บทที่ 06 ไอมาเฟียโรคจิต
"เบบี้ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ขอยืมตัวแก้วตาก่อนสักแป๊ปนะคะ"
"อืม…รีบไปมารีบมา"
"ค่า~" ว่าจบยัยเบบี้ก็รีบดึงมือให้ฉันออกจากห้องวีไอพีเพื่อไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน โดยไม่มีการถามหรือขัดขืนใด ๆ จากฉันเพราะฉันเต็มใจมาก ในห้องที่เสียงดังกลับน่าอึดอัดชิบ เพราะสายตาของหมอนั้นที่จ้องมองอยู่ตลอดเวลา ยกยิ้มมุมปากใส่ฉันบ้าง จนฉันแทบอยากกระโจนไปข่วนหน้าเพราะความหมั่นไส้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
"แล้วแกไม่เข้าห้องน้ำเหรอ?" ฉันถามเพื่อนสนิทที่ยังยืนนิ่งหน้ากระจกในห้องน้ำแต่ไม่ยอมก้าวเข้าไปห้องน้ำสักที
"แกกับพี่สงครามรู้จักกันเหรอ?" คำถามของเบบี้ทำเอาฉันชะงัก ยัยนี่รู้ได้ยังไง?
"ฉันจะไปรู้จักเขาได้ยังไง" แต่ฉันก็ไม่อยากเล่าให้มากเรื่อง ถ้ายัยเบบี้รู้ฉันก็โดนยัยนี่บ่นที่ไปหาตีนใครเข้าอีก
"จริงเหรอ?"
"อืม…แล้วอยู่ ๆ มาคาดคั้นทำไม?"
"ก็เปล่า…ฉันว่าฉันจะตัดใจจากพี่มังกรแล้วอะ"
"หะ ห้ะ…ตัดใจ? แกเนี่ยนะ"
"พี่เขาดูไม่ชอบฉันเลยอะ ส่งสัญญาณให้ตั้งนานไม่ยอมมาจีบฉันสักที ท้อแล้วอะ"
"ก็ดีแล้ว สวย ๆ แบบแกหาคนใหม่ได้สบาย" ฉันพยายามปลอบใจเพื่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนจริงจังกับพี่มังกรแค่ไหน ฉันก็สงสารมันเหมือนกันที่กำลังคาดหวังทั้งที่อีกคนเหมือนจะไม่สนใจไยดีเลย
"แกว่าฉันหันมาชอบพี่สงครามดีไหม?"
"หะ ห้ะ!?" ฉันสบถออกมาเสียงดังเพราะความลืมตัว ทำเอายัยเบบี้สะดุ้งถลาเข้ามาปิดปากฉันทันที
"เสียงดังทำไมเนี่ย!…"
"ชอบไอป่า…ชอบไอพี่สงครามนั้นเนี่ยนะ"
"พี่เขาก็หล่อดีนะ ถึงจะหล่อคนละแบบกับพี่มังกร แต่ก็ตรงสเปกฉันอยู่"
"นายนั้นเนี่ยนะหล่อ?" ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย อายุก็เยอะ เถื่อนก็เถื่อน แถมนิสัยยังไม่น่าคบอีก ฉันไม่อยากให้เพื่อนหลวมตัวไปชอบคนแบบนั้น
"ทำไมฉันรู้สึกว่าแกเหมือนจะรู้จักพี่สงครามอยู่แล้ว"
"ไม่รู้จัก และไม่อยากรู้จักคนแบบนั้นเลยสักนิด แกจะหันไปชอบคนแบบนั้นจริงๆ เหรอ"
"หรือแกชอบพี่เขา?"
"ไม่!" ฉันรีบตอบอย่างเต็มเสียง ให้ตายยังไงฉันก็ไม่ชอบคนแบบนี้หรอก
"ถ้างั้นตั้งแต่วันนี้ฉันจะตั้งใจไปชอบพี่สงคราม"
"นี่แกเอาจริงเหรอ…"
"จริง" ฉันไม่รู้จะห้ามยัยนี่ยังไงเลย แต่ก็เอาเถอะ…เดี๋ยวนานๆ ไปเบบี้ก็รู้นิสัยที่แท้จริงของไอมาเฟียนั้นเองแหละ คนแบบนี้เก็บนิสัยตัวเองได้ไม่นานหรอก เคยเป็นคนยังไงสักวันก็ต้องเผยธาตุแท้ออกมา
"รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่ ๆ เขาจะสงสัย"
"แกไปก่อนเลย ฉันจะไปเอาของหลังร้านก่อน"
"งั้นรีบตามมานะ"
"อืม" ว่าแล้วยัยเบบี้ก็เดินกลับเข้าไปในห้อง ส่วนฉันเดินไปหลังร้านเพื่อหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าแล้วรีบเดินไปหามุมอับของร้านที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน
มือบางหยิบซองบุหรี่ออกมาพร้อมกับจุดสูบอัดเข้าปอด ฉันสูบมันไม่บ่อยหรอก แต่เพราะช่วงนี้มีแต่เรื่องเครียดจึงพยายามหาสิ่งที่ผ่อนคลาย และมันก็ช่วยได้ดีเลยทีเดียว คิดอะไรไม่ออกก็ยกขึ้นสูบ ถึงจะทำอะไรไม่ได้แต่ก็ขอหัวโล่งไว้ก่อน แค่ที่ผ่านมาก็เครียดมามากพอแล้ว
ตึก…
ตึก…
เสียงฝีเท้าหนักเดินเข้ามาในมุมมืดที่ฉันยืนอยู่ เข้ามาใกล้มากขึ้นยืนพิงกำแพงอีกฝั่งทำให้ฉันได้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนของคนนั้น
"ไอมาเฟียป่าเถื่อน" ฉันพึมพำเบา ๆ เขาคือไอพี่สงครามที่กำลังยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่เหมือนฉัน ก่อนที่จะกระตุกยิ้มเบา ๆ แล้วพ่นควันขาวให้ลอยฟุ้งในอากาศ
"แอบอู้งานตรงนี้นี่เอง" มือหนาคาบบุหรี่ไว้แล้วเอ่ยโดยที่ไม่มองหน้าฉัน แต่ที่ตรงนี้มีแค่เราสองคน และฉันก็รู้ว่าเขากำลังตั้งใจว่าฉัน
"มันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่" กะจะออกมาผ่อนคลายแต่ก็ต้องมาเจอตาบ้านี่อีก จะตามจองเวรจองกรรมไปถึงไหนฉันโคตรไม่เข้าใจเลย
"หึ ที่ว่าฉันวันนั้นยังไม่เคลียร์กันก็หนีไปแล้ว" ที่แท้ก็แค้นฝั่งหุ่น
"พูดแต่เรื่องจริง ฉันไม่ผิด" ขนาดรู้ว่าตัวเองเริ่มไม่ปลอดภัยก็ยังปากดีไม่เลิก ทำยังไงได้ความปากแซ่บมันอยู่ในสายเลือด ถ้าไม่ได้พูดออกไปฉันอาจจะนึกเสียใจทีหลัง
ตึก…
ตึก…
เท้าหนาค่อย ๆ เดินมาหาฉัน เขาทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วเหยียบซ้ำเพื่อให้ไฟมันดับลง ขณะที่ฉันเหลือบมองเขาเพียงนิดแต่ก็ไม่คิดจะเดินหนี ยืนสูบบุหรี่ด้วยท่าทางสบายใจทั้งที่หัวใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง
ปากดีแต่ก็กลัวเป็นเหมือนกัน แต่คนอย่างฉันจะให้เขารู้ว่ากลัวไม่ได้ ยิ่งแสดงออกว่ากลัวก็ยิ่งโดนข่ม สู้ฉันใจดีสู้เสือก็อาจจะรอดก็เป็นได้
"เป็นเด็กเป็นเล็กหัดสูบบุหรี่"
"แล้วพี่ยุ่งไรวะ?" ฉันมองเขาด้วยใบหน้าเอาเรื่อง เพราะทันทีที่เขาพูดจบมือหนาก็ดึงบุหรี่จากปากฉันแล้วโยนทิ้งไปอย่างไร้เหตุผล
"ถ้ากำลังทำให้ฉันสนใจบอกเลยว่าวิธีนี้ไม่สำเร็จ" มือหนาไล่ตามกรอบหน้าของฉันก่อนที่จะเอ่ยประโยคที่โคตรจะเข้าข้างตัวเอง ฉันขมวดคิ้วมองพร้อมกับมือบางที่รีบปัดออกอย่างรวดเร็ว อยากรู้จริง ๆ ว่าไปเอาความคิดบ้า ๆ นี่มาจากไหน ฉันไม่เคยบอกว่าอยากได้เขาออกจะแสดงออกว่าเกลียดเขาด้วยซ้ำ นายนี่คงถูกเลี้ยงมาแบบประหลาดถึงได้บอกว่าคนที่เกลียดเข้าไส้อย่างฉันกำลังอยากให้เขาสนใจ
"เป็นบ้าเหรอ?" ฉันเลิกคิ้วถามคนตรงหน้า
"ต้องการเท่าไหร่?"
"อะไร?"
"แลกกับร่างกายของเธอ ต้องใช้เงินเท่าไหร่?"
เพียะ!
สิ้นประโยคที่น่ารังเกียจนั้นฉันก็จัดการฟาดลงบนใบหน้าโดยไม่มีคำพูดอะไรที่หลุดออกจากปาก ถึงฉันจะจนแต่คนอย่างฉันไม่ใช่คนที่จะเอาตัวเองเพื่อแลกกับเงินของใคร ถึงแม้จะเอาเงินร้อยล้านมากองตรงหน้า แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวที่เขาจะดูถูกง่ายๆ
"เก็บเงินไว้ทำศพของพี่ตอนตายเถอะ" ว่าจบฉันก็รีบเดินหนีไปในทันที ไม่เคยเจอคนที่โรคจิตแบบนี้มาก่อนเลย…เขากำลังดูถูกฉันด้วยเม็ดเงินที่เขาคิดว่ามันสามารถซื้อฉันได้ มันอาจจะจริงที่ฉันต้องการมัน แต่มันก็ไม่ใช่ด้วยวิธีนี้
ขอให้อย่าได้เจอะได้เจอคนประเภทนี้อีกเถอะ ตรรกะโคตรป่วย น่ารังเกียจซะไม่มี ฉันว่าเขาควรเอาเงินไปรักษาตัวเองมากกว่ามากองอยู่ตรงหน้าฉัน!
ไอมาเฟียโรคจิต
"ผมคิดว่าเมื่อกี้เราทำเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม""อันนี้มันเค้กช็อกโกแลตหน้าไหม้หนิครับ" ฉันถึงทำกับหลุดขำพรืดในตอนที่ลูกชายสองคนที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จกำลังจดจ้องเค้กก้อนแรกของพวกเขาสีหน้าขมวด ก่อนที่จะปรายตาไปมองคนเป็นพ่อพร้อมกัน พี่สงครามจึงกระแอมคอนิดหน่อยราวกับกำลังคิดคำตอบ"พ่อว่า…เตาอบที่บ้านน่าจะมีปัญหานิดหน่อย" พี่สงครามพูดเสียงเรียบพยายามเก็บอาการ ในขณะที่ฉันก็พยายามกลั้นขำไม่ให้เกิดพิรุธ"หมดกันเค้กที่คามิลพยายามทำ" คามิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ทิ้งตัวไปพิงเก้าอี้ทานข้าว ทว่ายังมีอีกคนที่กำลังจ้องพี่สงครามกับฉันสลับกัน"มีอะไรคริส?" พี่สงครามเอ่ยถาม"เตาอบมีปัญหาหรือลืมสงครามลืมเอาออกจากเตาอบ" คริสถามเสียงเรียบ เด็กคนนี้รู้ทันคนเป็นพ่อเสียทุกอย่าง พอถามจบพี่สงครามก็เริ่มเกิดอาการพิรุธทันที"ใครจะไปลืม เตาอบมีปัญหาจริง ๆ""ไม่ใช่ว่ามัวแต่สวีทกับคาริสาเหรอครับ?" คิ้วเรียงสวยเลิกขึ้นมองคนเป็นพ่อนิ่ง จนสุดท้ายพี่สงครามก็ต้องยอมรับ"แม่ทำพ่อเสียสมาธิ พ่อเลยลืม""พี่คราม!" ฉันถลึงตาใส่เขาที่อยู่ ๆ ก็โยนความผิดมาให้ฉัน เขาต่างหากที่เป็นคนเดินมาหาฉันเอง ฉันไม่ได้ทำให้เขาเสียสมาธิเลยสักนิด"เฮ้อ
ห้าปีผ่านไป"นี่มันอะไรกันเนี่ย!" ฉันได้แต่อ้าปากค้างแล้วเหลือบมองคนสามคนที่กำลังทำอะไรบางอย่าง ไล่มองสามร่างต่างขนาดทีละคนก่อนที่จะหยุดที่คนสุดท้ายที่ฉันคิดว่าเป็นตัวต้นเรื่อง"…" ไม่มีเสียงตอบรับจากใครสักคนที่อยู่ในครัว ตอนนี้ฉันกำลังเล็งผู้ชายสามคนที่กำลังพังห้องครัวของฉัน ไล่เรียงตั้งแต่หกขวบคามิล สิบสามขวบคริสและคนสุดท้าย เกือบสี่สิบขวบพี่สงครามเป็นหัวโจกมีอุปกรณ์ทำขนมอยู่ในมือทุกคน แป้งขนมตลบอบอวลไปทั่วห้องครัวฟุ้งกระจายเกินกว่าที่คนข้างนอกจะคิดว่าพวกเขากำลังทำอาหาร"อธิบายมาค่ะพี่คราม" ฉันเล็งไปที่คนเป็นพ่อที่มือถือตะกร้อตีไข่ พอเห็นสายตาที่ฉันมองเขาก็รีบวางลงในทันที"พี่แค่กำลังทำตามที่เมียบอกไง ไม่จับอุปกรณ์ตีรันฟันแทง" ใช่…เพราะพี่สงครามชอบให้ลูก ๆ ของฉันทำอะไรที่อันตราย ฝึกการเป็นมาเฟียอะไรของเขาซึ่งฉันเข้าใจดี แต่ฉันคิดว่ายังไม่ถึงวัยจึงห้ามพี่สงครามอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่คิดว่ากิจกรรมที่สามีเลือกทำจะเป็นการเข้าครัวทำอาหารแบบนี้"แต่พี่กำลังจะพังครัว" ทุกอย่างเละเทะไปหมดโดยเฉพาะใบหน้าของสามหนุ่มที่เต็มไปด้วยแป้ง ยิ่งตามพื้นก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่"ฉันแค่จะทำเค้กช็อกโกแลตให้เธอบ้า
ท่อนเอ็นปูดนูนกำลังถูกฉันค่อย ๆ นั่งทับลงรูสวาท ความใหญ่โตเต็มที่กำลังทำให้กลีบดอกไม้ที่ฉ่ำเยิ้มแหวกออกจากกัน สุดท้ายมันก็เข้ามาในร่างกายของฉันสำเร็จ เอ็นร้อนแท่งใหญ่ทำให้ฉันต้องงอตัวไปข้างหน้า สอดประสานมือหนาของพี่สงครามแน่นเพื่อเป็นที่ยึดไม่ให้ฉันตกลงไปคอหักจากโต๊ะทำงานตัวสูง"ซี๊ดดด~" ร่างสูงครางร้องพึงพอใจในเอวบางบดขยี้กลางกายที่กำลังเชื่อมติดกัน แม้ว่าท่านี้มันจะทำให้เสียวซ่านจนตัวงอแต่ฉันก็ไม่ย่อท้อที่จะบำเรอความสุขให้กับสามี ยิ่งได้ยินเสียงครางที่น่าพอใจแรงที่จะขยี้เป็นเนื้อเดียวกันก็มีมากขึ้น"ทะ ทำไมถึงใหญ่แบบนี้ อื้อ…""เมียจ๋าก็ตอดผัวเหมือนกัน~" เราต่างคนต่างครางเสียวกับความเข้าขากันข้างใน เม็ดเหงื่อฉันท่วมไปทั่วกรอบหน้าเป็นสัญญาณของวันสวาทที่กำลังเริ่มขึ้นฉันใช้เวลากับการบดขยี้ไม่นานเรือนร่างก็เริ่มเปลี่ยนเป็นกระดกสะโพกขึ้น ก่อนที่จะกระแทกขึ้นลงเพราะทนความเสียวไม่ไหว ทว่าการทำแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้ฉันเสียวน้อยลงเลยปึก ปึก ปึก !"อะ อื้อ~" ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวไปหมด ยิ่งตอนที่เข้าสุดออกสุดความใหญ่โตกำลังไล่ทำให้ฉันจุกไปทั้งท้องน้อย หน้าอกอวบอั๋นกระเพื่อมไปตามแรงตอกอัด แล้วก็ไม่
"เป็นยังไงบ้างเหนื่อยไหม?" ร่างสูงเอ่ยถามในขณะที่ฉันเพิ่งกลับเข้ามา วันนี้ฉันเบบี้และแม่บ้านอีกสองคนพากันออกไปตามหาเนื้อผ้าหายากเพื่อมาตัดชุดคนสำคัญ ทั้งบ้านจึงเหลือแค่พี่สงครามคนเดียวที่เลี้ยงลูกเพราะป้าปิ่นลางาน แต่สิ่งที่เขาถามฉันว่าฉันควรเป็นคนถามเขามากกว่า เพราะใบหน้าคมดูเหนื่อยล้าต่างจากก่อนหน้าที่ฉันจะออกจากบ้าน ปล่อยให้เลี้ยงลูกไม่กี่ชั่วโมงสภาพแย่ขนาดนี้เลยเหรอ สงสารจริง ๆ เลยสามีฉัน…"ไม่เหนื่อย แล้วพี่ล่ะเหนื่อยไหม คามิลดื้อหรือเปล่า" ฉันตอบจบก็เดินไปดูลูกในเปล คามิลนอนหลับในท่าสบาย คุณพ่อของเขาทำหน้าที่ได้ดีเลยทีเดียว"ไม่เหนื่อย" คำพูดช่างสวนทางกับใบหน้าตอนนี้เสียจริง ๆ"จริงเหรอ งั้นออกไปใหม่นะ วันนี้ยังไม่ได้เนื้อผ้าที่ต้องการเลย""ไม่เอา!" เขาปฏิเสธเสียงแข็งทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงไม่ทันเสร็จก็รีบกลับ เพราะเป็นห่วงลูกที่ปล่อยให้พี่สงครามเลี้ยงคนเดียว แต่ดูจากการปฏิเสธเสียงแข็ง สงสัยคามิลจะแผลงฤทธิ์ออกมาไม่น้อย"หึ ทำไมคุณพ่อเลี้ยงไม่ไหวแล้วเหรอ?" ฉันเลิกคิ้วถามยิ้ม ๆ"ไหว แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่ดีกว่า""ขยันทำแต่ไม่ขยันเลี้ยง" ฉันส่ายหัวไม่จริงจังให้ร่างสูง ค
อุแว้ อุแว้ ~เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยวัยหกเดือนระงมไปทั่วบ้าน ในขณะที่ผมกำลังวุ่นวายอยู่กับการชงนมผงก็รีบวางลงแล้วสับเท้าเดินเข้าไปหาอย่างเร็วไว จัดการอุ้มคามิลลูกชายคนเล็กของผมมาไว้ในอ้อมกอกจนเสียงร้องค่อย ๆ เบาลง"เป็นผู้ชายทำไมถึงชอบร้องไห้ สงครามบอกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้" พี่ชายอย่างคริสที่กำลังจะก้าวเข้าแปดขวบเอ่ยถามตาใส มองน้องชายกับผมสลับกันด้วยความสงสัย"ใช่ผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ แต่ตอนนี้น้องยังเด็ก ยังควบคุมไม่ได้เหมือนลูก" ผมสอนให้คริสเข้มแข็งเสมอ เขามีหน้าที่ต้องดูแลเพศแม่หรือแม่ของเขาให้ดีที่สุด พักหลัง ๆ คริสจึงเริ่มเป็นคนสุขุมขึ้น พูดจาฉะฉานต้องการเหตุผลตามวัยของเขา จนแม่เขาชอบบ่นผมอยู่บ่อย ๆ เพราะกำลังทำให้คริสไม่ขี้เล่นเหมือนเดิม พูดตามตรงคือแก้วตาไม่อยากให้คริสนิสัยเหมือนผม เธอบอกว่าสงสารคนที่ต้องมาเจอชะตาเดียวกันกับเธอในอนาคต ซึ่งผมไม่เข้าใจ…ผมไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นมั้ง…"เมื่อไหร่คามิลจะโตครับ" ผมยกยิ้มบาง ๆ มองคามิลสลับกับคริส ก่อนที่จะลูบหัวพี่ชายเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ให้เหตุผล"ต้องใช้เวลา อีกไม่นานคามิลก็จะโตมาเหมือนลูก ลูกต้องดูแลน้องและรักน้องมาก ๆ เช่นเดียวกันคือน้อง
@ทะเล~พรุ่งนี้ก็เป็นอีกวันที่จะถึงงานแต่งอีกวันของเบบี้ ฉันกับเบบี้เดินทางกันมาถึงเย็น ๆ ของวันก่อนเริ่มงาน ขณะที่ว่าที่เจ้าบ่าวพี่สงครามและเพื่อน ๆ เจ้าบ่าวมาตรวจความเรียบร้อยของงานกันตั้งแต่เช้าแล้ว"สงคราม~" เสียงใสรีบวิ่งฝ่าทรายของทะเลเพื่อไปหาเจ้าของชื่อ ไม่ต้องแปลกใจ…พี่สงครามใช้เวลาแค่ไม่กี่วันที่ทำให้คริสเรียกชื่อเขาแทนการเรียกว่าพ่อ เพราะเขาทั้งตามใจ เอาใจใส่ จนคริสหันไปรักเขามากกว่าฉันที่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด"กูเริ่มรู้สึกเหมือนคิดผิดแล้ว ให้ลูกเรียกพ่อเหมือนเดิมยังดีกว่าอีก เหมือนมีเพื่อนเพิ่มมากกว่ามีลูก" พี่สงครามหันไปเอ่ยกับบรรดาเพื่อนเขาที่ยืน ๆ ข้าง ทุกคนต่างพากันหัวเราะใหญ่โดยเฉพาะฉัน ฉันบอกแล้วไงว่าการถูกเรียกชื่อมันแปลก ๆ แต่พอนึกถึงที่มาของมันก็ยังพอหักลบกันได้"กูว่าเวรกรรมของมึงน่าจะมาในรูปแบบลูกแน่ ๆ หึ" พี่มังกรกระซิบกลับ จนพี่สงครามต้องถลึงตาใส่ที่เพื่อนกำลังด่าทางอ้อม"ลงมาทำไม ที่นี่มันร้อน" พี่สงครามย่อตัวไปคุยกับลูกชายของเขา"อยากลงเล่นน้ำน่ะสิ" ฉันตอบแทน แล้วคริสก็หันมาหน้ามุ่ยใส่ฉัน"สงครามแก้วตาไม่ให้ผมลงเล่นน้ำ แต่ผมอยากเล่น" ตั้งแต่มาถึงก็ขอฉันเป็นอัน