เสียงของลลิลยังคงดังในห้องเงียบ…
เซ็นเรียบร้อยแล้ว—แม้ใจจะยังไม่แน่ใจว่าเพิ่งจรดปากกาบนเอกสารฝึกงาน หรือเอกสารสัญญาวิญญาณชั้นดีให้ซาตานที่สวมสูทเซอร์เมดอินอิตาลี
อลิสแตร์จ้องลายเซ็นเธอครู่หนึ่งก่อนจะเก็บเอกสารเข้าซองอย่างเรียบร้อย ราวกับไม่ใช่แค่เอกสารธรรมดา...แต่คือ “ของสำคัญ” ที่เขารอจะได้ครอบครอง
เขาเงยหน้าขึ้น สบตาเธอตรง ๆ
“มีคำถามเพิ่มเติมไหม มิสคหบดีวัฒน์?”
ลลิลส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเกร็ง แต่สายตาเธอยังมีแววแข็งกล้าอยู่บ้าง เขาเห็นมัน—และมันทำให้รอยยิ้มบางที่มุมปากเขาขยับขึ้นนิดหน่อย
“งั้นผมขอถามอะไรสักอย่าง...”
เขาเอนตัวพิงโต๊ะเล็กน้อย มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ขณะที่อีกข้างควงปากกาทองบนปลายนิ้วอย่างช้า ๆ
“ปกติคุณเรียกตัวเองว่าอะไร เวลาคุยกับเพื่อน?”
ลลิลกะพริบตาปริบ ๆ
“หืม...หมายถึงแทนตัวเองน่ะเหรอคะ?”
“ใช่” เขาพยักหน้าเบา ๆ
“เช่น...ฉัน ลลิล เค้า หรือ...อะไรแบบนั้น”
เธอเม้มปากนิดหน่อย ก่อนตอบออกไปแบบงง ๆ
“ก็...ลินค่ะ”
“ลิน?” เขาทวนคำช้า ๆ คล้ายจงใจกลืนคำลงลำคอ พร้อมกับสายตาที่ไม่ละไปไหน
“ค่ะ...” เธอตอบเบา ๆ
เขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยอำนาจแปลกประหลาดที่ทำให้หัวใจเธอสั่นแปลบ
“ต่อไปนี้ เวลาคุยกับผม...คุณต้องแทนตัวเองว่า 'ลิน' เสมอ”
“ขะ...ขอโทษนะคะ?” ลลิลหน้าเหวอ
“คุณเซ็นสัญญาเป็นเลขาส่วนตัวของผมแล้ว...ใช่ไหม?”
เขาก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด ใกล้พอให้ได้กลิ่นครีมโกนหนวดแบบเย็นซ่อนกลิ่นมัสค์ที่สะกดจิตผู้หญิงได้ทั้งเมือง มือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะแฟ้มบนโต๊ะ ริมฝีปากเอ่ยช้า ๆ
“ผมต้องรู้จักคุณในแบบส่วนตัวเช่นกัน...ลิน”
และนั่นแหละที่ทำให้ลมหายใจเธอสั่นแปลบ
“…เข้าใจแล้วค่ะ” ลลิลตอบกลับเสียงเบา
ตัวเองยังไม่แน่ใจว่าทำไมใจถึงเต้นแรงขนาดนี้กับแค่ชื่อเล่นที่เขาเรียก
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ
ไทเลอร์ ฮวัง ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มกวนประสาทประจำตัว
“บอส ตามที่สั่งครับ รถพร้อมแล้ว”
อลิสหันไปพยักหน้าให้ไทเลอร์ ก่อนจะหันกลับมาหาเธออีกครั้ง
“งานแรกของคุณ ลิน…”
“ให้ไทเลอร์พาคุณกลับไปเก็บของที่คอนโดเก่า แล้วไปอยู่คอนโดที่ผมเตรียมไว้ให้”
“ห๊ะ...เอ่อ คอนโดใหม่?”
“ใช่” เขาพยักหน้าเรียบ ๆ
“คุณต้องอยู่ใกล้ผม 24 ชั่วโมง คอนโดเดิมของคุณ...ไม่สะดวกในการจัดการ”
“จัดการ…อะไรเหรอคะ?” ลลิลกลืนน้ำลายเฮือก กลัวคำตอบขึ้นมาทันที
แต่เขาไม่ตอบ
เขาแค่ยกมือขึ้นกดรีโมตบนโต๊ะ แล้วจอ LED ด้านหลังก็เลื่อนเปิดออกเผยภาพคอนโดเพนต์เฮาส์สุดหรูวิวแม่น้ำกลางกรุง ตกแต่งด้วยโทนสีครีมทอง โซฟาหนังแท้ และห้องนอนที่แค่เห็นก็รู้ว่า…จะมีอะไรเกิดขึ้นได้หลายอย่างโดยไม่ผิดกฎหมาย
“และอีกอย่าง…” เสียงของเขายังเรียบแต่หยอดได้แม่นยิ่งกว่ายิงหัว
“คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณจะต้องไปร่วมกับผม”
“เตรียมชุดให้พร้อม ผมจะไปรับตอน 6 โมงเย็น”
ลลิลยืนนิ่ง สมองเริ่มโหลดไม่ทัน
จากเด็กฝึกงาน...กลายเป็นเลขาส่วนตัว
จากเซ็นสัญญา...กลายเป็นต้องย้ายบ้าน
จากคิดว่าแค่ขอโทษ...กลายเป็นต้องไปร่วมงานเลี้ยงกับผู้ชายที่อันตรายเกินไปสำหรับหัวใจเธอ
ไทเลอร์ยิ้มให้เธอพลางส่งเสียงขำในลำคอเบา ๆ
“ยินดีต้อนรับสู่ชีวิตของบอสล่ะนะ เลขาคนใหม่”
“ยินดีต้อนรับบ้าอะไรล่ะ...”
เธอพึมพำ ก่อนจะเดินตามไทเลอร์ออกไป โดยไม่กล้าหันกลับไปมองอลิสที่ยังคงยืนอยู่ตรงโต๊ะมองเธอจากด้านหลัง...เหมือนเธอคือของเล่นใหม่ที่เพิ่งได้เปิดกล่อง และพร้อมทดลองฟังก์ชันใหม่ ๆ ทุกคืน
ภายในรถลีมูซีนสีดำมันวาวที่แล่นฉิวไปบนทางด่วนกลางกรุง บรรยากาศเงียบกว่าที่ควรจะเป็น ลลิลนั่งกอดกระเป๋าไว้แน่น ข้างกายคือชายหนุ่มหน้าหวานตาดุ ที่นั่งไขว่ห้างอย่างสบายใจเหมือนกำลังดูละคร
“คุณไทเลอร์...”
ลลิลเอ่ยขึ้นเบา ๆ ทำลายความเงียบ
“เรียกไทเลอร์เฉย ๆ ก็ได้ครับ หรือจะเรียก ‘คนพามาอยู่ในกรง’ ก็ได้นะฮะ”
เขาหันมายิ้มตาหยี เหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ลลิลถอนหายใจแรงแบบไม่ปิดบัง
“นี่ฉันต้องย้ายไปอยู่ที่นั่นจริง ๆ เหรอคะ?”
“จริงสิครับ” เขาตอบพลางเปิดแท็บเล็ตขึ้นโชว์แผนผังคอนโด
“เพนส์เฮ้าส์ชั้นบนสุดเป็นของบอส — ชั้นรองลงมา คุณอยู่ตรงนั้น ห้องหันหน้าชนกันเป๊ะ”
“ใกล้เกินไปมั้ยคะ...”
“อยากอยู่ไกลกว่านี้เหรอครับ?”
“ก็...ไม่ใช่แบบนั้น...” เธอเริ่มอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แพ้สายตากึ่งหยอกกึ่งหื่นของไทเลอร์
“บอกไว้ก่อนนะครับ บอสเรา...หวงของมาก”
“ของ?” เธอหันควับ
“หมายถึง...สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นของเขา”
ไทเลอร์ยักไหล่พร้อมหัวเราะเบา ๆ แล้วกระซิบ
“รวมถึง ‘เลขาส่วนตัว’ ด้วยล่ะครับ”
ลลิลหน้าแดงก่ำ สมองเริ่มประมวลผลภาพจำที่อลิสเข้ามาใกล้ หายใจรินข้างหู แล้วบอกให้เรียกตัวเองว่า ‘ลิน’ อีกครั้งอย่างหวิว ๆ
ตึกสูงระฟ้ากลางย่าน Prime Area ปรากฏตรงหน้า
รถหยุดจอดสนิทต่อหน้า “Obsidian Residences” — คอนโดมิเนียมหรูระดับ 7 ดาวที่คนธรรมดาจะได้เห็นก็แค่ในนิตยสารอสังหาฯ
พนักงานเปิดประตูอย่างนอบน้อม เธอก้าวออกจากรถ ลมเย็นที่ตีกับแก้มยังไม่เท่าลมในใจที่พัดวูบ
ไทเลอร์พาเธอเดินเข้าสู่ล็อบบี้ที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนทองคำแท้และโคมไฟคริสตัลอลังการกว่าโบสถ์ยุโรป
“เชิญครับ...แขกคนพิเศษของชั้น 55”
เจ้าหน้าที่กดลิฟต์พิเศษ พร้อมใช้การสแกนม่านตา
ระหว่างขึ้นลิฟต์ เธอไม่พูดอะไรนอกจากกลืนน้ำลายรัว ๆ
‘นี่ฉันอยู่ตึกเดียวกับมาเฟียที่ฆ่าคนได้โดยไม่ต้องจับปืนใช่ไหมเนี่ย…’
ติ๊ง!
ลิฟต์เปิดออก
ชั้น 55 — เปิดมาพบกับโถงไม้โอ๊คหรู พรมสีไวน์เข้มทอดยาว ประตูสีดำขลับมีแผ่นทองสลักว่า
‘Unit 5501 – Ms. L. Kahabdeewat’
“นี่คือยูนิตของคุณครับ มีทุกอย่างพร้อมอยู่ — ชุด ตู้เย็น เตียงนอน รวมถึงระบบล็อคที่...บอสควบคุมจากมือถือได้ทุกอย่าง”
“...ขอโทษนะคะ อะไรนะ?”
“ล็อคประตู กล้องในห้อง ไฟ สัญญาณเตือนภัย — ทุกอย่างบอสเปิดปิดได้จากแอป”
ไทเลอร์ตอบพลางยื่นแท็บเล็ตให้เธอลองกดเปิดม่านห้องดู
ผ้าม่านเปิดอัตโนมัติ วิวแม่น้ำเจ้าพระยาเบื้องล่างกับแสงพระอาทิตย์ยามเย็นไล้แนวตึกเป็นประกายทองระยิบ
“วันนี้หกโมงเย็น บอสจะมารับไปงานเลี้ยง คุณมีชุดให้อยู่ในตู้ — หรือจะไปซื้อใหม่ก็ได้ บอสให้วงเงินไว้แล้ว”
เขายื่นบัตรสีดำเงาวาวให้
“ไม่จำกัดวงเงินนะครับ”
ลลิลยื่นมือรับอย่างช็อก ๆ
“เอาจริงเหรอเนี่ย...ชีวิตมันเปลี่ยนขนาดนี้ได้ไงใน 24 ชั่วโมง...เมื่อวานยังกินข้าวไข่เจียวอยู่เลย”
“วันนี้จะได้กินมากกว่านั้นครับ...ถ้าบอสอนุญาต”
ไทเลอร์ยิ้มขำ ทิ้งประโยคไว้ให้เธอคิดเล่น ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมคำพูดทิ้งท้าย
“เจอกันตอนเย็นนะครับ คุณเลขาคนใหม่...แต่งตัวให้ดี อย่าให้บอสต้อง ‘จับแต่งเอง’ ล่ะ”
ประตูปิดลง ลลิลยืนอยู่กลางห้อง พร้อมกับรู้สึกว่า...เธอเพิ่งถูกดูดเข้าวังวนอะไรบางอย่าง
ที่หรูหรา อันตราย และอาจจะทำให้หัวใจของเธอ...
ไม่เหลือสภาพเดิมอีกต่อไป
ตอน: ย้ายบ้านแล้ว แต่ยังย้ายบนเตียงไม่พอหลังจากงานแต่งงานสุดเรียบหรูริมทะเลอลิสแตร์กับลลิลไม่ได้จัดทริปฮันนีมูนอะไรหรูหราให้เวอร์วัง เพราะเขาเลือกที่จะทำสิ่งหนึ่ง…ที่เธอไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิดเดียว“เอ่อ...นี่มันไม่ใช่คอนโดของเรานี่คะ?”ลลิลยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าตึก Penthouse ใจกลางลอนดอน ที่ปิดล้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยระดับเดียวกับทำเนียบขาวอลิสแตร์แค่ปรายตามองเธอ แล้วพูดนิ่ง ๆ“นี่บ้านเรา”“ย้ายบ้านโดยที่ไม่ได้ถามลินเลยเหรอคะ?”เขาหันมามองเธอช้า ๆ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหู“ก็ในเมื่อ...ฉันอยากย้ายมาใช้ชีวิตกับเมียทุกตารางเมตรจะต้องถามทำไม?”ลลิลหน้าแดงซ่านทันที...และยังไม่ทันตั้งสติได้—เขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นในอ้อมแขน แล้วพาเข้าห้องไปทั้งอย่างนั้น!—คืนนั้น ห้องนอนใหม่หรูหราระดับ President Suite ก็ได้กลายเป็นสนามรบรักขนาดย่อมอีกครั้ง“บะ…บอส เดี๋ยวก่อนค่ะ ลินยังไม่ได้จัดของเลย!”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจัด...ให้หมดทุกท่า”เขายิ้มร้ายก่อนจะกดร่างเธอลงบนเตียงขนาด King Size ที่เพิ่งปูใหม่เอี่ยม เสื้อคลุมไหมของเธอถูกปลดออกในชั่วพริบตา เนื้อตัวเปลือยเปล่าสะท้อนกับไฟในห้องที่หรี่ลงอย่างพอดิ
ณ มหาวิทยาลัย R.C.U. (Royal Commerce University) – คณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ (IB) ชั้นปีที่ 4แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านบางของห้องสัมมนาขนาดกลาง โต๊ะไม้เรียงเป็นระเบียบสำหรับแขกรับเชิญพิเศษที่นั่งอยู่แถวหน้า...และหนึ่งในนั้นคือเขาอลิสแตร์ ราเมียสCEO หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษแห่ง Ramius Group ผู้มาในฐานะกรรมการรับฟังหัวข้อเสนอทุนวิจัยร่วมต่างประเทศเขาสวมสูทสีน้ำเงินเข้มเข้ารูป ปลดกระดุมสูทตัวนอกอย่างเป็นกันเอง ข้างกายมีคิมหันต์ เลขาหนุ่มหน้าหวาน ยืนเงียบขรึมเหมือนเงาตามตัว — ในสายตาอาจดูเหมือนมาเพื่อตรวจงานปกติแต่...ไม่ใช่เลยเขาแค่ ‘เบื่อ’ และบังเอิญผ่านมาที่นี่...จนกระทั่งเสียงหนึ่งดึงความสนใจเขาทันที“ลลิล คหบดีวัฒน์ค่ะ — โปรเจกต์ที่ลินจะเสนอวันนี้ คือ ‘AI Ethics กับความเปราะบางของข้อมูลในโลกทุน’”เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งชัดเจน มั่นใจ น้ำเสียงไม่ได้หวานเลี่ยน แต่มีจังหวะราวกับแกรนด์เปียโนที่กลั่นจากสมองดวงตาของเขาเงยขึ้น…แล้วนิ่งค้างไปชั่วขณะสาวร่างเล็กผิวขาวจัด ผูกผมหางม้าต่ำเรียบร้อย สวมสูทนักศึกษาสีกรมแบบเรียบที่สุด แต่กลับทำให้เธอโดดเด่นเกินใคร โดยเฉพาะสัดส่วนที่โตเกินร่าง
หลังเหตุการณ์ลอบสังหารและการล่มสลายของกลุ่มไฮดราผ่านไปเพียงสองเดือน—ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่ลลิลจะตั้งตัวทันเธอแทบจะลืมความระห่ำของคืนวันนั้นไปหมดแล้ว...เพราะผู้ชายคนนั้น—บอสของเธอ—จัดการทุกอย่างได้รวดเร็วเกินคาดอลิสแตร์พาคุณหญิงทัชชญาไปสู่ขอลลิลถึงเรือนไม้สักของตระกูลคหบดีวัฒน์ จังหวัดเชียงใหม่และนั่นเป็นครั้งแรกที่คุณสุรพงศ์กับคุณหญิงอมรา—บิดามารดาของเธอ ได้พบกับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่า ‘แม่สามีแห่งชาติ’ ของอังกฤษเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าการหมั้น ก็คือความจริงที่ว่า...คุณหญิงทัชชญา และคุณหญิงอมรา เคยเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ลอนดอนเมื่อหลายสิบปีก่อน—เรื่องสู่ขอจึงกลายเป็นเพียงการระลึกถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนอย่างเป็นทางการเท่านั้น“แม่จะถือว่านี่เป็นพรหมลิขิตของพวกหนูสองคนแล้วกันนะลูก”ประโยคนั้นจากแม่ของเธอ ทำให้ลลิลแทบจะหลบสายตาอลิสแตร์ทั้งงานแม้เรื่องหัวใจจะดูอบอุ่นราบรื่นแต่เรื่องโลกในเงามืด...กลับยังคงเป็นไฟที่ยังไม่มอดจากรายงานลับที่คิมหันต์เอามาเล่าให้เธอฟัง—ไวรัสที่เขาเสี่ยงชีวิตเข้าไปฝังในเซิร์ฟเวอร์หลักของไฮดรา ได้ทำลายทุกเครือข่าย ทุกข้อมูล ทุกเซลล์ของโครงการนั้นอย่า
📍Safehouse ริมทะเล – 00:17 น.คลื่นซัดชายฝั่งอย่างราบเรียบ เสียงกระทบทรายแผ่วเบาเหมือนกล่อมเมืองให้หลับใหล...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในอาคารหลังเก่า ทาสีดำด้านซ่อนตัวหลังแนวสนชายหาดในห้องประชุมชั้นล่างที่ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงแสงไฟนีออนดวงเดียวส่องลงบนโต๊ะโลหะรูปวงกลม เฮราในชุดรัดรูปสีดำสนิท นั่งไขว่ห้างอยู่หัวโต๊ะ ดวงตาสีเขียวอ่อนของเธอสะท้อนจอแผนที่ดิจิทัลเบื้องหน้าฝั่งตรงข้ามคือ ฮันส์ – มือสังหารเยอรมัน ผิวขาวซีดราวกับไม่เคยโดนแดด ผมหยักศกสีบลอนด์อ่อนกับรอยแผลเป็นจาง ๆ ที่ข้างแก้มยังเป็นลายเซ็นความตายของเขา“วิลล่าของเขา มีระบบเฉพาะป้องกันทุกทางเข้าออก…” เฮราเอ่ยเสียงเรียบ“แค่ขอให้เขาออกมาจากที่นั่นเมื่อไหร่ นั่นคือโอกาสของเรา”ฮันส์จุดบุหรี่เงียบ ๆ“อลิสแตร์ต้องตายก่อนที่ไฮดรา เฟสสองจะถูกเปิดเผย”เฮราวางแท็บเล็ตลงบนโต๊ะ ก่อนเลื่อนหน้าจอไปยังภาพของลลิล—หญิงสาวผิวขาวในเดรสยาวบนชายหาดดวงตาเธอเย็นเยียบขึ้นทันที“และเธอคนนี้...คือจุดอ่อนของเขา”ฮันส์กระตุกยิ้ม เหมือนเสือที่ได้กลิ่นเลือด“งั้นแผน A กำจัดอลิสแตร์ แผน B จับตัวผู้หญิงไว้เป็นตัวประกัน ...ไม่ว่าแผนไหน เราก็ชนะ”เฮ
📍หาดส่วนตัว – ภูเก็ต เวลา 10:38 น.คลื่นทะเลสาดซัดฝั่งอย่างเนิบช้า แสงแดดอุ่น ๆ ส่องกระทบเม็ดทรายระยิบระยับ เสียงนกทะเลแว่วเบา ๆ คลอไปกับเสียงหัวเราะของหญิงสาวคนหนึ่งที่เล่นน้ำอยู่ห่างจากฝั่งไม่ไกลนักอลิสแตร์ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ริมชายหาด สวมแว่นกันแดดสีชาแบรนด์ดัง ใบหน้าเรียบขรึม ในมือถือแก้วน้ำมะพร้าวเย็น ๆ ที่เขายังไม่ได้แตะ...เพราะสายตาเขา จับจ้องอยู่ที่คน ๆ เดียวลลิลกำลังหัวเราะเบา ๆ ขณะเดินลุยน้ำทะเลที่ซัดสาดเป็นระลอกเล็ก ๆ รอบข้อเท้าบิกินี่สีแดงสดเข้ารูป โอบแนบผิวขาวผ่องตัดกับแสงแดด และผ้าซีทรูเนื้อบางสีขาวสะอาดที่ผูกไว้ลวก ๆ รอบเอว ถูกลมทะเลพัดปลิวไหวจนทำให้ใจเขาแทบหยุดเต้นไหล่เปลือยระยิบระยับด้วยหยดน้ำ ผิวที่กระทบแสงแดดสว่างขึ้นอีกระดับ จนไม่ว่าใครเดินผ่าน—ก็ต้องเหลียวมอง…และนั่นแหละ ปัญหาเขาขบกรามแน่น ไม่ดื่มแม้แต่น้ำมะพร้าวในมือ เพราะสมองเขามัวแต่คิดว่า—เธอกำลังโดนใครมองอยู่บ้าง?ไอ้ผ้าบาง ๆ นั่น มันกั้นอะไรได้บ้างวะ!!คนที่ควรเห็นเธอในสภาพนี้...ควรมีแค่เขามั้ยวะ?เขายื่นแก้วน้ำมะพร้าวให้บัตเลอร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังศาลาไม้ หยิบเสื้อคลุมชายยาวเนื้อบางติดมืออ
ภายในห้องทำงานไม้เก่าแก่ของคฤหาสน์ริมหน้าผา กลิ่นกระดาษเก่าและควันบุหรี่กลิ่นคลาสสิคลอยแผ่วในอากาศ หน้าต่างเปิดออกสู่ทะเล เสียงคลื่นซัดโขดหินดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เหมือนเสียงลมหายใจของอดีตที่ยังไม่ยอมจางเซอร์ไคล์นั่งลงหลังโต๊ะไม้โอ๊คเก่า อลิสแตร์ยืนอยู่ตรงข้าม คิมหันต์ยืนพิงผนังเงียบ ๆ รอคอยความจริงที่กำลังจะได้รับรู้“ไม่คิดเลย…ว่าจะมีโอกาสได้เห็นหน้าลูกอีกครั้ง”เซอร์ไคล์พูดขึ้นในที่สุด เสียงแหบต่ำผ่านลำคอที่กร้านกรำด้วยเวลาอลิสแตร์ไม่ตอบ…เพียงสบตาเขานิ่งเซอร์ไคล์ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาสีเทาอ่อนของเขาคล้ายกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง…ที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว“พ่อกับวินเซนต์เป็นเพื่อนกัน...ไม่สิ มากกว่าเพื่อนด้วยซ้ำ”“เราคือ ‘เงา’ ที่ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน...ในนาม MI6”เสียงจุดไฟแช็กดังเบา ๆ ก่อนเขาจะจุดบุหรี่ แล้วพ่นควันบาง ๆ ขึ้นฟ้า ควันนั้นลอยตัดแสงไฟสีอุ่นในห้องราวกับฉากหนังเก่า“เราสองคนเริ่มจากภารกิจเล็ก ๆ ...ล้วงข้อมูลในเบลเกรด ไล่ล่าหัวหน้าขบวนการค้าอาวุธในเบอร์ลิน แต่เมื่อ ‘โครงข่ายไร้เงา’ โผล่ขึ้นมา MI6 ก็รู้...ว่าเราไม่ได้เจอแค่ศัตรูธรรมดาอีกต่อไป”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง“ไฮดราโปรเจก