“หนูพิม ทำไมอยู่ที่นี่” หมอโปรดถามขึ้นมา เมื่อเดินมาถึงที่ แล้วเห็นพิพิมยืนอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดด้วยกับลูกสาวเขา เพราะปั้นหยาแค่บอกว่าอาเธอร์เป็นลูกของเพื่อน แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพื่อนคนไหน
“พ่อโปรดรีบเข้าไปข้างในก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวก็รู้เรื่องทั้งหมดเอง” ปั้นหยารีบเอ่ยบอก เมื่อพ่อทำหน้าสงสัยอยู่ เพราะเธอก็พึ่งจะรู้เมื่อกี้นี้เองว่าอาเธอร์คือลูกของพิพิมกับพี่ชายเธอ
“แค่เคสลูกเพื่อนน้องสาว กลับถึงขึ้นต้องโทรตามพ่อมาเลยเหรอ แถมยังให้เลือดเองด้วย” หมอโปรดพูดขึ้นมาทันที ที่ฌดินเข้าไปหาทินกร ที่นั่งให้เลือดอยู่อีกฝั่งหึ่งของห้องผ่าตัด
“ลูกชายพิพิมครับ” ทินกรเอ่ยบอก โดยไม่ได้มองหน้าของพ่อ แต่กลับมองไปทางเด็กน้อยที่นอนรออยู่บนเตียง
“อะไรน่ะ ลูกชายหนูพิม แล้วที่ให้เลือดนี้ ก็แสดงว่า...” หมอโปรดเลิกคิ้วขึ้นถาม อย่างตกใจ เมื่อรู้ว่าเด็กน้อยที่ปั้นหยาพามาคือลูกชายของพิพิม แล้วก็ต้องตกใจเมื่อนึกขึ้นมาได้ และมองไปยังลูกชายที่ยังอยู่ตรงนี้ อย่างต้องการคำตอบเพื่อความแน่ใจอีกที
“ครับ” ทินกรตอบรับเพียงคำเดียว
“แล้วทำไม ลูกไม่เป็นคนจัดการเองล่ะ” หมอโปรดถามลูกชายขึ้นมา
“ทีมไม่กล้าครับ กลัวลูกเจ็บ” ทินกรใจเสาะขึ้นมาทันที ไม่กล้าลงมือผ่าตัดเอง เมื่อรู้ว่าอาเธอร์คือลูก เพราะสงสารลูก
“แล้วคิดว่าพ่อจะกล้างั้นเหรอ พ่อก็กลัวหลานเจ็บเหมือนกันน่ะ” หมอโปรดพูดขึ้นมาบ้าง เพราะเขาก็ไม่กล้าเหมือนกัน
“ทุกอย่างพร้อมแล้วค่ะ ใครจะเป็นคน...” นุชนารถเดินเข้ามาแจ้งกับทั้งสองทันที ที่เตรียมทุกอย่างพร้อม
“ให้หมอนพเป็นคนทำการผ่าตัดเลยครับ เดี๋ยวผมกับอาจารย์หมอจะคอยอยู่ดูเอง” ทินกรเอ่ยบอกออกไป
และใช้เวลาเพียงไม่นาน และการผ่าตัดก็สิ้นสุดลง และเป็นไปได้ด้วยดี ทินกรและหมอโปรดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก มือหนาของหทอโปรดยกขึ้นมาตบไหล่ลูกชายเบาๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจอีกที แล้วสั่งแจ้งให้จัดการเตรียมห้องพักฟื้นที่ดีที่สุดไว้ด้วย
“พึ่งจะรู้เหมือนกันนะคะ ว่าน้องพิมมีลูกแล้ว แถมหน้าตาดีอีกต่างหาก พ่อของน้องคงจะหล่อมากแน่ๆค่ะ ลูกออกมาถึงหล่อขนาดนี้” เอื้องฟ้า เอ่ยชมขึ้นมา เมื่อรู้ว่าเด็กน้อยคนนี้คือลูกชายของพิพิมนั้นเอง
“พี่เคยเห็นหน้าพ่อน้องเขาหรือพี่ฟ้า เป็นใครกันยังไม่รู้เลย เราทำงานอยู่ด้วยกันยังไม่เคยเห็นหน้า หรือรู้ว่าน้องพิมมีแฟนเลยน่ะค่ะ น้องพิมก็อายุยังน้อย ใครจะคิดว่าน้องพิมจะมีลูกโตขนาดนี้แล้ว” นุชนารถพูดขึ้นมาอย่างเหน็บแนบ
ทินกรที่ได้ยินทุกคำพูดของพยาบาลนุชนารถได้แต่ส่ายหน้าให้อย่างเอื่อมระอา แต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับ ได้แต่ลูบศรีษะของอาเธอร์เบาๆ และทั้งหมดเตรียมตัวที่จะออกจากห้องผ่าตัด เตรียมย้ายอาเธอร์ไปที่ห้องพักฟื้นด้วย
ประตูหน้าห้องผ่าตัดเปิดออก พิพิมและปั้นหยารีบกรู่เข้าไปหาทันที และเป็นหมอโปรดเองที่เปิดประออกมาก่อนเป็นคนแรก พร้อมกับทินกรที่เดินออกมาตามหลัง และรีบสวมกอดพิพิมที่ยืนรออยู่ด้านนอกทันทีด้วยความดีใจ โดยไม่สนสายตาใครจะมองมาเลย
“ลูกปลอดภัยแล้วครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอก พร้อมกับหอมไปที่หน้าผากมนของหญิงสาวเบาๆ และกระชับกอดที่แน่นขึ้น
“ขอบคุณนะคะ” พิพิมเอ่ยขอบคุณ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้ง แล้วสวมกอดร่างสูง ที่สวมเสื้อกาวน์ตอบกลับทันที โดยไม่สนสายตาใครเหมือนกัน
“เดี๋ยวทั้งคู่ขึ้นไปรอพ่อ ที่ด้านบนด้วยน่ะ มีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว” หมอโปรดพูดขึ้นมา จึงทำให้ทั้งสองละออกจากกัน
“พิมไปเถอะ...เดี๋ยวทางนี้หยาคอยดูหลานให้เองน่ะ” ปั้นหยาเอ่ยบอก เมื่อเห็นว่าพิพิมยังคงพะวงหน้าพะวงหลังอยู่
“ไปกันครับ แล้วเราค่อยเข้าไปหาลูกพร้อมกันนะ” เสียงนุ่มของทินกรเอ่ยบอก พร้อมกับจูงมือของพิพิม เดินตามหมอโปรดขึ้นไปด้านบนห้องทำงานส่วนตัวทันที
“ถ้าไม่เกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น ก็คงต้องปิดกันอีกนานเลยสินะ” หมอโปรดพูดขึ้นมาทันที ที่รู้ว่าใครเป็นคนเปิดประตูเข้ามาภายในห้องทำงานของเขา
ทั้งคู่เงียบ และไม่ได้เอ่ยตอบอะไร ทินกรจึงพาพิพิมเข้าไปนั่งที่โชฟาตัวยาว แล้วจับมือของหญิงสาวไว้ไม่ยอมปล่อย พร้อมกับส่งยิ้มให้กำลังใจกันซึ่งกันและกัน
“พ่อจะไม่ขอพูดอะไร ให้มากความนะ เพราะอีกสักพักจะมีใครที่อยากจะถามลูกทั้งสองคน มากกว่าพ่อ ส่วนเรา ทีมเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เมื่อเช้าถึงขั้นต้องให้โทรตาม” หมอโปรดไม่ได้สาวความอะไรทั้งคู่ยาว แต่กลับถามถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาแทน
“พิพิมโดนวางยาที่งานครับ” ทินกรเอ่ยบอก เมื่อพ่อถามขึ้นมา
“โดนวางยา...ยาอะไร แล้วโดนไปได้ไง” หมอโปรดเลิกคิ้วขึ้นถามต่อ
“ยาปลุกเซกส์ครับ น่าจะโดนใส่ไปในแก้วเครื่องดื่ม” ทินกรตอบ พร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่กล้าสู้หน้าพ่อ
“ที่สภาพดูไม่ได้นี้ เพราะสู้รบกันมาทั้งคืนสินะ” หมอโปรดเอ่ยแซวขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงสภาพซีดโทรมของลูกชายตอนเจอกันก่อนหน้านั้น
“...” ทินกรได้แต่พยักหน้ารับ
“มันอันตรายนะทีม ทำไมไม่พาน้องมาโรงพยาบาล เกิดน้องช็อคตายจะทำยังไง” หมอโปรดตวาดเสียงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วดุลูกชายออกไป
“ทีมขอโทษครับ ตอนแรกคิดว่าพิมแค่ดื่มเหล้าแล้วเมาเฉยๆ พอมาถึงคอนโดแล้วถึงรู้ว่าไม่ใช่เมา จะพามาที่นี่ ก็ไม่ทันเสียแล้ว เลยต้อง...” ทินกรเอ่ยขอโทษออกไปอย่างสำนึกผิด
“หนูดื่มไปเยอะขนาดไหนลูก แล้วรับแก้วมาจากใคร จำได้ไหม” หมอโปรดจึงหันมาถามหาคำตอบจากพิพิมแทน
“พิมดื่มไปแค่แก้วเดียว ไม่ทันจะหมดเลยค่ะ รู้สึกอยากเข้าห้องก่อน” หญิงสาวเอ่ยบอกไปตามตรง
“แล้วใครส่งแก้วนั้นให้” ทินกรหันมาถามอย่างอยากรู้ และพร้อมจะเอาเรื่องทันที
“เอ่อ...พิมขอไม่บอกได้ไหมค่ะ ตอนนี้พิมไม่เป็นอะไรแล้ว” หญิงสาวรีบปฏิเสธ เพราะเห็นสายตาของทินกรที่มองแล้ว เธอไม่กล้าบอกทันทีว่าเป็นใคร เพราะกลัวคนๆนั้นจะไม่รอด
“พิม...พี่รู้นะ ว่าพิมรู้” ทินกรถามจี้เข้าไปอีกที
“หากพี่รู้พี่จะจัดการยังไงค่ะ” พิพิมลองถามดูเชิงก่อน
“พี่รอดูที่จุดประสงค์ของคนๆนั้น ว่าทำไปเพื่ออะไร จะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ ถ้าเขาสำนึกผิดจริงๆ ก็พร้อมที่จะให้อภัยครับ”
“พี่จะไม่ไล่เขาออกใช่ไหมค่ะ” หญิงสาวถามออกไปด้วยใบหน้าที่รู้สึกกังวล
“อาจจะแค่ตักเตือน หรือไม่ก็พักงานชั่วคราวครับ” ทิกรเอ่ยบอก พร้อมกับจ้องมองหน้าของหญิงสาวอย่างจริงจังในคำพูด
“...” พิพิมก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด
“พิมครับ...พิมรู้ไหม ถ้าหากว่าเมื่อคืนไม่ใช่พี่ที่เจอพิมก่อน อะไรจะเกิดขึ้น พี่ไม่อยากจะคิดเลย” ทินกรเอ่ยขึ้นมา
“พิมขอโทษค่ะ ที่ไม่ยอมฟังคำสั่งของพี่ แล้วขอโทษคุณลุงด้วยนะค่ะ ที่ไม่ได้บอกว่าพิมมีลูก” พิพิมรู้สึกผิดขอโทษทินกร แล้วหันมายกมือไหว้ขอโทษหมอโปรดต่อ
“ลุงก็ขอโทษหนูแทนปั้นหยาด้วยน่ะ เลี้ยงหลานยังไง ปล่อยให้วิ่งไปชนรถเขาได้” หมอโปรดพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดแทนลูกสาวของเขา
“อย่าโทษหยาเลยค่ะ พิมผิดเองที่ไม่มีเวลาดูลูกเลย” พิพิมรีบโยนความผิดเข้าหาตัวเองทันที
“ทีมก็ขอโทษพ่อโปรดด้วยนะครับ ที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง และไม่ปรึกษาพ่อโปรดเลย ส่วนเรื่องพิมมีลูกทีมรู้มานานแล้วครับ แค่ไม่ได้บอก เพราะอยากรู้ว่าใครบางคนจะยอมบอกความจริงไหมว่าอาเธอร์เป็นลูกของทีม” ทินกรรีบขอโทษขอโพยพ่อต่อ
“พูดแบบนี้ หมายความว่า รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอาเธอร์คือลูก” หมอโปรดเลิกคิ้วถาม
“ครับ”
“พี่รู้ตั้งนานแล้ว แต่ทำไมพี่ทำเหมือนไม่รู้อะไรเลย” หญิงสาวพูดขึ้นมาพร้อมกับจ้องมองทินกรไปอย่างน้อยใจ
“พี่แค่อยากรู้ว่าพิมจะบอกพี่ไหม แต่คิดผิดครับ ใจแข็งมากเลย”
“เอาล่ะ ทุกคนคงจะมาถึงกันแล้ว เราไปหาอาเธอร์กันเถอะ คงจะถึงเวลาตื่นแล้ว” หมอโปรดรีบตัดเรื่อง เมื่อเริ่มเห็นทั้งคู่ทำหน้างอใส่กัน
คนที่อยากเจอที่สุด“แม่ปิ่น...มาได้ยังไงกันคระ...อาคิม อาพาย เออ. สะ สวัสดีครับ” ทินกรเอ่ยขึ้นถามอย่างตกใจ เมื่อเปิดประตูเข้าไปที่ห้องพักฟื้นของอาเธอร์แต่เจอเข้ากับปิ่นลดา และต้องตกใจไปมากกว่านั้น เมื่อคนที่อยู่ภายในห้องมีทั้งคิมหันต์และพระพาย พ่อแม่ของพิพิมรวมอยู่ด้วย“พิพิม!” สองเสียงของคิมหันต์และพระพายเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันทันที เมื่อเจอหน้าของลูกสาวที่เดินเข้ามาตามหลังของทินกร“พ่อจ๋า แม่จ๋า” พิพิมวิ่งเข้าไปสวมกอดท่านทั้งสองทันที หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันนานนับ 5 ปี พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินดั่งสายน้ำ“พิพิมลูกพ่อ” คิมหันต์เอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมกับลูบไปที่ศรีษะของลูกสาวอย่างอ่อนโยน และแสนคิดถึงมานาน“พิมจ๋าของแม่จ๋าไปอยู่ที่ไหนมาคะลูก” พระพายถามขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ไหลออกมาอาบทั้งสองแก้ม“พิมขอโทษค่ะ พ่อจ๋าแม่จ๋า พิมขอโทษ” พิพิมได้แต่เอ่ยคำว่าขอโทษเท่านั้น พร้อมกับเสียงสะอื้น“พิมจ๋า” เสียงเล็กของอาเธอร์ดังขึ้นมาจากห้องข้างใน เอ่ยเรียกชื่อของพิพิม ทุกคนจึงหันไปมองเป็นทางเดียวกันและเป็นทินกรเองที่รีบเดินเข้าไปหาอาเธอร์ทันที พิพิมจึงเดินเข้าไปตามหลัง ให้ทุกคนนั่งรอกันอยู่ที่ด้
ความจริงปารกฏ“หนูพิม ทำไมอยู่ที่นี่” หมอโปรดถามขึ้นมา เมื่อเดินมาถึงที่ แล้วเห็นพิพิมยืนอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดด้วยกับลูกสาวเขา เพราะปั้นหยาแค่บอกว่าอาเธอร์เป็นลูกของเพื่อน แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพื่อนคนไหน“พ่อโปรดรีบเข้าไปข้างในก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวก็รู้เรื่องทั้งหมดเอง” ปั้นหยารีบเอ่ยบอก เมื่อพ่อทำหน้าสงสัยอยู่ เพราะเธอก็พึ่งจะรู้เมื่อกี้นี้เองว่าอาเธอร์คือลูกของพิพิมกับพี่ชายเธอ“แค่เคสลูกเพื่อนน้องสาว กลับถึงขึ้นต้องโทรตามพ่อมาเลยเหรอ แถมยังให้เลือดเองด้วย” หมอโปรดพูดขึ้นมาทันที ที่ฌดินเข้าไปหาทินกร ที่นั่งให้เลือดอยู่อีกฝั่งหึ่งของห้องผ่าตัด“ลูกชายพิพิมครับ” ทินกรเอ่ยบอก โดยไม่ได้มองหน้าของพ่อ แต่กลับมองไปทางเด็กน้อยที่นอนรออยู่บนเตียง“อะไรน่ะ ลูกชายหนูพิม แล้วที่ให้เลือดนี้ ก็แสดงว่า...” หมอโปรดเลิกคิ้วขึ้นถาม อย่างตกใจ เมื่อรู้ว่าเด็กน้อยที่ปั้นหยาพามาคือลูกชายของพิพิม แล้วก็ต้องตกใจเมื่อนึกขึ้นมาได้ และมองไปยังลูกชายที่ยังอยู่ตรงนี้ อย่างต้องการคำตอบเพื่อความแน่ใจอีกที“ครับ” ทินกรตอบรับเพียงคำเดียว“แล้วทำไม ลูกไม่เป็นคนจัดการเองล่ะ” หมอโปรดถามลูกชายขึ้นมา“ทีมไม่กล้าครับ ก
เลือดเนื้อเชื้อไขช่วงสายของวันร่างสูงตื่นขึ้นมา พร้อมกับเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นมาไม่หยุด ทินกรลุกขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ มองดูหญิงสาวที่ยังคงหลับสนิท แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย“ครับพ่อโปรด ทีมจะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้ครับ” ทินกรรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นพ่อโทรมา แล้วรีบลุกขึ้นแต่งตัวอย่างรีบร้อน เดินทางออกไปยังโรงพยาบาลทันที เพราะพ่อโทรมาว่ามีเคสด่วน ปล่อยให้หญิงสาวได้พัก เขาจึงไม่ได้ปลุก แต่กลับสวมเสื้อเพียงตัวเดียวไว้ให้เธอโรงพยาบาลโยธินนารัตน์“มีเรื่องอะไรกันครับพ่อโปรด ตัวแสบทำไมอยู่ที่นี่” ทินกรรีบสวมเสื้อกาวน์อย่างรีบร้อน แล้วเดินออกมาถามพ่อที่อยู่ห้องทำงานทันที พร้อมกับต้องตกใจที่เห็นน้องสาวอยู่ที่นี่ด้วย“ทำไมมาเอาป่านนี้ หน้าตาดูไม่ได้เลย เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ” เสียงทุ้มของหมอโปรดถามขึ้นมาทันที ที่เห็นลูกชายพึ่งจะเข้ามาที่ห้องเอาป่านนี้“มีปัญหานิดหน่อยครับ เดี๋ยวทีมเล่าให้ฟังทีมหลังน่ะ แล้วหยามาที่นี่ได้ยังไง” ทินกรเอ่ยบอกพ่อ แล้วหันหน้าไปถามน้องสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย“อาเธอร์เกิดเรื่องค่ะ” ปั้นหยาเอ่ยบอกพี่ชาย และไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ฟัง“อาเธอร์เหรอ อ่อ...ตัวแส
โดนเล่นงานNCภายในงานยังคงดำเนินการไปจนถึงดึก ทินกรให้การต้อนรับแก่นายอพทย์คนใหม่เป็นอย่างดี แต่ระหว่างที่พูดคุยทักทายกันนั้น สายตาก็พยายามที่จะมองหาพิพิมอยู่ตลอดเวลา“หมอทีมมองหาใครหรือครับ” นพดล นายแพทย์คนใหม่ถามขึ้นมา เมื่อคุยอยู่กับเขาแต่สายตาของทินกรกลับเอาแต่มองหาใครบางคนอยู่ตลอดเวลา“เปล่าหรอกครับ...หมอนพดื่มได้เลยน่ะครับ พอดีผมขับรถมาเอง ดื่มไม่ได้ครับ” ทินกรตอบกลับไป และพยายามปฏิเสธรับเครื่องดื่มทุกชนิดที่ทุกคนยื่นให้“พยาบาลที่นี่...มีแต่สาวสวยๆกันทั้งนั้นเลยนะครับ แบบนี้พอจะมีคนไหนว่าง ที่พอจะเข้าตาผมบ้างไหม หรือว่าหมอทีมมีใครที่อยากจะแนะนำผมเป็นพิเศษบ้างหรือเปล่าครับ” นพดลพูดแซวขึ้นมา พร้อมกับสายตาที่กวาดมองดูเหล่าบรรดาพยาบาลสาวสวยที่อยู่ภายในงานนี้“เรื่องนี้...ผมขอปฏิเสธก่อนเลยครับ” ทินกรพูดขึ้น พร้อมกับสายตาที่ไปสะดุดเข้ากับหญิงสาวรายหนึ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากพิพิม ที่กำลังเดินออกไปทางด้านนอก“...” นพดลไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่กลับยกเครื่องดื่มขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย พอให้เป็นพิธี“ผมขอตัวก่อนนะครับ...” ทินกรรีบขอตัวลาทันที เมื่อสายตาเห็นพิพิ
หมอคนใหม่วันนี้ทินกรกลับเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว หลังจากที่พาพิพิมไปต่างจังหวัดมาสองวัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน เพราะพิพิมเอาแต่คอยหลบหน้า ส่วนเขาก็พยายามหาโอกาสที่จะอยู่กันตามลำพังกับหญิงสาวทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ว่าพิพิมก็ไม่ยอมเอาเพื่อนมาช่วยอ้างตลอด“เป็นยังไงบ้างทีม ไปต่างจังหวัดมา” หมอโปรดถามขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องคือทินกรนั้นเอง“เฮ้อ...เหมือนเดิมครับ พึ่งจะมารู้ ว่าการที่จะจีบเมียตัวเองนี้ยากเอาเรื่องอยู่เหมือนกันน่ะครับ” เสียงถอนหายใจยาวของทินกร เมื่อทิ้งตัวลงยังโชฟาตัวยาว พร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างคนสิ้นหวัง“หึ...แค่นี้ก็หมดหวังแล้ว ไม่มีความอดทนเอาเสียเลย” หมอโปรดพูดแซวขึ้นมา พร้อมกับส่ายหน้าให้เพียงเล็กน้อย ที่ลูกชายไม่มีความอดทน หรือพยายามเอาเสียเลย“แล้วทีมต้องทำยังไงครับ ก็พิพิมไม่ยอมเปิดโอกาสให้ทีมเลย” ทินกรพูดขึ้น พร้อมกับหันหน้าไปขอความเห็นจากคนเป็นพ่อ“แล้วลองพยายามดูยัง” หมอโปรดถามขึ้นมา พร้อมกับจ้องมองหน้านิ่ง“...” ทินกรได้แต่ส่ายหน้า แล้วก้มหน้าไม่พูดไม่จา อะไรใดๆตอบ“วันนี้ ตอนเย็นมีการจัดเลี้ยงต้อนรับหมอคนใหม่ข
ผู้บ่าวมู่(แฟนเพื่อน)ณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ภาคอีสาน)ทั้งคู่เดินทางมาถึงที่นี่ ท้องฟ้าก็เกือบจะสว่างแล้ว โดยที่ไม่ได้หยุดพัก หรือแวะกลางทางเลยแม้แต่น้อย เพราะพิพิมเป็นห่วงที่เพื่อนพึ่งจะต้องสูญเสียพ่อกับแม่ไป“มีน...” พิพิมเอ่ยเรียกเพื่อนสาวขึ้นมาทันที ที่เดินทางมาถึงยังวัดตามที่อมีนาได้บอกเอาไว้“พิม...” อมีนาหันกลับไปตามเสียงเรียกของเพื่อนสาว แล้วโผล่เข้าสวมกอดพิพิม แล้วร้องไห้ออกมาทันที โดยไม่อายใครเลยแม้แต่น้อย“มีน...เข้มแข็งไว้เด้อ พ่อกับแม่เลาไปสบายแล้ว เฮาเสียใจนำเด้อ แล้วกะขอโทษนำเด้อที่มาบ่ทันเผา” (มีน...เข้มแข็งไว้นะ พ่อกับแม่ท่านไปสบายแล้ว เราเสียใจด้วยนะ แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่มาไม่ทันเผา) พิพิมเอ่ยปลอบเพื่อน พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนกัน“ขอบใจโตหลายๆเด้อพิม...แล้วนี้”(ขอบใจเธอมากไปน่ะพิม...แล้วนี้) อมีนาทำท่าทางงงขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหนุ่มหล่อร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังของพิพิม เพื่อนของเธอ“อ่อ...อ้ายทีม เพิ้นขับรถมาส่งเฮา”(อ๋อ...พี่ทีม เขาขับรถมาส่งเรา) พิพิมเอ่ยบอกเพื่อนสาว แต่ไม่ได้บอกทั้งหมดว่าทินกรนั้นเป็นใคร“สวัสดีจ้า...ซื่อมีนเด้อจ้า เป็นมู่กับพิม”(สวัสดีค่ะ