"ถ้ากำลังทำให้ฉันสนใจบอกเลยว่าวิธีนี้ไม่สำเร็จ" มือหนาไล่ตามกรอบหน้าของหญิงสาวก่อนที่จะเอ่ยประโยคที่ค่อนข้างจะเข้าข้างตัวเอง จนคนฟังอย่างแก้วตาต้องขมวดคิ้วมองพร้อมกับมือบางที่รีบไล่ปัดออกอย่างรวดเร็ว เธอได้แต่พร่ำคิดว่าเขาไปเอาความคิดสกปรกนี่มาจากที่ไหน ถึงได้มองว่าคนที่ไม่เคยบอกว่าอยากได้เขา ค่อนข้างจะแสดงออกว่าเกลียดเข้ากระดูกดำแบบเธอกำลังให้ท่าหรือให้ความสนใจ
"เป็นบ้าเหรอ?" หญิงสาวเลิกคิ้วถามคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ พร้อมจะผละตัวเองเพื่อหนีแต่ประโยคถัดไปที่หลุดออกจากปากก็ทำให้เธอชะงัก
"ต้องการเท่าไหร่?"
"อะไร?"
"แลกกับร่างกายของเธอ ต้องใช้เงินเท่าไหร่?"
เพียะ!
สิ้นประโยคที่น่ารังเกียจพวกนั้นนั้นมือบางก็จัดการฟาดลงบนใบหน้าโดยไม่มีคำพูดอะไรที่หลุดออกจากปาก ถึงเธอจะจัดอยู่ในคนที่มีฐานะยากจนแต่คนอย่างเธอก็ไม่ใช่คนที่จะถวายตัวเองเพื่อแลกกับเงินของใคร ถึงแม้ว่าเขาจะเอาเงินร้อยล้านมากองตรงหน้า แต่เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวที่เขาจะดูถูกเอาง่าย ๆ
"เก็บเงินไว้ทำศพของพี่ตอนตายเถอะ" ว่าจบหญิงสาวก็รีบเดินหนีไปในทันที เธอไม่เคยเจอคนที่โรคจิตแบบนี้มาก่อน เขากำลังดูถูกเธอด้วยเม็ดเงินที่เขาคิดว่ามันสามารถซื้อคนทั้งโลกได้ มันอาจจะจริงที่เธอต้องการมันมาก ๆ แต่มันก็ไม่ใช่ด้วยวิธีที่น่ารังเกียจแบบนี้
ไอมาเฟียโรคจิต
.
.
"ไปไหนมาว่ะ นึกจมตายในห้องน้ำแล้ว" ชายหนุ่มที่บอกเพื่อนว่าจะไปเข้าห้องน้ำทว่าหายไปนานสองนานกลับไม่ตอบแต่เลือกที่จะยกกล่องบุหรี่ให้เพื่อนได้ดู นั้นเป็นอันเข้าใจว่าที่เขาหายไปนานเพราะเหตุผลอะไร
"เฮ้ย…เดี๋ยวนะ มึงไปโดนใครเขาตบมาวะ ไอสัส…เป็นรอยมือเลย" เพื่อนสนิทที่นั่งด้านข้างอยู่ ๆ ก็โพล่งพูดขึ้น มือหนาจับคางเพื่อนไว้พร้อมกับหัวเราะเยาะเย้ยชายหนุ่มที่กำลังฉายสีหน้านิ่ง
รอยวาดจากมือบางเมื่อครู่มีน้ำหนักเลยทีเดียว เพราะเป็นรอยมือแดงขึ้นชัดด้วยความลงแรงมากพอสมควร นั้นจึงยิ่งทำให้มาเฟียหนุ่มยิ่งโมโหมากกว่าเดิม
"เสือก!" เขาปัดป่ายมือของเพื่อนสนิทเพื่อออกห่าง ก่อนที่จะเน้นคำด่าใส่แล้วมองไปที่หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของการกระทำด้วยสายตาอันน่ากลัวและเย็นยะเยือก ขณะที่คนที่ถูกจับจ้องกลับกระตุกยิ้มเบา ๆ แล้วลอยหน้าลอยตาทำเหมือนสิ่งเกิดขึ้นไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
"เชี้ย…โดนเหยื่อปฏิเสธมาแน่ๆ ฮ่าๆ " คนในห้องต่างพากันระเบิดหัวเราะไม่หยุด ผิดกับคนที่โดนกระทำที่กำลังนิ่วหน้าด้วยอารมณ์ที่สามารถฆ่าใครสักคนได้ด้วยมือเปล่า
"ต้องกล้าขนาดไหนว่ะถึงได้ตบหน้ามาเฟียที่ชื่อว่าสงครามคนนี้ได้ แม่ง…กูอยากเห็นหน้าคนนั้นจริง ๆ ชะตาขาดหรือยังว่ะ?" หญิงสาวที่ได้ยินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ทันทีที่มีหนึ่งในนั้นคำว่า 'ชะตาขาด' แล้วมันก็ได้วิ่งวนเข้ามาในหัวของเธอที่ลืมคิดไปเลยว่าอีกคนไม่ใช่คนธรรมดา เธอกำลังนำพาความซวยมาให้ตัวเอง แล้วมันก็ยิ่งตอกย้ำความกลัวของเธอเข้าไปเมื่อร่างสูงที่เพิ่งถูกเธอตบหน้ามาหมาด ๆ กำลังจดจ้องพร้อมกับเอ่ยประโยคที่น่าขนลุก
"กูไม่ปล่อยไว้นานหรอก…" ชีวิตของเธอหลังจากนี้คงจะไม่ปกติสุขอีกต่อไป เพราะดันไปเล่นเข้ากับมาเฟียร้ายที่ไม่เคยยอมให้ใครหักหน้าแล้วแม่ค้าตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจะเอาตัวรอดได้ยังไง
"ขอไว้อาลัยเหยื่อของมึงพลาง ๆ แล้วกัน"
"ผมคิดว่าเมื่อกี้เราทำเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม""อันนี้มันเค้กช็อกโกแลตหน้าไหม้หนิครับ" ฉันถึงทำกับหลุดขำพรืดในตอนที่ลูกชายสองคนที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จกำลังจดจ้องเค้กก้อนแรกของพวกเขาสีหน้าขมวด ก่อนที่จะปรายตาไปมองคนเป็นพ่อพร้อมกัน พี่สงครามจึงกระแอมคอนิดหน่อยราวกับกำลังคิดคำตอบ"พ่อว่า…เตาอบที่บ้านน่าจะมีปัญหานิดหน่อย" พี่สงครามพูดเสียงเรียบพยายามเก็บอาการ ในขณะที่ฉันก็พยายามกลั้นขำไม่ให้เกิดพิรุธ"หมดกันเค้กที่คามิลพยายามทำ" คามิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ทิ้งตัวไปพิงเก้าอี้ทานข้าว ทว่ายังมีอีกคนที่กำลังจ้องพี่สงครามกับฉันสลับกัน"มีอะไรคริส?" พี่สงครามเอ่ยถาม"เตาอบมีปัญหาหรือลืมสงครามลืมเอาออกจากเตาอบ" คริสถามเสียงเรียบ เด็กคนนี้รู้ทันคนเป็นพ่อเสียทุกอย่าง พอถามจบพี่สงครามก็เริ่มเกิดอาการพิรุธทันที"ใครจะไปลืม เตาอบมีปัญหาจริง ๆ""ไม่ใช่ว่ามัวแต่สวีทกับคาริสาเหรอครับ?" คิ้วเรียงสวยเลิกขึ้นมองคนเป็นพ่อนิ่ง จนสุดท้ายพี่สงครามก็ต้องยอมรับ"แม่ทำพ่อเสียสมาธิ พ่อเลยลืม""พี่คราม!" ฉันถลึงตาใส่เขาที่อยู่ ๆ ก็โยนความผิดมาให้ฉัน เขาต่างหากที่เป็นคนเดินมาหาฉันเอง ฉันไม่ได้ทำให้เขาเสียสมาธิเลยสักนิด"เฮ้อ
ห้าปีผ่านไป"นี่มันอะไรกันเนี่ย!" ฉันได้แต่อ้าปากค้างแล้วเหลือบมองคนสามคนที่กำลังทำอะไรบางอย่าง ไล่มองสามร่างต่างขนาดทีละคนก่อนที่จะหยุดที่คนสุดท้ายที่ฉันคิดว่าเป็นตัวต้นเรื่อง"…" ไม่มีเสียงตอบรับจากใครสักคนที่อยู่ในครัว ตอนนี้ฉันกำลังเล็งผู้ชายสามคนที่กำลังพังห้องครัวของฉัน ไล่เรียงตั้งแต่หกขวบคามิล สิบสามขวบคริสและคนสุดท้าย เกือบสี่สิบขวบพี่สงครามเป็นหัวโจกมีอุปกรณ์ทำขนมอยู่ในมือทุกคน แป้งขนมตลบอบอวลไปทั่วห้องครัวฟุ้งกระจายเกินกว่าที่คนข้างนอกจะคิดว่าพวกเขากำลังทำอาหาร"อธิบายมาค่ะพี่คราม" ฉันเล็งไปที่คนเป็นพ่อที่มือถือตะกร้อตีไข่ พอเห็นสายตาที่ฉันมองเขาก็รีบวางลงในทันที"พี่แค่กำลังทำตามที่เมียบอกไง ไม่จับอุปกรณ์ตีรันฟันแทง" ใช่…เพราะพี่สงครามชอบให้ลูก ๆ ของฉันทำอะไรที่อันตราย ฝึกการเป็นมาเฟียอะไรของเขาซึ่งฉันเข้าใจดี แต่ฉันคิดว่ายังไม่ถึงวัยจึงห้ามพี่สงครามอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่คิดว่ากิจกรรมที่สามีเลือกทำจะเป็นการเข้าครัวทำอาหารแบบนี้"แต่พี่กำลังจะพังครัว" ทุกอย่างเละเทะไปหมดโดยเฉพาะใบหน้าของสามหนุ่มที่เต็มไปด้วยแป้ง ยิ่งตามพื้นก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่"ฉันแค่จะทำเค้กช็อกโกแลตให้เธอบ้า
ท่อนเอ็นปูดนูนกำลังถูกฉันค่อย ๆ นั่งทับลงรูสวาท ความใหญ่โตเต็มที่กำลังทำให้กลีบดอกไม้ที่ฉ่ำเยิ้มแหวกออกจากกัน สุดท้ายมันก็เข้ามาในร่างกายของฉันสำเร็จ เอ็นร้อนแท่งใหญ่ทำให้ฉันต้องงอตัวไปข้างหน้า สอดประสานมือหนาของพี่สงครามแน่นเพื่อเป็นที่ยึดไม่ให้ฉันตกลงไปคอหักจากโต๊ะทำงานตัวสูง"ซี๊ดดด~" ร่างสูงครางร้องพึงพอใจในเอวบางบดขยี้กลางกายที่กำลังเชื่อมติดกัน แม้ว่าท่านี้มันจะทำให้เสียวซ่านจนตัวงอแต่ฉันก็ไม่ย่อท้อที่จะบำเรอความสุขให้กับสามี ยิ่งได้ยินเสียงครางที่น่าพอใจแรงที่จะขยี้เป็นเนื้อเดียวกันก็มีมากขึ้น"ทะ ทำไมถึงใหญ่แบบนี้ อื้อ…""เมียจ๋าก็ตอดผัวเหมือนกัน~" เราต่างคนต่างครางเสียวกับความเข้าขากันข้างใน เม็ดเหงื่อฉันท่วมไปทั่วกรอบหน้าเป็นสัญญาณของวันสวาทที่กำลังเริ่มขึ้นฉันใช้เวลากับการบดขยี้ไม่นานเรือนร่างก็เริ่มเปลี่ยนเป็นกระดกสะโพกขึ้น ก่อนที่จะกระแทกขึ้นลงเพราะทนความเสียวไม่ไหว ทว่าการทำแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้ฉันเสียวน้อยลงเลยปึก ปึก ปึก !"อะ อื้อ~" ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวไปหมด ยิ่งตอนที่เข้าสุดออกสุดความใหญ่โตกำลังไล่ทำให้ฉันจุกไปทั้งท้องน้อย หน้าอกอวบอั๋นกระเพื่อมไปตามแรงตอกอัด แล้วก็ไม่
"เป็นยังไงบ้างเหนื่อยไหม?" ร่างสูงเอ่ยถามในขณะที่ฉันเพิ่งกลับเข้ามา วันนี้ฉันเบบี้และแม่บ้านอีกสองคนพากันออกไปตามหาเนื้อผ้าหายากเพื่อมาตัดชุดคนสำคัญ ทั้งบ้านจึงเหลือแค่พี่สงครามคนเดียวที่เลี้ยงลูกเพราะป้าปิ่นลางาน แต่สิ่งที่เขาถามฉันว่าฉันควรเป็นคนถามเขามากกว่า เพราะใบหน้าคมดูเหนื่อยล้าต่างจากก่อนหน้าที่ฉันจะออกจากบ้าน ปล่อยให้เลี้ยงลูกไม่กี่ชั่วโมงสภาพแย่ขนาดนี้เลยเหรอ สงสารจริง ๆ เลยสามีฉัน…"ไม่เหนื่อย แล้วพี่ล่ะเหนื่อยไหม คามิลดื้อหรือเปล่า" ฉันตอบจบก็เดินไปดูลูกในเปล คามิลนอนหลับในท่าสบาย คุณพ่อของเขาทำหน้าที่ได้ดีเลยทีเดียว"ไม่เหนื่อย" คำพูดช่างสวนทางกับใบหน้าตอนนี้เสียจริง ๆ"จริงเหรอ งั้นออกไปใหม่นะ วันนี้ยังไม่ได้เนื้อผ้าที่ต้องการเลย""ไม่เอา!" เขาปฏิเสธเสียงแข็งทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงไม่ทันเสร็จก็รีบกลับ เพราะเป็นห่วงลูกที่ปล่อยให้พี่สงครามเลี้ยงคนเดียว แต่ดูจากการปฏิเสธเสียงแข็ง สงสัยคามิลจะแผลงฤทธิ์ออกมาไม่น้อย"หึ ทำไมคุณพ่อเลี้ยงไม่ไหวแล้วเหรอ?" ฉันเลิกคิ้วถามยิ้ม ๆ"ไหว แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่ดีกว่า""ขยันทำแต่ไม่ขยันเลี้ยง" ฉันส่ายหัวไม่จริงจังให้ร่างสูง ค
อุแว้ อุแว้ ~เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยวัยหกเดือนระงมไปทั่วบ้าน ในขณะที่ผมกำลังวุ่นวายอยู่กับการชงนมผงก็รีบวางลงแล้วสับเท้าเดินเข้าไปหาอย่างเร็วไว จัดการอุ้มคามิลลูกชายคนเล็กของผมมาไว้ในอ้อมกอกจนเสียงร้องค่อย ๆ เบาลง"เป็นผู้ชายทำไมถึงชอบร้องไห้ สงครามบอกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้" พี่ชายอย่างคริสที่กำลังจะก้าวเข้าแปดขวบเอ่ยถามตาใส มองน้องชายกับผมสลับกันด้วยความสงสัย"ใช่ผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ แต่ตอนนี้น้องยังเด็ก ยังควบคุมไม่ได้เหมือนลูก" ผมสอนให้คริสเข้มแข็งเสมอ เขามีหน้าที่ต้องดูแลเพศแม่หรือแม่ของเขาให้ดีที่สุด พักหลัง ๆ คริสจึงเริ่มเป็นคนสุขุมขึ้น พูดจาฉะฉานต้องการเหตุผลตามวัยของเขา จนแม่เขาชอบบ่นผมอยู่บ่อย ๆ เพราะกำลังทำให้คริสไม่ขี้เล่นเหมือนเดิม พูดตามตรงคือแก้วตาไม่อยากให้คริสนิสัยเหมือนผม เธอบอกว่าสงสารคนที่ต้องมาเจอชะตาเดียวกันกับเธอในอนาคต ซึ่งผมไม่เข้าใจ…ผมไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นมั้ง…"เมื่อไหร่คามิลจะโตครับ" ผมยกยิ้มบาง ๆ มองคามิลสลับกับคริส ก่อนที่จะลูบหัวพี่ชายเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ให้เหตุผล"ต้องใช้เวลา อีกไม่นานคามิลก็จะโตมาเหมือนลูก ลูกต้องดูแลน้องและรักน้องมาก ๆ เช่นเดียวกันคือน้อง
@ทะเล~พรุ่งนี้ก็เป็นอีกวันที่จะถึงงานแต่งอีกวันของเบบี้ ฉันกับเบบี้เดินทางกันมาถึงเย็น ๆ ของวันก่อนเริ่มงาน ขณะที่ว่าที่เจ้าบ่าวพี่สงครามและเพื่อน ๆ เจ้าบ่าวมาตรวจความเรียบร้อยของงานกันตั้งแต่เช้าแล้ว"สงคราม~" เสียงใสรีบวิ่งฝ่าทรายของทะเลเพื่อไปหาเจ้าของชื่อ ไม่ต้องแปลกใจ…พี่สงครามใช้เวลาแค่ไม่กี่วันที่ทำให้คริสเรียกชื่อเขาแทนการเรียกว่าพ่อ เพราะเขาทั้งตามใจ เอาใจใส่ จนคริสหันไปรักเขามากกว่าฉันที่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด"กูเริ่มรู้สึกเหมือนคิดผิดแล้ว ให้ลูกเรียกพ่อเหมือนเดิมยังดีกว่าอีก เหมือนมีเพื่อนเพิ่มมากกว่ามีลูก" พี่สงครามหันไปเอ่ยกับบรรดาเพื่อนเขาที่ยืน ๆ ข้าง ทุกคนต่างพากันหัวเราะใหญ่โดยเฉพาะฉัน ฉันบอกแล้วไงว่าการถูกเรียกชื่อมันแปลก ๆ แต่พอนึกถึงที่มาของมันก็ยังพอหักลบกันได้"กูว่าเวรกรรมของมึงน่าจะมาในรูปแบบลูกแน่ ๆ หึ" พี่มังกรกระซิบกลับ จนพี่สงครามต้องถลึงตาใส่ที่เพื่อนกำลังด่าทางอ้อม"ลงมาทำไม ที่นี่มันร้อน" พี่สงครามย่อตัวไปคุยกับลูกชายของเขา"อยากลงเล่นน้ำน่ะสิ" ฉันตอบแทน แล้วคริสก็หันมาหน้ามุ่ยใส่ฉัน"สงครามแก้วตาไม่ให้ผมลงเล่นน้ำ แต่ผมอยากเล่น" ตั้งแต่มาถึงก็ขอฉันเป็นอัน