Share

บทที่ 8

last update Last Updated: 2025-02-12 12:00:49

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อันไหนคือความฝัน อันไหนคือความจริง”

มินพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน เธอจำได้แล้วว่าหลังจากที่ตัวเธอล้างจานเสร็จก็ขึ้นมาบนห้องนอน อาบน้ำอาบท่าแล้วก็ตั้งท่าจะอ่านไดอารี่ต่อ แต่ไม่รู้เพราะอะไร จึงเผลอนอนไปโดยที่ในมือยังถือไดอารี่อยู่ด้วย

เมื่อนึกขึ้นมาได้ก็หันไปเห็นไดอารี่ที่หลุดจากมือตอนนอน แต่ยังอยู่บนเตียงนอน จากนั้นจึงหันไปมองที่นาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียงก็เห็นเป็นเวลาเดิม ตีสามสิบสามนาที

“เวลานี้อีกแล้ว” เสียงพึมพำแผ่วเบาของหญิงสาวดังขึ้น

เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการตื่นและจะไม่นอนเลยก็ไม่ได้ หญิงสาวจึงพยายามที่จะข่มตาลงอีกครั้ง แต่ทำยังไงก็ไม่สามารถหลับได้ เสียงไม้ลั่นดัง เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด มีมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ถี่มาก

หลังจากพลิกไปมาเกือบหนึ่งชั่วโมงร่างกายก็พร้อมที่ผล็อยหลับไป ซึ่งห้วงจังหวะกึ่งกลับกึ่งตื่นนั้น หญิงสาวมองเห็นเด็กผู้ชายคนนี้อีกครั้ง เด็กน้อยค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้เตียงนอนของเธอและพูดเบา ๆ คล้ายเสียงลมว่า

“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว ผมแค่ชอบพี่เท่านั้นเอง”

แล้วเธอก็หลับไปพร้อมกับยิ้มออกมาบาง ๆ เหมือนกับได้รับการปลอบใจแล้ว

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น มินกัดฟันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสะลืมสะลือ แต่วันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้ายก่อนที่จะหยุดยาวห้าวัน มินจึงต้องกัดฟันไปจัดการตัวเองและลงไปข้างล่างเพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพต่อ

ทว่าเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างสุดก็เจอห้องเก็บของเปิดออกอีกแล้ว ภายในห้องดูมืดอย่างบอกไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่ข้างนอกก็สว่าง

“หรือในห้องไม่มีหน้าต่างเหรอ เอาเป็นว่าหยุดยาวนี้ ต้องเข้าไปดูสักหน่อยแล้ว”

วันนี้มินขี้เกียจปิดประตูห้องเก็บของแล้ว เธอให้เหตุผลกับตัวเองว่า ปิดแล้วก็เปิดเองตลอด งั้นปล่อยมันเปิดไปอย่างนี้แหล่ะ ไว้ไปซื้อลูกบิดประตูมาใหม่แล้วค่อยปิดแล้วกัน

แต่แล้วก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อเห็นว่ากล่องยาถูกวางอยู่บนโต๊ะรับแขกในลักษณะที่เหมือนในฝัน

มินตกใจยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไม่ให้ส่งเสียงออกมา เธอ...เริ่มรู้จักคำว่ากลัว กลัวสิ่งที่เธอไม่รู้ว่าคืออะไร และตอนนี้มันอยู่ที่ไหน มันอยู่รอบตัวเธอหรือเปล่า เธอเริ่มไม่แน่ใจว่าเธออยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้ ใช่มั้ย

หรือว่าจริงๆ แล้วเมื่อคืนมันไม่ใช่ความฝัน ฝ่าเท้าเธอมีแผล มินรีบวิ่งเข้าไปดูถังขยะในห้องครัว เศษกระเบื้องที่แตกของจานอยู่ในนั้น มันเป็นไปได้ยังไง แต่เธอกลับไปรู้สึกตัวบนที่นอนคืออะไร

มินไม่อยากอยู่ในบ้าน ณ ตอนนี้ แม้แต่วินาทีเดียว หญิงสาวรีบวิ่งออกจากบ้านไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว เธอต้องการตั้งหลัก เพื่อคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาว่ามันคืออะไรกันแน่

หญิงสาวไปทำงานด้วยอาการไม่เต็มร้อย ทั้งปวดหัวเนื่องจากนอนไม่พอ และมีอาการหวาดผวาเล็กน้อย แม้แต่หัวหน้าก็สังเกตเห็นหน้าที่ซีดเซียวของเธอ

“กลับบ้านมั้ยมิน ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย” หัวหน้าเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าพักเที่ยงแล้ว แต่หน้าตาผู้ร่วมทีมก็ยังซีดเซียวอยู่อย่างนั้น

“เอ่อ มินไหวค่ะพี่” หญิงสาวไม่ไหว แต่ตอนนี้ยังไม่อยากกลับบ้าน

“ไม่เอาน่ามิน กลับไปพักผ่อนเถอะ พี่กับเพื่อน ๆ ในทีมไม่ว่าหรอก หน้าเราซีดมากเลยนะ แล้วอย่างนี้ขับรถกลับไหวมั้ย ให้พวกพี่ไปส่งมั้ย” หัวหน้างานยังคงคะยั้นคะยอให้ลูกน้องตรงหน้ากลับบ้านกลัวเธอจะเป็นลมไปเสียก่อน วันนี้วันหยุดยาวเขาไม่อยากมาเป็นภาระด้วยการพาเธอไปโรงพยาบาลหากเธอเกิดเป็นลมเป็นแล้งไปขึ้นมา

“ถ้าอย่างนั้น มินขอตัวกลับก่อนนะคะ ขอบคุณพี่มากค่ะ” มินจำใจต้องออกจากงานก่อนเวลา เพราะเพื่อนๆ และหัวหน้าต่างส่งสายตามาหาเธออย่างแรงกล้า เหมือนจะบอกว่า กลับไปเถอะ อย่ามาเป็นภาระเลย

เมื่อขึ้นมานั่งบนรถแล้ว หญิงสาวตัดสินใจโทรหาพี่ชายคนสนิท เพื่อสอบถามว่าอยากกินอะไรมั้ย เธอตัดสินใจยังไม่กลับบ้าน ว่าจะไปนอนที่ห้องพักพี่อู๊ดก่อนดีกว่า

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

เสียงโทรศัพท์ดัง แต่ไม่มีคนรับ

“หรือจะนอนหลับอยู่นะ เอาไงดี อืม ลองโทรอีกครั้งแล้วกัน”

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

“ไม่รับสาย เอ พี่โต้งมาเฝ้าหรือเปล่านะ เอ เมื่อวานก็ไม่เห็น งั้นลองโทรหาดีกว่า

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

“ฮัลโหล” เสียงพี่โต้งขานรับแต่แฝงด้วยความสั่นเครือเล็กน้อย

“พี่โต้ง มินนะ มินกำลังจะเข้าไปเยี่ยมพี่อู๊ด พี่โต้งจะเอาอะไรมั้ย เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้” มินเอ่ยแจ้งเสียงใสใส่ญาติพี่ชายคนสนิท

“มิน มินเหรอ ดีเลยมิน ไม่ต้องซื้ออะไร รีบมานะ รีบมาด่วนเลย อู๊ด อู๊ด เค้า” เสียงปลายสายคล้ายเสียงสะอื้น

“พี่อู๊ด พี่อู๊ด เป็นอะไรอะ พี่โต้ง เดี๋ยวมินรีบขับไปหาตอนนี้เลย”

มินตราวางหูทันที แล้วรีบบึ่งรถไปโรงพยาบาลที่พี่ชายคนสนิทพักอยู่ทันที

มินรีบไปที่ห้องพักผู้ป่วยทันที เมื่อจอดรถได้ เห็นพี่โต้งยืนรออยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นมินวิ่งออกมาจากลิฟท์ก็รีบเดินเข้าไปหา พลางกอดไหล่ไว้คล้ายปลอบใจ

“มินทำใจดีๆ นะ อู๊ด อู๊ด ไม่อยู่กับเราแล้ว”

ประโยคเรียบง่ายที่ออกมาจากปากชายตรงหน้า ทำให้หญิงสาวร่างชาหันมามองหน้าพี่โต้ง เพื่อพยายามมองหาว่าเป็นการหยอกล้อ หรือแกล้งกันเล่นหรือเปล่า แต่.... หน้าของพี่โต้งไม่ปรากฏอาการใด ๆ เหล่านั้นออกมาเลย นอกจากความเศร้าในดวงตา

“พี่โต้ง พี่ล้อเล่นหรือเปล่า” หญิงสาวตัดสินใจถามตรงๆ เมื่อไม่เห็นสิ่งเหล่านั้น แต่หญิงสาวคาดหวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น มันคือการล้อเล่น การล้อเล่นที่ร้ายแรง แต่เธอก็ยังอยากให้อภัยหากมันจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ

“มิน พี่ไม่ได้ล้อเล่น อู๊ด อู๊ด มันตายแล้ว หัวใจวายตายเมื่อรุ่งเช้านี่เอง ตอนแรกพี่ว่าจะโทรแจ้งเรา แต่พี่กลัวเราไม่มีแก่ใจทำงานก็ว่าจะบอกเราตอนหลังเลิกงาน เพราะพี่ก็ต้องทำเรื่องหาวัด จัดการเรื่องศพ และค่าใช้จ่าย พอดีเราโทรมาก่อนก็เลยถือโอกาสบอกเราเลย”

โต้งแจ้งหญิงสาวยาวเหยียด เขาอยากมีเพื่อนร่วมทุกข์โศกด้วยในครั้งนี้ เขาอดกลั้นน้ำตาไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่อยู่ น้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมา โต้งรีบเอามือปัดน้ำตานั้นทิ้งไป เขาต้องเข้มแข็งเพื่อทำพิธีส่งศพให้น้องชาย

โต้งกับอู๊ดเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พ่อแม่ทั้งสองคนเสียไปแล้ว ญาติคนอื่นๆ ก็กระจัดกระจายไม่ได้ติดต่อกันเลย ดังนั้นทั้งสองจึงเสมือนเป็นญาติ เป็นที่พึ่งพิงซึ่งกันและกันเพียงแค่สองคน

ส่วนเรื่องครอบครัว โต้งเคยแต่งงานแต่หย่าร้างกันไป และไม่มีลูก ส่วนอู๊ดนั้น เขาคิดเสมอว่าเขายังไม่พร้อม เพราะเขาไม่มีญาติ ๆ หรือพ่อแม่คอยหนุนหลัง ในสังคมสมัยนี้ เขายังไม่อยากจะพาใครเข้ามาเพื่อมาอยู่กับเขาทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม แต่.....ลึก ๆ เขาก็มีความรู้สึกดีกับน้องสาวคนสนิทคนนี้ไม่น้อย หากทุกอย่างยังดำเนินไป เขาก็คาดหวังที่จะเปิดเผยความรู้สึกและอยากจะขอโอกาสศึกษาดูใจกับเธอ อู๊ดเคยเปรยๆ กับโต้งว่าเขาอยากจะซื้อบ้าน อยากเริ่มจะเปิดใจกับผู้หญิงสักคน ซึ่งตอนแรกโต้งก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร จนกระทั่งวันที่อู๊ดแนะนำให้โต้งรู้จักกับมินตรา พี่ชายคนนี้จึงรู้ว่าน้องชายกำลังมองหญิงสาวตรงหน้ามากกว่าคำว่าน้องสาวเสียแล้ว

เสียดาย เสียดายจริงๆ น้องชายยังไม่ทันได้บอกความในใจ ก็มาด่วนจากไป

“มิน มินรู้มั้ย อู๊ดมันเป็นห่วงมินมากนะ เป็นห่วงมากกว่าน้อง”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 3

    “ฉันเลือก....”คำพูดของภูมิขาดหายไปเมื่อเขาตระหนักว่าการเลือกไม่ใช่ทางออกเดียวที่มีอยู่ ถ้าหากเขาเลือกเป็นตัวตายตัวแทนของซัน คนอื่นก็อาจจะรอดไปได้ แต่เขาเองจะติดอยู่ในวงจรอาถรรพ์นี้ต่อไป และหากเขาเลือกจะเป็นเพื่อนซัน มันก็ไม่ได้หมายความว่าคำสาปนี้จะจบลงมีทางเลือกอื่นไหม? ทางที่จะทำลายคำสาปนี้ให้หมดสิ้นไปซันหายไปแล้วราวกับว่าต้องการให้ภูมิได้มีเวลาคิดถึงทางเลือกของตัวเองภูมินิ่งคิดสักพักใหญ่ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องนอนเพื่อค้นเอกสารเก่าที่เขาค้นพบก่อนหน้านี้ หากคำสาปนี้เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมบางอย่าง มันต้องมีร่องรอยหรือวิธีแก้ไขอยู่ในบันทึกเหล่านั้นพลิกกระดาษเก่า ๆ ไปทีละหน้า เขาสะดุดตากับข้อความหนึ่งในรายงานของตำรวจที่ระบุถึง “วัตถุปริศนา” ซึ่งถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของของบ้าน เป็นรูปปั้นเด็กผู้ชายที่ดูคล้ายกับซันอย่างไม่น่าเชื่อ และมีข่าวลือว่ามันเคยถูกทำลาย แต่กลับฟื้นคืนมาในสภาพเดิมอย่างไม่มีร่องรอยความเสียหาย‘หลวงพี่โต้งเคยพูดถึงรูปปั้นนี้... มีคนเคยทำลายมัน แต่เพราะทำลายผิดวิธี มันจึงกลับมาได้’ห

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 2

    ภูมิถอนหายใจยาวหลังจากวางสายกับแฟนของประภาพิมพ์ ดูเหมือนทุกคนที่เกี่ยวข้องกับบ้านเลขที่ 13 จะพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ให้มากที่สุด ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่ายังมีบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้แต่คำถามสำคัญคือ... ทำไม?คืนนั้น เขากลับมาที่บ้านเลขที่ 13 อีกครั้งด้วยความรู้สึกกดดันแปลก ๆ คราวนี้เขาไม่ได้มาเพียงเพื่อเก็บข้อมูล แต่เพื่อค้นหาคำตอบบางอย่างที่ยังคงคลุมเครืออยู่ขณะที่เดินผ่านหน้าร้านขายของชำ เขาสังเกตเห็นป้าอุษาแอบมองจากหน้าต่างร้านของตัวเอง แม้เธอจะไม่พูดอะไร แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความกังวลเขาใช้กุญแจไขประตูเข้าไปข้างใน บรรยากาศในบ้านเงียบงัน มีเพียงเสียงฝีเท้าเบา ๆ ของตัวเขาเองที่สะท้อนในความว่างเปล่าเขาเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง คราวนี้ เขาตัดสินใจเข้าไปในห้องสุดท้ายของบ้านภายในห้องนั้นมีกลิ่นเหม็นอับ วอลเปเปอร์บนกำแพงเริ่มลอกออก โต๊ะเขียนหนังสือเก่าถูกตั้งไว้ริมหน้าต่าง มีรูปถ่ายที่ซีดจางวางอยู่บนโต๊ะมือของภูมิเอื้อมไปหยิบรูปถ่ายหนึ่งขึ้นมา เป็นรูปของครอบครัวหนึ่ง—พ่อ แม่ และเด็กชายคนหนึ่งเด็กชายในรูป... หน้าตาเหมือนเ

  • บ้านเลขที่ 13   ตอนพิเศษ 1

    เสียงประตูเหล็กที่ขึ้นสนิมครูดกับพื้นซีเมนต์ดังลั่นเมื่อภูมิเปิดประตูรั้วเข้ามาในบ้านเลขที่ 13 บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดจนผิดปกติ มีเพียงเสียงลมพัดไหวผ่านต้นไม้แห้ง ๆ ที่ขึ้นอยู่ริมรั้วเท่านั้นเขาหยิบกุญแจที่ป้าอุษาให้มา แล้วไขประตูเข้าไปด้านใน บ้านทั้งหลังเงียบกริบ มีเพียงแสงจากดวงไฟถนนด้านนอกที่ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่มีม่านขาดรุ่งริ่ง ภูมิยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม“เริ่มงานเลยดีกว่า” เขาพึมพำ ก่อนจะหยิบสมุดโน้ตกับกล้องถ่ายรูปออกมาจากกระเป๋า เขาวางข้าวของไว้บนโต๊ะกลางห้องรับแขกแล้วเริ่มสำรวจไปรอบ ๆ บ้านภูมิได้รับหน้าที่ทำสกู๊ปข่าวพิเศษเกี่ยวกับบ้านร้างที่มีอาถรรพ์มากที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งบ้านหลังนี้ติดอันดับหนึ่งในสิบด้วย ภูมิจึงตัดสินใจเลือกบ้านหลังนี้สิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นคือฝุ่นที่เกาะหนาเตอะตามเฟอร์นิเจอร์และพื้นบ้าน เป็นไปได้ว่าบ้านหลังนี้อาจไม่มีใครอยู่มานานแล้ว แต่ที่แปลกคือไม่มีร่องรอยของสัตว์รบกวน เช่นหนูหรือแมลงสาบเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ามีบางอย่างทำให้พวกมันไม่กล้าเข้ามาภูมิก้าวขึ้นไปบนชั้นสอง ปร

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 22 (ตอนจบ)

    มินยืนตัวแข็งทื่อ ร่างของเธอราวกับถูกตรึงเอาไว้ด้วยแรงบางอย่างที่มองไม่เห็น ความกลัวพุ่งเข้าจู่โจมจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก ดวงตาของเด็กชายที่ชื่อซันนั้นว่างเปล่า ราวกับไม่มีวิญญาณอยู่ในร่างกาย"พี่มิน... จะทำยังไงหรือฮะ?" เสียงเย็นเยียบของเด็กชายดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มแปลกประหลาดที่เริ่มฉีกกว้างเกินกว่าที่มนุษย์ควรจะทำได้มินพยายามถอยหลังไปเรื่อย ๆ แต่ขาของเธอกลับไม่ขยับตามที่ต้องการ หัวใจของเธอเต้นรัวเหมือนกลองศึก เหงื่อเย็นไหลซึมไปทั่วแผ่นหลัง ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองจากทุกทิศทางทำให้เธอแทบจะเป็นบ้า"ทำไม... ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ซัน... เธอเป็นใครกันแน่!" มินตะโกนออกไปสุดเสียง ความหวังที่ว่าเด็กชายตรงหน้าจะตอบคำถามเธอด้วยความเมตตานั้นไม่มีอยู่จริงซันหัวเราะเบา ๆ เสียงของเขาดังก้องอยู่ในห้องเก็บของแคบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้"พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกฮะ... แค่รู้ไว้ว่าพี่ต้องอยู่ที่นี่... อยู่กับผม... ตลอดไป!"ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง แรงมหาศาลที่มองไม่เห็นก็พุ่งเข้าโถมใส่มิน ร่างของเธอลอยหวือกระแทกกับผนังด้านหลังจนรู้สึกได้ถึงแรงกระแท

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 21

    มินจ้องมองที่กำแพงด้วยความหวาดกลัว ชื่อของเธอกำลังค่อยๆ ปรากฏขึ้นทีละตัวอักษร เหมือนมีมือล่องหนกำลังเขียนมันลงไป เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทุกวินาที ความกลัวที่เคยค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในใจของเธอ ตอนนี้ได้กลายเป็นคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง“ไม่... นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง...” มินพึมพำกับตัวเอง แต่เธอรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเป็นเรื่องจริงเกินกว่าที่เธอจะปฏิเสธได้เธอรีบคว้าจดหมายฉบับอื่นๆ ในกล่องขึ้นมาอ่าน ทุกฉบับล้วนแต่เป็นจดหมายที่เขียนโดยผู้เช่าบ้านคนก่อนๆ ที่ต่างก็พยายามยกเลิกสัญญาเช่า แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครสามารถทำได้สำเร็จ จดหมายแต่ละฉบับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง บางฉบับถึงกับเขียนถึงการพบเจอสิ่งลึกลับในบ้านหลังนี้ เช่นเดียวกับที่เธอกำลังประสบอยู่มินรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดึงเข้าไปในความลึกลับที่เธอไม่อาจเข้าใจได้ เธอต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ แต่ก่อนอื่น เธอต้องเข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น“ซัน... ซันช่วยพี่หน่อย...” มินร้องเรียกด้วยเสียงที่สั่นเครือ แต่ไม่มีเสียงใดๆ ตอบ

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 20

    “หา เด็กผู้ชาย ใช่ ซันหรือเปล่า” มินพึมพำกับตัวเอง รีบเปิดวันต่อไปเพื่ออ่านต่อเมื่อคิดว่าเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือ ‘ซัน’ หญิงสาวก็เริ่มมีความหวาดหวั่น เหมือนทุกสิ่งที่ตัวเองกำลังเจอเดินตามรอยของหญิงสาวคนนี้ ที่เคยอยู่ในบ้านหลังนี้และต้องเผชิญกับความลึกลับที่เธอกำลังประสบอยู่ เธอพลิกหน้าต่อไปอย่างใจจดจ่อ“วันที่ 11 วันนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติในบ้านหลังนี้ ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าในตอนกลางคืน ทั้งที่ฉันอยู่คนเดียว เสียงนั่นเหมือนกับเด็กวิ่งไปมาบนพื้นไม้ แต่เมื่อฉันเปิดไฟดู ก็ไม่มีอะไร ฉันพยายามบอกตัวเองว่ามันอาจเป็นแค่เสียงบ้านเก่าแต่ใจฉันรู้ดีว่ามันไม่ใช่วันที่ 12 ฉันเห็นเขาแล้ว... เด็กชายคนนั้น เขายืนอยู่ที่มุมห้อง มองมาที่ฉันด้วยสายตาเศร้าสร้อย ฉันพยายามตะโกนถามว่าเขาเป็นใคร แต่เขาก็หายไปในความมืด ฉันรู้สึกเหมือนเขาพยายามจะบอกอะไรฉัน แต่ฉันไม่เข้าใจวันที่ 13 ฉันพบรอยขีดเขียนบนกำแพงห้องเก็บของ มันเป็นรายชื่อของผู้ที่เคยอยู่ในบ้านนี้ พร้อมกับวันที่เสียชีวิต ฉันเห็นชื่อของตัวเองถูกเขียน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status