หลังจากอ่านเนื้อหาของข้อความ เจเรมี่ก็หันมามองเมเดลีนที่ยังหลับอยู่เขากลัวจะรบกวนการนอนของเธอ จึงเลิกผ้าห่มขึ้นเบา ๆ แล้วลงจากเตียงขณะที่กำลังสวมรองเท้าแตะเพื่อเดินออกไป เขาก็ได้ยินเมเดลีนพึมพำชื่อของเขา “เจเรมี่”เจเรมี่หยุดเดินและหันกลับมาอย่างรู้สึกผิด เมื่อเห็นว่าเธอเพียงแค่ละเมอ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ความรู้สึกผิดนั้นก็แล่นพล่านอยู่ในอกอยู่ดี‘ลินนี่‘ผมเสียใจ‘ผมจะกลับมาหาคุณเมื่อจัดการกับเรื่องนี้เสร็จแล้ว’เจเรมี่สัญญาเงียบ ๆ ก่อนจะหยิบเสื้อแจ็คเก็ตแล้วเดินเบา ๆ ออกจากห้องสวีทไประเบียงของโรงแรมว่างเปล่าและเงียบสงัดเมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลงเจเรมี่เดินเข้าไปข้างในเพื่อเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ข้างบาร์ใต้โคมไฟถนนสีเหลืองจาง ๆ เธอคนนั้นกำลังจิบไวน์ด้วยท่าทางสบาย ๆ ลอนผมสีม่วงของเธอปลิวสยายไปทั่วไหล่อันเรียบเนียน รูปร่างที่โค้งเว้าของเธอดูเย้ายวนใจยิ่งกว่าเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟยามค่ำคืนถึงอย่างนั้นเจเรมี่ก็ไม่ได้สนใจความงามตรงหน้า เขาเดินไปยืนข้างหลังเธอแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ผมไม่เคยคิดเลยว่าเราจะได้เจอกันอีก เชอร์ลี่ย์”ผู้หญิงที่ชื่อเชอร์ลี่ย์หยุดด
เธอโคลงของเหลวในแก้วด้วยความรู้สึกเย้ยหยันภายในใจ“ไม่มีทางที่ฉันจะแพ้คุณหรอกนะอดัม คิดว่าคุณจะสามารถช่วยเจเรมี่ได้จริง ๆ งั้นเหรอ? หึ ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้คุณยุ่งเกี่ยวกับการทดลองของฉันหรอกนะ!”เจเรมี่วิ่งจากระเบียงไปจนถึงทางเข้าโรงแรม แต่จู่ ๆ เขาก็ไม่เห็นเมเดลีนแล้วเขากังวลว่าเมเดลีนจะเข้าใจผิดจากสิ่งที่เธอได้ยิน ตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้ว และเมเดลีนเองก็ไม่คุ้นเคยกับที่นี่เขาจึงกลัวว่าเธอจะหลงทางเขารีบกลับไปที่ห้อง เมื่อเห็นเตียงนอนที่ว่างเปล่า เจเรมี่ก็รู้สึกใจหายอีกครั้งเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อค้นหาตำแหน่งของเมเดลีน แต่ขณะที่กำลังเดินไปที่ทางเข้า เขาก็ได้ยินเสียงน้ำไหลออกมาจากห้องน้ำเสียงฝีเท้าของเจเรมี่หยุดชะงัก ในขณะที่เห็นเมเดลีนกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำเธอสวมชุดนอนหลวม ๆ และดูเหมือนไม่ได้ออกจากห้องเลย“คุณไปไหนมา เจเรมี่? ฉันคิดว่าคุณไปเข้าห้องน้ำ” เธอพึมพำขณะที่เดินไปหาเขาอย่างง่วงงุน จากนั้นก็พิงหน้าอกของเขาอย่างน่ารักเจเรมี่ยกมือขึ้นกอดเธอทันที ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ“ผมหิวนิดหน่อยก็เลยไปหาอะไรกิน” เจเรมี่โกหกอย่างช่วยไม่ได้เมเดลีนเองไม่ได้สงสัยก่อนจ
เจเรมี่ไม่คิดว่าเมเดลีนจะเดินมา เขาจึงชำเลืองมองสถานการณ์ผ่านช่องมองตรงประตู แล้วเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ไม่มีอะไร ผมกำลังจะเปิดน่ะ”เขายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วเปิดประตูทันทีที่เปิดประตูเมเดลีนก็เห็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์คนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องพักของพวกเขาเมื่อคืนนี้แสงไฟอาจสลัวไปบ้าง แต่เมเดลีนก็ยังจำได้แม่นว่าเธอคนนี้คือคนที่เจอเมื่อคืนเชอร์ลี่ย์เฝ้ามองเมเดลีนก่อนจะนึกไปถึงเรื่องที่เมเดลีนได้ยินเธอกับเจเรมี่คุยกันเมื่อคืน หญิงสาวยิ้มอย่างไม่แยแส ทว่าเมเดลีนกลับเดินเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรเสียก่อน“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเอวลีน เป็นภรรยาของเจเรมี่ เจเรมี่บอกฉันแล้วว่าคุณเคยช่วยเขาเอาไว้ในช่วงหกเดือนที่เขาหายตัวไป ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้สามีของฉันกลับมาหาฉันได้อีกครั้ง”“...” แววตาที่สับสนฉายผ่านดวงตาของเชอร์ลี่ย์เธอสงสัยว่าเมเดลีนกำลังเยาะเย้ยเธออยู่หรือไม่ ทว่ารอยยิ้มของอีกฝ่ายกลับดูจริงใจ“คุณชื่ออะไรคะ?”“เชอร์ลี่ย์” เธอคนนั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง “คุณใจดีจังนะคะคุณนายวิทแมน ฉันเป็นแค่หมอ มันเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องช่วยเหลือผู้ป่วยอยู่แล้ว ฉันเองก็ดีใจเช่นกันที่เห็นว่าอาการของ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช