Share

บทที่ 7

last update Last Updated: 2025-02-11 12:00:29

“พี่เจ้าของบ้านค่ะ บ้านหลังนี้มีผีหรือเปล่าค่ะ”

มินตราตัดสินใจถามออกไปโดยตรง เธอรู้สึกอึดอัด เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรสักอย่าง แต่เธอยังหาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย อ้อ ยกเว้นไดอารี่ที่เพิ่งเจอ เธอต้องกลับไปอ่านต่ออย่างแน่นอน

แต่ยังไงตอนนี้คนที่น่าจะรู้เรื่องดีที่สุด คือ คนที่อยู่ตรงหน้าตรงนี้

“เอ่อ มะ มะ ไม่มีอะไรนี่ เรื่องประวัติก็เล่าให้น้องมินไปแล้วนี่นา ไม่มีผี ไม่มีคนเสียชีวิตที่นี่หรอก ว่าแต่มินพบเจออะไรที่ผิดปกติเหรอ”

เมื่อเจอคำถามไป เจ้าของบ้านก็ทำหน้าเหวอทันที พยายามตอบออกมาอย่างตะกุกตะกักในตอนแรก เมื่อตั้งสติได้ ก็พยายามถามว่าหญิงสาวตรงหน้าได้พบเจออะไรหรือเปล่า

เป็นคำตอบที่คิดไว้แล้วจริงๆ เขาไม่บอกความจริงดีๆ ด้วย มินตราคิดในใจ

“เปล่าหรอกค่ะ ก็แค่ฝันไม่ดี และก็น่าจะแค่แสงตกกระทบเลยทำให้เห็นภาพประหลาดๆ ก็เท่านั้นค่ะ”

มินเม้มปากสักพักแล้วก็เล่าบางอย่างออกมาแต่แน่นอนว่าไม่ใช่ความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์

“อ้อ ใช่ ใช่ ใช่ น่าจะเป็นแสงไฟหล่ะ ดี ดี ดี มินอยู่ได้ พี่ก็สบายใจ งั้นพี่ไปทำธุระต่อนะ”

ว่าแล้วก็รีบขึ้นรถขับออกไป โดยที่มินยังไม่ทันได้บอกลา มินทำอะไรไม่ได้ก็เลยจัดการปิดประตูรั้ว

จังหวะที่กำลังจะปิดประตูรั้ว ได้มองไปข้างหน้าซึ่งก็คือหน้าปากซอยก็เห็นป้าอุษามองมาที่บ้านของเธอ เมื่อเห็นดังนั้น จึงตัดสินใจเดินไปหาป้าอุษาทันที คราแรกป้าอุษาอยากจะเดินหนี แต่มินตราก็รีบเรียกไว้ก่อน

“สวัสดีค่ะ ป้าอุษา”

ป้าอุษาเมื่อเห็นว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็เลยหันมาเผชิญหน้ากับมินตราแทน

“สวัสดีจ๊ะ หนูมิน เป็นอย่างไรบ้างสบายดีมั้ย นอนหลับสบายดีหรือเปล่า”

(ประโยคคำถามเดียวกันเลย) มินคิดในใจ

“เอ่อ ก็ดีค่ะ แต่...” ในเมื่อตั้งใจที่จะหาคำตอบ มินต้องเล่นลูกไม้สักหน่อย

“แต่อะไรจ๊ะ เจออะไรหรือเปล่าลูก” ป้าอุษารีบละล่ำละลักถาม

“คือ มินเหมือนจะเห็นเด็กผู้ชาย แต่.. น่าจะเป็นฝันค่ะ ในฝันน่ากลัวมากค่ะ” มินรีบบอกออกไป และลอบสังเกตปฏิกิริยาของหญิงสูงวัยตรงหน้า

“ฝันหรือเห็นจริงๆ ลูก ลองนึกดูดี” ระหว่างถาม ป้าอุษาก็ยื่นมือเข้ามาจับทื่มือมินอย่างแน่น พร้อมกับเขย่าไปด้วย

เมื่อมินมองไปที่มือ ป้าอุษาที่ลืมตัวไปชั่วขณะ ก็รีบปล่อยมือออก แต่ก็ยังมองหน้ามินเหมือนกับต้องการคำตอบ

“ฝันค่ะ แต่เหมือนจริงมาก ที่สำคัญน่ากลัวมาก” มินพูดไปพร้อมกับทำหน้าตกใจไปด้วย

“เหรอ ฝันว่าอะไร เล่าให้ป้าฟังหน่อยสิ”

มินจึงเล่าถึงความฝัน ให้ป้าฟัง เมื่อได้ยินดังนั้น ป้าอุษาก็ตาเบิกโพลงขึ้นมา ปากอ้าไม่หุบ เมื่อได้สติก็มองหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสาร

“มีอะไรที่มินยังไม่รู้เกี่ยวกับบ้านหลังนี้หรือเปล่าค่ะ” มินถามป้าอุษาเสียงต่ำ เธอมั่นใจว่าป้าต้องรู้เรื่องอะไรสักอย่างแน่ ๆ

“เอ่อ ปะ ป้าไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรจริง ๆ แล้วหนูมินไม่ถามเจ้าของบ้านเหรอจ๊ะ” ป้าอุษาหลบสายตา

“ถามแล้วค่ะ เขาตอบว่าไม่มีอะไรค่ะ” มินตอบเสียงเรียบ

“อืม ถ้าไม่มีอะไรก็คงไม่มีอะไร ยังไงก็แล้วแต่ ถ้ายังไงหนูมินก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะ ที่สำคัญอย่าไว้วางใจอะไรง่ายๆ” ป้าเอ่ยออกมาอย่างปริศนา

“อย่าไว้วางใจอะไรง่าย ๆ คืออะไรค่ะ” อะไรนี่คืออะไร มินขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

“เอ่อ เปล่า ไม่มีอะไร ป้าต้องขอตัวก่อนนะ อ้อ อีกเรื่อง วันที่ 13 ที่จะมาถึง ป้าแนะนำให้เราไปนอนที่อื่นนะ ป้าต้องไปแล้ว” พูดจบหญิงสูงวัยก็รีบเดินกลับเข้าไปในร้านขายของชำของตัวเองทันที โดยไม่ฟังเสียงเรียกของมินตราเลย

“ป้าคะ ป้าคะ อะไรเนี่ย นึกอยากจะไปก็ไป”

มินตราเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว โชคดีที่ก่อนออกไปมินตราเปิดไฟในบ้านทิ้งไว้ก่อน ทำให้บรรยากาศในบ้านไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนทุกที

มินเดินไปที่ห้องครัวเริ่มทำกับข้าวทานเอง หลังทานข้าวเสร็จ มินทำการล้างจาน

ระหว่างที่ล้างจานอยู่นั้น มินได้ยินเสียงเหมือนกับคนเดินไปเดินมาอยู่ข้างบน

เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด

ตอนแรกเสียงก็ห่าง ๆ เหมือนคนเดินหนึ่งคนค่อย ๆ เดินย่อง ๆ มินพยายามข่มความกลัวและคิดว่าเป็นแค่ไม้ลั่น เพราะกำลังจะเข้าหน้าฝนอากาศเปลี่ยน ไม้ปาเก้ข้างบนน่าจะมีการหดตัว แต่สิ่งที่ทำให้มินตกใจคือ

ตึง ตึง ตึง ตึง

เสียงวิ่ง มันคือเสียงวิ่งจริง เป็นเสียงที่วิ่งจากข้างบนห้องนอนกลางและวิ่งไล่ลงมายังตรงบันได และ

ปัง

เสียงประตูห้องเก็บของปิดดังลั่น

เมื่อได้ยินเสียงประตูปิด จึงรีบหันไปทางเสียงทันที มือที่ถือจานที่กำลังล้างอยู่ก็หล่นลงไปด้วยความตกใจ

“ว้าย”

เพล้ง

แกร๊บ

มินเผลอเหยียบไปบนจานที่แตกตรงพื้น

“โอ้ย”

เลือดไหลออกมาจากฝ่าเท้าของมิน หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ จัดการดึงเศษกระเบื้องของจานออกจากฝ่าเท้า แล้วรีบเดินเลี่ยงเศษกระเบื้องไปล้างเท้าในห้องน้ำ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องผงะเล็กน้อย เพราะได้กลิ่นเหม็นเน่าออกมาอย่างแรง ประมาณว่ากลิ่นน้ำยาปรับอากาศที่พึ่งซื้อมาไม่สามารถกลบได้ แต่ด้วยอาการปวดที่เท้าทำให้ต้องกลั้นลมหายใจเข้าไปล้างเท้าและรีบออกมาใส่ยาพร้อมกับแปะพลาสเตอร์ยาที่ฝ่าเท้าตรงโซฟา

ก่อนใส่ยา มินได้หยิบพลาสเตอร์ยาลายการ์ตูนและขวดยาเบตาดีนออกมาจากล่องยาและวางไว้ข้างนอกข้างกล่องยา ซึ่งทั้งหมดนั้นวางอยู่บนโต๊ะรับแขก จากนั้นก็ง่วนอยู่กับการใส่ยา เมื่อใส่เสร็จเธอกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบพลาสเตอร์ยากลับพบว่า......พลาสเตอร์ยาลายการ์ตูนนั้นหายไปแล้ว

มินขมวดคิ้ว เธอแน่ใจว่าตัวเองเอาออกมาพร้อมกับขวดยา แต่ตอนนี้มันหายไปไหน จะว่าปลิวก็ไม่ใช่ เพราะในห้องไม่มีลมเลย หน้าต่าง ประตูปิดสนิท พัดลมไม่ได้เปิด แล้วมันหายไปได้ยังไง

ไม่อยากคิดอะไรมาก จึงเปิดกล่องยาและเอาพลาสเตอร์ยาอีกอันออกมาแล้วแปะไปที่แผล เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจึงนำกล่องยาไปเก็บในตู้ข้าง ๆ โทรทัศน์ แล้วรีบเดินกลับเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อทำความสะอาดเศษกระเบื้องให้เรียบร้อย จังหวะที่เดินไปที่ครัวนั้น มินรู้สึกว่ามีคนเดินตาม แต่เหมือนหันกลับไปก็ไม่พบใคร ใจพยายามคิดว่าคิดมากไปเอง แต่ก็ยังรู้สึกสงสัยห้องเก็บของนั่นอยู่ดี คิดไว้ว่าวันหยุดยาวพรุ่งนี้จะจัดการเข้าไปดูในห้องเก็บของอย่างแน่นอน

เมื่อทำอะไรเรียบร้อยแล้ว มินออกมาเดินดูความเรียบร้อยที่ห้องรับแขกอีกครั้ง มินยืนตกใจตัวแข็งทื่อเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นเสียให้ได้

ภาพตรงหน้า เด็กผู้ชายตัวน้อย น่าตาน่ารัก ลักษณะสูบผอมเล็กน้อย ใส่เสื้อยืดสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีน้ำตา อายุประมาณ 7-8 ขวบ กำลังเปิดกล่องยาอยู่ตรงโต๊ะรับแขก เด็กชายหยิบพลาสเตอร์ยาลายการ์ตูนออกมาเล่นหลายแผ่น พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างน่าเอ็นดู ดูเหมือนเด็กคนนี้จะชอบนะ

มินพยายามตั้งสติและเดินเข้าไป เธออยากรู้เรื่องเกินว่าเด็กคนนี้เป็นใคร และทำไมถึงมาอยู่ที่บ้านเธอ หรือเด็กคนนี้จะแอบอยู่ในห้องเก็บของนะ แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ ที่จะมีคนมาอาศัยอยู่โดยที่เธอไม่รู้ ความคิดทุกอย่างประดังประเดเข้ามา

“ผมอาศัยอยู่ในห้องเก็บของจริงๆ ครับ” เสียงเด็กน้อยดังขึ้นมาโดยที่ปากไม่ได้ขยับ

มินเม้มริมฝีปากแน่น ความหวาดกลัวเริ่มครอบงำเข้ามาภายในจิตใจของเธอ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาก่อน เธอทั้งกลัวแต่ก็กระหายที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ทะ ทะ เธออ่านใจฉันได้เหรอ ทะ ทะ เธอเป็นใคร” มินทำใจกล้าถามเด็กคนนั้นออกไป

เด็กชายค่อย ๆ เงยขึ้นมาช้ามองมายังมินตราพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างน่าเอ็นดู

“ผมชอบพี่ฮะ ผมเป็นห่วงพี่ ผมไม่อยากให้พี่อยู่ที่นี่ ที่นี่อันตราย พี่ต้องออกไป พี่ต้องออกไป พี่ต้องออกไป ออกไป!”

คำสุดท้ายดังสนั่นเข้ามาในโสตประสาทหูของหญิงสาวจนเธอตกใจและแล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงของตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับเสียงดัง

ปัง เสียงปิดประตูห้องนอนของเธอเอง

หญิงสาวพยายามมองไปรอบ ๆ ห้องและแล้วเธอก็รู้สึกแปล๊บขึ้นมา

“ฝะ ฝะ ฝันอีกแล้วเหรอ โอ้ย”

ความรู้สึกเจ็บที่เท้า เมื่อเปิดผ้าห่มและยกขึ้นมากลับพบว่าฝ่าเท้าของเธอมีพลาสเตอร์ยาลายการ์ตูนแปะอยู่เหมือนในฝันไม่มีผิด

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อันไหนคือความฝัน อันไหนคือความจริง”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 3

    “ฉันเลือก....”คำพูดของภูมิขาดหายไปเมื่อเขาตระหนักว่าการเลือกไม่ใช่ทางออกเดียวที่มีอยู่ ถ้าหากเขาเลือกเป็นตัวตายตัวแทนของซัน คนอื่นก็อาจจะรอดไปได้ แต่เขาเองจะติดอยู่ในวงจรอาถรรพ์นี้ต่อไป และหากเขาเลือกจะเป็นเพื่อนซัน มันก็ไม่ได้หมายความว่าคำสาปนี้จะจบลงมีทางเลือกอื่นไหม? ทางที่จะทำลายคำสาปนี้ให้หมดสิ้นไปซันหายไปแล้วราวกับว่าต้องการให้ภูมิได้มีเวลาคิดถึงทางเลือกของตัวเองภูมินิ่งคิดสักพักใหญ่ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องนอนเพื่อค้นเอกสารเก่าที่เขาค้นพบก่อนหน้านี้ หากคำสาปนี้เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมบางอย่าง มันต้องมีร่องรอยหรือวิธีแก้ไขอยู่ในบันทึกเหล่านั้นพลิกกระดาษเก่า ๆ ไปทีละหน้า เขาสะดุดตากับข้อความหนึ่งในรายงานของตำรวจที่ระบุถึง “วัตถุปริศนา” ซึ่งถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของของบ้าน เป็นรูปปั้นเด็กผู้ชายที่ดูคล้ายกับซันอย่างไม่น่าเชื่อ และมีข่าวลือว่ามันเคยถูกทำลาย แต่กลับฟื้นคืนมาในสภาพเดิมอย่างไม่มีร่องรอยความเสียหาย‘หลวงพี่โต้งเคยพูดถึงรูปปั้นนี้... มีคนเคยทำลายมัน แต่เพราะทำลายผิดวิธี มันจึงกลับมาได้’ห

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 2

    ภูมิถอนหายใจยาวหลังจากวางสายกับแฟนของประภาพิมพ์ ดูเหมือนทุกคนที่เกี่ยวข้องกับบ้านเลขที่ 13 จะพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ให้มากที่สุด ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่ายังมีบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้แต่คำถามสำคัญคือ... ทำไม?คืนนั้น เขากลับมาที่บ้านเลขที่ 13 อีกครั้งด้วยความรู้สึกกดดันแปลก ๆ คราวนี้เขาไม่ได้มาเพียงเพื่อเก็บข้อมูล แต่เพื่อค้นหาคำตอบบางอย่างที่ยังคงคลุมเครืออยู่ขณะที่เดินผ่านหน้าร้านขายของชำ เขาสังเกตเห็นป้าอุษาแอบมองจากหน้าต่างร้านของตัวเอง แม้เธอจะไม่พูดอะไร แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความกังวลเขาใช้กุญแจไขประตูเข้าไปข้างใน บรรยากาศในบ้านเงียบงัน มีเพียงเสียงฝีเท้าเบา ๆ ของตัวเขาเองที่สะท้อนในความว่างเปล่าเขาเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง คราวนี้ เขาตัดสินใจเข้าไปในห้องสุดท้ายของบ้านภายในห้องนั้นมีกลิ่นเหม็นอับ วอลเปเปอร์บนกำแพงเริ่มลอกออก โต๊ะเขียนหนังสือเก่าถูกตั้งไว้ริมหน้าต่าง มีรูปถ่ายที่ซีดจางวางอยู่บนโต๊ะมือของภูมิเอื้อมไปหยิบรูปถ่ายหนึ่งขึ้นมา เป็นรูปของครอบครัวหนึ่ง—พ่อ แม่ และเด็กชายคนหนึ่งเด็กชายในรูป... หน้าตาเหมือนเ

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 1

    เสียงประตูเหล็กที่ขึ้นสนิมครูดกับพื้นซีเมนต์ดังลั่นเมื่อภูมิเปิดประตูรั้วเข้ามาในบ้านเลขที่ 13 บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดจนผิดปกติ มีเพียงเสียงลมพัดไหวผ่านต้นไม้แห้ง ๆ ที่ขึ้นอยู่ริมรั้วเท่านั้นเขาหยิบกุญแจที่ป้าอุษาให้มา แล้วไขประตูเข้าไปด้านใน บ้านทั้งหลังเงียบกริบ มีเพียงแสงจากดวงไฟถนนด้านนอกที่ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่มีม่านขาดรุ่งริ่ง ภูมิยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม“เริ่มงานเลยดีกว่า” เขาพึมพำ ก่อนจะหยิบสมุดโน้ตกับกล้องถ่ายรูปออกมาจากกระเป๋า เขาวางข้าวของไว้บนโต๊ะกลางห้องรับแขกแล้วเริ่มสำรวจไปรอบ ๆ บ้านภูมิได้รับหน้าที่ทำสกู๊ปข่าวพิเศษเกี่ยวกับบ้านร้างที่มีอาถรรพ์มากที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งบ้านหลังนี้ติดอันดับหนึ่งในสิบด้วย ภูมิจึงตัดสินใจเลือกบ้านหลังนี้สิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นคือฝุ่นที่เกาะหนาเตอะตามเฟอร์นิเจอร์และพื้นบ้าน เป็นไปได้ว่าบ้านหลังนี้อาจไม่มีใครอยู่มานานแล้ว แต่ที่แปลกคือไม่มีร่องรอยของสัตว์รบกวน เช่นหนูหรือแมลงสาบเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ามีบางอย่างทำให้พวกมันไม่กล้าเข้ามาภูมิก้าวขึ้นไปบนชั้นสอง ปร

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 22 (ตอนจบ)

    มินยืนตัวแข็งทื่อ ร่างของเธอราวกับถูกตรึงเอาไว้ด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็น ความกลัวพุ่งเข้าจู่โจมจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก ดวงตาของเด็กชายที่ชื่อซันนั้นว่างเปล่า ราวกับไม่มีวิญญาณอยู่ในร่างกาย"พี่มิน... จะทำยังไงหรือฮะ?" เสียงเย็นเยียบของเด็กชายดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มแปลกประหลาดที่เริ่มฉีกกว้างเกินกว่าที่มนุษย์ควรจะทำได้มินพยายามถอยหลังไปเรื่อย ๆ แต่ขาของเธอกลับไม่ขยับตามที่ต้องการ หัวใจของเธอเต้นรัวเหมือนกลองศึก เหงื่อเย็นไหลซึมไปทั่วแผ่นหลัง ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองจากทุกทิศทางทำให้เธอแทบจะเป็นบ้า"ทำไม... ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ซัน... เธอเป็นใครกันแน่!" มินตะโกนออกไปสุดเสียง ความหวังที่ว่าเด็กชายตรงหน้าจะตอบคำถามเธอด้วยความเมตตานั้นไม่มีอยู่จริงซันหัวเราะเบา ๆ เสียงของเขาดังก้องอยู่ในห้องเก็บของแคบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้"พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกฮะ... แค่รู้ไว้ว่าพี่ต้องอยู่ที่นี่... อยู่กับผม... ตลอดไป!"ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง แรงมหาศาลที่มองไม่เห็นก็พุ่งเข้าโถมใส่มิน ร่างของเธอลอยหวือกระแทกกับผนังด้านหลังจนรู้สึกได้ถึงแรงกระแท

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 21

    มินจ้องมองที่กำแพงด้วยความหวาดกลัว ชื่อของเธอกำลังค่อยๆ ปรากฏขึ้นทีละตัวอักษร เหมือนมีมือล่องหนกำลังเขียนมันลงไป เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทุกวินาที ความกลัวที่เคยค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในใจของเธอ ตอนนี้ได้กลายเป็นคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง“ไม่... นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง...” มินพึมพำกับตัวเอง แต่เธอรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเป็นเรื่องจริงเกินกว่าที่เธอจะปฏิเสธได้เธอรีบคว้าจดหมายฉบับอื่นๆ ในกล่องขึ้นมาอ่าน ทุกฉบับล้วนแต่เป็นจดหมายที่เขียนโดยผู้เช่าบ้านคนก่อนๆ ที่ต่างก็พยายามยกเลิกสัญญาเช่า แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครสามารถทำได้สำเร็จ จดหมายแต่ละฉบับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง บางฉบับถึงกับเขียนถึงการพบเจอสิ่งลึกลับในบ้านหลังนี้ เช่นเดียวกับที่เธอกำลังประสบอยู่มินรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดึงเข้าไปในความลึกลับที่เธอไม่อาจเข้าใจได้ เธอต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ แต่ก่อนอื่น เธอต้องเข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น“ซัน... ซันช่วยพี่หน่อย...” มินร้องเรียกด้วยเสียงที่สั่นเครือ แต่ไม่มีเสียงใดๆ ตอบ

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 20

    “หา เด็กผู้ชาย ใช่ ซันหรือเปล่า” มินพึมพำกับตัวเอง รีบเปิดวันต่อไปเพื่ออ่านต่อเมื่อคิดว่าเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือ ‘ซัน’ หญิงสาวก็เริ่มมีความหวาดหวั่น เหมือนทุกสิ่งที่ตัวเองกำลังเจอเดินตามรอยของหญิงสาวคนนี้ ที่เคยอยู่ในบ้านหลังนี้และต้องเผชิญกับความลึกลับที่เธอกำลังประสบอยู่ เธอพลิกหน้าต่อไปอย่างใจจดจ่อ“วันที่ 11 วันนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติในบ้านหลังนี้ ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าในตอนกลางคืน ทั้งที่ฉันอยู่คนเดียว เสียงนั่นเหมือนกับเด็กวิ่งไปมาบนพื้นไม้ แต่เมื่อฉันเปิดไฟดู ก็ไม่มีอะไร ฉันพยายามบอกตัวเองว่ามันอาจเป็นแค่เสียงบ้านเก่าแต่ใจฉันรู้ดีว่ามันไม่ใช่วันที่ 12 ฉันเห็นเขาแล้ว... เด็กชายคนนั้น เขายืนอยู่ที่มุมห้อง มองมาที่ฉันด้วยสายตาเศร้าสร้อย ฉันพยายามตะโกนถามว่าเขาเป็นใคร แต่เขาก็หายไปในความมืด ฉันรู้สึกเหมือนเขาพยายามจะบอกอะไรฉัน แต่ฉันไม่เข้าใจวันที่ 13 ฉันพบรอยขีดเขียนบนกำแพงห้องเก็บของ มันเป็นรายชื่อของผู้ที่เคยอยู่ในบ้านนี้ พร้อมกับวันที่เสียชีวิต ฉันเห็นชื่อของตัวเองถูกเขียน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status