เจเรมี่เอนหลังพิงเบาะรถอย่างเหนื่อยอ่อน ขณะที่น้ำตาคลออยู่ตรงหางตา‘แดดดี้ขอโทษ ลิเลียน’‘แดดดี้หวังว่าก่อนจะจากไป แดดดี้จะยังได้ยินเสียงหัวเราะหวาน ๆ ของหนู และได้ยินหนูเรียกว่า ‘แดดดี้’ อย่างมีความสุข’เขาสัมผัสภาพครอบครัวที่เขาแอบเก็บมันไว้ลับ ๆ ในขณะที่ปล่อยให้ความเศร้าโศกไหลผ่านร่างกาย ยิ่งความเจ็บปวดชัดเจนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งจำได้ชัดว่าผู้หญิงที่เขารักคือใคร...เมเดลีนยืนตัวแข็งอยู่กับที่เป็นเวลานานอย่างไม่สามารถเข้าใจในการกระทำของเจเรมี่ได้เธอยังคงหวังว่าเขาคงจะมีปัญหาของตัวเองที่ต้องฝ่าฟัน แต่การแสดงออกของเขานั้นไร้ความปรานีเกินไป ไร้ความปรานีจนเธอไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใด ๆ ให้เขาได้อีกอีกสามวันเธอจะแต่งงานกับไรอันคาเลนเองก็นับวันคอยเช่นกัน สองวันก่อนงานแต่ง เธอไปหาเมเดลีนและจงใจอุ้มพุดดิ้งไว้ในอ้อมแขน “จะแต่งงานกับไรอันจริง ๆ เหรอเอวลีน? เจเรมี่ไม่มีโอกาสแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?”เมเดลีนจัดเรียงเสื้อผ้าลงในกระเป๋าเดินทางพลางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้ม “เราใช้ชีวิตกันแบบนี้มาก็หลายปี แต่ก็ยังมีเรื่องให้ไม่ได้อยู่ด้วยกันเสมอ นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขากับหนูคงไม่ได้ถูกกำหนดม
แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดและไฟด้านในจะปิดอยู่ แต่เมเดลีนก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนผู้หญิงผมสั้นสวมชุดเซ็กซี่กำลังกอดจูบอยู่กับชายร่างสูงอย่างดูดดื่มแน่นอนว่าผู้หญิงผมสั้นคนนั้นคือลาน่า แล้วผู้ชายคนนี้จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากเจเรมี่?แม้ว่าเจเรมี่จะบอกเธอว่าเขาเคยนอนกับลาน่าแล้ว แต่เมเดลีนก็ยังสงสัยอยู่เสมอแต่ในตอนนี้การที่เธอได้เห็นกับตาก็ทำให้ แม้ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อเธอคิดว่าตัวเองจะสามารถเผชิญกับมันได้อย่างสงบ ทว่าการเต้นของหัวใจในแต่ละครั้งมีเพียงความเจ็บปวดในขณะที่การหายใจของเธอก็เริ่มติด ๆ ขัด ๆ จนเธอรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกเมเดลีนจ้องมองไปยังฉากไม่น่าดูที่เกิดขึ้นภายใน หลังจากได้ยินเสียงหัวเราะมีเสน่ห์ของฝ่ายหญิง เธอก็หันหลังกลับและเดินไปที่ลิฟต์ มือเรียวกดปุ่มลิฟต์อย่างสะเปะสะปะ ขณะที่ท้องของเธอรู้สึกเกร็งจนเป็นตะคริวและทำให้เธอคลื่นไส้เจเรมี่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเมเดลีนเดินออกจากออฟฟิศไปด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้นเขาจึงเปิดไฟในห้องนักแสดงสองคนที่กำลังแสดงหยุดการกระทำนั้นลงทันที“พวกคุณออกไปได้แล้ว” เขาไล่คนทั้งงสองออกไปพลางเตือนว่า “อย่าลืมเปลี่ยนชุดก่อนแล้วค่อยออกไป
“เจเรมี่ คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”เขามองเธอด้วยท่าทางสงบและสีหน้าเฉยเมย“เอวลีน ไม่ว่าผมจะคิดอะไร ผมก็ไม่ได้คิดถึงคุณอีกต่อไปแล้ว” เขาพูดอย่างเย็นชาและหยิบบัตรประจำตัวออกมา “เอาไปได้เลยถ้าคุณต้องการ แต่หากคุณคิดว่ามันสกปรก คุณก็ไม่ต้องเปิดบัญชีให้ลูกชายคุณก็แล้วกัน”“ลูกชายของฉัน? เขาเป็นลูกชายของฉันคนเดียวสินะ?” เมเดลีนเยาะเย้ย หยาดฝนโปรยปรายลงมาหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนบดบังการมองเห็นของดวงตาคู่สวย“คุณยังจำสิ่งที่ตัวเองพูดตอนที่คุกเข่าต่อหน้าฉันได้ไหม? คุณพูดว่า 'ลินนี่ ผมจะทำให้คุณมีความสุขตลอดไป' แต่กลายเป็นว่าความสุขที่คุณมีให้ฉันมันกลับอยู่ได้ไม่นาน”เธอมองดูบัตรประจำตัวประชาชนที่เปียกฝน และอดกลั้นอารมณ์ที่ใกล้จะพังทลายลงทุกทีพลางพยายามควบคุมน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา“พรุ่งนี้ฉันจะแต่งงานกับไรอันแล้ว ฉันจะคืนบัตรให้ตอนที่คุณมาเข้าร่วมพิธี”เมเดลีนหยิบบัตรประชาชนและจากไปโดยไม่หันกลับมาเจเรมี่ยืนพิงรถอย่างอ่อนแรง ท่ามกลางสายฝนกำลังตกลงมาเรื่อย ๆ เมื่อเห็นร่างบางหายไป เขาไม่รู้อีกแล้วว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีวันรุ่งขึ้น เมเดลีนก็รีบไปจัดการเรื่องการเปิดบัญชีให้กับพุดดิ้งระหว
เจเรมี่ประหลาดใจ เพราะไม่รู้ว่าเมเดลีนมาอยู่ด้านหลังของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เมเดลีนเองก็ผงะไปเมื่อเห็นใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษของเขาทั้งสองมองหน้ากันราวกับเวลาในขณะนี้หยุดนิ่งไปเจเรมี่พยายามสะกดกลั้นกลิ่นเลือดที่รุนแรงและอาการคันคอแห้ง ๆ อย่างหนักในลำคอ เขาหันหน้าหนีเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของเมเดลีนพลางไอออกมาเบา ๆหัวใจของเขารู้สึกปั่นป่วน เพราะกลัวว่าเมดลีนจะพบความผิดปกติบางอย่างในตัวเขา จากนั้นเธอก็จะมองออกทุกอย่าง"แมดดี้ ทำไมเธอมายืนอยู่ตรงนั้นล่ะ ได้เวลาถ่ายรูปแล้วนะ!" เสียงเตือนของเอวาดังมาจากระยะไกลเมเดลีนมองชายที่หันเสี้ยวหน้าด้านข้างเข้าหาเธอและยื่นบัตรประจำตัวคืนให้“ฉันเอามาคืน” เธอพูดอย่างเย็นชาขณะยื่นมือไปหาเจเรมี่กำหมัดแน่น เพราะรู้ว่าไม่สามารถเอื้อมมือไปหาเมเดลีนได้ด้วยฝ่ามือทั้งสองของเขาเปื้อนเลือดไปหมดแล้วเมื่อเห็นว่าเจเรมี่ยังคงเฉย เธอก็ขมวดคิ้ว “ถ้าเจอฉันแล้วเบื่อ คุณจะมาที่นี่ให้ขวางหูขวางตาตัวเองทำไม?”"แมดดี้" เสียงของเอวาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเจเรมี่ไม่สนใจเธอ และมีเพียงความเย็นชาที่แสดงออกมาเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงยกมือขึ้นและโยนบัตรประจำตัวให้
หลังจากที่เมเดลีนและไรอันกลับมาจากการพูดคุยกับแขกของครอบครัวโจนส์ เธอก็เห็นว่าเอวากำลังเมาจนหน้าแดงและพึมพำไม่หยุด "แมดดี้ คราวนี้เธอต้องมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขนะ เธอต้องมี..."เมเดลีนรู้ดีว่าเอวาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนบนโลกใบนี้ที่ห่วงใยเธออย่างแท้จริงแต่ตอนนี้เมเดลีนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากขอให้แดเนียลช่วยพาเพื่อนสาวไปส่งที่บ้านถึงอย่างนั้นแดเนียลเองก็มีอาการเมาเล็กน้อยเช่นกัน หลังจากช่วยพาเอวาขึ้นแท็กซี่ได้ เขาก็พิงไหล่อีกฝ่ายด้วยอาการง่วง ๆตอนแรกเขาเองก็อยากพาเอวากลับบ้าน แต่จู่ ๆ คนขับก็หยุดรถตรงทางเข้าโรงแรม เขาเปิดประตูรถให้แดเนียลด้วยท่าทางเข้าใจแดเนียลขี้เกียจที่จะชี้แจงความจริง จึงทำได้เพียงช่วยพยุงเอวาออกจากรถเท่านั้นเอวาเมาจนแทบยืนไม่อยู่ ราวกับว่าแขนขาของเธอกลายเป็นเยลลี่ไปแล้ว ขณะเดียวกันเธอก็พิงแดเนียลอย่างอ่อนแรง“คุณโอเคไหมเอวา?” เขาค่อนข้างกังวลและเป็นห่วง"โอเคเหรอ?" เอวาเงยหน้าขึ้นลืมตาที่พร่ามัวของตัวเอง “โอเค… แมดดี้ต้องไม่เป็นไร”หลังจากที่ตอบไม่ตรงคำถาม เธอก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยไม่รู้ตัวแดเนียลกอดเอวาไว้อย่างรวดเร็ว เขามองไปยังการจราจรอันพลุกพ
เจเรมี่รู้ว่าการมาที่นี่รังแต่จะทำร้ายตัวเขาเองเขาแค่ไม่สามารถปล่อยวาง และไม่สามารถสลัดผู้หญิงที่ฝังอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเขาออกไปได้เลยท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก เจเรมี่เห็นไรอันเดินเข้ามาใกล้เมเดลีนผ่านผ้าม่าน เขาเข้าใกล้เธอมากขึ้นและก้มศีรษะลง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจูบเธอเจเรมี่จับพวงมาลัยแน่น แล้วรู้สึกได้ถึงเม็ดฝนนอกกระจกรถที่กระหน่ำเข้ามาในหัวใจของเขาจนรู้สึกเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งเขาไม่สามารถทำแบบนี้ต่อได้อีก สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือไปยังคฤหาสน์วิทแมน ที่ซึ่งเขาจะสามารถไปเยี่ยมลูกสองคนที่หลับใหลได้อย่างเงียบ ๆในห้องนอนไรอันกอดเมเดลีนเบา ๆ ก่อนจะปล่อยเธอ“ผมรู้ว่าคุณยังลืมเจเรมี่ไปไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร ผมรอได้”คำพูดของไรอันทำให้เมเดลีนรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกเธอเป็นภรรยาตามกฎหมายของเขาแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำหน้าที่ของภรรยาได้อย่างเต็มที่ไรอันเข้าใจเธอดีมากเหลือเกิน “เพราะเรารีบแต่งงานกัน มันจึงเป็นธรรมดาที่คุณจะยังปล่อยวางเจเรมี่ไปไม่ได้”“ขอบคุณนะคะ ไรย์”“ตอนนี้เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้” ไรอันจับไหล่เมเดลีนเบา ๆ “รีบเข้านอนพร้
ลาน่าได้ยินเขาพูดอย่างนั้น ทว่าเหมือนจะลังเลนี่เป็นครั้งแรกที่เจเรมี่มองผู้หญิงไม่ซื่อสัตย์แบบเธอด้วยแววตาจริงจังเขาไม่อยากให้ลาน่ามีเวลาคิดเรื่องนี้มากเกินไปดังนั้นเขาจึงยืนขึ้น และแสร้งทำเป็นไม่พอใจ “ในเมื่อเธอไม่เชื่อใจฉัน ก็ช่างเถอะ”เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ลาน่าก็รีบไปหยุดเจเรมี่ทันที “ที่รัก อย่าโกรธเลยนะคะ ทำไมฉันถึงจะไม่เชื่อใจคุณล่ะ” ลาน่าดึงแขนเสื้อง้อเจเรมี่ เธอดูกังวลเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่ได้หันมาหาเธอและแสดงท่าทีเย็นชา หญิงสาวจึงเปลี่ยนใจ“ที่รัก คุณกำลังเสียสละครั้งใหญ่เพื่อให้บริษัทข้ามชาติอย่างวิทแมน คอร์ปอเรชั่น เข้ามาช่วยแก๊งสเตเจี่ยนจอห์นสันฟอกเงิน ฉันคงโง่น่าดูถ้าจะไม่เห็นด้วย!”ลาน่ายอมแพ้เจเรมี่ยังคงแสร้งทำเป็นไม่พอใจเพื่อตบตาอีกฝ่าย “เธอไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยอย่างไม่เต็มใจหรอกนะ มันเป็นแค่ข้อเสนอ เธอไม่จำเป็นต้องตกลงเพียงเพื่อเอาใจฉัน”"ฉันเปล่านะคะ! เจเรมี่ ฉันเต็มใจ!" ลาน่ายิ้มและพยายามทำให้เขาพอใจ เธอกังวลว่าเธอจะทำให้เจเรมี่ไม่พอใจ "งั้นเรามาทำตามที่คุณพูดกันเถอะ แต่บัญชีของสเตเจี่ยนจอห์นสันในช่วงหลายปีที่ผ่านมาค่อนข้างว
เมื่อเอวาได้ยินเสียงของเขาก็ราวกับว่าเธอถูกไฟช็อตอย่างแรงจนนิ่งงันก๊อกก๊อก ชายหนุ่มเคาะประตูอีกครั้ง “คุณอยู่หรือเปล่าเอวา?” เสียงของแดเนียลเข้ามาในหูของเธออย่างอ่อนโยนหัวใจของเอวาเจ็บแปลบขึ้นมาและรู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้นผู้ชายที่เธอรักยืนอยู่นอกประตู แต่เธอ..."เอวา เมื่อคืน..." “แดน เมื่อคืนฉัน… ฉันดื่มมากเกินไป ยังคงเหนื่อยนิดหน่อยแล้วอยากจะนอนน่ะ” เอวาระงับอารมณ์ของเธอและขัดจังหวะแดเนียลทันทีพลางพยายามข่มใจให้ตัวเองสงบข้างนอกประตู แดเนียลใช้เวลานานกว่าจะตอบอีกครั้งโดยน้ำเสียงของเขาดูเศร้าลงเล็กน้อย "งั้นพักผ่อนเยอะ ๆ นะ"“ขอบคุณนะ แดน” เอวาตอบพลางกอดร่างของตัวเองไว้แน่นขณะที่เธอจ้องมองที่ประตูอย่างว่างเปล่าหลังจากยืนอยู่ครู่หนึ่งเอวาก็ค่อย ๆ เดินไปที่ประตู เธออยากจะดูแผ่นหลังของแดเนียลอีกครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะเจอเขาในวินาทีที่เปิดประตูออกไปเอวาตกตะลึงและไม่ขยับไปไหนเหมือนกับเป็นอัมพาตไปชั่วครู่ ขณะที่เธอจ้องมองชายหนุ่มที่ดูสับสนด้วยความประหลาดใจ“ยังไม่ไปนอนอีกเหรอ?” แดเนียลมองเธอด้วยสายตาอบอุ่น "ขอเข้าไปได้ไหม""..." เอวาหลุบตาลงและไม่กล้ามองแดเนียลตรง ๆ ดังนั