Share

ตอนที่ 7 ปราการด่านสุดท้าย

last update Последнее обновление: 2024-12-13 20:33:13

ตอนที่ 7

ปราการด่านสุดท้าย

           "รีบพาผู้ติดตามทั้งหมดของพวกเราขึ้นรถม้าเร็วเข้าเถอะ" หลิวซือนัวเอ่ยสั่ง พลางมองไปยังผู้ติดตามทั้งสี่คนของนางที่ยามนี้สลบเพราะถูกวางยานอนหลับและแต่ละคนก็ยังคงไม่ได้สติ

           "หากนำพวกเขาขึ้นรถม้า แล้วคุณหนูกับคุณชายอวี้จะทำเช่นไรเล่าขอรับ" เสี่ยวชิงถามขึ้นอย่างลังเล

             อย่างไรก็ไม่อาจทิ้งผู้ติดตามเหล่านี้ได้จริง ๆ ทว่าความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดที่เขาจะต้องนึกถึงก่อนเป็นอันดับแรกก็คือความปลอดภัยของคุณหนูและน้องสาวของเขา วูบหนึ่งเสี่ยวชิงเผลอคิดอย่างเห็นแก่ตัวขึ้นมา หากจำเป็นต้องเลือกเขาก็จะเลือกพาแค่คุณหนูและน้องสาวของเขาหนีไปเท่านั้น

            "ถ้ามัวแต่ชักช้ากันอยู่เช่นนี้ สุดท้ายแล้วก็คงไม่มีใครรอด" เป็นอวี้หนานไห่ที่เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย

             "เสี่ยวชิงทำตามที่ข้าบอก นำพวกเขาขึ้นไปให้ครบทุกคน แล้วให้เสี่ยวหนิงทำหน้าที่ควบคุมรถม้าไปยังตัวเมืองเพื่อแจ้งทางการ หรือถ้าเจอหมู่บ้าน หน่วยมือปราบลาดตะเวนก็จงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ ส่วนข้า คุณชายอวี้ กู่เหอ เสี่ยวชิง จะขี่ม้าหนีไปอีกทางหนึ่ง" หลิวซือนัวเอ่ยถึงแผนการของตน 

             "คุณหนูบ่าวขอไปกับท่านเถิดนะเจ้าคะ ห่างกับคุณหนูเช่นนี้บ่าวต้องเป็นห่วงท่านจนอกแตกตายแน่" เสี่ยวหนิงอ้อนวอนทั้งน้ำตา นางไม่อยากแยกกับคุณหนูของนาง อีกทั้งยังกลัวว่าทั้งคุณหนูและพี่ชายของนางจะเกิดเรื่องอีกด้วย  

             "เสี่ยวหนิง ทำตามที่ข้าสั่ง พวกเรายิ่งไปด้วยกันเยอะโอกาสรอดยิ่งน้อง แต่หากแยกกันไปเช่นนี้ย่อมจะต้องดีกว่าแน่" นางเอ่ยกับสาวใช้ของตนอย่างอีกครั้ง ก่อนจะพาเสี่ยวหนิงมาส่งที่รถม้าด้วยตัวนางเอง 

             "คุณหนู..."

             "เสี่ยวหนิง จำไว้เจ้าต้องรีบไปให้ไกลที่สุด ห้ามเหลียวกลับมามองอีกเป็นอันขาด"

              "คุณหนู..."

              "ไป...รีบไปซะเสี่ยวหนิง" นางเอ่ยออกมาอีกครั้งพลางส่งยิ้มกว้างไปให้สาวใช้คนสนิทของตนอย่างต้องการปลอบโยน

              "เสี่ยวหนิง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องตามคนมาช่วยพวกเราได้แน่" คำพูดสุดท้ายของหลิวซือนัวถูกเอ่ยฝากไปกับสายลม

              นางหันไปมองรถม้าที่เพิ่งจะเคลื่อนตัวออกไป เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินไปสมทบกับพวกของนางที่ยังเหลืออยู่ 

                กู่หรูขึ้นม้าแล้ว คุณชายของนางก็เช่นเดียวกัน แม้บุรุษร่างกายซีดเซียวบนม้ามองดูแล้วเหมือนกับว่าพร้อมที่จะตกลงมาจากบนหลังม้าได้ทุกเมื่อ และถ้าหากระหว่างทางเกิดตกลงไปจริง ๆ ก็คงจะเจ็บไม่เบาทีเดียวอาจจะถึงขั้นกระดูกหักสักสองสามท่อนได้ 

           หลิวซือนัวยังจำได้ดีถึงคำพูดของกู่เหอว่าอาการของคุณชายอวี้ของพวกเขาไม่เหมาะที่จะเกิดการกระทบกระเทือนหนัก ความจริงแล้วไม่ควรขี่ม้าด้วยซ้ำ นางรู้ดีแต่เวลานี้ม้าคือวิธีเดียวที่จะพาพวกนางไปจากที่นี่ได้

           ขี่ม้าเป็นวิธีเดียวที่พวกนางจะมีโอกาสรอดจากภัยนี้ได้ แม้โอกาสจะน้อยเต็มทีก็ตาม แต่หลิวซือนัวก็จะขอเสี่ยงดวงไปกับโอกาสน้อยนิดนี้

           เจ้าของใบหน้าอวบอิ่มเดินเข้าไปหาเสี่ยวชิงที่ถือเชือกจูงม้าสองตัวเอาไว้ ซึ่งตัวหนึ่งย่อมเป็นของเขา อีกตัวหนึ่งก็คือของนาง 

            กู่หรู เสี่ยวชิง คุณชายอวี้ และนาง พวกเราทั้งสี่คนย่อมต้องใช้ม้าถึงสี่ตัว ส่วนม้าที่เหลือนางได้สั่งให้เสี่ยวชิงปล่อยไปแล้ว

            "ข้าจะขี่ม้าตัวเดียวกันกับคุณชายอวี้ ระหว่างทางพวกเจ้าสองคนจะได้คุ้มกันพวกเราได้ง่ายขึ้น" นางเอ่ยขึ้นก่อนจะให้เสี่ยวชิงช่วยนางขึ้นมาตัวเดียวกับคุณชายอวี้ได้สำเร็จ 

             นางชิงเป็นคนควบคุมม้าเองและให้คุณชายอวี้นั่งซ้อนด้านหลังนางเอาไว้แทน

           "เสี่ยวชิง ส่งเชือกมาให้ข้า" 

            "เชือกขอรับ" แม้จะไม่เข้าใจนักว่าคุณหนูสั่งให้เขานำเชือกไปให้ทำไม แต่ตนก็หยิบเชือกที่กองอยู่ที่พื้นใกล้ ๆ ส่งให้ไปตามคำสั่ง

            "มัดติดกันเอาไว้จะได้ไม่พลัดตกม้าลงไป" หลิวซือนัวเอ่ยขึ้นหลังจากที่นางลงมือมัดเชือกที่ลำตัวคุณชายอวี้กับนางติดเอาไว้ด้วยกัน

           "คุณหนูหลิว หรือไม่ก็ให้ข้าน้อยขี่ม้าตัวเดียวกันกับคุณชายเองจะดีกว่าหรือไม่" กู่หรูเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าคุณชายของนางถูกมัดติดเอาไว้กับตัวคุณหนูหลิว เกรงว่าคุณชายของนางจะอึดอัดและไม่พอใจ อีกทั้งนางนั้นกลัวว่าคุณชายของนางจะเป็นอันตรายด้วย มิสู้ให้ขี่มาไปกับนางแทน เช่นนี้นางจึงจะได้ระวังได้ถูก

          "เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว พวกข้าอยู่ตรงกลาง พวกเจ้าสองคนเป็นวรยุทธ์คอยป้องกันอยู่ซ้ายขวาจะดีกว่า หากเจ้าเป็นคนพาเขาไปเองเกรงว่าจะต่อสู้ไม่สะดวก" หลิวซือนัวเอ่ยต่อ 

            "แต่..." กู่หรูไม่เห็นด้วย ยังไงนางก็อยากจะคุ้มกันคุณชายของนางเองจึงตั้งใจจะเอ่ยขัดอีกครั้ง

            "กู่หรู ทำตามที่คุณหนูหลิวสั่ง" เจ้าของน้ำเสียงไร้เรียวแรงเอ่ยขึ้น เขามองตรงไปที่ผู้ติดตามหญิงของตนด้วยสายตานิ่งเฉย 

             แม้ว่าที่ดวงตาของคุณชายของนางจะมีผ้าคาดปิดเอาไว้แต่กู่หรูก็สามารถจดจำได้ดีว่าสายตาของคุณชายที่กำลังมองมาจะต้องเป็นเช่นไร กู่หรูจึงได้ยอมทำตามที่คุณหนูหลิวสั่งแต่โดยดีไม่คิดค้านขึ้นอีก

            เขานิ่งเฉยรอดูเหตุการณ์เงียบๆอยู่นานโดยไม่ได้เสนอความคิดเห็นใดๆ จนกระทั่งเวลานี้เขาเริ่มรู้สึกว่าพิษในร่างกายของตนนั้นเริ่มจะกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งกินยาที่กู่เหอให้ไปได้ไม่นาน 

            อวี้หนานไห่คาดว่ายาที่ต้มที่นี่จะต้องมีปัญญาแน่ ดังนั้นก่อนที่อาการจะกำเริ่มจนเขาทนไม่ไหวหากจะหนีก็ต้องรีบไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ไม่อาจมัวแต่เสียเวลาได้อีก

            ในเมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว พวกนางก็เตรียมตัวจะออกเดินทางกันทันที เสียงโห่ร้องที่ดังมาจากด้านหน้าทำให้พวกเขารีบกระตุกส่ายบังคับม้าให้ออกวิ่งทันที 

             เสี่ยวชิงคือผู้ที่ควบม้าออกมาเป็นคนสุดท้าย เพราะต้องเป็นผู้จุดไฟเผาโรงเตี้ยมแห้งนี้ซะก่อน 

            ทันทีที่คบเพลิงในมือชายหนุ่มถูกโยนเข้าไปยังกองฟางที่กองสุมกันอยู่ชิดกับตัวโรงเตี้ยม ไฟก็รุกไหม้กองฟางทันที 

             แน่นอนว่าคนที่สั่งให้เขาเผาโรงเตี้ยมแห่งนี้ไปซะหาใช่ใครอื่น แต่เป็นคุณหนูหลิวซือนัว คุณหนูของเขานั่นเอง 

              คุณหนูสั่งให้เขาเผาโรงเตี้ยมนี้ซะภายหน้าจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้กับผู้โชคร้ายคนอื่นอีก ส่วนสองตายาคุณหนูก็สั่งให้เขากับกู่หรูพาไปมัดไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ห่างจากโรงเตี้ยมพอสมควร ไกลพอที่ไฟจะไม่ลามไปถึงพวกเขาทั้งสองได้  

              อีกทั้งเผาโรงเตี้ยมก็จะทำให้เกิดควันจากการเผาไหม้จำนวนมาก แน่นอนว่ามันน่าจะมากพอให้ที่นี่กลายเป็นจุดสังเกต และเมื่อเป็นจุดสังเกตก็จะดึงดูดคนของทางการให้เข้ามาตรวจสอบดู ที่นี้คนของทางการก็อาจจะได้พบกับเสี่ยวหนิงเร็วขึ้นอีก เมื่อรับรู้สถานการณ์ของพวกนางจากเสี่ยวหนิงแล้วก็คงจะรีบรุดตามมาให้ความช่วยเหลือพวกเราแน่

                จู่ ๆ ไฟก็ไหม้โรงเตี้ยม แน่นอนว่าพวกโจรที่แห่กันเข้ามาต่างก็พากันตื่นตระหนก พวกมันพากันวิ่งออกห่างจากมาจากตัวโรงเตี้ยมทันที

                ลู่ข่ง

บุรุษร่างยักษ์ เจ้าของแผลเป็นยาวบนใบหน้า ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าโจรมองตามหลังกลุ่มคนที่ขี่ม้าออกไปอย่างโกรธแค้น ที่แผนการปล้นของตนถูกทำลายจนไม่เหลือท่า 

              "ไป ตามพวกมันไป ตามไปฆ่าพวกมันให้หมด!!!" โจรเหี้ยมตะโกนสั่งลูกน้องตน ด้วยความโกรธเกรี้ยว 

              ทันทีที่เสียงตะโกนดังออกมา ลูกสมุนโจรเดนตายก็กระโจนพุ่งตัวตามไปยังทางที่หัวหน้าตนบอกทันที พวกมันนับสิบตามไปอย่างไม่คิดชีวิต ฝีเท้าแต่ละคนว่องไวกว่าคนทั่วไปนัก พวกมันแทบไม่ต่างกับนักฆ่ามืออาชีพเลยด้วยซ้ำ หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือพวกมันนี่แหละคือ นักฆ่า มืออาชีพที่แท้จริง

             เสียงโห่ร้องรวมไปถึงเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาทำให้พวกหลิวซือนัวยิ่งมุ่งไปข้างหน้า 

             โชคดีที่พวกโจรยังตามพวกนางมาได้ไม่ประชิดตัว อีกอย่างพวกมันต่างก็ใช้แรงเท้าวิ่ง อย่างไรก็สู้ฝีเท้าม้าไม่ได้ ตามมาสักพักก็คงหมดแรงเลิกวิ่งตามกันไปเอง

              คิดไปถึงเช่นนั้นพวกนางก็เริ่มที่จะเบาใจได้บ้างแล้ว แต่แล้วความคิดที่วาดฝันเอาไว้ก็ถูกทำลายลงเมื่อจู่ ๆ พวกที่วิ่งตามในตอนแรกก็ถูกแทนที่ด้วยพวกมันที่ขี่ม้าแทน จากที่หันไปมองเห็นด้วยสายตา พวกที่ขี่ม้าตามมามีไม่ต่ำกว่าห้าคน

             "พวกมันมีกำลังม้า ตามมาจะทันแล้ว" เสี่ยวชิงเอ่ยขึ้น 

              "ตามมาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ อย่างไรก็ยากที่จะไม่ต้องสู้แล้ว" กู่หรูซึ่งขี่ม้าขนาบข้างอยู่ด้านหลังของผู้เป็นนายเช่นเดียวกันกับเสี่ยวชิงเอ่ยต่อ

               ในเมื่อสุดท้ายแล้วการสู้และต้านกำลังของพวกโจรเอาไว้ดูจะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เจ้านายทั้งสองรอดไปได้ พวกเขาซึ่งเป็นผู้ติดตามอารักษ์ขาเจ้านายทั้งสองรู้ดีว่าควรทำเช่นไร 

              กู่หรูและเสี่ยวชิง ควบคุมม้าให้หยุดวิ่งและหันไปเผชิญหน้ากับพวกโจรทันที พวกเขาทั้งสองทำตัวเป็นปราการด่านสุดท้ายเพื่อปกป้องนายด้วยชีวิต 

             หลิวซือนัวหันย้อนกลับไปมอง กู่หรู และเสี่ยวชิง เมื่อเห็นว่าเสียงฝีเท้าม้าของทั้งคู่หายไป 

             นางกลับเห็นคนทั้งคู่บังคับม้ากลับไป รอเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างอาจหาญ จังหวะหนึ่งที่นางเห็นเสี่ยวชิงและกู่หรูหันมายิ้มให้พวกนางก่อนจะหันหน้าไปยังทางที่พวกโจรกำลังใกล้เข้ามา

              ก่อนจะหันกลับไป พวกเขายังเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาได้อย่างพร้อมเพียงกัน ประโยคนั้นทำเอาหลิวซือนัวที่ได้ยินใจรู้สึกหายขึ้นมาในทันที

             "คุณหนู ท่านรีบหนีไปเถอะ / คุณชาย ท่านรีบหนีไปเถอะ"

              แม้แทบจะไม่อาจควบม้าต่อไปได้ แต่หลิวซือนัวกับต้องพยายามควบคุมม้าให้วิ่งต่อไปให้เร็วที่สุด โดยได้แต่หวังว่า ยิ่งนางสามารถหนีไปได้ไกลมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งจะทำให้เสี่ยวชิงและกู่หรูสามารถหาจังหวะหนีไปได้เร็วขึ้นมากเท่านั้น 

             นางหวังว่าพวกเขาทั้งสองคนจะรอดปลอดภัย และพวกเราจะได้กลับมาเจอกันอีก...

            ผู้เป็นนายของพวกเขาไปแล้ว เสี่ยวชิงจึงหันไปชวนสตรีหาญที่ขนาบอยู่บนม้าข้าง ๆ สนทนาบ้าง

              "เจ้าเคยฆ่าคนไหม" นี่คือคำถามที่เขาเอ่ยถามสตรีหาญ

             "ย่อมต้องเคยฆ่า" นี่คือคำตอบที่นางให้เขา พร้อมกับการกระชับกระบี่ในมือตน

              "ไม่กลัวที่จะต้องฆ่าเช่นนั้นหรือ" เขาถามนางอีกครั้ง "เหตุใดเจ้าจึงต้องฆ่า"

             "เหตุผลเดียวกันกับเจ้า ก็เพราะต้องฆ่า จึงฆ่า" เอ่ยจบเจ้าของร่างบางก็ชักกระบี่คู่กายของตนออกมา ก่อนที่ผู้ติดตามผู้ซื่อสัตย์ทั้งสองจะควบม้าเข้าไปปะทะกับพวกโจรชั่วในทันที 

              นัยน์ตาของคนกล้าทั้งคู่ไม่แม้จะปรากฏความกลัวอยู่ในนั้นแม้สักน้อยนิด เพราะพวกเขารู้ดีว่าที่หันดาบหันกระบี่พร้อมที่จะใช้มันปลดชีพชีวิตให้สิ้นนั้นเพราะเหตุใดกันแน่ 

             พวกเขาต่างทำเพราะปกป้องคนที่พวกเขาควรปกป้องอย่างสุดกำลัง เพราะฉะนั้นทั้งดาบและกระบี่ของทั้งคู่จึงฟาดฟันออกไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ

            จวบจนกระทั่งคนทั้งคู่หมดแรงที่จะถือดาบและกระบี่เอาไว้ได้อีกต่อไป ทว่าพวกเขาก็เลือกที่จะใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีกุมด้ามดาบและกระบี่คู่กายของตนเอาไว้แน่

          หน้าที่ของผู้ติดตามและอารักษ์ขา คือต่อสู้จนสุดตัวเพื่อผู้เป็นนายและมอบให้ได้แม้กระทั่งชีวิตที่จงรักภักดี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    รวมตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษ 1แม่สามีของข้านั้นดียิ่งนักเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่นางแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ใหญ่สกุลอวี้ อวี้หนานไห่มีน้องสาวอยู่หนึ่งคนชื่ออวี้จินเชียง จากที่อวี้หนานไห่เล่าให้ฟังก็คือ อวี้จินเชียงนั้นอยู่ที่บ้านเดิมกับท่านยายของพวกเขาตั้งแต่ยังเยาว์เพราะมีร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง อีกไม่นานอวี้หนานไห่ก็จะพานางไปเยี่ยมท่านตาท่านยายและน้องสาวของเขาเพราะว่าฮูหยินอวี้ไม่ใช่สิ เวลานี้นางควรจะเรียกว่าท่านแม่สามีถึงจะถูก เอ็นดูนางเป็นพิเศษดูแลต้อนรับนางเข้ามาเป็นอีกส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างอบอุ่น เหมือนกับว่านางเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ไม่ใช่เป็นเพียงลูกสะใภ้ ซ้ำยังชอบให้ท้ายนางอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะยกเลิกไม่ต้องให้นางมาคารวะทุกเช้า ให้เปลี่ยนมาเป็นมาทานมือเช้าเป็นเพื่อนนางบ้างก็พอ ยิ่งเป็นเรื่องข้าวของเครื่องประดับหรืออาภรณ์ แน่นอนว่าอาภรณ์ใหม่ ๆ ของนางไม่มีวันขาดแคลนเพราะว่านางเป็นบุตรสาวจากสกุลที่เปิดร้านอาภรณ์ แต่ยิ่งนางมีเสื้อผ้ามากมายเท่าไหร่ ท่านแม่สามีก็ยิ่งจะยื่นเครื่องประดับจำนวนมากมาให้นาง ทั้งของที่ประมูลมา ของที่หาซื้อได้ตามร้านหรือว่าเครื่องประดับที่ต้องสั่งทำจนยามนี่นางมีเครื่องประดั

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 45 คำนับฟ้าดิน (จบ)

    ตอนที่ 45คำนับฟ้าดิน"หนึ่ง คำนับฟ้าดิน""สอง คำนับบิดามารดา""สาม สามีภรรยาคำนับกันและกัน"หลังจากเสร็จพิธีแล้วเจ้าสาวก็ถูกส่งตัวเข้าหอ ด้านเจ้าบ่าวก็ถูกรั้งตัวเอาไว้ในงานเลี้ยงมงคล เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานดื่มอวยพร เป็นธรรมเนียมปกติที่ในงานมงคลเช่นนี้เจ้าบ่าวจะต้องถูกมอมเหล้าจากแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายรวมไปถึงญาติมิตรต่าง ๆ ที่มาร่วมงานอวี้หนานไห่ไม่ยอมให้ตนต้องตกเป็นเป้าให้ผู้อื่นมอมเหล้านานเกินไป เข้าทักทายแขกที่มาร่วมงานอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามก็แอบปลีกตัวออกมาแล้วคืนเข้าหอเวลามีค่าแค่ไหน ไม่ต้องให้ผู้ใดต้องมาบอกเขาก็รู้ดี ทันทีที่เข้าได้ก้าวเข้ามาในเรือนหอของตน บนเตียงก็พบกับภรรยา ใช่แล้วหลิวซือนัวภรรยาของเขา และนางจะเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์หลังจากคืนนี้ไป"อวี้หนานไห่เป็นเจ้าหรือ" เจ้าสาวของเขาซึ่งนั่งคลุมหน้าตัวตรงอยู่บนเตียงเอ่ยถามขึ้น"เป็นข้าเองภรรยารัก เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว" เขาเอ่ยก่อนจะก้าวเข้าไปหานาง และใช้ไม้ตวัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสดออกจากศีรษะของนางยามเมื่อผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกเปิดออกแล้ว ความงดงามที่แสนตราตรึงในใจเขาก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าของนางในเวลานี้ค่อน

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 44 ความจริงใจของข้า

    ตอนที่ 44ความจริงใจของข้า"ดู ๆ ข้าก็คิดอยู่ว่าคุณหนูหลิวเหมือนใคร นางเหมือนฮูหยินหลิวนี่เอง ไม่ไหวหน้าผู้อื่นเช่นนี้ไม่มีผิด""ข้าน่ะหรือไม่ไว้หน้า พวกเจ้าต่างหากที่ไม่ไว้หน้ากันก่อน" ฮูหยินหลิวตอกกลับทันที แม่สื่อพวกนี้นางทนพูดดีด้วยอีกไม่ได้แล้ว"ฮูหยิน ท่านใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ" สาวใช้คนสนิทของฮูหยินหลิวรีบเข้ามาห้ามผู้เป็นนายตน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะย่ำแย่ลงไปทุกทีแล้ว"จะให้ข้าใจเย็นได้อย่าง...." ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยจบประโยค ผู้เฝ้าประตูคนหนึ่งก็รีบร้อนวิ่งเข้าเหมือนมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างเสียก่อน"ฮูหยิน ฮูหยินขอรับ""มีอะไร เกิดอะไรขึ้น ถึงได้รีบร้อนขนาดนี้" นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเรื่องตรงหน้ายังไม่ทันได้สะสางก็ดูท่าว่าจะมีเรื่องใหม่เข้ามาแทรกเสียแล้ว"มีขบวน มีขบวน...ใหญ่ ขบวนใหญ่" อาจจะเป็นเพราะวิ่งมาด้วยความเร็ว ซ้ำยังตื่นเต้นจึงทำให้บ่าวชายผู้นี้พูดออกมาไม่รู้ความจนฮูหยินหลิวต้องเอ่ยถามซ้ำหลายรอบ"ขบวน ขบวนอะไร ขบวนอะไรใหญ่กันแน่""เหมือนว่าจะเป็นขบวนสินสอดสินะ" แม่สื่อคนที่หนึ่งผู้ขึ้น บ่าวชายที่มาแจ้งข่าวก็พยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าใช่"คงเป็

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 43 สู่ขอ

    ตอนที่ 43สู่ขออาจจะเป็นเพราะเดินทางไกลมาหลายวัน และก็ไม่ได้นอนพักดี ๆ มาตลอดทาง วันนี้หลิวซือนัวเลยตื่นสายกว่าปกติถึงหนึ่งชั่วยามด้วยกัน กว่าที่จะแต่งตัวหวีผมเสร็จก็กินเวลาช่วงเช้าไปไม่น้อยแล้ว"คุณหนูเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่ให้บ่าวมาแจ้งท่านว่า หากคุณหนูแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วให้คุณหนูไปพบฮูหยินใหญ่ที่โถงรับรองด้วยเจ้าค่ะ""ได้ข้าทราบแล้ว เจ้ากลับไปแจ้งท่านแม่นะว่าประเดี๋ยวข้าแต่งตัวเสร็จแล้วจะรีบเข้าไปหาท่าน""เจ้าค่ะคุณหนู"สาวใช้ที่ท่านแม่ให้มาแจ้งข่าวนางจากกลับไปแล้ว เวลานี้จึงเหลือเพียงแค่นาง เสี่ยวหนิง และสาวใช้ในเรือนอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังช่วยพวกนางเลือกเครื่องประดับที่จะใส่ในวันนี้อยู่"เสี่ยวหนิง เจ้าว่าเหตุใดท่านแม่ถึงได้ให้คนมาตามข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ จะมีแขกสำคัญมาหรือไงนะ""บ่าวคิดว่าไม่น่าจะมีแขกนะเจ้าค่ะ ตั้งแต่เช้าไม่เห็นว่าในโรงครัวคึกคักเลย" ผู้เป็นสาวใช้เอ่ยออกมาตามที่นางคิด เพราะถ้าหากในจวนมีแขกสำคัญ ปกติแล้วในครัวก็มักจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะต้องมีการเตรียมอาหารเอาไว้รับรองแขก"เช่นนั้นแล้วท่านแม่จะเรียกให้ข้าไปพบที่ห้องโถงทำไมกัน" หลิวซือนัวเอ่ยขึ้นอย่างข้องใจคงมีแต่รีบ

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 42 จาก

    ตอนที่ 42จากอีกเพียงวันเท่านั้นนางก็จะต้องเดินทางกลับเมืองเป่ยโจวแล้ว ตามกำหนดการเดินทางกลับที่ท่านแม่ของนางได้กำหนดเอาไว้ พี่ใหญ่ของนางหลิงเค่อกับพี่สะใภ้ฉือหนานเองก็จะเดินทางไปส่งนางกลับจวนและถือโอกาสให้พี่ฉือหนานได้กลับไปเยี่ยมบ้านเดิมด้วย หลังจากวันนั้นที่อวี้หนานไห่และนางได้เปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง ความสัมพันธ์ของพวกนางก็มีสถานะเป็นคนรักของกันและกันอย่างเปิดเผย แต่เปิดเผยที่ว่านี้ก็จะมีแค่คนในครอบครัวของพวกนางเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนนอกนางและอวี้หนานไห่ก็ไม่ได้สนใจว่าคนเหล่านั้นจะคิดจะพูดถึงพวกนางอย่างไรมีบางครั้งที่นางและอวี้หนานไห่ออกไปเดินเล่นที่ตลาดด้วยกันบ้างก็ไปรับประทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารต่าง ๆ ในเมือง หลายครั้งก็มีข่าวลือตามมาบ้างทว่าส่วนใหญ่จะลือไปทางที่พวกนางเป็นสหายกันเสียมากกว่า ไม่มีการลือหรือการพูดไปถึงเรื่องเชิงชู้สาวใด ๆ ทั้งสิ้นแน่นอนว่าเรื่องลือเช่นนี้ไม่ถือเป็นผลเสียกับนาง หนำซ้ำยังถือว่าเป็นผลดีต่อร้านสกุลอาภรณ์สกุลหลิวไม่น้อยเช่นกัน เพราะผู้ใดที่อยากสนิทสนมกับหมู่ตึกอวี้ฟางก็จะต้องเข้าหาร้านอาภรณ์สกุลหลิวซึ่งลือกันว่าเป็นสหายกับหมู่ตึกอวี้ฟางเพื่อทำต

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 41 รัก

    ตอนที่ 41รัก"ที่ห้องโถงใหญ่เอะอะอะไรกัน เหตุใดถึงได้เสียงดังมาถึงนี่ เจ้าไปดูหน่อยเถอะ" ฉือหนานเอ่ยขึ้น ก่อนจะสั่งให้สาวใช้คนสนิทของนางออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นในวันมงคลเช่นนี้นอกจากฉือหนานแล้วในห้องรับรองขนาดเล็กซึ่งอยู่ติดกับห้องโถงใหญ่ก็มีหลิวซือนัวน้องสามีของนาง และก็ฉือฮั่วลูกพี่ลูกน้องของนางที่มาเยี่ยมนางจากบ้านเกิดเมื่อสองวันก่อนใครจะคิดเล่าว่าการมาที่นี่ของฉือฮั่วซึ่งอ่อนวัยกว่านางเกือบสี่ปีจะทำให้นางได้เจอกับรักแรกพบที่นี่ หนำซ้ำยังถูกสู่ขออย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า นางและผู้เป็นสามีที่ถือเป็นญาติสนิทจึงต้องรับหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ของฉือฮั่วแทนบิดามารดาของนางที่ไว้ใจฝากฝังบุตรสาวเอาไว้ด้วยเพราะเชื่อมั่นและไว้ใจนางกับสามีด้วยเพราะว่าทั้งฝ่ายสู่ขอและฝ่ายถูกสู่ขอต่างก็มีใจต่อกัน การตัดสินใจจริงเป็นไปอย่างดี ทุกฝ่ายตกลงปลงใจที่จะปลูกเรือนร่วมกันวันนี้แค่แลกหนังสือสินสอดเสร็จสิ้นก็หาวันดีจัดงานแต่งได้เลย ด้านหลิวซือนัวยามนี้นางกำลังวุ่นวายอยู่กับการเลือกผ้าไหมสีแดงเพื่อตัดชุดแต่งงานให้กับฉือฮั่ว สำหรับฉือฮั่วนั้นนางก็เห็นเป็นสหายมาเนิ่นนาน ซ้ำเมื่อพี่ฉือหนานแต่งเข้ามาจวนสกุลหลิวแล้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status