/ รักโบราณ / ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง / ตอนที่ 6 โรงเตี้ยมกลางป่า

공유

ตอนที่ 6 โรงเตี้ยมกลางป่า

last update 최신 업데이트: 2024-12-13 20:29:30

ตอนที่ 6

โรงเตี้ยมกลางป่า

            "บ่าวทำตามที่คุณชายสั่งเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ" กู่หรูรายงานผู้เป็นนายของนาง "คุณหนูหลิวยังฝากบ่าวมาบอกท่านอีกว่า ระหว่างท่านกับนางไม่ได้มีผู้ใดติดค้างหรือต้องตอบแทนบุญคุณใด ๆ ต่อกันอีกเจ้าค่ะ"

              กู่หรูเมื่อรายงานเรื่องทั้งหมดแล้ว ครั้นเมื่อเห็นคุณชายของนางยังคงนิ่งเงียบอยู่ก็รู้ทันทีว่าตนควรออกไปได้แล้ว นางจึงโค้งนำนับครั้งหนึ่งก่อนจะออกจากห้องพักของผู้เป็นนายไป ปล่อยให้กู่เหอพี่ชายนางอยู่ค่อยรับใช้คุณชายต่อเพียงผู้เดียว

             เหตุที่อวี้หนานไห่นิ่งเงียบเช่นนี้เพราะเขากำลังใช้ความคิดอยู่ เขารู้ดีว่าคุณหนูหลิวที่กู่หรูเอ่ยถึงเมื่อครู่นางเข้าใจดีว่าเขาต้องการสิ่งใดจึงให้คนนำชาชั้นดีไปให้นาง 

             ตั้งแต่ที่วัดร้าง เขาเองด้วยความที่ระวังตัวมาก จึงได้ให้กู่เหอนำชาสมุนไพรชั้นดีไปให้อีกขบวนหนึ่งเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกเขาเข้าใจในสถานการณ์ของเขาและยอมที่จะทนหนาว 

              ทุกคนในขบวนของคุณหนูหลิวไม่มีใครใส่ใจหรือตกใจกับชาชั้นดีเช่นนี้ แสดงว่าพวกเขาต่างก็ถูกฝึกมาอย่างดี คุณหนูหลิวผู้นี้ก็ไม่ใช่สายของโจรป่าที่กำลังระบาดหนักอยู่ในละแวกนี้อย่างแน่นอน กลุ่มของนางเป็นเพียงผู้ที่เดินทางผ่านมาเช่นเดียวกันกับกลุ่มของเขา

              ทว่าสิ่งหนึ่งที่เขาได้รู้เพิ่มเติมมาอีกในคืนนั้นก็คือ คุณหนูหลิวผู้นี้ไม่ได้โง่ นางเองก็ไม่ได้เชื่อใจพวกตนตั้งแต่แรกเช่นกัน ครั้งเมื่อสาวใช้ของนางเดินออกไปต้มชา สตรีผู้นี้ก็แกล้งเอ่ยขึ้นกับผู้ติดตามของนางที่คอยดูแลความปลอดภัยอยู่ไม่ไกล

              “ขบวนเดินทางของเราล่าช้าแล้ว หวังว่ารองมือปราบเหลียงคงจะไม่โมโหใช่หรือไม่ หากพวกเราจะไปถึงที่นัดหมายช้าไปสักหน่อย

              เขาจำได้ดีว่าประโยคนี้ที่นางเอ่ยขึ้นมานั้นดังและชัดถ้อยชัดคำกว่าทุกครั้ง นางจงใจเอ่ยเสียงดังฟังชัดให้พวกเขาได้ยินว่ามีผู้ใดกำลังรอพวกนางอยู่ 

             สตรีผู้นี้กำลังใช้ชื่อรองมือปราบเหลียงที่มีชื่อเสียงด้านการปราบโจรชนิดถอนรากถอนโคลนขึ้นมาคุ้มครองตน โดยไม่รู้เลยว่ารองมือปราบเหลียงที่ว่าก็เพิ่งจะโดนพวกโจรสังหารไปเมื่อสองวันก่อน หากว่าวันนี้กลุ่มของพวกนางเจอเข้ากลับพวกโจรจริง ๆ ก็คงไม่สามารถอ้างชื่อรองมือปราบได้อีก และคงจะมีจุดจบที่น่าอนาถไปแล้ว

             "คุณชาย ท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือขอรับ ข้าน้อยถามท่านเรื่องมื้อเย็นอยู่นานแล้ว" กู่เหอเอ่ยถามขึ้น

            "ข้ายังไม่อยากอาหาร เรื่องมื้อเย็นเอาไว้ก่อนเถอะข้าอยากจะนอนพักสักหน่อย"

             "คุณชาย ข้าน้อยว่าท่านควรจะทานอาหารสักหน่อยก่อนนะขอรับ ยามนี้คุณชายซูบผอมลงไปมากทีเดียว" 

             "เจ้าก็รู้ดีว่าต่อให้ข้ากินอาหารเข้าไปก็ใช่ว่าจะช่วยอะไรได้" เจ้าของน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงเอ่ยขึ้น ก่อนจะขยับตัวลงนอนบนเตียง

              ต่อให้เขากินเท่าไหร่ก็ต้องอ้วกออกมาเท่าที่กินไปเท่านั้น สู้เขาไม่กินเลยจะดีกว่า อย่างน้อย ๆ ก็ถือว่าไม่ต้องทรมานตัวเอง

              "เช่นนั้นคุณชายพักผ่อนเถอะขอรับ ข้าน้อยจะลงไปสั่งให้คนต้มโจ๊กเตรียมเอาไว้ เผื่อคุณชายตื่นมาแล้วรู้สึกหิว" กู่เหอเอ่ยขึ้น ก่อนจะถอยออกจากห้องของคุณชายตนไปอย่างแผ่วเบา

                เขารู้ดีว่าเหตุใดคุณชายถึงคิดเช่นนี้ และก็รู้ดีว่าคุณชายผู้เคยหล่อเหลาสง่างามเกินใคร เหตุใดยามนี้ถึงได้ไม่หลงเหลือเค้าความสง่างามเช่นกาลก่อน ซึ่งสาเหตุนั้นก็ไม่ได้น่าจดจำแม้สักนิด...

               หลิวซือนัวหลังจากที่นางพักผ่อนเสร็จ จึงได้พาเสี่ยวหนิงลงมาหามื้อเย็นรับประทาน ทีแรกเสี่ยวหนิงจะให้นางทานบนห้อง ทว่าหลิวซือนัวอยากจะลงมาทานที่ด้านล่างมากกว่า พวกนางนายบ่าวจึงได้พากันลงมาจากห้องพักในที่สุด

               เมื่อพวกนางเดินลงมาก็พบกันผู้ติดตามของนางทั้งสี่คนนอนหมดสติอยู่ที่พื้นบ้างไม่ก็สลบอยู่บนโต๊ะอาหาร

              นางและสาวใช้คนสนิทรีบเข้าไปเขย่าเรียกคนของพวกนางทันที แต่ไม่ว่าจะเรียกจะเขย่าตัวแรงเพียงใดพวกเขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะได้สติขึ้นมาเลย

              "คุณหนู ท่าจะไม่ดีแล้วเจ้าค่ะ" เสี่ยวหนิงเอ่ยขึ้นกับคุณหนูของนาง ใบหน้าของสาวใช้ผู้ภักดีในยามนี้เต็มไปด้วยความกังวล

               "พวกเขาจะต้องโดนวางยาแน่ ๆ โรงเตี้ยมนี่ต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล" 

                "เช่นนั้นเราควรจะทำอย่างไรดีเจ้าคะคุณหนู" 

                "ที่นี่ไม่มีพี่ชายเจ้า ไม่แน่เสี่ยวชิงอาจจะไหวตัวทัน กู่เหอกับกู่หรูคนของคุณชายอวี้ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเราแยกกันไปหาพวกเขาก่อน หากไม่เจอใครให้รีบมาสมทบกับข้าที่หลังโรงเตี้ยม ข้าจะขึ้นไปดูที่ชั้นบน ส่วนเจ้าก็เดินดูที่ห้องชั้นล่างนี่ให้ทั่ว" เสียงหวานเอ่ยสั่งการสาวใช้ตน 

                "แยกกันไปเช่นนี้ จะดีหรือเจ้าคะ บ่าวเป็นห่วงคุณหนูยิ่งนัก"

                "ต้องแยกกัน จะได้ประหยัดเวลาค้นหาคน เสี่ยวหนิงเชื่อข้า พวกเราจะไม่เป็นอะไร"

                 หลังจากที่แยกจากเสี่ยวหนิง หลิวซือนัวก็ขึ้นมาที่ชั้นสองของโรงเตี้ยม โดยทางที่นางตรงไปก็คือห้องพักคนละฝั่งกันกับห้องพักของนางซึ่งจะเป็นห้องพักของคุณชายอวี้ผู้นั้น

                เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องพัก นางก็ไม่รั้งรออีกทั้งไม่ได้เคาะเรียกคนในห้องแต่อย่างไร หลิวซือนัวผลักบานประตูห้องพักเพื่อเข้าไปยังด้านในทันที อีกทั้งไม่ลืมที่จะปิดประตูเอาไว้ดังเดิมด้วย

               "คุณชายอวี้ คุณชายอวี้" นางเอ่ยเรียกบุรุษตาบอดซึ่งยามนี้กำลังนอนอยู่บนเตียง เพียงแค่เอ่ยเรียกขึ้นสองครั้งเท่านั้น เจ้าของร่างซูบซีดก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างรวดเร็วทันที

                "คุณหนูหลิวใช่หรือไม่ เหตุใดถึงได้เข้ามาในห้องของข้า" อวี้หนานไห่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ใคร่จะพอใจนัก เมื่อยามนี้ตนถูกสตรีผู้หนึ่งรุกรานพื้นที่ส่วนตัว ในหัวก็นึกไปถึงผู้ติดตามคนสนิทสองคนพี่น้อง ที่หายไปไหนก็ไม่ทราบ ถึงได้ปล่อยให้ตนถูกรบกวนเช่นนี้ได้

                 "ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว...." หลิวซือนัวไม่รอช้า นางรีบเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้เห็นที่ชั้นล่างของโรงเตี้ยมอีกทั้งยังพูดไปถึงสิ่งที่นางคิดว่าอาจจะกำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้อีกด้วย

               "พวกเราน่าจะติดกับพวกโจรป่าแถวนี้เข้าให้แล้ว" เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยราวกับว่าไม่มีเรื่องใดร้ายแรงหรือน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น

               หลิวซือนัวเห็นท่าทีนิ่งเฉยของเขาก็อดจะไม่เข้าใจไม่ได้ หรือเป็นเพราะว่าชายผู้นี้มองไม่เห็น ความตื่นกลัวที่ควรจะมีจึงไม่มากเช่นนางที่มองเห็นอย่างนั้นหรือ

               "เหตุใดท่านจึงดูไม่หวาดกลัวเลยเล่า"

               "ตัวข้าเป็นบุรุษ ยิ่งตอนนี้อยู่ในสภาพเช่นนี้ด้วยแล้ว หากพวกโจรมาเจอเข้าก็คงสังหารข้าทิ้งในทันทีอยู่แล้ว ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องตายแล้วจะหวาดกลัวไปไย" 

               บุรุษที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากคนตายไปแล้วเช่นเขายังจะต้องกลัวความตายไปทำไมกัน บางทีความตายก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาก็ได้ 

              ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าชายตาบอดผู้นี้ที่แท้ก็มาถึงจุดที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว

              "ยังพอมีเวลาที่จะหนีไปจากที่นี่ได้..." หลิวซือนัวไม่สนใจเจ้าของร่างซูบซีดว่าเขาจะคิดเช่นไร นางเอ่ยขึ้นเพื่อจะบอกแผนการของตนแก่เขา ทว่ายังไม่ทันเอ่ยจบอีกฝ่ายก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน

             "ในเมื่อยังพอมีโอกาสรอด คุณหนูหลิวก็รีบหนีไปเถอะ ข้าอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว ขอให้เจ้าปลอดภัยก็แล้วกัน" 

             น้ำเสียงไม่อาวรณ์ใด ๆ เอ่ยขึ้น ก่อนที่เจ้าของร่างซูบซีดจะทำท่าจะนอนลงเช่นเดิมทำเอาหลิวซือนัวที่เห็นเช่นนั้นอารมณ์เดือดขึ้นมาทันที

             "ท่านไม่รักชีวิตแล้ว ไม่รักตัวกลัวตายก็เรื่องของท่าน แต่ตัวข้าอุตส่าห์มีใจจะช่วยเหลือท่านเช่นนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ท่านยังจะมีหน้ามาปฏิเสธได้" เจ้าของเสียงหวานโพล่งออกมาอย่างเหลืออด 

              "ในเมื่อท่านไม่ต้องการชีวิตตนแล้ว เช่นนั้นต่อจากนี้ข้าก็จะเป็นเจ้าของชีวิตของท่านเองก็แล้วกัน!!!"

              "ลุก ลุกขึ้นมาแล้วไปกับข้าเดี๋ยวนี้!!!" นางไม่สนอะไรอีกแล้ว เจ้าคนตาบอดผู้นี้ถึงไม่รักชีวิตแล้วก็เถอะ แต่จะให้นางปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่สามารถช่วยได้กลับไม่ช่วยเช่นนั้นหรือ 

             "ข้าไม่ไป เจ้าไปเถอะ"

            "ชีวิตที่ท่านเลือกจะทิ้งมัน ข้าเก็บมันมาแล้ว ต่อจากนี้ข้าไม่ให้ท่านตาย ท่านก็ต้องไม่ตาย ลุกขึ้น ไปกับข้า!!!"

              ผู้อื่นทำได้หรือไม่นางไม่รู้และไม่คิดที่จะสนใจอยากรู้ด้วย นางรู้แค่ว่านางทำไม่ได้ที่จะต้องเห็นคนตายแล้วไม่ช่วย

              สุดท้ายนางจึงดึงเจ้าบุรุษตาบอด เจ้าโครงกระดูกผู้ไม่อยากมีชีวิตอยู่นี้ขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ก่อนจะพากันประคองลงมาจากด้านบน จุดหมายคือไปรวมตัวกับเสี่ยวหนิงที่ไม่รู้ว่ายามนี้จะพบเจอผู้ใดเพิ่มอีกหรือไม่

              ด้านเสี่ยวหนิง หลังจากที่นางเดินสำรวจจนมาถึงส่วนที่เป็นห้องครัวก็ได้ยินเสียงคนผู้หนึ่งดังขึ้น เสียงนี้คล้ายกับเสี่ยวชิงพี่ชายของนางยิ่งนัก เสี่ยวหนิงจึงรีบเข้าไปด้านในห้องครัวทันที

             "พี่เสี่ยวชิง แม่นางกู่หรู เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่" 

              นางเอ่ยถามขึ้นทันที ยามนี้ภายในห้องครัวมี สองสามีภรรยาวัยชราซึ่งนางจำได้ดีว่าคนทั้งคู่คือเจ้าของโรงเตี้ยมแห่งนี้ คนทั้งคู่นั่งคุกเข่าลงกับพื้นโดยมีพี่ชายของนางถือกระบี่พาดอยู่ที่คอของผู้เป็นสามีของหญิงชรา

             "คนของเราถูกวางยาสลบ สองคนนี้น่าจะเป็นสายของพวกโจร"

             "โชคดีที่ ข้า พี่กู่เหอและพวกท่านยังไม่ได้ทานอาหารที่สองคนนี้ทำ ไม่เช่นนั้นยามนี้พวกมันก็คงจะเรียกพวกโจรมาปล้นฆ่าพวกเราแล้ว" กู่เหอเอ่ยต่อ 

              "พวกเราเห็นว่าพวกเจ้าสองคนชราแล้ว จึงไม่นึกระแวงสงสัยเหตุใดพวกเจ้าจึงต้องวางแผนร้ายเช่นนี้ด้วย" เสี่ยวหนิงเอ่ยถามขึ้นอย่างโมโห 

              "พวกข้าสองสามีภรรยาไฉนเลยอยากจะทำเรื่องเช่นนี้ หากไม่ทำก็ต้องถูกโจรชั่วพวกนั้นฆ่าตาย เราสองตายายใช่ว่าจะเสียดายชีวิตตน แต่เป็นห่วงชีวิตหลานชายที่ยังเล็กนักที่ถูกพวกชั่วนั่นจับไปเป็นตัวประกันให้พวกเรายอมทำตามคำสั่ง" หญิงชราเอ่ยทั้งน้ำตา

              "ชีวิตหลานชายเจ้ามีค่า แล้วสิบชีวิตของพวกเราล่ะ ไร้ค่าเช่นนั้นหรือ" เสี่ยวหนิงตอกกลับไปในทันที

               สองสามีภรรยาวัยชราไม่ได้ตอบอะไรกลับมา พวกเขาเพียงร้องไห้ออกมาอย่างสำนึกผิดเท่านั้น 

               "ไม่ใช่ข้าไม่เข้าใจความจำใจของพวกเจ้าสองคน เพียงแต่เจ้ารักหลานชายเจ้า พวกเราเองก็รักชีวิตตัวเองเช่นกัน ทีนี้พวกเจ้าก็ช่วยตอบมาว่าพวกโจรจะมาเมื่อไหร่ แล้วพวกเจ้าใช้สิ่งใดส่งสัญญาณให้พวกโจรเพื่อเรียกให้พวกมันบุกมา" 

              เจ้าของดาบยาวที่พาดอยู่ที่บ่าของชายชราไม่รอช้า เขาไม่สนใจว่ายามนี้คนทั้งคู่จะร้องไห้เสียใจเพียงใด เพราะหากมีความสงสารเห็นใจให้เกรงว่าชีวิตของพวกเขาเองก็คงยากจะรักษาเอาไว้ได้

              "พวกโจรสั่งให้เราวางยาสลบลงในอาหารของพวกท่าน เมื่อจัดการทุกคนได้หมดแล้วก็ให้จุดไฟด้านหน้าโรงเตี้ยม เมื่อพวกมันเห็นควันไฟก็จะบุกเข้ามา" หญิงชราเอ่ยตอบ 

              "เท่าที่ข้าเห็นพวกเจ้ายังไม่ทันได้จุดไฟที่หน้าโรงเตี้ยมใช่ไหม" เสี่ยวหนิงเอ่ยขึ้น เมื่อครู่ยามที่นางออกไปดูด้านหน้าโรงเตี้ยมก็ไม่เห็นว่ามีกองไฟถูกจุดเอาไว้

               "หากไม่ใช่พวกเจ้ามาพบเราสองคนก่อน กองไฟก็คงจะถูกจุดตั้งแต่เมื่อครึ่งก้านธูปก่อนแล้ว" ครานี้เป็นชายชราที่เป็นผู้ตอบบ้าง

                "ทั้งๆที่เจ้าก็รู้ว่าพวกเรายังมีคนที่ยังไม่ถูกวางยาน่ะหรือ" กู่หรูถามอย่างไม่เข้าใจ

               "พวกผู้ติดตามของพวกท่านส่วนใหญ่สลบหมดแล้ว คนหนึ่งก็ขี่ม้าออกไป เหลือเพียงพวกเจ้าสามคนกับคุณหนูอ่อนแอและคุณชายตาบอดผู้หนึ่งเท่านั้น ดูจากกำลังของโจรกลุ่มนี้เมื่อสู้กันยังไงพวกท่านก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ดี"

                สิ่งที่ได้ยินทำเอาคนทั้งสามชะงักไปครู่หนึ่งเลย ที่แท้สองคนนี้สอดส่องสำรวจพวกตนเป็นอย่างดี แม้แต่กู่เหอที่ขี่ม้าออกไปเงียบ ๆ เพื่อไปดูรถม้าและคนขับรถม้าที่เสียอยู่ที่ป่าอีกด้านหนึ่งสองคนนี้ก็ยังรู้ทั้งที่คนที่รู้เรื่องนี้น่าจะมีแค่กู่หรูกับเขาเพียงเท่านั้น

                กู่หรูกับเสี่ยวชิงช่วยกันมัดสองสามีภรรยาเอาไว้ ก่อนจะรีบแบ่งหน้าที่กัน

                "เสี่ยวหนิง เจ้ารีบเข้าไปตามคุณหนูของเรากับคุณชายอวี้มาที่ด้านหลังโรงเตี้ยมที"

                "ส่วนแม่นางกู่หรูท่านกับข้า เข้าไปช่วยกันพาผู้ติดตามที่ไม่ได้สติออกมาจากโรงเตี้ยมก่อนเถอะ"

                 เมื่อแจกแจงงานกันเสร็จแล้วพวกเขาทั้งสามคนก็เตรียมที่จะไปปฏิบัติกันในทันที ทว่าหญิงชราที่ถูกมัดเอาไว้ก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน ทำเอาฝีเท้าของพวกเขาที่กำลังจะก้าวเดินไปจำต้องชะงักลงอีกครั้ง

                 "หากจะช่วยคนก็คงต้องรีบเข้าซะหน่อยเล่า ข้าลืมบอกไปว่า หากภายในหนึ่งก้านธูปทางโรงเตี้ยมยังไม่จุดกองไฟสัญญาณ พวกโจรก็จะบุกเข้ามาอยู่ดี..."

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    รวมตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษ 1แม่สามีของข้านั้นดียิ่งนักเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่นางแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ใหญ่สกุลอวี้ อวี้หนานไห่มีน้องสาวอยู่หนึ่งคนชื่ออวี้จินเชียง จากที่อวี้หนานไห่เล่าให้ฟังก็คือ อวี้จินเชียงนั้นอยู่ที่บ้านเดิมกับท่านยายของพวกเขาตั้งแต่ยังเยาว์เพราะมีร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง อีกไม่นานอวี้หนานไห่ก็จะพานางไปเยี่ยมท่านตาท่านยายและน้องสาวของเขาเพราะว่าฮูหยินอวี้ไม่ใช่สิ เวลานี้นางควรจะเรียกว่าท่านแม่สามีถึงจะถูก เอ็นดูนางเป็นพิเศษดูแลต้อนรับนางเข้ามาเป็นอีกส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างอบอุ่น เหมือนกับว่านางเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ไม่ใช่เป็นเพียงลูกสะใภ้ ซ้ำยังชอบให้ท้ายนางอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะยกเลิกไม่ต้องให้นางมาคารวะทุกเช้า ให้เปลี่ยนมาเป็นมาทานมือเช้าเป็นเพื่อนนางบ้างก็พอ ยิ่งเป็นเรื่องข้าวของเครื่องประดับหรืออาภรณ์ แน่นอนว่าอาภรณ์ใหม่ ๆ ของนางไม่มีวันขาดแคลนเพราะว่านางเป็นบุตรสาวจากสกุลที่เปิดร้านอาภรณ์ แต่ยิ่งนางมีเสื้อผ้ามากมายเท่าไหร่ ท่านแม่สามีก็ยิ่งจะยื่นเครื่องประดับจำนวนมากมาให้นาง ทั้งของที่ประมูลมา ของที่หาซื้อได้ตามร้านหรือว่าเครื่องประดับที่ต้องสั่งทำจนยามนี่นางมีเครื่องประดั

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 45 คำนับฟ้าดิน (จบ)

    ตอนที่ 45คำนับฟ้าดิน"หนึ่ง คำนับฟ้าดิน""สอง คำนับบิดามารดา""สาม สามีภรรยาคำนับกันและกัน"หลังจากเสร็จพิธีแล้วเจ้าสาวก็ถูกส่งตัวเข้าหอ ด้านเจ้าบ่าวก็ถูกรั้งตัวเอาไว้ในงานเลี้ยงมงคล เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานดื่มอวยพร เป็นธรรมเนียมปกติที่ในงานมงคลเช่นนี้เจ้าบ่าวจะต้องถูกมอมเหล้าจากแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายรวมไปถึงญาติมิตรต่าง ๆ ที่มาร่วมงานอวี้หนานไห่ไม่ยอมให้ตนต้องตกเป็นเป้าให้ผู้อื่นมอมเหล้านานเกินไป เข้าทักทายแขกที่มาร่วมงานอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามก็แอบปลีกตัวออกมาแล้วคืนเข้าหอเวลามีค่าแค่ไหน ไม่ต้องให้ผู้ใดต้องมาบอกเขาก็รู้ดี ทันทีที่เข้าได้ก้าวเข้ามาในเรือนหอของตน บนเตียงก็พบกับภรรยา ใช่แล้วหลิวซือนัวภรรยาของเขา และนางจะเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์หลังจากคืนนี้ไป"อวี้หนานไห่เป็นเจ้าหรือ" เจ้าสาวของเขาซึ่งนั่งคลุมหน้าตัวตรงอยู่บนเตียงเอ่ยถามขึ้น"เป็นข้าเองภรรยารัก เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว" เขาเอ่ยก่อนจะก้าวเข้าไปหานาง และใช้ไม้ตวัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสดออกจากศีรษะของนางยามเมื่อผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกเปิดออกแล้ว ความงดงามที่แสนตราตรึงในใจเขาก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าของนางในเวลานี้ค่อน

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 44 ความจริงใจของข้า

    ตอนที่ 44ความจริงใจของข้า"ดู ๆ ข้าก็คิดอยู่ว่าคุณหนูหลิวเหมือนใคร นางเหมือนฮูหยินหลิวนี่เอง ไม่ไหวหน้าผู้อื่นเช่นนี้ไม่มีผิด""ข้าน่ะหรือไม่ไว้หน้า พวกเจ้าต่างหากที่ไม่ไว้หน้ากันก่อน" ฮูหยินหลิวตอกกลับทันที แม่สื่อพวกนี้นางทนพูดดีด้วยอีกไม่ได้แล้ว"ฮูหยิน ท่านใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ" สาวใช้คนสนิทของฮูหยินหลิวรีบเข้ามาห้ามผู้เป็นนายตน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะย่ำแย่ลงไปทุกทีแล้ว"จะให้ข้าใจเย็นได้อย่าง...." ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยจบประโยค ผู้เฝ้าประตูคนหนึ่งก็รีบร้อนวิ่งเข้าเหมือนมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างเสียก่อน"ฮูหยิน ฮูหยินขอรับ""มีอะไร เกิดอะไรขึ้น ถึงได้รีบร้อนขนาดนี้" นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเรื่องตรงหน้ายังไม่ทันได้สะสางก็ดูท่าว่าจะมีเรื่องใหม่เข้ามาแทรกเสียแล้ว"มีขบวน มีขบวน...ใหญ่ ขบวนใหญ่" อาจจะเป็นเพราะวิ่งมาด้วยความเร็ว ซ้ำยังตื่นเต้นจึงทำให้บ่าวชายผู้นี้พูดออกมาไม่รู้ความจนฮูหยินหลิวต้องเอ่ยถามซ้ำหลายรอบ"ขบวน ขบวนอะไร ขบวนอะไรใหญ่กันแน่""เหมือนว่าจะเป็นขบวนสินสอดสินะ" แม่สื่อคนที่หนึ่งผู้ขึ้น บ่าวชายที่มาแจ้งข่าวก็พยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าใช่"คงเป็

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 43 สู่ขอ

    ตอนที่ 43สู่ขออาจจะเป็นเพราะเดินทางไกลมาหลายวัน และก็ไม่ได้นอนพักดี ๆ มาตลอดทาง วันนี้หลิวซือนัวเลยตื่นสายกว่าปกติถึงหนึ่งชั่วยามด้วยกัน กว่าที่จะแต่งตัวหวีผมเสร็จก็กินเวลาช่วงเช้าไปไม่น้อยแล้ว"คุณหนูเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่ให้บ่าวมาแจ้งท่านว่า หากคุณหนูแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วให้คุณหนูไปพบฮูหยินใหญ่ที่โถงรับรองด้วยเจ้าค่ะ""ได้ข้าทราบแล้ว เจ้ากลับไปแจ้งท่านแม่นะว่าประเดี๋ยวข้าแต่งตัวเสร็จแล้วจะรีบเข้าไปหาท่าน""เจ้าค่ะคุณหนู"สาวใช้ที่ท่านแม่ให้มาแจ้งข่าวนางจากกลับไปแล้ว เวลานี้จึงเหลือเพียงแค่นาง เสี่ยวหนิง และสาวใช้ในเรือนอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังช่วยพวกนางเลือกเครื่องประดับที่จะใส่ในวันนี้อยู่"เสี่ยวหนิง เจ้าว่าเหตุใดท่านแม่ถึงได้ให้คนมาตามข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ จะมีแขกสำคัญมาหรือไงนะ""บ่าวคิดว่าไม่น่าจะมีแขกนะเจ้าค่ะ ตั้งแต่เช้าไม่เห็นว่าในโรงครัวคึกคักเลย" ผู้เป็นสาวใช้เอ่ยออกมาตามที่นางคิด เพราะถ้าหากในจวนมีแขกสำคัญ ปกติแล้วในครัวก็มักจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะต้องมีการเตรียมอาหารเอาไว้รับรองแขก"เช่นนั้นแล้วท่านแม่จะเรียกให้ข้าไปพบที่ห้องโถงทำไมกัน" หลิวซือนัวเอ่ยขึ้นอย่างข้องใจคงมีแต่รีบ

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 42 จาก

    ตอนที่ 42จากอีกเพียงวันเท่านั้นนางก็จะต้องเดินทางกลับเมืองเป่ยโจวแล้ว ตามกำหนดการเดินทางกลับที่ท่านแม่ของนางได้กำหนดเอาไว้ พี่ใหญ่ของนางหลิงเค่อกับพี่สะใภ้ฉือหนานเองก็จะเดินทางไปส่งนางกลับจวนและถือโอกาสให้พี่ฉือหนานได้กลับไปเยี่ยมบ้านเดิมด้วย หลังจากวันนั้นที่อวี้หนานไห่และนางได้เปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง ความสัมพันธ์ของพวกนางก็มีสถานะเป็นคนรักของกันและกันอย่างเปิดเผย แต่เปิดเผยที่ว่านี้ก็จะมีแค่คนในครอบครัวของพวกนางเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนนอกนางและอวี้หนานไห่ก็ไม่ได้สนใจว่าคนเหล่านั้นจะคิดจะพูดถึงพวกนางอย่างไรมีบางครั้งที่นางและอวี้หนานไห่ออกไปเดินเล่นที่ตลาดด้วยกันบ้างก็ไปรับประทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารต่าง ๆ ในเมือง หลายครั้งก็มีข่าวลือตามมาบ้างทว่าส่วนใหญ่จะลือไปทางที่พวกนางเป็นสหายกันเสียมากกว่า ไม่มีการลือหรือการพูดไปถึงเรื่องเชิงชู้สาวใด ๆ ทั้งสิ้นแน่นอนว่าเรื่องลือเช่นนี้ไม่ถือเป็นผลเสียกับนาง หนำซ้ำยังถือว่าเป็นผลดีต่อร้านสกุลอาภรณ์สกุลหลิวไม่น้อยเช่นกัน เพราะผู้ใดที่อยากสนิทสนมกับหมู่ตึกอวี้ฟางก็จะต้องเข้าหาร้านอาภรณ์สกุลหลิวซึ่งลือกันว่าเป็นสหายกับหมู่ตึกอวี้ฟางเพื่อทำต

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 41 รัก

    ตอนที่ 41รัก"ที่ห้องโถงใหญ่เอะอะอะไรกัน เหตุใดถึงได้เสียงดังมาถึงนี่ เจ้าไปดูหน่อยเถอะ" ฉือหนานเอ่ยขึ้น ก่อนจะสั่งให้สาวใช้คนสนิทของนางออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นในวันมงคลเช่นนี้นอกจากฉือหนานแล้วในห้องรับรองขนาดเล็กซึ่งอยู่ติดกับห้องโถงใหญ่ก็มีหลิวซือนัวน้องสามีของนาง และก็ฉือฮั่วลูกพี่ลูกน้องของนางที่มาเยี่ยมนางจากบ้านเกิดเมื่อสองวันก่อนใครจะคิดเล่าว่าการมาที่นี่ของฉือฮั่วซึ่งอ่อนวัยกว่านางเกือบสี่ปีจะทำให้นางได้เจอกับรักแรกพบที่นี่ หนำซ้ำยังถูกสู่ขออย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า นางและผู้เป็นสามีที่ถือเป็นญาติสนิทจึงต้องรับหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ของฉือฮั่วแทนบิดามารดาของนางที่ไว้ใจฝากฝังบุตรสาวเอาไว้ด้วยเพราะเชื่อมั่นและไว้ใจนางกับสามีด้วยเพราะว่าทั้งฝ่ายสู่ขอและฝ่ายถูกสู่ขอต่างก็มีใจต่อกัน การตัดสินใจจริงเป็นไปอย่างดี ทุกฝ่ายตกลงปลงใจที่จะปลูกเรือนร่วมกันวันนี้แค่แลกหนังสือสินสอดเสร็จสิ้นก็หาวันดีจัดงานแต่งได้เลย ด้านหลิวซือนัวยามนี้นางกำลังวุ่นวายอยู่กับการเลือกผ้าไหมสีแดงเพื่อตัดชุดแต่งงานให้กับฉือฮั่ว สำหรับฉือฮั่วนั้นนางก็เห็นเป็นสหายมาเนิ่นนาน ซ้ำเมื่อพี่ฉือหนานแต่งเข้ามาจวนสกุลหลิวแล้

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status