คาเลนถอนหายใจ “เธออยู่ที่เลานจ์ คงกำลังป้อนนมลูกอยู่จ้ะ”เมื่อได้คำตอบเจเรมี่ก็รีบวิ่งตามออกไปที่เลานจ์อย่างรวดเร็วเมื่อเขาเห็นป้ายสัญลักษณ์การให้นมบุตรที่หน้าประตู ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้แล้วยกมือขึ้นเขาอยากจะเคาะ แต่ก็ลังเลแต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเคาะประตูเสียงของเมเดลีนตอบรับมาจากด้านใน “คุณแม่เหรอคะ? เข้ามาได้เลยค่ะ”เจเรมี่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าเขาคือคาเลน แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปข้างในเมเดลีนไม่ได้กำลังให้นมบุตรอยู่ แต่เธอก็หันหลังให้กับเขา ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังเปลี่ยนแพมเพิสให้ลูกน้อย“รบกวนคุณแม่หยิบทิชชู่เปียกให้ทีได้ไหมคะ? มันอยู่ในกระเป๋า”เธอไม่เห็นว่าเป็นใครเดินเข้ามา เพราะความสนใจของเธอจดจ่ออยู่กับลูกน้อยที่ต้องการเปลี่ยนแพมเพิสเมื่อเจเรมี่ส่งทิชชู่เปียกให้กับเธอ หญิงสาวก็รู้สึกได้ทันทีแววตาที่อ่อนโยนของเธอเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เมื่อต้องเผชิญกับผู้ชายตรงหน้าเธอโยนทิชชู่เปียกลงบนพื้น แล้วไปหยิบเอาอันใหม่มาเช็ดให้ลูกน้อยเจเรมี่รู้สึกใจสลายเมื่อเห็นท่าทางที่เธอรังเกียจเขาเมเดลีนปฏิเสธเขา หลังจากที่เปลี่ยนแพมเพิสและแต่งตัวให้ลูกเสร็จ เธอก็เตรีย
“ลินนี่...”“หยุดเรียกชื่อฉัน ฉันไม่อยากเจอคุณอีก” เมเดลีนขัดจังหวะเขาแล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง“ฉันไม่เคยตำหนิที่คุณลืมฉัน ฉันรู้ดีว่าที่คุณเจ็บตัวก็เพราะต้องการปกป้องฉัน และนั่นคือสิ่งที่ลาน่าใช้เป็นโอกาสในการจัดการกับคุณ แต่นี่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างของคุณที่จะขาดมนุษยธรรมจนต้องฆ่าพ่อกับแม่ของฉัน!”“เจเรมี่ ฉันไม่รู้ว่าต้องมองหน้าคุณยังไง ตอนที่ฉันเห็นคุณ ฉันก็เอาแต่คิดถึงการตายของพ่อกับแม่ตลอด ฉันหยุดคิดไม่ได้ คุณเข้าใจบ้างไหมว่าฉันต้องรู้สึกยังไง?”เมเดลีนสูดหายใจลึกแล้วอุ้มเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาขึ้นจากโซฟา ก่อนจะมุ่งหน้าเดินออกไปจากเลานจ์เจเรมี่คุกเข่าลงกับพื้น ในสมองมีเพียงคำพูดของเมเดลีนพูดซ้ำไปซ้ำมา ในตอนนั้นเขารู้สึกเหมือนมีมีดคม ๆ นับพันทิ่มตรงเข้าสู่หัวใจตัวเองถ้าหากว่าเป็นไปได้เขาอยากจะแลกชีวิตของเขากับเอโลอิสและฌอนเขายอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับการที่เมเดลีนจะรู้สึกดีขึ้นอีกครั้ง‘แต่ลินนี่ คุณไม่ให้โอกาสผมได้ขอโทษและไถ่โทษกับสิ่งที่ทำอีกต่อไปแล้ว’หลังจากที่เมเดลีนออกไปจากเลานจ์ เธอก็เดินตรงไปเรื่อย ๆเมื่อเดินผ่านตรงบันได เธอก็ได้ยินเสียงของไรอัน “เลิกทำให้ผมเสียเวลากับเรื่อง
“คุณเป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงในธุรกิจเครื่องประดับ คุณน่าจะรู้เกี่ยวกับการวาดภาพใช่ไหม ถ้าหากว่ามีเวลาทำไมเราไม่มาลองแลกเปลี่ยนกันดูล่ะครับ?”ไรอันดูเป็นสุภาพบุรุษและเคยช่วยเหลือเธอมาก่อน เมเดลีนจึงไม่ได้ปฏิเสธเขาอีกด้าน ลาน่าได้พาตัวเองกลับมาถึงบ้านทันทีที่ก้าวเข้ามาข้างใน เธอก็โดนตบเข้าที่หน้าอย่างแรงจนสมองรู้สึกว่างเปล่าและงุนงงไปชั่วขณะสัมผัสได้ถึงรสชาติของเลือดที่กำลังซึมออกมาจากมุมปากนาโอมิที่ตามลาน่ามาติด ๆ เมื่อเห็นอย่างนั้นก็ยืนตัวแข็งวันนี้เป็นวันหายนะอะไรกันนะ?เธออยากจะเห็นเมเดลีนทำตัวเองขายหน้า แต่ทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงได้ย้อนกลับมาหาเธอกัน? ลาน่าจับใบหน้าที่เริ่มบวมของตัวเอง แล้วตะโกนเสียงดัง “พี่โยริค พี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไง? พี่ตบฉันทำไมเนี่ย?”“ถามตัวเองเถอะว่าทำอะไรลงไป” โยริคหน้าตาเคร่งเครียด ขณะที่เขาซ่อนความโกรธที่มากมายเอาไว้ภายใน “ฉันบอกเธอแล้วว่าให้เลิกทำตัวบ้า ๆ แล้วกลับไปใช้ชีวิตดั่งเจ้าหญิงของเธอที่เมืองเอฟซะ แล้วทำไมถึงได้ไปหาเรื่องเอวลีนได้?”เมื่อลาน่าได้ยินอย่างนี้ เธอก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “เอวลีน มอนต์โกเมอรีอีกแล้วเหรอ
เด็กน้อยรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังอุ้มเขาอยู่ ดวงตากลมโตจึงค่อย ๆ ลืมขึ้นมองชายที่อุ้มเด็กน้อยอยู่ตกใจเมื่อเห็นอย่างนั้น เขารู้สึกหัวใจละลายเมื่อได้จ้องมองดวงตากลมโตที่ใสบริสุทธิ์คู่นั้น“พุดดิ้งใช่ไหม?” เจเรมี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน ขณะที่นิ้วเรียวก็ลูบไล้ไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ อย่างทะนุถนอมเด็กน้อยมองเจเรมี่แล้วปากเล็กๆ ก็คลี่ยิ้มออกอย่างน่ารักน่าชังเจเรมี่สัมผัสได้ถึงลูกกระเดือกที่คอของตนเองเมื่อได้เห็นรอยยิ้มนั้น เขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไปภาพในตอนที่เมเดลีนต้องเจ็บปวดทรมานเพราะคลอดลูกชายด้วยวิธีธรรมชาติยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาเธอพยุงร่างกายที่อ่อนแอผ่านความเจ็บปวด ด้วยจิตใจอันแข็งแกร่ง นั่นจึงเป็นวิธีที่ทำให้เธอสามารถให้กำเนิดทารกที่คลอดก่อนกำหนดได้ตอนนั้นเสื้อผ้าและผมของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ในขณะที่ใบหน้าซีดเซียว เธออยากจะยื่นมือไปหาเขาและเรียกหาอย่างไรก็ตาม เขากลับเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึกและยื่นมือไปหาเธอในวินาทีสุดท้ายจากนั้นเขาก็รู้สึกบีบหัวใจเมื่อนึกถึงว่าเด็กคนนี้ต้องอยู่ในตู้อบเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนก่อนที่เขาจะมีชี
หญิงสาววางเด็กน้อยลงแล้วเช็กที่แพมเพิส แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรเมเดลีนเป็นกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเธอ เธอจึงอุ้มลูกขึ้นมาแล้วจะรีบพาเขาไปที่โรงพยาบาล“ลินนี่ ขอโอกาสให้ผมนะ” เจเรมี่ขอร้อง “เมื่อกี้ที่ผมอุ้ม เขาไม่ร้อง”เมเดลีนมองเขาด้วยความเย็นชา “ถ้าคุณไม่เข้ามา ลูกก็คงไม่ตื่น รู้ไหมว่าฉันต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะกล่อมให้ลูกหลับได้ คุณเข้ามาทำไมกัน?”เมเดลีนบ่นพึมพำ แม้เธอจะรู้ว่าทารกอาจร้องไห้ด้วยเหตุผลอื่น แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับชายคนนี้ได้“ลินนี่ ให้ผมอุ้มลูกเถอะนะ จริง ๆ นะ เมื่อกี้ตอนที่ผมอุ้มเขาไม่ร้อง” เจเรมี่ร้องขออีกครั้งถึงอย่างนั้นเมเดลีนก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาอุ้มพุดดิ้งน้อย ตรงกันข้ามเธอกลับเอ่ยเย้ยหยัน“ตอนนี้คุณรู้แล้วเหรอว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของคุณ?”“ลินนี่”“เจเรมี่ ฉันไม่โทษคุณหรอกนะ ฉันไม่เคยโทษคุณเลยที่คุณสูญเสียความทรงจำไป ฉันแค่เกลียดที่คุณสูญเสียความเป็นคนไปด้วยหลังจากที่เสียความทรงจำไปก็แค่นั้น” เธอพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมความรู้สึกของตัวเอง“พยาบาลบอกกับฉันว่า หลังจากที่คุณเข้าไปในห้อง หน้าของลูกก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำจนน่าตกใจ
ในตอนนั้นเองที่เมเดลีนรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจต่อมาเธอก็เปิดประตูรถแล้วเรียกรถพยายามด้วยมืออันสั่นเทาหญิงสาววิ่งไปที่ข้างรถ เธอมองตามมือที่เต็มไปด้วยเลือดเข้าไปข้างในรถ“ลินนี่ เรามาเริ่มใหม่...”เธอได้ยินเจเรมี่พึมพำขณะที่หมดสติไปน้ำตาของเมเดลีนค่อย ๆ ไหลนองหน้า ตอนนี้เธอรู้สึกถึงความคิดที่ขัดแย้งของตนเองเธอไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาทั้งนั้น แต่ก็ไม่อาจมองข้ามการตายของพ่อกับแม่เธอไปได้รถพยาบาลมาถึงและรีบนำตัวเจเรมี่ไปอย่างรวดเร็วอวัยวะภายในของเขาไม่ได้รับความเสียหาย อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นแผลที่ผิวภายนอก แต่มือซ้ายของเขาค่อนข้างบาดเจ็บสาหัส ทำให้ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้ยกของหนักได้ นอกจากนี้ที่น่องซ้ายของเขาก็ยังมีบาดแผลขนาดใหญ่ซึ่งทำให้เขามีเลือดไหลออกมามากเจเรมี่เริ่มฝันขมุกขมัวอีกครั้ง เขาฝันว่าเรือระเบิดและเมเดลีนก็กำลังจะจากเขาไปเขาจึงยื่นมือออกไปจับมือของเมเดลีน และในตอนนั้นเขาก็ตะโกนออกมาอย่างร้อนใจว่า “ลินนี่ อย่าทิ้งผมไป”เขาตะโกนแล้วเบิกตาโพลงในขณะเดียวกันจากนั้นเขาก็เห็นใบหน้าตกใจของเคน “คุณวิทแมน คุณฟื้นแล้ว”เจเรมี่เพิ่งรู้ตัวว่าเขากำลังจับมือของเค
“เดี๋ยวคุณแม่ก็มาถึงแล้วล่ะ” แจ็คมองไปที่ถนน ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับรู้สึกผิดหวัง “ไม่รู้เมื่อไหร่ แดดดี้จะกลับบ้านนะ”“แดดดี้? หนูไม่เห็นแดดดี้นานแล้วเหมือนกัน” ลิเลียนหน้ามุ่ย เธอยังคงคิดว่าพ่อของเธอคือเฟลิเป้ ภายในดวงตากลมโตแอบซ่อนความอ้างว้างไว้แต่ในทันใดนั้นเองดวงตากลมก็กลับมาสดใสเป็นประกายอีกครั้งจู่ ๆ ก็มีช่อดอกไม้ที่ทำมาจากลูกกวาดหลากสีปรากฏขึ้นต่อหน้าลิเลียน“เอ๋?” ลิเลียนสับสน แต่ดวงตาของเธอก็ยังคงเป็นประกายด้วยความสนใจกับสิ่งตรงหน้า “ว้าว สวยจังเลย!”แจ็คสันมองไปยังมือที่ถือช่อดอกไม้และเห็นใบหน้าที่ดูเป็นคนเจ้าสำราญ"คุณเป็นใคร?" แจ็คสันดึงลิเลียนไปข้างหลังและถามฟาเบียนด้วยความระแวงฟาเบียนยังคงดูเหมือนเป็นคนขี้เล่นไม่เอาจริงเอาจัง จากนั้นเขาก็มองไปที่แจ็คสันด้วยท่าทางที่ไม่พอใจและพูดอย่างอวดดีว่า “ฉันเป็นเพื่อนของลิลลี่”แจ็คสันมองฟาเบียนอย่างสงสัย จากนั้นเขาก็ได้ยินลิเลียนตะโกนว่า “นายผมขาว!”ลิเลียนจำฟาเบียนได้ฟาเบียนขมวดคิ้ว เขาย้อมผมสีเงินเป็นสีน้ำตาลแล้วแจ็คสันจำได้ว่าลิเลียนเคยพูดถึงนายผมขาวคนนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงลดการป้องกันลงเล็กน้อย“แจ็ดกี้ นายผมข
อะไรนะ?ลาน่าสับสน ในขณะที่เธอพยายามคิดว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร จู่ ๆ เธอก็หายใจไม่ออก???เมเดลีนยกมือขวาคว้าคอของลาน่าไว้แน่นลาน่าไม่คิดว่าเมเดลีนจะทำเช่นนี้เธอใช้กำลังทั้งหมดที่มีโต้กลับ แต่เมเดลีนดูจะแข็งแกร่งเกินไป"ปล่อย… นะ! เอวลีน ยัยบ้า ปล่อยฉันนะ! อั่ก!"ลาน่าขู่ แต่เมเดลีนกลับจับเธอไว้แน่น ทั้งยังกดลาน่าเข้ากับกำแพงขณะที่เธอพยายามดิ้นดวงตาสีแดงก่ำของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์อาฆาตพยาบาท ราวกับว่ามีพายุกำลังก่อตัวอยู่เบื้องหลังของพวกเธอเมื่อนึกถึงการตายของเอโลอิสและฌอน เธอก็ยิ่งกำมือแน่นยิ่งขึ้นเมเดลีนไม่ได้พูดอะไร เพียงเฝ้าดูใบหน้าของลาน่าที่แดงขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอหายใจไม่ออก เธอดูเหมือนเริ่มจะเจ็บปวดในทางกลับกัน ดวงตาของเมเดลีนเองก็เปียกชื้นและแดงขึ้น‘พ่อคะ แม่คะ...’เธอโหยหาความรักของพ่อและแม่มานานหลายปีนั่นเป็นบ้านที่เธอได้กลับคืนมาหลังจากผ่านความยากลำบากมากมายอย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ถูกทำลายโดยผู้หญิงชั่วร้ายและวิกลจริตคนนี้ที่คอยชักใยผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดดวงตาของลาน่าเบิกกว้าง เธอรู้สึกว่ามือและเท้าเริ่มเย็น และหายใจไม่ออกไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตามหลัง