เมื่อกิจกรรมที่โรงเรียนจบลง ทินกรจึงพาทั้งสองแม่ลูกออกมาเลี้ยงฉลองกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพราะถือว่าวันนี้ ก็มีโอกาสได้ออกมาข้างนอกกันแล้ว และก็อยากอยู่กันตามลำพังด้วย และหลังจากนั้นจึงพาทั้งสองกลับคอนโด โดยที่เขาเป็นฝ่ายขับรถไปส่ง
คอนโดฯ (พิพิม)
“จะทำอะไร” ทินกรถามขึ้น เมื่อรถจอดแล้วหญิงสาวเดินอ้อมไปเปิดประตูหลังที่ ตอนนี้มีอาเธอร์นอนหลับอยู่บนเบาะ
“จะอุ้มลูกไงคะ ไม่เห็นว่าอาเธอร์หลับอยู่” พิพิมเอ่ยตอบ พร้อมกับจ้องมองไปยังเด็กน้อยที่หลับสนิทอยู่บนเบาะรถ
“ถือไว้...เดี๋ยวพี่จัดการเอง” ร่างสูงยื่นกระเป๋าไปให้กับหญิงสาวถือแทน แล้วเจ้าตัวกลับเป็นฝ่ายที่อาสาอุ้มอาเธอร์เสียเอง เพราะอาเธอร์ตอนนี้ก็ไม่ใช่ตัวเล็กๆ ที่หญิงสาวจะอุ้มไหวแล้ว
เมื่อพิพิมไม่สามารถที่จะปฏิเสธความช่วยเหลือจากร่างสูงได้ จึงต้องยอมให้ทินกรอุ้มลูกของเธอ แล้วเธอกลับต้องเป็นฝ่ายเดินถือกระเป๋าเอง เดินขึ้นไปยังชั้นพักของเธอต่อ
เมื่อเข้ามาถึงห้อง พิพิมเดินไปเปิดประตูห้องนอน ของอาเธอร์ที่ใช้นอนเป็นประจำ ให้กับร่างสูงได้วางลงบนที่นอน แล้วเธอก็ออกมานั่งลงที่โชฟาด้านนอกแทน
“ขอบคุณนะคะ ที่วันนี้ยอมสละเวลามาเพื่ออาเธอร์ขนาดนี้” พิพิมเอ่ยขอบคุณ เมื่อร่างสูงเดินออกมานั่งลงข้างๆเธอ
“เหนื่อยมากไหม” เสียงนุ่มถามขึ้นมา โดยที่ไม่สนใจกับคำขอบคุณของหญิงสาวเลย
“คนเป็นแม่ ไม่มีคำว่าเหนื่อยหรอกคะ ยิ่งเห็นลูกมีความสุข แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้วค่ะ” พิพิมเอ่ยตอบ พร้อมกำลังจะลุกออกจากตรงนั้น
“จะไปไหน คุยกันก่อนสิ” ร่างสูงรีบลุกขึ้นตาม แล้วสวมกอดจากทางด้านหลังไว้ทันที
“พี่รีบกลับไปเถอะ นี้มันก็มืดแล้ว พิมต้องการที่จะพักผ่อน” หญิงเอ่ยบอก พร้อมกับพยายามแกะแขนแกร่งของทินกร ที่สวมกอดเธอออก
“...” ร่างสูงยังคงยืนกอดหญิงสาวไว้แน่น และไม่เอ่ยตอบอะไรออกมา
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงกดรหัสหน้าห้องดังขึ้น ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากปั้นหยา เพราะมีเพียงคนเดียวที่สามรถเข้าออกห้องของเธอได้
“พิม...อ้าวพี่ชายก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ปั้นหยาพูดขึ้นมาทันที เมื่อเปิดประเข้ามา เจอกับทั้งคู่ ซึ่งพี่ชายของเธอยืนกอดหญิงสาวตรงหน้าไว้แน่น
“...” ทินกรพยักหน้ารับ กับน้องสาว แล้วส่งสายตากลับไป บอกเป็นนัยๆ ว่าให้น้องสาวรีบออกจากห้องไป
“หยาขอโทษนะ ที่เข้ามาขัดจังหวะ พอดีซื้อของมาฝากพี่เธอร์ นั้นหยาไม่รบกวนแล้วนะ โชคดีน่ะพี่ชาย” ปั้นหยารีบขอโทษคนทั้งสอง แล้ววางของที่ซื้อมาไว้ที่โต๊ะข้างๆ แล้วรีบออกจากห้องไปทันที เพราะเจอสายตาพิฆาตของพี่ชาย
“หยา” พิพิมเอ่ยเรียกตามหลัง
“จะเรียกหาคนอื่นทำไมกัน ผัวก็ยืนกอดอยู่แท้ๆ” เสียงทุ้มของทินกรเอ่ยแซวขึ้นมา เมื่อเห็นพิพิมพยายามเรียกปั้นหยาไว้
“นี่...พะ อื้อ...” หญิงสาวหันหน้าไปหาร่างสูง กำลังจะต่อว่า แต่โดนร่างสูงก้มมาจูบปิดปากเธอเสียก่อน
“อะไรหรือว่าไม่จริง หืมมม” ทินกรถามขึ้นมา พร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ เมื่อถอนจูบออก
“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีทะเบียนสมรส ไม่มีผัว ไม่มีเมียอะไรทั้งนั้นแหล่ะ” หญิงสาวสวนคำพูดกลับมาทันที
“นั้นก็เป็นตั้งแต่ตอนนี้เลยสิ แต่งงาน หรือว่าจะจดทะเบียนสมรสก่อนดี” ทินกรพูดขึ้นมา
“นี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดเล่นๆกันน่ะค่ะ” หญิงสาวต่อว่าร่างสูงตรงหน้าทันที ที่ชอบพูดอะไรออกมามั่วๆ
“แล้วใครบอก ว่าแค่พูดเล่นๆกันละ พี่พูดจริง แล้วก็ทำจริงๆ พิมไม่อยากเห็นลูกมีความสุขเหรอ” ทินกรพูดขึ้นมาอีกครั้ง และจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวนิ่ง แล้วถามกลับไป
“...” พิพิมยืนตัวแข็งทื่อทันที เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร เมื่อร่างสูงพูดแบบนี้ออก
“พิมไม่เห็นเหรอ ว่าวันนี้อาเธอร์มีความสุขมากขนาดไหน” ทินกรพูดออกมา
“พิม...” หญิงสาวได้แต่อ้ำอึ้ง ก้มหน้าหนี เพราะไม่รู้จะพูดตอบแบบไหน
“พี่ไม่สนหรอกน่ะ ว่าอดีตพิมจะเจอกับอะไรมา แต่ตอนนี้ เวลานี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่ สร้างครอบครัว สร้างความสุขให้อาเธอร์ไปด้วยกันน่ะ” ทินกรพ่นวาจา ที่ไม่เคยคุยกับใครเป็นเป็นขนาดนี้
“...” หญิงสาวก็ยังคงยืนนิ่งเงียบอีกตามเคย
“ว่ายังไงครับ...” เสียงนุ่มถามขึ้นมาอีกครั้ง
“พะ...พิมขอคิดดูก่อน ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญกับพิมเท่ากับอาเธอร์อีกแล้ว” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“แต่อาเธอร์ก็ต้องการพ่อน่ะ...” ทินกรเอาเหตุผลข้อนี้เข้ามาอ้าง เพราะเขาสัมผัสได้ว่า อาเธอร์ก็ต้องการเขาอยู่ไม่น้อย
“แต่...” หญิงสาวกำลังจะเอ่ยต่อ
กริ่ง กริ่ง กริ่ง
เสียงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าของหญิงสาวดังขึ้นมา ขัดจังหวะเสียก่อน มือบางรับสายทันที ที่เห็นว่าใครเป็นคนโทรมา
“ว่าจังใด่มีน”(ว่ายังไงมีน) พิพิมพูดภาษาอีสานใส่ปลายสายทันที ที่กดรับ
[พิม...ฮือ...] เสียงปลายเอาแต่ร้องไห้ดังออกมา จนพลอยทำให้ร่างสูงได้ยินไปด้วย
“มีน...ใจเย็นๆ มีนฮ้องไห่เฮ็ดหยัง ไผเป็นหยัง”(มีน...ใจเย็นๆ มีนร้องไห้ทำไม ใครเป็นอะไร) พิพิมถามกลับไป เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
[พ่อกับแม่ ฮือ...พ่อกับแม่เฮาเสียแล้ว]
“อีหยังน่ะ!...น้ามั่นกับน้าพรรณเสียแล้ว มีนเกิดอีกยังขึ้น”(อะไรน่ะ!...น้ามั่นกับน้าพรรณเสียแล้ว มีนเกิดอะไรขึ้น) พิพิมเอ่ยถามอย่างตกใจ เมื่อเพื่อนสาวบอกว่าพ่อกับแม่ของเธอเสีย ซึ่งก็คือผู้ที่เคยมีพระคุณกับพิพิม ตอนที่หญิงสาวไปอยู่ต่างจังหวัดใหม่ๆนั้นเอง มีพ่อและแม่ของอมีนาคอยช่วยเลี้ยงอาเธอร์
[พ่อกับแม่ รถคว่ำ]
“มีนโอเคบ่...เดี๋ยวเฮาสิไปหามีนตอนนี้”(มีนโอเคไหม...เดี๋ยวเราจะไปหามีนตอนนี้) พิพิมเอ่ยบอก พร้อมกับรีบวางสาย แล้วเดินเข้าไปที่ห้องนอนของเธออย่างรีบร้อน
“พิม...เกิดอะไรขึ้น พิมจะไปไหน มันดึกแล้ว” ทินกรถามขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวท่าทางรีบร้อน
“พิมจะไปต่างจังหวัดเดี๋ยวนี้ค่ะ...พ่อแม่เพื่อนพิมเกิดเรื่อง”
“เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน...”
“แต่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นครับ...พี่ขับรถให้เอง เดี๋ยวเอาอาเธอร์ไปฝากไว้ที่ปั้นหยาน่ะ” ทินกรพูดขึ้นมา แล้วรีบอุ้มอาเธอร์ไปฝากไว้กับน้องสาวของเธอที่ห้อง แล้วทั้งคู่ก็ออกเดินทางในคืนนั้น โดยที่ทินกรเป็นฝ่ายขับรถไปเอง
คนที่อยากเจอที่สุด“แม่ปิ่น...มาได้ยังไงกันคระ...อาคิม อาพาย เออ. สะ สวัสดีครับ” ทินกรเอ่ยขึ้นถามอย่างตกใจ เมื่อเปิดประตูเข้าไปที่ห้องพักฟื้นของอาเธอร์แต่เจอเข้ากับปิ่นลดา และต้องตกใจไปมากกว่านั้น เมื่อคนที่อยู่ภายในห้องมีทั้งคิมหันต์และพระพาย พ่อแม่ของพิพิมรวมอยู่ด้วย“พิพิม!” สองเสียงของคิมหันต์และพระพายเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันทันที เมื่อเจอหน้าของลูกสาวที่เดินเข้ามาตามหลังของทินกร“พ่อจ๋า แม่จ๋า” พิพิมวิ่งเข้าไปสวมกอดท่านทั้งสองทันที หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันนานนับ 5 ปี พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินดั่งสายน้ำ“พิพิมลูกพ่อ” คิมหันต์เอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมกับลูบไปที่ศรีษะของลูกสาวอย่างอ่อนโยน และแสนคิดถึงมานาน“พิมจ๋าของแม่จ๋าไปอยู่ที่ไหนมาคะลูก” พระพายถามขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ไหลออกมาอาบทั้งสองแก้ม“พิมขอโทษค่ะ พ่อจ๋าแม่จ๋า พิมขอโทษ” พิพิมได้แต่เอ่ยคำว่าขอโทษเท่านั้น พร้อมกับเสียงสะอื้น“พิมจ๋า” เสียงเล็กของอาเธอร์ดังขึ้นมาจากห้องข้างใน เอ่ยเรียกชื่อของพิพิม ทุกคนจึงหันไปมองเป็นทางเดียวกันและเป็นทินกรเองที่รีบเดินเข้าไปหาอาเธอร์ทันที พิพิมจึงเดินเข้าไปตามหลัง ให้ทุกคนนั่งรอกันอยู่ที่ด้
ความจริงปารกฏ“หนูพิม ทำไมอยู่ที่นี่” หมอโปรดถามขึ้นมา เมื่อเดินมาถึงที่ แล้วเห็นพิพิมยืนอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดด้วยกับลูกสาวเขา เพราะปั้นหยาแค่บอกว่าอาเธอร์เป็นลูกของเพื่อน แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพื่อนคนไหน“พ่อโปรดรีบเข้าไปข้างในก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวก็รู้เรื่องทั้งหมดเอง” ปั้นหยารีบเอ่ยบอก เมื่อพ่อทำหน้าสงสัยอยู่ เพราะเธอก็พึ่งจะรู้เมื่อกี้นี้เองว่าอาเธอร์คือลูกของพิพิมกับพี่ชายเธอ“แค่เคสลูกเพื่อนน้องสาว กลับถึงขึ้นต้องโทรตามพ่อมาเลยเหรอ แถมยังให้เลือดเองด้วย” หมอโปรดพูดขึ้นมาทันที ที่ฌดินเข้าไปหาทินกร ที่นั่งให้เลือดอยู่อีกฝั่งหึ่งของห้องผ่าตัด“ลูกชายพิพิมครับ” ทินกรเอ่ยบอก โดยไม่ได้มองหน้าของพ่อ แต่กลับมองไปทางเด็กน้อยที่นอนรออยู่บนเตียง“อะไรน่ะ ลูกชายหนูพิม แล้วที่ให้เลือดนี้ ก็แสดงว่า...” หมอโปรดเลิกคิ้วขึ้นถาม อย่างตกใจ เมื่อรู้ว่าเด็กน้อยที่ปั้นหยาพามาคือลูกชายของพิพิม แล้วก็ต้องตกใจเมื่อนึกขึ้นมาได้ และมองไปยังลูกชายที่ยังอยู่ตรงนี้ อย่างต้องการคำตอบเพื่อความแน่ใจอีกที“ครับ” ทินกรตอบรับเพียงคำเดียว“แล้วทำไม ลูกไม่เป็นคนจัดการเองล่ะ” หมอโปรดถามลูกชายขึ้นมา“ทีมไม่กล้าครับ ก
เลือดเนื้อเชื้อไขช่วงสายของวันร่างสูงตื่นขึ้นมา พร้อมกับเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นมาไม่หยุด ทินกรลุกขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ มองดูหญิงสาวที่ยังคงหลับสนิท แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย“ครับพ่อโปรด ทีมจะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้ครับ” ทินกรรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นพ่อโทรมา แล้วรีบลุกขึ้นแต่งตัวอย่างรีบร้อน เดินทางออกไปยังโรงพยาบาลทันที เพราะพ่อโทรมาว่ามีเคสด่วน ปล่อยให้หญิงสาวได้พัก เขาจึงไม่ได้ปลุก แต่กลับสวมเสื้อเพียงตัวเดียวไว้ให้เธอโรงพยาบาลโยธินนารัตน์“มีเรื่องอะไรกันครับพ่อโปรด ตัวแสบทำไมอยู่ที่นี่” ทินกรรีบสวมเสื้อกาวน์อย่างรีบร้อน แล้วเดินออกมาถามพ่อที่อยู่ห้องทำงานทันที พร้อมกับต้องตกใจที่เห็นน้องสาวอยู่ที่นี่ด้วย“ทำไมมาเอาป่านนี้ หน้าตาดูไม่ได้เลย เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ” เสียงทุ้มของหมอโปรดถามขึ้นมาทันที ที่เห็นลูกชายพึ่งจะเข้ามาที่ห้องเอาป่านนี้“มีปัญหานิดหน่อยครับ เดี๋ยวทีมเล่าให้ฟังทีมหลังน่ะ แล้วหยามาที่นี่ได้ยังไง” ทินกรเอ่ยบอกพ่อ แล้วหันหน้าไปถามน้องสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย“อาเธอร์เกิดเรื่องค่ะ” ปั้นหยาเอ่ยบอกพี่ชาย และไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ฟัง“อาเธอร์เหรอ อ่อ...ตัวแส
โดนเล่นงานNCภายในงานยังคงดำเนินการไปจนถึงดึก ทินกรให้การต้อนรับแก่นายอพทย์คนใหม่เป็นอย่างดี แต่ระหว่างที่พูดคุยทักทายกันนั้น สายตาก็พยายามที่จะมองหาพิพิมอยู่ตลอดเวลา“หมอทีมมองหาใครหรือครับ” นพดล นายแพทย์คนใหม่ถามขึ้นมา เมื่อคุยอยู่กับเขาแต่สายตาของทินกรกลับเอาแต่มองหาใครบางคนอยู่ตลอดเวลา“เปล่าหรอกครับ...หมอนพดื่มได้เลยน่ะครับ พอดีผมขับรถมาเอง ดื่มไม่ได้ครับ” ทินกรตอบกลับไป และพยายามปฏิเสธรับเครื่องดื่มทุกชนิดที่ทุกคนยื่นให้“พยาบาลที่นี่...มีแต่สาวสวยๆกันทั้งนั้นเลยนะครับ แบบนี้พอจะมีคนไหนว่าง ที่พอจะเข้าตาผมบ้างไหม หรือว่าหมอทีมมีใครที่อยากจะแนะนำผมเป็นพิเศษบ้างหรือเปล่าครับ” นพดลพูดแซวขึ้นมา พร้อมกับสายตาที่กวาดมองดูเหล่าบรรดาพยาบาลสาวสวยที่อยู่ภายในงานนี้“เรื่องนี้...ผมขอปฏิเสธก่อนเลยครับ” ทินกรพูดขึ้น พร้อมกับสายตาที่ไปสะดุดเข้ากับหญิงสาวรายหนึ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากพิพิม ที่กำลังเดินออกไปทางด้านนอก“...” นพดลไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่กลับยกเครื่องดื่มขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย พอให้เป็นพิธี“ผมขอตัวก่อนนะครับ...” ทินกรรีบขอตัวลาทันที เมื่อสายตาเห็นพิพิ
หมอคนใหม่วันนี้ทินกรกลับเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว หลังจากที่พาพิพิมไปต่างจังหวัดมาสองวัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน เพราะพิพิมเอาแต่คอยหลบหน้า ส่วนเขาก็พยายามหาโอกาสที่จะอยู่กันตามลำพังกับหญิงสาวทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ว่าพิพิมก็ไม่ยอมเอาเพื่อนมาช่วยอ้างตลอด“เป็นยังไงบ้างทีม ไปต่างจังหวัดมา” หมอโปรดถามขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องคือทินกรนั้นเอง“เฮ้อ...เหมือนเดิมครับ พึ่งจะมารู้ ว่าการที่จะจีบเมียตัวเองนี้ยากเอาเรื่องอยู่เหมือนกันน่ะครับ” เสียงถอนหายใจยาวของทินกร เมื่อทิ้งตัวลงยังโชฟาตัวยาว พร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างคนสิ้นหวัง“หึ...แค่นี้ก็หมดหวังแล้ว ไม่มีความอดทนเอาเสียเลย” หมอโปรดพูดแซวขึ้นมา พร้อมกับส่ายหน้าให้เพียงเล็กน้อย ที่ลูกชายไม่มีความอดทน หรือพยายามเอาเสียเลย“แล้วทีมต้องทำยังไงครับ ก็พิพิมไม่ยอมเปิดโอกาสให้ทีมเลย” ทินกรพูดขึ้น พร้อมกับหันหน้าไปขอความเห็นจากคนเป็นพ่อ“แล้วลองพยายามดูยัง” หมอโปรดถามขึ้นมา พร้อมกับจ้องมองหน้านิ่ง“...” ทินกรได้แต่ส่ายหน้า แล้วก้มหน้าไม่พูดไม่จา อะไรใดๆตอบ“วันนี้ ตอนเย็นมีการจัดเลี้ยงต้อนรับหมอคนใหม่ข
ผู้บ่าวมู่(แฟนเพื่อน)ณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ภาคอีสาน)ทั้งคู่เดินทางมาถึงที่นี่ ท้องฟ้าก็เกือบจะสว่างแล้ว โดยที่ไม่ได้หยุดพัก หรือแวะกลางทางเลยแม้แต่น้อย เพราะพิพิมเป็นห่วงที่เพื่อนพึ่งจะต้องสูญเสียพ่อกับแม่ไป“มีน...” พิพิมเอ่ยเรียกเพื่อนสาวขึ้นมาทันที ที่เดินทางมาถึงยังวัดตามที่อมีนาได้บอกเอาไว้“พิม...” อมีนาหันกลับไปตามเสียงเรียกของเพื่อนสาว แล้วโผล่เข้าสวมกอดพิพิม แล้วร้องไห้ออกมาทันที โดยไม่อายใครเลยแม้แต่น้อย“มีน...เข้มแข็งไว้เด้อ พ่อกับแม่เลาไปสบายแล้ว เฮาเสียใจนำเด้อ แล้วกะขอโทษนำเด้อที่มาบ่ทันเผา” (มีน...เข้มแข็งไว้นะ พ่อกับแม่ท่านไปสบายแล้ว เราเสียใจด้วยนะ แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่มาไม่ทันเผา) พิพิมเอ่ยปลอบเพื่อน พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนกัน“ขอบใจโตหลายๆเด้อพิม...แล้วนี้”(ขอบใจเธอมากไปน่ะพิม...แล้วนี้) อมีนาทำท่าทางงงขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหนุ่มหล่อร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังของพิพิม เพื่อนของเธอ“อ่อ...อ้ายทีม เพิ้นขับรถมาส่งเฮา”(อ๋อ...พี่ทีม เขาขับรถมาส่งเรา) พิพิมเอ่ยบอกเพื่อนสาว แต่ไม่ได้บอกทั้งหมดว่าทินกรนั้นเป็นใคร“สวัสดีจ้า...ซื่อมีนเด้อจ้า เป็นมู่กับพิม”(สวัสดีค่ะ