เข้าสู่ระบบ“ทำไมจะไม่ดี พี่ว่าดีมากเลยแหละ หนูเองก็เป็นเพื่อนกับน้องปลายมาก่อน ใคร ๆ เขาก็รู้ความสัมพันธ์ของเรากันทั้งบริษัท เมื่อก่อนแฟนก็เรียกพี่ว่าพี่เป้ตลอดจำได้ไหม”
“จำได้ค่ะ”
“ถ้าจำได้ก็ลองเรียกหน่อยสิ”
“..พี่เป้”
“ก็แค่นี้แหละ ฟังสบายหูกว่าคุณกว่าท่านตั้งเยอะ”
“แฟนก็แค่อยากให้ฟังดูเป็นทางการน่ะค่ะ..กลัวเพื่อนร่วมงานจะหาว่าแฟนโอ้อวด แสดงความสนิทชิดเชื้อกับพี่เป้มากเกินไป”
“เขาคิดก็ช่างเขาเราไม่ได้ยิน แต่ถ้าเขาพูดให้ได้ยินก็พูดไปเลยว่าหนูกับพี่รู้จักกันมาก่อน แต่ถ้าเขาไม่จบก็ข่มไปเลยว่าจะไปฟ้องพี่”
“พี่เป้ก็” เธอทำหน้าเหวอกับคำพูดของเขา แต่พอเห็นเขายิ้มก็ค่อยหัวเราะออกมาอย่างเขิน ๆ
“พี่ไม่ชอบให้คนที่พี่รู้จักมาวางตัวเป็นทางการกับพี่หรอกนะ สำหรับพี่แล้วหนูแฟนก็คือคนในครอบครัวคนหนึ่ง ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย” เขาจะคิดว่าเธอเป็นคนอื่นได้ยังไง เพราะเขาคิดแต่อยากจะให้เธอมาเป็นคนใกล้ตัวของเขา อยากเป็นเจ้าของหัวใจเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
“ขอบคุณนะคะที่เอ็นดูแฟน” เธอยิ้มให้เขา พลอยรู้สึกดีกับความทรงจำเก่า ๆ ที่กลับคืนมา
ชายหนุ่มยิ้มตอบ ตั้งใจจะถามทุกข์สุขของเธอ แต่เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขัดจังหวะขึ้นมา
ธิมาดารีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพาย “แฟนขอรับโทรศัพท์ได้ไหมคะ”
“ตามสบายเลย”
“ขอบคุณค่ะ” แล้วกดรับสาย “จ้ะหิรัญ” เธอยิ้มกับโทรศัพท์ด้วยความเขิน เมื่อได้ยินคำพูดของปลายสาย เพราะเขาก็คือคนรักที่คบหาดูใจกันมาได้เกือบปีแล้ว ถึงจะไม่รู้เรื่องราวของเขาสักเท่าไหร่ เพราะเขาไม่เคยพาไปทำความรู้จักกับครอบครัว แต่ก็รู้ว่าเขาทำงานเป็นข้าราชการระดับแปด เป็นหัวหน้าฝ่ายการศึกษาอยู่ที่ทำการเขตใกล้กับที่ทำงาน
เธอรู้จักกับเขาเพราะเคยเป็นตัวแทนของบริษัท เอาของบริจาคนำไปมอบให้กับเขา เพื่อนำไปกระจายให้กับเด็กที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ จึงได้แลกนามบัตรกันไว้ ตั้งแต่นั้นเขาก็ติดต่อเธอมาตลอดอย่างสม่ำเสมอ จนตกลงคบหาดูใจกัน
ยุทิตย์ทำเหมือนไม่สนใจการคุยโทรศัพท์ของหญิงสาว แต่ความจริงแล้วเขาได้ยินทุกคำพูดที่เธอตอบโต้กับปลายสาย ถึงแม้เธอจะไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากฟังอย่างเดียว แต่สีหน้าและรอยยิ้มที่เธอแสดงออกมานั้น มันดูมีความสุขมากเหลือเกิน จนเขารู้สึกอิจฉาปลายสาย ที่ได้รับความรู้สึกแบบนั้นจากเธอ
ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงไม่เป็นเขา
ธิมาดาบอกวางสายหลังจากคุยได้ไม่นาน เนื้อหาในการสนทนาไม่ได้มีอะไรมาก นอกจากไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาคนคบหากัน แต่เธอก็ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำ ว่าระหว่างเธอกับเขาคนนั้นมันคือความรักจริงหรือ หรือแค่ความลุ่มหลงแค่ชั่วขณะ
เพราะส่วนลึกของความรู้สึกในใจ มันบอกเธอว่าเขามีบางสิ่งที่ปิดบังเธออยู่ แต่เธอก็ไม่ได้ดิ้นรนขวนขวายตามสืบด้วยความอยากรู้ ไม่เคยคิดจะถามเรื่องครอบครัวเขาด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้จึงคิดว่าตัวเองอาจจะไม่ได้ชอบเขาจริง ๆ เพียงแต่หัวใจเธอยังว่าง เมื่อเขามาสารภาพว่าชอบเธอจึงให้โอกาสเขาก็เท่านั้น ไม่ได้ปฏิเสธหรือตัดรอน และเธอก็ยังไม่เจอข้อเสียของเขาพอที่จะตัดรอนกันได้
………………..
ก๊อก ๆ ๆ
ยุทิตย์ละสายตาจากเอกสาร มองหญิงสาวที่หอบแฟ้มงานเดินเข้ามา
“พี่เป้คะ แฟ้มนี้เป็นงานทั้งหมดที่พี่ต้นกับปลายเขาดูแล ส่วนแฟ้มนี้เป็นวาระการประชุมของทุกแผนกที่แฟนแยกไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พี่เป้ลองตรวจดูนะคะ ถ้าติดตรงไหนเรียกแฟนได้เลยค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ”
“งั้นแฟนไปทำงานก่อนนะคะ”
“จ้ะ” เขามองตามร่างเล็กจนเธอเปิดประตูออกไป แล้วนั่งยิ้มอย่างครึ้มอกครึ้มใจ เวลาที่เธอเรียกเขาว่าพี่เป้แล้วแทนตัวเองว่าแฟน มันฟังดูน่ารักเหลือเกิน
เขาหยิบแฟ้มที่เธอเอาเข้ามา ตรวจทานไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าสุดท้าย แล้วสะดุดกับชื่อหนึ่ง
“หิรัญ มิ่งมณี หัวหน้าฝ่ายปกครอง” เขานึกถึงชื่อที่ได้ยินเธอเรียกในโทรศัพท์เมื่อเช้านี้ “ใช่คนเดียวกันหรือเปล่านะ” พึมพำด้วยความสงสัย แล้วโทรศัพท์หาเธอทันที “แฟนเข้ามาหาพี่หน่อย”
ไม่นานธิมาดาก็เปิดประตูเข้ามา นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา เมื่อเห็นเขาผายมือบอกใบ้
“พี่เป้ไม่เข้าใจตรงไหนคะ”
“ขอรายละเอียดโครงการนี้หน่อยได้มั้ย” ธิมาดายื่นมือไปรับกระดาษที่เขายื่นให้มาอ่านคร่าว ๆ
“มันเป็นโครงการที่ห้างเราทำมาได้เกือบปีแล้วค่ะ ของทุกชิ้นที่ได้รับบริจาคจากทางลูกค้า เราจะส่งต่อให้ทางหัวหน้าฝ่ายการศึกษาของเขตนี้ เพื่อให้เขากระจายต่อไปยังโรงเรียนหรือชุมชนต่าง ๆ คือเราให้สิทธิ์ในการตัดสินใจแก่ทางเขตไปเลยน่ะค่ะพี่เป้”
“แล้วเรารู้ได้ไงว่าส่งต่อถึงฝ่ายทุกครั้ง”
“ก็ครั้งแรกที่ไป จริง ๆ แล้วต้องเป็นพี่เป้ แต่พี่เป้ไม่อยู่ แล้วพี่ต้นกับปลายเขาก็ติดงาน แฟนก็เลยไปแทน หลังจากนั้นหน้าที่นี้ก็เลยตกมาเป็นของแฟนตลอดเลยค่ะ แต่ทุกครั้งเราจะมีการถ่ายรูปตอนส่งมอบของเอาไว้นะคะ เดี๋ยวปลายจะไปเอารูปถ่ายมาให้ดู เราติดไว้ที่บอร์ดข่าวสารด้วยนะคะ”
“ทำไมจะไม่ดี พี่ว่าดีมากเลยแหละ หนูเองก็เป็นเพื่อนกับน้องปลายมาก่อน ใคร ๆ เขาก็รู้ความสัมพันธ์ของเรากันทั้งบริษัท เมื่อก่อนแฟนก็เรียกพี่ว่าพี่เป้ตลอดจำได้ไหม”“จำได้ค่ะ”“ถ้าจำได้ก็ลองเรียกหน่อยสิ”“..พี่เป้”“ก็แค่นี้แหละ ฟังสบายหูกว่าคุณกว่าท่านตั้งเยอะ”“แฟนก็แค่อยากให้ฟังดูเป็นทางการน่ะค่ะ..กลัวเพื่อนร่วมงานจะหาว่าแฟนโอ้อวด แสดงความสนิทชิดเชื้อกับพี่เป้มากเกินไป”“เขาคิดก็ช่างเขาเราไม่ได้ยิน แต่ถ้าเขาพูดให้ได้ยินก็พูดไปเลยว่าหนูกับพี่รู้จักกันมาก่อน แต่ถ้าเขาไม่จบก็ข่มไปเลยว่าจะไปฟ้องพี่”“พี่เป้ก็” เธอทำหน้าเหวอกับคำพูดของเขา แต่พอเห็นเขายิ้มก็ค่อยหัวเราะออกมาอย่างเขิน ๆ“พี่ไม่ชอบให้คนที่พี่รู้จักมาวางตัวเป็นทางการกับพี่หรอกนะ สำหรับพี่แล้วหนูแฟนก็คือคนในครอบครัวคนหนึ่ง ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย” เขาจะคิดว่าเธอเป็นคนอื่นได้ยังไง เพราะเขาคิดแต่อยากจะให้เธอมาเป็นคนใกล้ตัวของเขา อยากเป็นเจ้าของหัวใจเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน“ขอบคุณนะคะที่เอ็นดูแฟน” เธอยิ้มให้เขา พลอยรู้สึกดีกับความทรงจำเก่า ๆ ที่กลับคืนมาชายหนุ่มยิ้มตอบ ตั้งใจจะถามทุกข์สุขของเธอ แต่เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขัดจังหวะขึ้นมา
แม้จะแปลกใจอย่างมาก แต่รอยยิ้มก็ปรากฏเต็มใบหน้าด้วยความตื่นเต้นยินดี“ขอบคุณนะคะพี่ต้น” เธอพูดเบา ๆ กับหน้าจอโทรศัพท์ แล้วเอามันมาแนบที่อกโดยลืมไปว่าไม่ได้อยู่คนเดียวธิมาดายิ้มพอใจกับท่าทีปลื้มปริ่มของรุ่นน้อง โธ่เอ๊ย! ถ้าไม่ได้เธอเป็นสะพานจะคืบหน้าไหมล่ะ“พี่ต้นส่งอะไรมาเหรอ” แกล้งโง่ถามออกไปทั้งที่อ่านแล้ว“อุ้ย! พี่แฟน”“อะไร ตกใจอะไรจ้ะปลาย”“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ปลายง่วงแล้ว” แล้วรีบปิดหน้าจอโทรศัพท์ ล้มตัวลงนอนแล้วหันหลังหนีอีกฝ่ายอย่างเขินอาย “ฝันดีค่ะพี่แฟน”“งั้นก็นอนหลับฝันดีนะคะน้องปลายของพี่แฟน” ธิมาดาล้อเลียนด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทิตยาเขินอายจนพูดไม่ออกเมื่อถูกล้อ ได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ อยู่กับหมอนธิมาดามองด้านหลังรุ่นน้องอย่างเอ็นดู เฮ้อ! อายุก็ตั้งยี่สิบเจ็ดแล้ว เด็กกว่าเธอแค่ปีเดียว แต่ก็ยังไร้เดียงสาอยู่เลย ผิดกับคนที่ต้องสู้ชีวิตอย่างเธอเหลือเกิน เช้าวันใหม่ยุทิตย์เดินเข้าไปในห้องอาหาร แต่ไม่เห็นสองสาวนั่งอยู่จึงมองหาคนรับใช้ แต่ก็ไม่เห็นใครนอกจากแม่บ้านคนเก่าคนแก่ของครอบครัว“คนอื่นไปไหนกันหมดป้าแจ่ม”“กำลังยกอาหารมาค่ะ บางคนก็ทำงานของตัวเองอยู่ คุณหนูอยากได้
“สวัสดีหนูแฟน ไปกับพวกเขาด้วยเหรอ” ถามต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแกมแปลกใจ รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจขึ้นมาทันที ที่ได้เจอหน้าเธอก่อนเข้าบริษัท หน้าที่ทำให้เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลาหลายปีที่ได้ร่วมงานกัน“ค่ะคุณเป้” ธิมาดาส่งยิ้มบาง ๆ ให้เขาด้วยความรู้สึกกริ่งเกรง แม้จะทำงานกับเขามานานหลายปี แต่ก็ไม่สนิทชิดเชื้อกันสักเท่าไหร่ เพราะเดือน ๆ หนึ่งจะเจอหน้ากันไม่ถึงสิบวันด้วยซ้ำ“ฉันกลับก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะ” ฐวรรษบอกเพื่อนแล้วหันมารับไหว้จากสองสาว“พี่ต้นคะ” ธิมาดาเดินตามเขาไปใกล้ ๆ ขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูรถ “น้องปลายฝากบอกสวีตดรีมค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ” เธอกระซิบบอกเบา ๆ แล้วโบกมือลาพร้อมส่งยิ้มให้ฐวรรษพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้างจนเกือบถึงใบหู แต่ไม่กล้าส่งสายตาไปทางหญิงสาว เพราะกริ่งเกรงต่อสายตาของพี่ชายเธอ รีบเปิดประตูขึ้นรถแล้วแอบมองเธอผ่านกระจกรถยุทิตย์เห็นท่าทางสนิทสนมของเพื่อนรักกับรุ่นพี่ของน้องสาว แล้วรู้สึกหงุดหงิดหัวใจยิ่งนัก เธอสนิทสนมกับเพื่อนของเขาได้ แล้วทำไมถึงไม่ให้ความรู้สึกแบบนั้นกับเขาบ้างทั้งที่เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้ทำงานร่วมกัน ตอนที่เธอยังเป็นแค่รุ่นพี่ในมหา
หลายวันที่ผ่านมามันก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย หรือมันอาจจะกลับแต่เธอไม่รู้ เพราะพอแม่ไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เธอก็ให้คนรู้จักมาช่วยใส่กลอนประตูหน้าต่างเพิ่มความแข็งแรง เธอล็อกประตูบ้านยันประตูรั้วเพื่อไม่ให้มันเข้าออกบ้านได้อย่างเสรี แต่วันนี้มันก็โผล่มาจนได้ทิตยาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และพอจะรู้เรื่องราวของรุ่นพี่กับพ่อเลี้ยงดีพอสมควร จึงรีบเดินไปหาหญิงสาว“พี่แฟน วันนี้ไปนอนบ้านปลายนะ ปลายมีเรื่องอยากจะปรึกษา”“ไม่ได้นะหนูแฟน เป็นสาวเป็นนางจะไปนอนที่อื่นได้ยังไงกัน นอกบ้านอันตรายจะตาย” พ่อเลี้ยงที่หวังจะเคลมลูกเลี้ยงรีบออกตัว เขารอโอกาสมาหลายวันแล้ว ตั้งใจจะรวบรัดเธอเป็นเมียของเขาให้ได้ให้เร็วที่สุด ในช่วงที่อีแก่แม่ของเธอไม่อยู่“บ้านของฉันจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อไม่มีแกอยู่ด้วยเท่านั้นแหละ” แล้วจูงมือทิตยาเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน “ไปเก็บของเป็นเพื่อนพี่หน่อย”“คุณน้าจะไปไหนครับ อยู่คุยกับผมก่อน” ฐวรรษดึงแขนของสุชาติที่ทำท่าจะเดินตามสาว ๆ เข้าไปในบ้าน“ฉันจะเข้าบ้านฉัน แกอย่ามายุ่ง” สุชาติสะบัดแขนอย่างไม่พอใจ แล้วเดินตามหลังหญิงสาวทั้งสองเข้าไป ฐวรรษเห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามเข้าไปอีกคน เพรา
“น้องปลายเขาคงไม่อยากจะนั่งกับพี่หรอกน้องแฟน เค้าน่ะลูกคุณหนู ส่วนพี่มันแค่ลูกจ้าง” ชายหนุ่มพูดนุ่ม ๆ ตามสไตล์ แต่ก็มีติดความรู้สึกน้อยใจออกไปนิด ๆทิตยารีบเขยิบตัวขึ้นมา แล้วแทรกหน้าเครียด ๆ เข้ามาตรงกลางระหว่างเบาะ“ปลายไม่เคยคิดว่าพี่ต้นเป็นลูกจ้างเลยนะคะ”“แล้วน้องปลายทำแบบนี้เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะรังเกียจพี่” เขาถาม“ก็ปลายอยากให้..เอ่อ..” เธออึกอัก“เพราะอะไรเหรอปลาย บอกมาเถอะ” ธิมาดาอยากให้ทิตยาได้แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ จึงถามกระตุ้น“ปลายแค่อยากให้พี่ต้นกับพี่แฟนได้คุยกันสะดวก ๆ ไงคะ”“เพราะอะไร”“ทำไมถึงคิดแบบนั้นครับ”สองคำถามดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน“ก็ปลายเห็นพี่ต้นกับพี่แฟนคุยกันถูกคอ ก็เลยอยากเปิดโอกาสให้คุยกันได้สะดวกเท่านั้น” เธอมองหน้าทั้งสองคนสลับไปมา “โกรธปลายหรือคะพี่แฟน พี่ต้น” เห็นทั้งสองเงียบไปไม่ยอมตอบก็รู้สึกร้อนใจ“พี่ต้นไม่เคยโกรธน้องปลายเลยสักครั้ง” จะโกรธเธอลงได้อย่างไร ในเมื่อเขารักเธอจนจะล้นอกแล้ว“ขอบคุณค่ะพี่ต้น ปลายรักพี่ชายคนนี้มากที่สุดในโลกเลยค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขาพี่ชายที่ปลายไม่อยากให้เป็นเลยค่ะพี่ต้น ปลายอยากให้พี่ต้นเป็นม
“ก็ไม่อยากไปกับพี่ต้น แต่อยากไปกับพี่แฟนนี่นา” “งั้นก็ชวนพี่ต้นไปด้วยกันนะ” เธอเสนอเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายแอบรักเพื่อนสนิทของพี่ชายมานานแล้ว ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่เคยบอกตรง ๆ ก็ตามส่วนตัวเธอเองก็สนิทกับเขามาตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษา เพราะเคยได้พบปะพูดคุยกัน กระทั่งได้มาทำงานร่วมกันอีก และเธอก็คิดว่าเขาคนนั้นน่าจะมีใจให้กับทิตยาด้วยเช่นกัน.. ไม่เช่นนั้นแล้วตอนที่ทิตยายังเป็นนักศึกษาอยู่ เขาคงไม่เทียวรับเทียวส่งบ่อย ๆ หรอก ถึงแม้เขาจะอ้างว่าพี่ชายของหญิงสาวไหว้วานให้ทำก็ตาม ทิตยามองหน้ารุ่นพี่แล้วอยากจะถามอะไรบางอย่าง.. แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากเพราะกลัวจะเป็นความจริง“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่แฟนอยากให้พี่ต้นไปด้วย” เธอฝืนยิ้ม สิ่งที่เธอคิดไว้คงเป็นจริงสินะ..ทั้งสองคนนี้ชอบกัน คนหนึ่งเธอรักเหมือนพี่สาว กับอีกคนที่รักไม่เหมือนพี่ชาย เพราะเธอคิดกับเขามากกว่านั้น แต่พวกเขาก็คือคนที่เธอรัก ดังนั้นเธอต้องแสดงความยินดีกับพวกเขาจากใจ “ใช่ พี่อยากให้พี่ต้นเขาไปด้วย เขาจะได้คอยดูแลพวกเราไง” เธอส่งยิ้มให้ทิตยานัยน์ตาระยับอย่างคนมีนัยยะแอบแฝงแต่ทิตยากลับตีความหมายของสายตานั้นว่าดีใจที่จะไ






![นางบำเรอ [5P]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
