“ค่า...น้องรสรู้ว่าพี่นนท์น่ะ ไม่เค้ยไม่เคยอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเพียงแค่คนเดียว แต่นอนด้วยหลายคนใช่ไหมคะ” รสรินตอบกลับอย่างรู้เท่าทัน อย่าคิดว่าเธอไปเรียนต่างบ้านต่างเมืองแล้วจะไม่รู้เรื่องของคนที่บ้านนะ สายน่ะมีตั้งหลายคน ไม่ได้มีแต่นันทิยานี่นา เพราะคนนี้นะยังไงก็ต้องเข้าข้างน้องชายตัวเองอยู่ดีนั่นแหละ
ชลดาใช้โอกาสที่ไม่มีใครสนใจเธอ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะหยุดอยู่กึก เมื่อจำได้ว่าหนึ่งในสองคนเป็นคนที่เคยเข้าไปทำร้ายเธอในห้องนอนของภาม
สายตาแห่งความรักที่มอบให้ชายหนุ่มแต่สายตาแห่งความโกรธระคนเกลียดที่มอบมาให้เธอทำให้ชลดาอยากที่จะแกล้งให้อีกฝ่ายกระอักเลือด ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นลากไล้วงหน้าคมคร้าม เรื่อยลงจนถึงเหนือปากหนา แล้วก็อดที่จะหัวเราะคิกคักไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายเล่นด้วย ริมฝีปากหนาอ้างับปลายนิ้วเล็ก ปลายลิ้นร้อนระอุตวัดไล้หยอกกระเซ้าจนหัวใจเต้นแรงรัวเร็ว พวงแก้มนุ่มแดงปลั่ง ดวงตากลมโตเป็นประกายพราวระยับ
“นนท์...พาพี่ไปจากที่นี่ที พี่ไม่ไหวแล้ว” นันทิยาบอกน้องชายเสียงสั่นเครือ ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคยเป็นสีแดงซีดเผือดเช่นเดียวกับวงหน้าที่ตอนนี้ซีดจนจะเหมือนกระดาษ
ภามใจร้ายกับเธอเกินไปแล้ว เกินไปจนเธอรับไม่ไหวแล้ว ดวงตากลมโตแดงก่ำฉ่ำน้ำที่มันปกปิดซุกซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้ไม่มิดตวัดส่งคำตัดพ้อต่อว่าไปให้ภาม อย่างทนกับภาพอันบาดตาและบาดใจไม่ไหวแล้ว ทำไมเธอถึงได้อ่อนแอแบบนี้นะ เลยถูกเขาทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ครับพี่ไทนี่” ชานนท์รับปากทันที ปลายนิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นกับซับน้ำตาอุ่นร้อนที่ไม่ได้ไหลออกจากสองตา แต่ซึมอยู่บริเวณขอบตาอันแดงก่ำ ก่อนมือใหญ่วางทับบนมือเล็กบีบกระชับเบา ๆ
นับตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนมหา’ ลัยย่างเข้าปีที่สอง นันทิยาเสียต้องน้ำตากับความเจ้าชู้ของภามที่ควงหญิงไม่ซ้ำหน้า เขาอยากให้พี่สาวตัดใจจากภามได้เสียที จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอยู่อย่างนี้ แต่รู้ดี การตัดใจจากคนที่รักนั้นมันยากเย็นเพียงใด ก็เขายังไม่เคยที่จะทำได้เลยนี่นา...ดวงตาคมกริบส่งประกายแห่งความรักมอบไปให้กับรสริน ก่อนจะรีบเมินหลบเมื่ออีกฝ่ายหันมามอง
“นนท์อยู่นี่ก่อนนะ อย่าเพิ่งไปไหน พี่มีเรื่องงานจะคุยด้วย” เพราะได้ยินนันทิยาเอ่ยพูดกับน้องชาย ภามเลยดักทางเอาไว้เสียก่อน
“ดาจ๋า...คุณกลับไปก่อนนะดาครับ ผมคุยกับน้องสาวและเคลียร์งานกับน้องชายให้ก่อน” ปลายมือใหญ่จับรั้งปลายคางมนให้แหงนหงายขึ้นรับจุมพิตอย่างถนัดถนี่ แต่ปรายสายตาไปมองนันทิยา อยากสาแกใจที่ทำให้อีกฝ่ายช้ำชอกได้
‘ฉันอยากรู้นักว่าเธอจะอดทนได้แค่ไหนไทนี่’
“แล้วผมจะโทรหานะ หากว่างานเสร็จไว ผมอาจแวะไปหาคุณนะ” ภามส่งเสียงหวานนุ่มทุ้มให้กับชลดาอีกรอบ
นันทิยาใช้ฟันขบกัดริมฝีปากไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมาจนได้กลิ่นเลือดคาว ๆ ปลายเล็บแหลมคมกดลงบนฝ่ามือ แต่สิ่งที่ทำไป ร่างกายไม่ได้เจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว
ใบหน้าสวยรีบหันไปอีกฝั่งที่ไม่มีหน้าของคนใจร้ายอยู่ เหลือบสายตาขึ้นมองเพดานห้อง ไม่ยอมให้น้ำตาที่เอ่อล้นคลอเบ้าไหลลงมาให้อับอายและสะใจภาม
หัวใจคนเราไม่เหมือนกับก้อนหิน ที่ไม่เคยรับรู้ถึงความเจ็บปวด แต่ถ้าถูกทำร้ายมาก ๆ เข้า เจ็บมาก เจ็บจนเกินกว่าจะทนเจ็บได้อีก มันก็จะเป็นเหมือนกับก้อนหิน ที่จะมีเพียงแค่ความชาชินและเฉยเมย
ใจเธอ...อีกไม่นานมันก็คงจะเป็นดังเช่นก้อนหินที่ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ให้กับชายตรงหน้า เมื่อถึงวันนั้น เธอก็สามารถตัดใจจากเขาได้ ซึ่งจะต้องเริ่มทำนับตั้งแต่บัดนี้ใช่ไหม?
“ก็ได้ค่ะ แล้วดาจะรอนะคะ”
ชลดามีอาการกระเง้ากระงอดเล็กน้อย แต่ยอมที่จะทำตามความต้องการของภาม แต่ก่อนเดินออกจากตักอีกฝ่าย ริมฝีปากอวบอิ่มทาบทับไปบนแก้มสากระคาย เคลื่อนไล้ลงมาจนพบกับริมฝีปากหนา กดย้ำทาบทับบดคลึงกลีบปากอวบอิ่ม ลากไล้เปิดแยกกลีบปากหนาด้วยปลายลิ้นเล็ก สอดแทรกไปในโพรงปากอุ่น สองมือเล็กลากไล้เคลื่อนไปยังจุดสำคัญ ๆ ของภามอย่างไม่อายคนที่นั่งมองอยู่ จวบจนได้ยินเสียงครางผะแผ่วดังมาจากคนร่างใหญ่ถึงได้ยอมเคลื่อนตัวออก เดินเยื้องย่างสะบัดส่ายสะโพกยั่วให้ภามต้องถวิลหา ปลายมือยาวทาบทับบนเรียวปากอวบอิ่มแดงก่ำ เพราะแรงบดคลึงส่งจุมพิตไปให้ภามอีกระลอก พร้อมตวัดส่งค้อนให้กับผู้หญิงปากเสียที่เธอเดาว่าน่าจะเป็นน้องสาวของภามวงโต
‘ชิ...ยัยหน้าหม้อ เป็นแค่น้องสาว แต่ทำเป็นหวงพี่ชายเสียจนน่าเกลียด นึกหรือว่าฉันจะยอมให้หล่อนกันภามออกจากฉันง่าย ๆ รู้จักชลดาน้อยไปเสียแล้ว’
“พี่ภามไปเก็บตกมาจากที่ไหนคะนี่ หน้าตาก็งั้น ๆ ไม่เห็นจะสวยเลย หุ่นก็งั้น ๆ แหละ น้องว่าสู้พี่ไทนี่ก็ไม่ได้ ห่างไกลกันเยอะ” รสรินพูดเสียงดัง ๆ ตามไล่หลังให้อีกฝ่ายได้ยินด้วย ก่อนจะหันมาหาพี่ชาย แต่ริมฝีปากอวบอิ่มที่อ้าออกกลับต้องค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น เพราะภามกลับนำเรื่องงานมาอ้างแทน
“น้องรสไปคุยกับพี่นนท์ที่ห้องก่อนไหม พี่มีงานจะเคลียร์กับไทนี่นิดหน่อย...” ภามพูดเสียงเย็น นอกจากจะปรายสายตาแข็งดุกร้าวไปแล้ว ยังจะรัศมีแห่งความเกรี้ยวกราดและขุ่นแค้นส่งมอบให้นันทิยา จนอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เพราะไม่ทันเตรียมรับสถานการณ์เอาไว้
“เดี๋ยวพี่เคลียร์เสร็จจะตามไปคุยด้วยนะจ๊ะ” หันไปพูดเสียงหวานกับน้องสาว และอย่างที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะอิดออดอยู่ทำให้เขาจัดการยัยตัวดีไม่ได้ ก็เอ่ยปากต่ออีกนิด
“อืม...นนท์ เมื่อวานนัดกับน้องอะไรไว้นะ...รีบเคลียร์กับน้องสาวพี่ให้ดีละ แล้วอย่าลืมคุยเรื่องงานไว้บ้างก็ดีนะ กลับมาแล้วจะได้มาช่วยกัน”
คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นเมื่อวางยาชานนท์ได้สำเร็จ เพราะใบหน้าน้องสาวของเขานั้นบูดบึ้งตึงตวัดสายตาเกรี้ยวกราดใส่ชานนท์
“น้องรสรู้ค่ะ พี่ภามอยากให้ออกไป เลยเอาเรื่องนี้มาบอกน้องรส แต่แหม...” หญิงสาวลากเสียงยาว นัยน์ตาระยิบระยับแพรวพราว
“พอสาวไป ก็อ้างงานขึ้นมาไล่น้องกลับเลยนะ ตกลงไม่คิดถึงน้องสาวคนนี้บ้างเลยหรือไงคะ จากไปตั้งสองสามปีเชียวนะ”
“ไม่เลยไทนี่ พี่ไม่ได้ปากหวาน แต่พี่รู้ตัวว่าทำผิด ทำร้ายไทนี่ให้ต้องอับอายและเจ็บปวด” สองมือใหญ่จับมือเล็กมาทาบบนอกกว้าง“พี่ขอโทษนะไทนี่ น้องจะยกโทษให้พี่ได้ไหม ให้โอกาสกับคนที่รู้ตัวช้าและกลับตัวกลับใจคนนี้ได้พูดได้แสดงออกถึงความรักที่มีแก่ไทนี่...ไทนี่จะยอมให้โอกาสพี่...ให้โอกาสผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนี้ได้ดูแลและรักไทนี่ตลอดไปได้ไหม”ถึงจะได้ยินชัด ๆ จนเต็มสองหูแต่นันทิยาก็ยังไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าคำว่ารักที่หนักแน่นที่หลุดออกมาจากปากหนา ให้หัวใจไม่รักดีของเธอก็ละลายกลายเป็นน้ำแล้วก็ตาม เพราะภามคือคนเบื่อง่ายหน่ายเร็ว แรกรักแรกต้องการคำหวานมีให้เสมอ แต่ยามเมื่อรักคลายน้ำต้มผักที่ว่าหวานก็ยังกลายเป็นขม“ไทนี่จะเชื่อได้หรือคะว่าพี่ภามจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องร้องไห้ อับอายและเจ็บช้ำอีก”“ถึงพี่จะให้คำมั่น แต่อดีตที่ผ่านมามันคือความทรงจำอันเลวร้ายที่พี่มอบให้ไทนี่...มันคงจะมีอย่างเดียวที่ทำให้ไทนี่มั่นใจ นั่นคือจากนี้ไปพี่ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักและความจริงใจที่พี่มอบให้สุดที่รักของพี่คนนี้” สองมือใหญ่ทาบบนใบหน้านวลเนียนนุ่ม“ขอแค่ไทนี่ให้โอกาสพี่เท่านั้นพอ...พี่สัญญาจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องน
ริมฝีปากหนาทาบทับบนกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอแย้มจะต่อว่าและผลักไสเขาให้ออกห่าง ขบกัดกลีบปากบนสลับล่าง สอดแทรกปลายลิ้นเลาะเล็มซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากนุ่มโดยที่นันทิยาเองก็ไม่ขัดขืน และยังจะให้ความร่วมมือส่งปลายลิ้นเล็กๆ มาเลาะเลี้ยวเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นสากระคายเสียอีก เป็นนานกว่าที่เขาจะหักห้ามใจถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย‘โอ๊ย! ไทนี่จ๋า อย่าตอบสนองพี่แบบนี้สิยาหยี เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวปล้ำไทนี่ก่อนจะได้คุยกันนะคนดี’ภามถึงกับร้อนฉ่าไปทั่วทั้งกายเมื่อนันทิยาตอบสนองกลับอย่างไม่มีแง่งอน สัดส่วนความเป็นชายเริ่มขยายตัวนูนเด่นดันตัวผ้าขนหนูออกมาแนบชิดลำขากลมกลึง“คุยกันดี ๆ ไม่คิดหนีและไม่ทำร้ายร่างกายพี่ด้วย พี่จะปล่อย ตกลงไหม” ภามกัดฟันข่มกลั้นความต้องการไว้อย่างสุดความสามารถ ลมหายใจหอบแรงจนกล้ามเนื้อไหวกระเพื่อมนันทิยาขบกัดริมฝีปาก จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นแล้วเห็นถึงความรักและจริงใจรักหรือ...เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า อย่างภามนี่นะรักเธอ เป็นไปไม่ได้ เธอคงจะตาฝาดไปเท่านั้น สิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่สายตาที่เอื้อเอ็นดูระหว่างคนที่เคยเติบโตมาด้วยกันเท่านั้นเอง วงหน้าสวยหมองเศร้าลงทันตา รีบตอบคำ
“มองอะไรไม่เคยเห็นคนหรือไง” เมื่ออีกฝ่ายยังเงียบก็อดที่จะตวาดแว้ดไปด้วยความหงุดหงิดระคนวาบหวิวในทรวง แต่เมื่อนึกได้ว่ามาด้วยเรื่องใดก็สูดลมหายใจเขาเต็มปอด ข่มความโมโหเอาไว้ภายในทั้งที่อารมณ์นั้นเดือดปุด ๆ และวาบหวิวจากสายตาคมกริบเอ่ยถามออกไปเสียงแข็ง ห้วนและกระด้าง“พี่ภามทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง จะแกล้งกันไปถึงไหน” หญิงสาวข่มกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจที่สุดท้ายแล้วภามก็ยังไม่ได้ปรับปรุงตัวเองยังทำร้ายหัวใจเธอซ้ำอีก“หือ...ทำอย่างนี้ได้ยังไง?” ภามแสร้งทวงคนถามอย่างไม่เข้าใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง เดินไปนั่งบนเตียงนอนใหญ่ที่เขาเพิ่งจะเปลี่ยนสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา พร้อมข้าวของอีกหลายชิ้นในห้องเพื่อให้เกียรตินันทิยาที่จะไม่ต้องมานอนทับบนเตียงที่เขาเคยพาผู้หญิงคนอื่นมานอน“พี่ภามอย่ามาเล่นลิ้นนะ ไทนี่ซีเรียดนะ” นันทิยาตวาดแว้ดชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่ยังอารมณ์ดีที่กวนโมโหจนเธอแทบจะปรี๊ดแตกแล้ว ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้ากรุ่นระอุด้วยไอโกรธที่มันพลุ่งพล่านอยู่ในเรือนกาย ร่ำ ๆ อยากจะเข้าไปทำร้ายคนหน้าเป็น‘ไม่รู้จะยิ้มอะไรหนักหนา ปากน่ะหุบเสียบ้างก็ได้คนบ้านี่’“ไม่ได้เล่นลิ้น
“รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก้อยก็เป็นเจ้าของหัวใจฉันจนหมดทั้งดวง เลยต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อทุกอย่างทุกทางจนก้อยหลงติดกับไปไหนไม่รอดไง”ปากหนาทาบจากพวงแก้มนุ่มสีพีชสุกไล่ไปถึงริมฝีปากอวบอิ่ม กดลงไปแผ่วเบา นุ่มนวลและอ่อนโยน ตอนที่แผนการนี้ผุดขึ้นมาในสมองเขากลัวแทบตายว่ารวิกานต์จะดื้อดึงดื้อรั้นไม่ยอมง่าย ๆ แต่กาลกลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง แม้จะงอนและโกรธอยู่บ้าง แต่รวิกานต์กลับเข้าใจอะไรได้ง่ายอย่างที่คิด คงจะเป็นเพราะเธอรักเขา...แต่คำนี้นอกจากการกระทำแล้วมันก็ต้องได้ยินจากปากด้วย ถึงจะมั่นใจได้ว่าไม่ได้คิดไปเอง“ว่าไง ยังไม่ตอบให้ชื่นใจเลยนะ รักผมไหม...แล้วเราจะแต่งงานกันใช่ไหมก้อย” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้บนผิวกายเนียนนุ่ม ครอบครองฟอนเฟ้นหน้าอกหน้าใจสาวที่มันอวบอิ่มใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ริมฝีปากจุมพิตเลาะเล็มขบกัดกลีบปากเนียนนุ่มจนรวิกานต์ถึงกับตัวสั่น ยกสองมือดันกายใหญ่ให้ออกห่างอย่างยากเย็น“คุยกันก่อนสิคะเจ้านาย เล่นรุกถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก้อยทำอะไรไม่ถูกนะคะ” หัวใจรวิกานต์เต้นตึกตัก ๆ รัวเร็วยิ่งกว่ามีใครยิงปืนกลเสียอีก ใบหน้าแดงปลั่งก้มงุดไม่กล้ามองสบสายตามคมกริบที่จ้องทะลุไปถ
ปากและใจบอกว่าไม่...อย่าไปยอมให้รัฐภาสเห็นเธอเป็นเพียงแค่ของเล่นใกล้มือที่จะหยิบมาเชยชมเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแค่ถูกเขากอดจูบเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นมันก็พร้อมที่จะหลอมละลายกลายเป็นไอ สองมือที่วางทาบอยู่บนลำตัวเริ่มที่จะเคลื่อนไหวไปตามกล้ามเนื้อล่ำสันไปจนโอบรอบบ่ากว้าง เผลอตัวตอบรับจุมพิตหวานแผดร้อนที่แทบจะสูบเอาลมหายใจออกจากปอดจนหมดสิ้นรัฐภาสถอนจุมพิตเคลื่อนไปตามพวงแก้มอิ่มนุ่ม สันจมูกโด่งและสุดท้ายประทับบนดวงตากลมโตที่มันบวมช้ำเพราะการร้องไห้อย่างหนัก“ขอโทษนะก้อยที่ฉันมาช้า อย่าโกรธฉันนะคนดี” ปลายนิ้วยาวร้อนไล้ไปบนกลีบปากอวบอิ่มแดงระเรื่อที่ขบกัดหนี“ปล่อยก้อยได้แล้วเจ้านาย...คุณรัฐภาส” รีบเปลี่ยนเพราะตอนนี้เธอไม่ใช่พนักงานในบริษัทเขาแล้ว และไม่คิดที่จะไปลาออกให้มันถูกต้องด้วย จะทำอะไรก็ทำไม่แคร์“แล้วก็รีบออกไปจากบ้านก้อยด้วย ก้อยไม่ได้เป็นอะไรกับคุณอีกแล้ว” สองมือเล็กผลักดันกายใหญ่ให้ออกห่างและรัฐภาสก็ยอมให้ แต่...กายใหญ่ขยับลุกขึ้นพร้อมกับเกี่ยวเอากายโปร่งกลมกลึงขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง จับรั้งไม่ให้เบือนหน้าหนี พร้อมสอดแขนใหญ่กระชับเอวเล็กคอด“หู...หายไปแค่
เปลือกตาบางปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า แพขนตายาวงอนกะพริบถี่ ๆ ก่อนจะลืมตาที่แดงก่ำ รอบ ๆ ขอบตาบวมช้ำขึ้นมาสู้กับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอน พร้อมกับอาการปวดหัวริ้ว ๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง มือเล็กยกขึ้นจับลำคอแห้งผากเหมือนกับมีกระดาษมาถูไถอยู่เลยไปถึงพวงแก้มนิ่มที่เย็นจัด ไล่ไปจนถึงดวงตากลมโตที่ถึงตอนนี้ก็ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือติดอยู่กายกลมกลึงพลิกตัวหนีแสงแดดที่ส่องมาจนตาถึงกับพร่าเลือนไปชั่วขณะหนึ่ง ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกจากจมูกที่ตอนนี้มีสิ่งไม่พึงประสงค์อุดอยู่ เสียงท้องร้องประท้วงให้เธอรีบไปหาอะไรใส่ลงไปเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่แบบนี้ ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากแตกแห้งเพราะขาดการบำรุง พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็ยังลำบากยากเย็น เพราะร่างกายหมดไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจากการไม่เอาใจใส่ตัวเอง แม้อาหารก็ไม่คิดจะหามาใส่ท้องเธอร้องไห้มากี่วันแล้ว...ร้องและรอว่าเขาคนนั้นจะมาหา บอกเล่าว่าสิ่งที่เธอเห็นในวันนั้นไม่เป็นความจริง เขายังเป็นคนโสดไม่มีพันธะใดๆ กับใคร แต่รอแล้วรอเล่า จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งคืนและล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดี แต่ก็ไม่มีวี่แววรัฐภาสจะมา...