CHAPTER 2
ชีวิตส่วนตัว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
แม้แดดร้อนจัดของเมืองไทยจะทำให้เหงื่อผุดซึมผ่านกรอบหน้าขาวใสของหญิงสาวแต่ก็ราวกับเจ้าตัวจะไม่ใส่ใจ นานกว่าสิบนาทีที่เพลิงได้แต่นั่งกระดิกขา ขยับคอเสื้อระบายความร้อนจากอากาศอ้าวอบ อดทนรออย่างใจเย็น
“อร่อยไหม?” เสียงไร้อารมณ์เอ่ยถาม ตาคมเลื่อนมองแขนเรียวเล็กยกขึ้นจัดการรวบผมเป็นหางม้าเพื่อการกินที่สะดวกมากขึ้น “อีกสักชามไหม?”
คนซึ่งเคี้ยวตุ้ย ๆ จนแก้มตุ่ยอย่างเอร็ดอร่อยเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะบิดยิ้มถามกลับ “เลี้ยงรึเปล่า?”
เพลิงไม่ตอบ แต่หันไปสั่งเมนูเดิมที่จำได้ขึ้นใจมานานกว่าสิบปีกับป้าเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวทันที “ป้า เล็กน้ำใสไม่ผักพิเศษลูกชิ้นอีกที่”
“เพลิงไม่กินเหรอ?” เรนถามด้วยความประหลาดใจ ระหว่างที่เธอกิน เพลิงไม่ยักแตะแม้แต่น้ำเปล่าสักอึกเลยด้วยซ้ำ
“ไม่หิว”
“ก็งั้นจะลงมาทำไม? เรานั่งกินคนเดียวได้”
“กินไป จะนั่งเป็นเพื่อน”
“แล้วแต่” หญิงสาวไหวไหล่ เพลิงอยากรอก็ให้รอ มีคนนั่งด้วยก็ดีจะได้ไม่รู้สึกแปลกแยกกับคนอื่นมากนัก และดูเหมือนจะมีคนสังเกตเห็นอาการของเธอเข้าให้พอดี
“เป็นอะไร?”
“เราแต่งตัวแปลกเหรอ?” เรนหลุบมองสภาพการแต่งกายของตนเอง มันไม่ได้ดีแต่ก็ไม่ได้แย่ หรือว่าแฟชันเชียงใหม่ของเธอมันเอาต์เสียแล้ว ถึงได้มีสายตาประหลาดมองมาแทบจะตลอดเวลาแบบนี้
“…” เพลิงไม่ได้ให้คำตอบ แต่ใช่ว่าเขาจะไม่เห็น
เพราะเป็นย่านที่อยู่ติดกันกับตัวมหาวิทยาลัยตรงทางออกของคณะวิศวกรรมศาสตร์ หอพักละแวกนี้จึงมีนิสิตวิศวะเป็นส่วนใหญ่ ถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็น ‘ย่านวิดวะ’ เลยทีเดียว
ปกติเพลิงไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องเก็บมาคิดใส่ใจ ทุกคนแถวนี้แทบจะเรียกได้ว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันดี อีกทั้งเมื่อเห็นว่าตัวเขามอง คนพวกนั้นก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่สายตาประเภทอ่านออกเฉพาะผู้ชายที่ชำเลืองมองคนซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะก็ชัดเจนชนิดไม่ต้องทำวิจัยให้เสียเวลา
“ที่กาดหลวงชุดนี้กำลังฮิตเลยนะ ไม่แย่สักหน่อย” คนตัวเล็กบ่น
เพลิงรู้ว่าแฟชันเชียงใหม่กับชลบุรีไม่ได้ต่างกัน นี่มันยุคห้าจีจะต่างกันได้แค่ไหน แต่จะให้ไขข้อข้องใจบอกไปได้อย่างไรว่าเจ้าตัวน่ารัก ตัวเล็กนมโตขาวจั๊วะอย่างกับกระดาษขนาดนี้ ผู้ชายที่ไหนไม่ชอบบ้าง จะให้พูดก็กระดากปาก
“รีบกินให้เสร็จ เรามีธุระ” สุดท้ายจึงตัดรำคาญด้วยการสลับเปลี่ยนเอาก๋วยเตี๋ยวชามใหม่ให้คนซึ่งยังคงสงสัยในสายตาคนมอง
“ร้านนี้อร่อยนะ สงสัยได้เป็นร้านประจำ” ว่าพลางเจ้าตัวก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ ละความสนใจจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว คงเพราะเอนจอยอยู่กับรสชาติของป้าแต้ว มือก๋วยเตี๋ยวชั้นยอดที่เขาเองก็ฝากท้องเป็นประจำ
ท่าทางเจริญอาหารของเพื่อนสนิทเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เพลิงได้เห็นมาแต่ไหนแต่ไร ใครจะคิดว่าผู้หญิงตัวเท่าลูกหมาเป่าทีเดียวก็ลอยไปสามกิโลจะกินก๋วยเตี๋ยวทีละสองชาม แต่สำหรับเขาแล้วเรียกได้ว่าชิน นั่งรอได้เป็นวัน
“ว่าแต่เพลิงจะไปไหน?” คนช่างซักตั้งคำถามขึ้นอีกครั้ง “ไม่พาเราไปดูแถวนี้หน่อยเหรอ?” เธอจำได้ว่ามาหาครั้งก่อน เพลิงมีมอเตอร์ไซค์ไว้ขับไปละแวกใกล้ ๆ กับย่านหอพัก
“พรุ่งนี้จะพาไป วันนี้ไม่ว่าง” คนมีธุระตอบปัด ยกสมาร์ตโฟนขึ้นเลื่อนดูเวลา “คืนนี้จะกลับมาค่ำ ๆ เธออยู่ได้ไหม?”
“ไปไหน? เราไปด้วยได้ไหม?”
“ไม่ได้” เพลิงสั่นศีรษะปฏิเสธ แต่อีกคำถามก็ดังต่อเนื่องทันที
“ทำไมถึงไม่ได้?”
“ไปหาเพื่อน มีแต่ผู้ชาย”
“ก็ไม่เห็นเป็นไร”
เรนไม่คิดว่ามีอะไรน่าเป็นกังวล แค่เธอเลือกลงเรียนคณะซึ่งมีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงชนิดเทียบสัดส่วนได้สามต่อหนึ่งก็ถือว่าเตรียมใจไว้แล้ว แต่เพราะชอบจึงเลือกที่จะเรียน แถมไม่ได้ชอบเฉพาะวิชาชีพ หากรวมไปถึงชอบบางอย่างก็ด้วย…
“ทำไม? ไม่อยากให้เรารู้จักกับเพื่อนเพลิงเหรอ?” แม้จะทำทีตั้งคำถามแบบไม่ใส่ใจ แต่คนฟังรู้ดีว่าท่าทางไม่ยี่หระที่ได้เห็นแฝงไปด้วยความน้อยใจเสี้ยวหนึ่ง ความเอาแต่ใจอีกเสี้ยวใหญ่
“เธออยากไป?”
“ก็เปล่า…”
“ถ้าอยากไปจะพาไป”
“จริงเหรอ?” ยิ้มหวานปรากฏในสีหน้าของหญิงสาวในที่สุดเมื่อได้อย่างใจต้องการ
“หึ” เพลิงหัวเราะออกมาคำหนึ่ง
กี่ครั้งกี่หนเรนก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ คงเพราะเขาเองที่เป็นฝ่ายตามใจมาโดยตลอด ก็หากมีคนงอนขึ้นมาจริง ง้อสามวันเต็มเขาก็เคยมาแล้ว คร้านจะพาตระเวนกินของอร่อยให้เสียเวลา และหากเลือกทำไม่สนใจ นอกจากจะอึดอัดระหว่างกันเอง แม่บังเกิดเกล้าของเขาอาจต่อสายตรงจากเชียงใหม่โทรมาด่าเปิดให้ด้วยอีกคน
แน่ละสิ… ลูกรักของ ยายน้อย ไม่ใช่ไอ้เพลิงคนนี้ แต่เป็นคนตรงหน้าเขาต่างหาก ถ้าขอเปลี่ยนลูกกับ น้าศรี ได้ เห็นทีแม่คงทำ
“ถ้าเธอไม่กลัวก็จะพาไปเจอ”
“กลัวทำไม? อยู่กับเพลิงต้องกลัวด้วยเหรอ?”
“ไม่กลัวก็ดี เพื่อนสนิทเรามีแต่คนหน้าเถื่อนทรงโจร เธอรับได้ก็ไป” เพลิงทำทีขู่เล่น และการตอบสนองของคู่สนทนาก็อย่างที่คิดไว้
คนซึ่งเคี้ยวลูกชิ้นกร้วม ๆ ถึงกับเงยหน้าขึ้นมองด้วยท่าทางเป็นกังวล นิสัยของหญิงสาวนุ่มนิ่มแค่ไหนทำไมเขาจะไม่รู้ แค่ขู่ว่าหน้าเถื่อนเข้าหน่อยเจ้าตัวก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ถ้าได้เห็นความห่ามหยาบของผู้ชายในคณะทั้งโขยงจะรับได้แค่ไหนกันเชียว
“สรุปไปไหม?” เขาเลิกคิ้วถามย้ำคำเพื่อความแน่ใจ แต่อีกฝ่ายก็ยังยืนยันด้วยการผงกศีรษะหงึกหงัก
“ไปสิ ยังไงตอนเรียนเราก็คงมีเพื่อนผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอยู่ดีนั่นแหละ”
“เก่งให้ได้แบบนี้ก็ดี อย่าให้เห็นว่าร้องไห้วิ่งหาเราก็แล้วกัน”
“เราเนี่ยนะจะร้องหาเพลิง?” คนฟังถึงกับวางตะเกียบลง ทำตาโตค้านเสียงแข็ง “โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วใครจะทำตัวแบบนั้น”
“พูดผิดรึเปล่า เตี้ยขนาดนี้ หมาที่ไหนก็เลียตูดเธอได้ทั้งนั้น” เสียงเรียบเรื่อยถากถาง และคนตัวเตี้ยก็สวนกลับทันควัน
“หยาบคาย เขาเรียกคนตัวเล็กต่างหาก!”
“เตี้ยก็คือเตี้ย”
“ปากแบบนี้เพลิงจะหาเมียได้เหรอ?” คนตัวเล็กย้อนเสียงสูง แต่เพลิงกลับหัวเราะในลำคอ เบนสายตาไปอีกทาง
“อายุแค่นี้ไม่เห็นต้องรีบหาเมีย เธอไม่รู้จักความสัมพันธ์แบบเซเว่นหรือไง?”
“อะไร?”
“หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาไง ไม่เคยได้ยิน?”
“…” เรนที่ยังคงเคี้ยวคำสุดท้ายไม่หมดสบตานิ่ง ตากลมโตจ้องตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สา ขณะที่เพลิงก็ละความสนใจไป เพราะมีเสียงทักทายดังมาจากอีกทาง
“รีบกินให้เสร็จ เราคุยกับเพื่อนแป๊บนึง” จบคำ ร่างสูงก็ลากเก้าอี้ไปนั่งร่วมวงกับกลุ่มคนอีกโต๊ะที่ส่งเสียงเรียกเมื่อครู่
ขณะเดียวกันเรนก็ต้องเร่งทำเวลาด้วยการกินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะไม่อยากรบกวนเวลาของอีกฝ่าย ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน แต่เธอไม่ได้อยากขโมยเวลาส่วนตัวของใคร แค่หอบหิ้วกระเป๋าบินตรงมาจากเชียงใหม่โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าก็ถือว่ารบกวนมากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ
ระหว่างที่กิน ตากลมโตก็จ้องจับภาพคุ้นเคยของเพื่อนสนิทที่ไม่ได้ต่างไปจากครึ่งปีก่อนสักเท่าไร ตอนนี้เพลิงก็ยังดูเหมือนเดิมกับที่เคยเป็น…
แม้จะสวมใส่ชุดลำลองธรรมดาอย่างเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มผ้าร่ม แต่เครื่องหน้าคมชัดตัดกับผิวกายแบบคนเหนือแต่กำเนิดนั้นยิ่งขับให้คนที่ว่าดูดี การขยับเคลื่อนไหวตัวด้วยท่วงท่าทะมัดทะแมงเป็นปกติ ส่วนสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร อีกทั้งบอดี้โปร่งไร้ชั้นไขมันส่วนเกิน หากมองแค่รูปลักษณ์ภายนอก แน่นอนว่าหล่อแบบนี้คงมีผู้หญิงเข้าติดพันไม่พัก
ทำไมเธอถึงจะไม่รู้ ก็อยู่กันมาตั้งกี่ปี…
แต่ที่ไม่สามารถล่วงรู้ได้ลึกซึ้งคงเป็นเรื่องราวบนเตียง เพลิงมักจะไม่เล่าให้ฟัง รวมถึงไม่อยากให้รู้มากนัก เพลิงทำอย่างกับว่าเธอยังเป็นเด็กทั้งที่สองคนก็อายุเท่ากัน ขนาดตัวก็อาจจะใช่ แต่เรื่องหัวใจมันต่างเสียที่ไหนกัน…
เวลาผ่านไปหลายนาที ร่างสูงก็กลับมาพร้อมพยักหน้าเรียก
“เสร็จยัง? เพื่อนเราโทรเร่งแล้ว”
“อือ เสร็จแล้ว” เรนวางตะเกียบลงในที่สุด
ร่างบางรับเงินจากผู้ปกครองกิตติมศักดิ์ จัดแจงนำไปจ่ายเรียบร้อยก็พากันเดินออกจากใต้ชายคาร้านก๋วยเตี๋ยวป้าแต้วฝั่งตรงข้ามกับหอพัก
“มานี่” ข้อมือผอมบางถูกคว้าขึ้นจูง ร่างสูงเดินนำอยู่ที่ด้านหน้า มีเพื่อนตัวเล็กเดินตามหลังในระยะประชิด
แม้ต่อหน้าจะไม่สามารถเปิดเผยอารมณ์ในส่วนลึก ทว่าสายตาของหญิงสาวที่ไม่เคยมีใครได้เห็นก็มักจะถูกเปิดเผยในช่วงเวลาไร้การจับสังเกต
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน ตากลมโตหลุบมองสัมผัสไร้ความหมายที่ไม่ได้รับมานาน ก็นานพอดูที่เพลิงไม่ได้จูงมือเธอแบบนี้ เหตุไม่ใช่เพราะระยะห่างระหว่างกัน แต่เป็นเพราะระยะห่างที่ควรจะเป็น…
“นี่เพลิง”
“ว่า?”
“กับพีพีนี่เป็นยังไงบ้าง?”
แค่เอ่ยคำถามที่ไม่ควรถาม ร่างสูงซึ่งกำลังวาดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันโตก็ชะงักหันมอง คิ้วหนากดต่ำ สีหน้าคล้ายจะรำคาญใจ
“ถามทำไม?”
“ก็แค่อยากรู้ ไม่เห็นอัปเดตอะไรให้ฟังเลย”
“เลิกไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” ว่าพลางเพลิงก็โยนหมวกกันน็อกให้ ขณะที่เรนก็สวมอุปกรณ์นิรภัยโดยแสร้งไม่แสดงความสนใจให้มากนักเช่นกัน
“ไม่มีอะไรเล่าให้ฟังเพิ่มเหรอ?”
“ไม่มี”
“แล้วตอนนี้ล่ะ?”
“ตอนนี้ทำไม?”
“โสดรึเปล่า?”
ความอยากรู้อยากเห็นไม่เข้าใครออกใครฉันใด คนแอบรักก็ย่อมอยากรู้สถานการณ์ส่วนตัวของอีกฝ่ายฉันนั้น…
ทุกครั้งที่เพลิงมีแฟน หรือกระทั่งมีคนคุย เรนจำเป็นต้องรักษาระยะห่างเสมอเพื่อไม่ให้ใครเกิดความเข้าใจผิด ถึงตอนนี้เธอก็อยากรับรู้ความเป็นไปของอีกฝ่าย
หากใกล้ได้ ก็ไม่ปฏิเสธว่าอยากใกล้…
หากไม่ได้ ก็จะได้เตรียมใจไม่ต่างจากที่เคยทำมาตลอดหลายปี…
แม้จะถามไถ่เหมือนเป็นเรื่องทั่วไปแบบที่เพื่อนสนิทพึงสนทนา หากแต่วันนี้ดวงตาคมกลับจดจ้องเธอนานกว่าปกติ และก่อนจะได้แก้ตัวเพื่อไม่ให้ใครเกิดความคลางแคลงใจ เพลิงก็จัดการสับหน้ากากหมวกกันน็อกของเธอลง พร้อมให้คำตอบตรงไปตรงมา
“ตอนนี้ไม่มี”
SPECIAL 3สัญญาใจ 3 สิบสองปีก่อน “ฮึก!” “กลับบ้านได้แล้ว ถ้าเธอยอมกลับ เราจะปั่นจักรยานให้ซ้อนทุกวัน” “เพลิงขี้โม้ ฮึก!” “เราใจดี” เด็กหญิงตัวน้อยสะอึกสะอื้นอยู่บนชิงช้าซึ่งไร้การกวัดแกว่ง โดยมีเด็กชายวัยเดียวกันยืนใช้ปลายเท้าเขี่ยดินเล่นอยู่ที่ด้านหน้า บริเวณรอบด้านเต็มไปด้วยเครื่องเล่นมาตรฐานที่สนามเด็กเล่นทั่วไปพึงมี ตอนนี้เป็นเวลาเกือบพลบค่ำ เด็ก ๆ พากันกลับเข้าบ้านหมดแล้ว เหลือเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังคงสนทนากันเพียงลำพัง เด็กชายรู้ดีว่าหากเขาไม่พาเพื่อนกลับบ้านก่อนค่ำมืดจะต้องโดนผู้เป็นแม่ดุ แต่เพราะอีกฝ่ายยังคงมีคราบน้ำตาปรากฏบนใบหน้าจึงอดทนรออย่างใจเย็น “จะค่ำแล้ว เดี๋ยวน้าศรีเป็นห่วง เธอจะโดนดุ และเราก็จะโดนแม่ตี” เสียงใจดีพยายามเอ่ยถึงบทลงโทษที่ทั้งคู่อาจได้รับหากมัวเถลไถลไม่ตรงต่อเวลาที่มีการตกลงกับพ่อแม่เอาไว้ แม้สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดีไม่ต้องกลัวคนนอกเข้าออก อีกทั้งบ้านของทั้งคู่ก็อยู่ไม่ไกลจากสนามส่วนกลาง รวมถึงต่างโตพอจะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าตา
SPECIAL 2สัญญาใจ 2สิบนาทีต่อมาร่างผอมบางของเรนยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม สายตากวาดมองไปยังความคึกคักรอบด้าน เครื่องหน้าหมดจดมียิ้มมุมปากผุดเผยในสีหน้า เพียงคิดว่าเพลิงจะต้องกระดากอายกับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นเธอก็รู้สึกขบขันอย่างบอกไม่ถูกหลังจากการแสดงห้องล่าสุดของระดับชั้นจบลง เพียงแค่ร่างสูงคุ้นตาเดินขึ้นเวทีพร้อมกีตาร์ตัวหนึ่งเพื่อทำโชว์คิวถัดไป เสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาว ๆ ต่างก็เริ่มวี้ดว้ายกระหึ่มลั่นไปทั่วทั้งลานอเนกประสงค์ด้านหน้าเวทีเรนไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเสียงที่ได้ยิน รวมถึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดจำนวนคนถึงแห่กันมายืนมองแน่นขนัดไปหมด เพื่อนสนิทของเธอเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนเรื่องนี้หญิงสาวไม่เถียง แต่ตอนนี้คงมีแค่เธอคนเดียวที่กำลังหัวเราะกับท่าทีผิดปกติไปจากเคยของคนที่ว่าสายตาของเพลิงกวาดมองไปโดยรอบในจังหวะที่หย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งมีการเตรียมไว้กลางเวที ก่อนสายตาที่ว่าจะจบลงยังตำแหน่งที่เรนกำลังยืนกอดอกมอง“สวัสดีครับ”“กรี๊ด!!!”“พี่เพลิง!!!”“ว้าย!!!”เพียงเสียงคุ้นหูทักทายผ่านไมโครโฟนซึ่งเสียบอยู่บนขาตั้งในระดับพอดีกับริมฝีปาก เสียงวี้ดว้ายของสาว ๆ ก็ตอบรับด้วยเสียงกระหึ
SPECIAL 1สัญญาใจ 1 หลายปีก่อน “เพลิงจะเขินอะไร?” “ไม่เขินได้ไง? คนทั้งโรงเรียน” “รุ่นน้องกรี๊ดเพลิงกันทั้งนั้น ไม่เห็นต้องอาย” “อาย” เพลิงพยักหน้ารับไม่กระดากแม้แต่นิด “เธอลองขึ้นไปร้องเพลงแล้วมีคนเป็นพันนั่งมองอยู่ข้างล่างเวทีดูไหม?” “ทำไมป๊อดงี้? ตัวก็ตั้งโต” “มันใช้คำว่า ‘ป๊อด’ ได้ที่ไหน?” ร่างสูงในชุดนักเรียนยกแขนขึ้นปาดเหงื่อซึ่งชื้นผ่านใบหน้า ท่ามกลางผู้คนซึ่งเดินขวักไขว่ ท่ามกลางเสียงดนตรีสดวงปัจจุบันกำลังบรรเลงอยู่บนเวทีกลางของโรงเรียน สองหนุ่มสาวยืนปรับทุกข์ห่างออกมาทางด้านหนึ่ง “ถ้าเราขึ้นร้องเพลงแทนเพลิงได้ก็คงทำไปแล้ว” คนตัวเล็กทำทีตบเข้าที่อก “ถ้าเป็นเราไม่อายหรอก” “เธอก็พูดได้” เพลิงหรี่ตามองอย่างไม่ศรัทธา แค่จะคุยกับเพื่อนคนอื่น เจ้าตัวยังต้องคอยให้เขาเป็นสะพานเชื่อมอยู่เรื่อย เมื่อโดนสายตาสบประมาทของชายหนุ่มหลุบมอง หญิงสาวในชุดนักเรียนก็ทำทีเปลี่ยนเรื่อง “เพลิงเป็นตัวแทนห้องนะ ทำหน้าที่หน่อยสิ ใจกล้า ๆ หน่อย” “ใครจะเก่งเ
CHAPTER 61ฝันละเมอ 4หนึ่งชั่วโมงต่อมาร้านขนมหวานร้านเดิมยังคงมีคนต่อคิวซื้อจนหางแถวยาวออกไปด้านนอกตัวร้าน เพลงที่เปิดคลอสร้างบรรยากาศเป็นเพลงภาษาถิ่นเหมือนเช่นทุกครั้ง กระทั่งลูกค้าก็ยังคงเป็นหน้าเดิม ๆ สภาพแวดล้อมแสนคุ้นเคยราวกับจะพาใจย้อนไปในวันวาน เหมือนเมื่อวานนี้เองที่สองเพื่อนสนิทในชุดนักเรียนมัธยมปลายพากันแว้นมอเตอร์ไซค์มาตบน้ำตาลเข้ากระแสเลือดในทุกค่ำของทุกวันหลังจากได้กินของหวานปิดท้าย สองหนุ่มสาวลูกค้าขาประจำของร้านยังคงนั่งรอออร์เดอร์ซึ่งสั่งกลับบ้านเป็นปกติธรรมดาอีกสองชุดใหญ่ระหว่างที่เพลิงสนทนาอยู่กับเพื่อนสมัยมัธยมที่บังเอิญเจอ เรนกำลังกวาดสายตามองกระดาษโน้ตหลากสีซึ่งกระจายแปะเต็มพื้นที่ผนังด้านหนึ่งของตัวร้าน โน้ตแต่ละแผ่นล้วนมีข้อความบางอย่างเขียนไว้ราวกับเป็นเครื่องเตือนใจว่าครั้งหนึ่งเคยมาเหยียบเยือนสถานที่ ทั้งจากลูกค้าที่เป็นขาประจำ รวมถึงลูกค้าขาจรก็ด้วยเช่นกันข้อความโดยส่วนมากเป็นการระบุว่าได้มาเยือนกับใคร มีทั้งที่เป็นคู่รัก มีทั้งที่เป็นกลุ่มเพื่อน มากันเป็นครอบครัว กระทั่งคนที่คล้ายจะประชดชีวิตโสดเขียนว่ามากินกับ หมา ก็มี“ทำไร?”“หืม?” เรนขานเสียงรับในล
CHAPTER 60ฝันละเมอ 3 ตอนค่ำ ตั้งแต่จำความได้ โต๊ะอาหารที่บ้านของเพลิงไม่ได้มีเฉพาะคนในครอบครัวแต่มีสมาชิกอีกสองคนมาร่วมรับประทานมื้อค่ำด้วยกันเสมอ เว้นแค่ช่วงเช้าเท่านั้นที่เพลิงจะเป็นฝ่ายไปฝากท้องที่บ้านหลังข้างกัน เสียงเจื้อยแจ้วคุ้นเคย รวมถึงการกุลีกุจอเป็นลูกมือหยิบจับทุกสิ่งอย่างของเรนเป็นสิ่งที่เพลิงได้เห็นมาจนชินตา นอกจากจะกระตือรือร้นเป็นปกติ คนที่ทำให้มื้ออาหารดำเนินไปด้วยรอยยิ้มก็คือเจ้าตัว เพลิงเคี้ยวข้าวกร้วม ๆ สลับสายตามองคนนั้นทีคนนี้ทีเพื่อสังเกตท่าทีว่าเป็นเวลาเหมาะสมหรือไม่ที่เขาจะเอ่ยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนออกมาบรรยากาศเป็นไปด้วยเสียงพูดคุยสนุกสนาน เรนกำลังช่วยผสมโรงมีอารมณ์ร่วมอยู่กับยายน้อยและน้าศรี ที่ต่างก็อินกับการก่นด่านางร้ายในละครซึ่งเปิดผ่านทางโทรทัศน์ ที่ได้เห็นไม่ใช่ภาพน่าประหลาดใจสำหรับเพลิง ในที่นี้มีเพียงเขาและพ่อเท่านั้นที่มองหน้ากันเองแล้วส่ายหัวไปมา “พ่อ” ในที่สุดเพลิงตัดสินใจหันมองหน้าบิดา เอ่ยในสีหน้านิ่งสนิท “ผมมีไรจะบอก” คนเดียวที่ว่างพอจะสนทนากับลูกชายถึงกับวางช
CHAPTER 59ฝันละเมอ 2ริมฝีปากอุ่นประทับผ่านลำคอเรียวระหง…เพลิงซุกไซ้ใบหน้าสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของคนตัวเล็กที่นอนนิ่งรับสัมผัสแต่โดยดี นัยน์ตาคมเลื่อนมองผิวกายขาวเนียนผุดผ่องเป็นยองใยทุกจุดที่ปลายลิ้นลากผ่าน ค้างนานบริเวณยอดถันสีชมพูหวาน หมดเวลากับการดูดเลียหัวนมสวยสะพรั่งของหญิงสาวนานหลายนาที ขณะที่ปากดูดเม็ดเต่งชูชัน มือหนาก็ขยำนวดเต้าข้างที่ว่างเว้นด้วยความมันมือแต่ละสัมผัสดำเนินไปอย่างเงียบเชียบเพราะสถานที่ไม่เป็นใจ ทว่าทุกวินาทีที่ดำเนินผ่านล้วนเต็มไปด้วยความหวามหวิวในอารมณ์ สายตาของชายหนุ่มหลุบเลื่อนมองตามสัดส่วนโค้งเว้าด้วยประกายตาเร่าร้อนแม้เรนจะกินเข้าไปมากเกินกว่าขนาดตัว แต่บั้นเอวผอมบางกลับไร้ชั้นไขมัน ทั้งยังเว้าสวยมิใช่เพียงแต่เร้าอารมณ์ภายใน ทว่ายังดึงดูดสันจมูกคมให้ไล้ผ่านตามแนวคดโค้ง ริมฝีปากอุ่นกดจูบสลับกับการดูดดึงเนื้อกายผ่องขาวไม่ละสัมผัสแม้แต่วินาที เพลิงชันกายขึ้นนั่ง สองมือคว้าสะโพกคนตัวเล็กขึ้นในระดับเดียวกัน สายตามากด้วยอารมณ์ทอดจับเรือนร่างสุดเซ็กซ์ ตั้งแต่เต้าใหญ่โตที่ประดับด้วยป้านบัวสดสวยขนาดเต็มปากเต็มคำ ทั้งแอ่งสะดือเล็กบนหน้าท้องแบนราบ ร