LOGIN
บทที่ 1 น้ำตาลูกผู้ชาย
วิโมกข์ตัวแข็งเป็นหินเมื่อได้ยินคำพูดของคนที่รักกันมาถึงห้าปี ไม่อยากเชื่อเลยว่าคำพูดแบบนั้นจะออกมาจากปากของเธอได้ และมันก็ถูกพูดออกมาหลังจากที่เขาและเธอเพิ่งจะเสร็จกิจรักกันบนเตียง
“มีนกำลังโกรธโมกใช่ไหม” ชายหนุ่มที่สวมกางเกงเพียงตัวเดียวถามขึ้น คิดว่าตัวเองอาจทำอะไรผิดพลาดตอนที่ร่วมรักกัน จนทำให้เธอไม่พอใจ “โมกทำให้มีนไม่มีความสุขเหรอ เรามาเริ่มกันใหม่อีกรอบก็ได้นะ”
“มันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก มีนมีความสุขกับมันมาก แต่มีนพูดเพราะเราไปด้วยกันไม่ได้ต่างหาก” มีนาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่มีแววเสียใจแม้แต่นิด “คุณไม่ใช่คนที่มีนต้องการฝากชีวิตด้วย เราจบกันแค่นี้ดีกว่าโมก”
“ทำไมล่ะมีน มีนกลัวว่าโมกจะทำให้มีนลำบากเหรอ ถึงโมกจะเสียพ่อไปแล้ว แต่ท่านก็ทิ้งสวนยางไว้ให้โมกตั้งสามพันกว่าไร่ ฟาร์มหอยเป๋าฮื้อที่โมกบุกเบิกก็เริ่มต้นไปได้ดี แล้วโมกก็ยังมีหุ้นกับบริษัทผลิตยางรถยนต์กับเพื่อนด้วย อีกหน่อยโมกก็จะใช้หนี้ธนาคารหมดและรวยมากกว่านี้ มีเงินให้มีนใช้จ่ายไม่ขาดมือ โมกไม่ปล่อยให้มีนลำบากหรอก อย่าทิ้งโมกไปเลยนะมีนนะ” วิโมกข์ในวัยยี่สิบเจ็ดปีคุกเข่าวิงวอนต่อคนรัก
“อย่าทำแบบนี้เลยโมก มีนไม่ใจอ่อนหรอกนะ” เธอขยับตัวหนีห่างจากเขาอย่างไม่พอใจ “เอาเวลาที่มาฟูมฟายกับมีนไปดูแลบรรดาแม่เลี้ยงของโมกเถอะ ป่านนี้คงมารอคิวขอแบ่งสมบัติกันเต็มบ้านแล้ว”
“อย่าทิ้งโมกไปเลยนะมีน โมกอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมีน” เขาไม่โกรธเธอสักนิดที่พูดจาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันต่อว่าครอบครัวของเขา ได้แต่อ้อนวอนขอความเห็นใจจากเธอ
“มีนหมดรักโมกแล้วเข้าใจซะบ้าง”
“มีน.. อย่าทิ้งโมกนะมีน โมกอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมีน” น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาเป็นทาง ขณะร้องเรียกคนรักที่เดินจากไปอย่างไม่ไยดี
ร้านบาร์เบียร์ จ.สงขลา
บารมีมองสภาพไม่เป็นผู้เป็นคนของเพื่อนเกลออย่างอ่อนใจ ไม่เคยคิดเลยว่าอดีตเพลย์บอยที่พ่อต้องคอยตามเอาเงินไปปิดปากครอบครัวฝ่ายหญิงอยู่บ่อยครั้งเมื่อสมัยแตกเนื้อหนุ่ม จะหมดสภาพเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวได้ขนาดนี้
“ตอนที่พี่เขามาถึงก็เมาแอ๋มาแล้วครับ” ผู้จัดการร้านเล่าให้เจ้าของร้านที่เพิ่งมาถึงฟัง
“แค่ชั่วโมงเดียวกินไปหมดนี่เลยเหรอ” บารมีมองขวดเปล่าบนโต๊ะ
“ครับพี่ทศ พี่เขาเล่นกรอกกับขวดเลยครับ ดื่มไปร้องไห้ไป แล้วก็เรียกหาแต่คุณมีน ผมกลัวแขกคนอื่นจะไม่พอใจเอา ก็เลยโทรเรียกพี่นี่แหละครับ”
“นายช่วยดูแลหน่อยก็แล้วกัน ถ้าเขาฟื้นก็อย่าให้ไปไหน”
“แต่เป็นแบบนี้มาสามวันแล้วนะครับพี่ทศ พี่เขาชอบหายไปตอนที่ผมไม่อยู่ตลอด ผมคงดูแลไม่ไหวหรอกครับ” ผู้จัดการร้านจำใจต้องปัดภาระให้พ้นตัว เพราะดูแลลูกค้าคนอื่นก็ยุ่งมากพอแล้ว ยังต้องมาดูแลคนเมาหนักแบบนี้อีก เขารับไม่ไหวแล้วจริงๆ
“สงสัยต้องส่งกลับไปให้เจ๊หวังจัดการ” บารมีพึมพำกับตัวเองแล้วบอกให้ผู้จัดการช่วยกันพยุงปีกเพื่อนรักไปที่รถ “ขอบใจมาก ดูแลร้านให้ดีล่ะ”
“ครับพี่” ผู้จัดการร้านรับคำแล้วเดินจากไปเมื่อหมดหน้าที่
บารมีปรับดึงเข็มขัดนิรภัยคาดให้เพื่อนรัก ปรับเบาะเอนลงไปอีกหน่อยเพื่อให้เขานอนได้สบายขึ้น แล้วจึงสตาร์ทรถขับออกไป
ฟาร์มสวนยางโชคอนันต์
เจ๊หวังวางผ้าเช็ดตัวลงในกะละมัง มองสภาพของเจ้านายน้อยที่กำลังจะขึ้นมาเป็นใหญ่แทนบิดาด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“มีน.. อย่าทิ้งโมกนะ.. โมกรักมีน.. มีน.. มีน.. กลับมาหาโมกนะ.. ผมรักคุณ..”
แม่บ้านใหญ่วัยห้าสิบปีนั่งสะอื้นไห้อยู่ข้างเตียงของชายหนุ่มผู้ผิดหวังจากรัก นางไม่เคยคิดเลยว่าอีปลิงดูดเลือดที่ดีที่แต่งตัวสวยและหลงงมงายกับการพนันจะทำกับคุณหนูของตนได้ขนาดนี้
“โธ่คุณหนูของหวัง หวังกับคุณผู้ชายรู้อยู่เต็มอกว่าอีเป็นคนแบบไหน แต่พวกเราก็จำใจยอมรับอีเพราะอีทำให้คุณหนูมีความสุข เลิกทำตัวเสเพลสร้างแต่ปัญหาให้ตามแก้ หวังไม่เคยคิดเลยว่าอีจะกล้าทำแบบนี้กับคุณหนูของหวัง ฮึก ๆ ๆ”
“โมกอยากตายมีน.. ไม่มีคุณผมตายดีกว่ามีน.. ฮือ ๆ ๆ ฮือๆ ๆ มีน.. อย่าทิ้งผม..”
“โธ่คุณหนู” เจ๊หวังเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาทางหางตาของคนที่กำลังหลับ ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มาโทรหามีนา
(ใครคะ..) เสียงปลายสายถามมาอย่างงัวเงีย
“คุณมีนเหรอคะ หวังเองค่ะ”
(หวัง.. เจ๊หวังใช่ไหม)
“ค่ะเจ๊หวังเอง”
(โทรมาทำไม คุณหนูของเจ๊ไม่ได้อยู่กับฉันหรอกนะ เราเลิกกันแล้ว) เธอกระซิบตอบกลับมา
“หวังรู้ค่ะ หวังถึงโทรมาหาคุณนี่ไงคะ หวังขอร้องนะคะ อย่าเลิกกับคุณหนูของหวังเลยค่ะ คุณหนูของหวังทำอะไรผิดบอกหวังได้ไหมคะ หวังจะได้บอกให้เขารู้ตัว”
(คุณหนูของเจ๊ไม่ผิดหรอก แต่เขาแค่หมดความหมายสำหรับฉันแล้วต่างหาก)
(คุยกับใครครับมีน)
(เขาโทรมาผิดค่ะ) มีนากดสายทิ้งทันที
มือที่กำหูโทรศัพท์สั่นเทาด้วยความโกรธเมื่อได้ยินเสียงผู้ชายดังเข้ามาในสายชัดเจน ที่แท้เธอก็มีผู้ชายคนใหม่นี่เอง เธอถึงได้ทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดีแบบนี้
“พอกันที ชาตินี้อั๊วจะไม่ขอญาติดีกับลื้ออีกต่อไป อีนางงูพิษ!”
สามวันต่อมา ท่าอากาศยานหาดใหญ่
หญิงสาววัยกลางคนหน้าตาคมเข้มแบบสาวใต้แท้ๆ พร้อมด้วยหญิงสาววัยรุ่นหน้าตาบ่งบอกความเป็นลูกครึ่งหนึ่งคน และหน้าตาฝรั่งจ๋าอีกหนึ่งคน กำลังช่วยกันมองหาป้ายชื่อจากผู้ที่มารอรับด้วยใจจดจ่อ
“เขาไปรับผิดสนามบินหรือเปล่าคะแม่” หญิงสาวหน้าตาแบบลูกครึ่งวัยสิบแปดปี นามว่าวิเวียนถามมารดา เพราะเธอรู้ว่ายังมีสนามบินอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดนี้
“แม่โทรมาบอกเขาแล้วว่าที่นี่” ปราณีบอกกับลูกสาวขี้สงสัย
“คนนั้นชูป้ายชื่อคุณครูด้วยค่ะ ใช่เขาหรือเปล่าคะ” หญิงสาวหน้าตาน่ารัก รูปร่างผอมสูงเกินวัยสิบเจ็ดปี นามว่าชาร์มมิ่ง แอนนาเบล เครน ชี้ไปยังคนที่วิ่งถือป้ายเขียนว่า ‘คุณปราณี จากฟาร์มสวนยางโชคอนันต์’ เข้ามา
“ใช่จ้ะชาร์มมิ่ง พี่อำนวยทางนี้จ้ะ” ปราณีตอบรับเด็กสาวแล้วกวักมือพร้อมส่งเสียงเรียกชายคนนั้น
“ขอโทษทีที่มาช้าครับคุณปราณี พอดีรถคันแรกที่ให้มารับคุณมันถูกชนตูด ผมก็เลยต้องออกมาแทน” อำนวยพูดไปหอบไปด้วยความเหนื่อย
“ไม่เป็นไรจ้ะพี่อำนวย เด็กๆ ทักทายคุณลุงเขาหน่อยสิจ๊ะ” เธอปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มจริงใจแล้วจึงบอกกับสาวน้อยทั้งสองให้ทักทายผู้ใหญ่
“สวัสดีค่ะ / สวัสดีค่ะ” สองสาวยกมือไหว้หนุ่มใหญ่แบบไทย
“สวัสดีจ้ะ สงสัยจะพูดไทยได้ทั้งคู่นะครับคุณปราณี”
“จ้ะพี่ นี่ลูกสาวฉันเองชื่อวิเวียน แล้วคนนี้ก็ลูกเจ้านายฉันชื่อชาร์มมิ่ง อยู่ที่โน่นฉันถูกจ้างให้เป็นครูสอนภาษาไทยให้ลูกๆ เจ้านายโดยเฉพาะ พอดีโรงเรียนที่โน่นปิดเทอมพวกเขาก็เลยขอมาเที่ยวด้วย แล้วลูกชายฉันเป็นอย่างไรบ้างพี่” เธอแจงรายละเอียดให้ฟังแล้วถามถึงลูกชายด้วยความห่วงใยลึกซึ้ง
“พี่ว่าคุณปราณีไปดูเองดีกว่าครับ” อำนวยตอบเพียงแค่นั้น...
“ผมว่าท่านกลับไปที่ห้องพักก่อนดีกว่านะครับ ขอเราทำใจกับเรื่องนี้กันก่อน ขอบคุณครับ” วิโมกข์ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว จับสตรีสูงวัยดันออกไปจากห้อง “ช่วยพาท่านกลับไปก่อนนะครับ” บอกกับคนติดตามของท่านที่รออยู่หน้าห้อง แล้วปิดประตูใส่หน้าอย่างไม่ใยดีก๊อก ๆ ๆ“ชาร์มมิ่งย่าขอโทษ ย่าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หลานเจ็บแบบนั้นเลย ย่าแค่โมโหจนลืมตัวเท่านั้น ยกโทษให้ย่าด้วยนะหลานรัก” เจ็สสิก้าเคาะประตูและยืนพูดอยู่ที่หน้าห้องด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่ก็ไร้การตอบรับจากคนข้างใน จึงได้แต่เดินคอตกกลับไปที่ห้องพักของตนเอง...วิโมกข์ได้แต่นั่งเป็นกำลังใจอยู่ใกล้ ๆ คนรักที่เอาแต่กอดเข่าร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ไม่รู้ว่าจะปลอบใจยังไงดี เพราะคนที่ทำร้ายเธอเป็นย่าของเธอเองเกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา ชาร์มมิ่งก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ดวงตาแดงระเรื่อและบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก“ชาร์มจะกลับอเมริกาค่ะ พี่โมกไปส่งชาร์มที่สนามบินหน่อยนะคะ” เธอพูดเจือเสียงสะอื้น“ได้สิ แต่ชาร์มจะกลับตอนนี้เลยเหรอ” เขาใช้มือเช็ดน้ำตาที่ป
“จริงเหรอ” เขาแกล้งทำเป็นตื่นเต้น ทั้ง ๆ ที่เคยได้ยินเรื่องนี้มาจากปากของน้องสาวบ้างแล้ว “เล่าเรื่องครั้งแรกที่เราได้เจอกันให้พี่ฟังหน่อยสิ พี่อยากรู้ว่าทำไมเราถึงอยากแต่งงานกับพี่” เขาหอมที่แก้มนวลเมื่อถามจบ และหวังว่าการชวนเธอคุยเรื่องนี้จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้างหญิงสาวเริ่มเล่าเรื่องราวครั้งเก่าเมื่อสิบสองปีที่แล้วให้เขาฟังอย่างตั้งใจ ตั้งแต่ตอนที่เขาช่วยเหลือเธอจากสุนัขที่หลุดออกมาจากบ้านใครสักหลังตัวนั้น จนถึงตอนที่เธอรู้ว่าเขาคือพี่ชายของวิเวียน“ตั้งแต่นั้นชาร์มจึงพยายามใกล้ชิดกับป้าปราณีและวิเวียนมากเป็นพิเศษ เพราะอยากรู้เรื่องราวของพี่โมกผ่านทางพวกเขาค่ะ และก็ตั้งใจเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะหวังว่าสักวันจะมีโอกาสได้เจอกับพี่โมก และสร้างความประทับใจให้พี่โมกได้บ้าง”เขาจูบเธอเมื่อได้ยินฟังเรื่องราวจากปากของเธอจบ “แล้วเสียใจไหมที่รู้ว่าพี่มีแฟนแล้ว”“เสียใจสิคะ แต่ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อมันเป็นรักข้างเดียว ชาร์มก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าจะได้รับรักตอบจากพี่โมก” เธอผงกศีรษะขึ้น
ชาร์มมิ่งหลับตาข่มอารมณ์โกรธไว้ในใจอย่างที่สุด ในอดีตท่านก็เคยกีดกันความรักของพ่อแม่เธอ ทำให้เธอต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่ออยู่หลายปี แต่เพราะพ่อรักแม่มากจึงไม่ยอมแต่งงาน ใหม่กับผู้หญิงที่คุณย่าเลือกให้ จนในที่สุดสวรรค์ก็เห็นใจความรักของพ่อ ทำให้ท่านได้เจอเธอกับแม่อีกครั้ง และได้กลับมาใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้เรื่องพวกนี้พ่อเธอเป็นคนเล่าให้ฟังเองจากปาก เธอจึงเชื่อสนิทใจ และตอนนี้ท่านก็กำลังทำแบบเดียวกับที่เคยทำในอดีตอีกใช่ไหม“แค่นี้ใช่ไหมคะที่คุณย่าต้องการ ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวไปพักผ่อนนะคะ ไปกันเถอะค่ะพี่โมก”วิโมกข์พยักหน้ารับ แต่ก่อนที่จะไปเขาก็กวักมือเรียกพนักงานเพื่อให้คิดค่าอาหาร เพราะไม่อยากถูกย่าของเธอดูถูกตามหลังว่าไม่มีปัญญาจ่าย“มื้อนี้ฉันเลี้ยงเองดีกว่านะ” เจ็สสิก้าพูดเพียงสั้น ๆ ใช้สายตามองอาหารบนโต๊ะ และสิ้นสุดที่ขวดไวน์ยี่ห้อดัง“ให้ผมได้เลี้ยงท่านสักมื้อนะครับ ในเมื่อผมเป็นคนเลือกร้านอาหารร้านนี้เอง และไวน์ขวดนั้นผมก็เป็นคนสั่งเองด้วย ความจริงผมสั่งไวน์ที่ท่านชอบดื่มให้แล้วนะครับ แต่บังเอิญว่า
“พี่รักเราพี่ต้องทนเก็บความรู้สึกไว้ด้วยเหรอ พี่จะไม่เก็บอีกต่อไปแล้ว และก็อย่าหวังว่าไอ้ฝรั่งหน้าไหนจะมาแย่งเราไปจากพี่ได้ ไม่ว่ามันจะมีใครหนุนหลังอยู่ก็ตาม” เขามองไปที่โรเจอร์กับย่าของเธอ และกลับมามองเธออีกครั้ง “แล้วเราก็อย่าคิดนอกใจพี่ด้วย ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่”“ชาร์มไม่กล้าหรอกค่ะ” สาวน้อยตอบออกไปด้วยความสัตย์ซื่อ ก็เธอรักเขามากจนไม่รู้จะบรรยายเป็นคำพูดได้ยังไง เรื่องคิดนอกใจจึงไม่เคยอยู่ในหัวสมองเลยสักนิด “ทุกวันนี้ชาร์มคิดแต่เรื่องที่จะเข้าไปอยู่ในใจพี่โมกมากกว่า”วิเวียนสะกิดคนรักพร้อมกับแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะขัดเขินต่อคำพูดของเพื่อนรักกับพี่ชาย แบบนี้ความหวังของเธอก็คงจะเป็นจริงสินะ แต่มันคงไม่ง่ายนัก เพราะมีตอชิ้นใหญ่อย่างคุณย่าอีกทั้งคน“คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต” บารมีกระซิบบอกแฟนสาว แอบซึ้งใจแทนเพื่อนรักที่มีคนรักเขาด้วยความจริงใจ“พูดอะไรกัน พูดให้ย่าเข้าใจด้วยสิ” เจ็สสิก้าต่อว่าหลานสาว แต่สายตาขุ่นเคืองนั้นกลับส่งไปให้วิโมกข์“เราก็แค่บอกรักกันเท
“สวัสดีครับคุณวิเวียน คุณบารมี” โรเจอร์ทักทายคู่รักทั้งสองอย่างเป็นมิตร แต่กับวิโมกข์เขาจำใจต้องทักเพื่อมารยาท เพราะรู้สึกได้ว่าฝ่ายนั้นก็มีใจให้ชาร์มมิ่งเหมือนกัน “สวัสดีครับ”วิโมกข์สบสายตากับอีกฝ่ายที่ทำเหมือนไม่อยากทักทายตน จึงพยักหน้าตอบรับลวก ๆ ให้ฝ่ายนั้นได้รู้ว่าเขาก็ไม่อยากทักทายมันเหมือนกันการกระทำของชายหนุ่มทั้งสองไม่ได้ผ่านสายตาของเจ็สสิก้าไปง่าย ๆ นางรู้สึกได้ทันทีว่าสองคนนี้ไม่ชอบหน้ากัน หรือว่า.. นางเหลือบไปที่หลานสาวโดยอัตโนมัติ.. ผู้ชายที่เธอพาเข้าห้องเมื่อคืนนี้..“คุณสองคนมาตั้งแต่เมื่อไหร่”“เรามาหลายวันแล้วครับ”“แล้วจะกลับกันเมื่อไหร่ล่ะ”“พรุ่งนี้ครับ”“แล้วพักอยู่ที่ไหนกันล่ะ”“พวกเราพักอยู่ที่นี่แหละครับ”“เธอด้วยเหรอวิเวียน”“ค่ะ”“ทำไมเธอต้องพักที่โรงแรมด้วยล่ะ เธอทำงานที่นี่เธอก็น่าจะมีคอนโดหรือบ้านพักส่วนตัวสิ พักในโรงแรมแบบนี้มันแพงไปนะ”คำ
เห็นเธอดูหงอย ๆ ก็รู้เลยว่าต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง จึงรู้สึกเป็นห่วงอย่างลึกซึ้ง“ชาร์ม.. มีเรื่องอะไรก็ระบายให้พี่ฟังได้นะ”เธอมองหน้าคนรักและคลี่ยิ้มกว้าง จะให้เธอเล่าให้เขาฟังได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นเรื่องของเขาเอง“ชาร์มเครียดเรื่องเขาคนนี้แหละค่ะ” นิ้วเรียวจิ้มที่อกแกร่ง ก่อนจะโน้มหน้าไปแนบซบ“พี่ก็บอกรักไปแล้วนี่ ทำไมยังเครียดอยู่อีก” หรือเธอคิดว่าตอนนั้นมันไม่โรแมนติก จึงอยากให้เขาพูดใหม่อีกครั้ง “พี่รักเรานะ รักมากจึงหึงและหวงมาก เป็นห่วงด้วย” ได้ยินแบบนี้เธอคงหายเครียด และกลับมาร่าเริงเป็นสาวน้อยคนเดิมของเขาสักที “พี่จริงจังกับเรามากนะ”“ขอบคุณค่ะ ชาร์มปลื้มมากเลยที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของพี่โมกในเวลาแบบนี้”“ถ้าอย่างนั้นก็กลับมาร่าเริงได้แล้ว พี่ไม่ชอบอาการของเราตอนนี้เลย”“ค่ะ” เธอตอบรับด้วยสีหน้าชื่นบานแต่วิโมกข์ก็ยังดูออกว่าเธอเศร้า เพราะแววตาของเธอไม่สดใสตามสีหน้าสักนิด แต่ในเมื่อเธอไม่บอกว่าเพราะอะไรเขาก็จะไม่เซ้







