงตอกอัด แล้วก็ไม่
"เป็นยังไงบ้างเหนื่อยไหม?" ร่างสูงเอ่ยถามในขณะที่ฉันเพิ่งกลับเข้ามา วันนี้ฉันเบบี้และแม่บ้านอีกสองคนพากันออกไปตามหาเนื้อผ้าหายากเพื่อมาตัดชุดคนสำคัญ ทั้งบ้านจึงเหลือแค่พี่สงครามคนเดียวที่เลี้ยงลูกเพราะป้าปิ่นลางาน แต่สิ่งที่เขาถามฉันว่าฉันควรเป็นคนถามเขามากกว่า เพราะใบหน้าคมดูเหนื่อยล้าต่างจากก่อนหน้าที่ฉันจะออกจากบ้าน ปล่อยให้เลี้ยงลูกไม่กี่ชั่วโมงสภาพแย่ขนาดนี้เลยเหรอ สงสารจริง ๆ เลยสามีฉัน…"ไม่เหนื่อย แล้วพี่ล่ะเหนื่อยไหม คามิลดื้อหรือเปล่า" ฉันตอบจบก็เดินไปดูลูกในเปล คามิลนอนหลับในท่าสบาย คุณพ่อของเขาทำหน้าที่ได้ดีเลยทีเดียว"ไม่เหนื่อย" คำพูดช่างสวนทางกับใบหน้าตอนนี้เสียจริง ๆ"จริงเหรอ งั้นออกไปใหม่นะ วันนี้ยังไม่ได้เนื้อผ้าที่ต้องการเลย""ไม่เอา!" เขาปฏิเสธเสียงแข็งทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงไม่ทันเสร็จก็รีบกลับ เพราะเป็นห่วงลูกที่ปล่อยให้พี่สงครามเลี้ยงคนเดียว แต่ดูจากการปฏิเสธเสียงแข็ง สงสัยคามิลจะแผลงฤทธิ์ออกมาไม่น้อย"หึ ทำไมคุณพ่อเลี้ยงไม่ไหวแล้วเหรอ?" ฉันเลิกคิ้วถามยิ้ม ๆ"ไหว แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่ดีกว่า""ขยันทำแต่ไม่ขยันเลี้ยง" ฉันส่ายหัวไม่จริงจังให้ร่างสูง ค
อุแว้ อุแว้ ~เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยวัยหกเดือนระงมไปทั่วบ้าน ในขณะที่ผมกำลังวุ่นวายอยู่กับการชงนมผงก็รีบวางลงแล้วสับเท้าเดินเข้าไปหาอย่างเร็วไว จัดการอุ้มคามิลลูกชายคนเล็กของผมมาไว้ในอ้อมกอกจนเสียงร้องค่อย ๆ เบาลง"เป็นผู้ชายทำไมถึงชอบร้องไห้ สงครามบอกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้" พี่ชายอย่างคริสที่กำลังจะก้าวเข้าแปดขวบเอ่ยถามตาใส มองน้องชายกับผมสลับกันด้วยความสงสัย"ใช่ผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ แต่ตอนนี้น้องยังเด็ก ยังควบคุมไม่ได้เหมือนลูก" ผมสอนให้คริสเข้มแข็งเสมอ เขามีหน้าที่ต้องดูแลเพศแม่หรือแม่ของเขาให้ดีที่สุด พักหลัง ๆ คริสจึงเริ่มเป็นคนสุขุมขึ้น พูดจาฉะฉานต้องการเหตุผลตามวัยของเขา จนแม่เขาชอบบ่นผมอยู่บ่อย ๆ เพราะกำลังทำให้คริสไม่ขี้เล่นเหมือนเดิม พูดตามตรงคือแก้วตาไม่อยากให้คริสนิสัยเหมือนผม เธอบอกว่าสงสารคนที่ต้องมาเจอชะตาเดียวกันกับเธอในอนาคต ซึ่งผมไม่เข้าใจ…ผมไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นมั้ง…"เมื่อไหร่คามิลจะโตครับ" ผมยกยิ้มบาง ๆ มองคามิลสลับกับคริส ก่อนที่จะลูบหัวพี่ชายเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ให้เหตุผล"ต้องใช้เวลา อีกไม่นานคามิลก็จะโตมาเหมือนลูก ลูกต้องดูแลน้องและรักน้องมาก ๆ เช่นเดียวกันคือน้อง
@ทะเล~พรุ่งนี้ก็เป็นอีกวันที่จะถึงงานแต่งอีกวันของเบบี้ ฉันกับเบบี้เดินทางกันมาถึงเย็น ๆ ของวันก่อนเริ่มงาน ขณะที่ว่าที่เจ้าบ่าวพี่สงครามและเพื่อน ๆ เจ้าบ่าวมาตรวจความเรียบร้อยของงานกันตั้งแต่เช้าแล้ว"สงคราม~" เสียงใสรีบวิ่งฝ่าทรายของทะเลเพื่อไปหาเจ้าของชื่อ ไม่ต้องแปลกใจ…พี่สงครามใช้เวลาแค่ไม่กี่วันที่ทำให้คริสเรียกชื่อเขาแทนการเรียกว่าพ่อ เพราะเขาทั้งตามใจ เอาใจใส่ จนคริสหันไปรักเขามากกว่าฉันที่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด"กูเริ่มรู้สึกเหมือนคิดผิดแล้ว ให้ลูกเรียกพ่อเหมือนเดิมยังดีกว่าอีก เหมือนมีเพื่อนเพิ่มมากกว่ามีลูก" พี่สงครามหันไปเอ่ยกับบรรดาเพื่อนเขาที่ยืน ๆ ข้าง ทุกคนต่างพากันหัวเราะใหญ่โดยเฉพาะฉัน ฉันบอกแล้วไงว่าการถูกเรียกชื่อมันแปลก ๆ แต่พอนึกถึงที่มาของมันก็ยังพอหักลบกันได้"กูว่าเวรกรรมของมึงน่าจะมาในรูปแบบลูกแน่ ๆ หึ" พี่มังกรกระซิบกลับ จนพี่สงครามต้องถลึงตาใส่ที่เพื่อนกำลังด่าทางอ้อม"ลงมาทำไม ที่นี่มันร้อน" พี่สงครามย่อตัวไปคุยกับลูกชายของเขา"อยากลงเล่นน้ำน่ะสิ" ฉันตอบแทน แล้วคริสก็หันมาหน้ามุ่ยใส่ฉัน"สงครามแก้วตาไม่ให้ผมลงเล่นน้ำ แต่ผมอยากเล่น" ตั้งแต่มาถึงก็ขอฉันเป็นอัน