“จุ๊บๆ อื้มมม~” เสียงครวญครางดังลั่นไปทั่วทั้งเรือนกระจก ภายใต้ความมืดมิดในยามค่ำคืน ไม่มีแสงใดส่องผ่าน มีเพียวแสงของดวงจันทร์เท่านั้น ที่สอดส่องตกกระทบไปยังร่างของเราสองคนกำลังคลอเคลียกันอยู่ใต้แสงจันทร์อย่างไม่มีความเขินอายใดๆทั้งสิ้น
พรึ่บ!! เราทั้งสองต่างปลดเปลื้องเสื้อผ้าของกันและกัน ในขณะที่ริมฝีปากยังคงประกบกันเพื่อช่วงชิมรสจูบที่หอมหวานจากอีกฝ่ายโดยที่ไม่มีใครยอมใครกันเลย เสีนงของเรียวลิ้นที่เกี่ยวตระหวัดหยอกล้อกันไปมา ทำฉันมวนท้องราวจนแทบะคลั่งตายอยู่แล้ว “อืมมม~” ยิ่งอีกฝ่ายเพิ่มความร้อนแรงของรสจูบมากเท่าไร เสียงครวญครางก็ยิ่งดังออกมาจากของฉันมากเท่านั้น รสจูบครั้งนี้แตกต่างจากครั้งไหนๆอย่างสิ้นเชิง เพราะครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความรัก ความปรารถนาที่เราทั้งสองคนมีให้กัน และเป็นความรักที่ร้อนแรงราวกับสีแดงสดของดอกกุหลาบเลยล่ะ ฟุ่บ!! ร่างของเราสองคนล้มลงไปนอนกอดกับบนโซฟาที่ตั้งอยู่ในเรือนกระจก ในสภาพที่เปลือยเปล่ากันทั้งคู่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เราสองคนเขิยชนอายใดๆเลยทั้งสิ้น แต่กลับยิ่งเพิ่มความปรารถนาในตัวของกันและกันมากขึ้นไปต่างหาก แม้โซฟาตัวนี้จะเป็นตัวเดิมกับที่เคยเข้ามาเมื่อก่อน แต่สิ่งที่แตกต่างคือบรรยากาศที่อบอุ่นขึ้นกว่าเดิมไงล่ะ “อ่าาาา~” ฉันร้างครวญครางออกมาด้วยแรงปรารถนาที่เหลือล้น เรียวลิ้นของคุณคิมฟันต์กำลังไล้เลียไปตามร่างกายของฉันอย่างหื่นกระหาย เริ่มจากซอกคอขาวระหง ไล้ลงไปคลอเคลียบริเวณเนนินอกตูมทั้งสองข้าง เขาดูดเม้มยอดอกที่แข็งขืนไปมา และนั่นก็ทำฉันบิดเร้าจนแทบจะละลายไปทั้งตัวอยู่แล้ว “อ้าาาา อื้อออ~” คลอเคลียกับส่วนอกจนสมใจแล้ว เขาก็เปลี่ยนตำแหน่งไล้ลงมาที่หน้าท้องมน ไล้วนสะดือเพิ่มความเสียวซ่านให้ฉัน ก่อนจะก้มลงไปยังตำแหน่งที่ต่ำกว่านั้น ที่กลีบกุหลาบหวานกลางกายของฉัน “อ้าาาา อื้อ คุณคิมหันต์” ฉันร้องขึ้นมาซะดังลั่น เพราะเรียวลิ้นที่กำลังไล้ลิ้มชิมรสหวานของน้ำหวานจากกลีบกุหลาบของคนตัวสูง ทำฉันขนลุกไปทั่วทั้งตัว ยิ่งเรียวลิ้นของเขาไล้วนลิ้มเลียกลีบหวานถี่ขึ้นเท่าไร ร่างกายของฉันมันก็บิดเร้าขึ้นมาด้วยความเสียวซ่านอย่างเหลือจะทนมากขึ้นเท่านั้น “อืมมม อ้ะอ้าาา~ คุณคิมหันต์ อ้ะ เร็วขึ้นอีกค่ะ อ้ะ” ฉันเรียกร้องให้คนตัวสูงเพิ่มความเร็วของเรียวลิ้นตัวเอง ฉัสเมื่อเริ่มรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองกำลังจะถึงจุดสูงสุดของความเสียวซ่านในครั้งนี้แล้ว และเขาเองก็ยอมทำตามที่ฉันร้องขออย่างว่าง่ายโดยไม่ปฏิเสธเลยล่ะ “อ้ะๆๆ อื้อ คุณคิมหันต์ อ้ะ เกวไม่ไหวแล้วค่ะ อ้ะๆ อ่าาาาส์~” ร่างทั้งร่างของฉันเกร็งกระตุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ สมองฉันขาวโพลน ร่างกายเบาหวิวราวกับกำลังลอยอยู่บนอากาศ เฮ้อออ! รู้สึกดีชะมัด ฟุ่บ!! ยังไม่ทันทาฉันจะได้พักหายใจเลยด้วยซ้ำ คุณคิมหันต์ก็จับฉันหันหลังนอนคว่ำก่อนที่คนตัวสูงจะจับบั้นท้ายของฉันให้โก่งขึ้นด้วยความรีบร้อน “ฉันเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันนะเกว” “อ้ะ อื้ออ!!” จึก!! ฉันสัมผัสได้ถึงแก่นกายที่แข็งขืนของตลคนตัวสูง กำลังจดจ่อเข้ามาที่ช่องกุหลาบที่มีน้ำหวานไหลเยิ้มออกมามากมายของฉัน และนั่นมันก็ยิ่งทำให้ฉันบิดเร้าเข้าไปใหญ่ เมื่อคนตัวสูงเอาแต่ถูไถแก่นกายของเขากับกลีบกุหลาบฉันไปมาอย่างเดียว แต่เขากลับไม่สอดใส่มันเข้ามาในกายของฉันสักที จนฉันทนไม่ไหวถึงกับต้องเอ่ยปากร้องท้วงเขาอย่างเหลืออด “อื้อ คุณคิมหันต์ อ้ะ เลิกแกล้งเกวได้แล้ว อึกอ้ะ!” “หึ! บอกฉันมาก่อนสิเกว บอกฉันมาว่าตอนนี้เธอต้องการฉัน~” เสียงกระซิบอันแหบพร่าที่ดังก้องอยู่ข้างหูของเขาทำฉันแทบคลั่ง แม้จะเห็นหน้าของคนตัวสูงไม่ขัดตันก็พอจะนึกว่าตอนนี้เขาคงจะกำลังยกยิ้มมุมปากขึ้นมาด้วยความพอใจอยู่แน่ เขาพูดไม่ผิดหรอก เพราะตอนนี้ฉัน…ต้องการคุณคิมหันต์เหลือเกิน “คุณคิมหันต์ อื้อ เกว…เกวต้องการคุณค่ะ อ้ะ เกวต้องการคุณ อ้ะ!” สวบ!! สิ้นเสียงอ้อนวอนของฉันคุณคิมหันต์ไม่รอช้าที่จะสอดใส่แก่นกายอันแข็งขืนของตัวเองเข้ามาในกายฉันในทีเดียวจนมิดลำ แเพราะท่าทางอของเราสองคนตอนนี้ทำให้แก่นกายของเขาสอดใส่เข้ามาได้ลึกจนฉันจุกก็ตาม แต่ความรู้สึกเสียวซ่านที่กัดกินร่างกายของฉันในตอนนี้ เอาชนะความจุกนั้นได้จนหมดสิ้น “อ้าๆๆ อ้ะ อื้อ คุณคิมหันต์ อ้า~” “อืม อ่าาาาส์~” เสียงครวญครางจากแรงปรารถนาของเราสองคนครอบคลุมไปทั่วทั้งเรือนกระจก สลับกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังเป็นจังหวะถี่รัวฟังดูน่าอายสุดๆ แต่ใช่ว่าเราสองคนจะสนใจซะที่ไหนล่ะ “อ้ะๆๆ คุณคิมหันต์ อื้อ เกว…อ้าาาาส์~” คนตัวสูงเพิ่มแรงขยับส่วนล่างถี่และเร็วขึ้นมากกว่าเดิม และเป็นอีกครั้งที่ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ใกล้ถึงจุดสูงสุดของตัวเองได้ “อ้ะๆๆ คุณคิมฟันต์ อ้า เกว…ไม่ อ้ะๆๆๆ อ้าาาา~!” ความรู้สึกตัวเบาหวิว และสมองขาวโพลนมากลัยมาอีกแล้ว “อึก เกว ซี๊ดดด อ้าาาาส์~” คุณคิมหันต์เพิ่งความเร็วในการขยับส่วนที่แข็งขืนของตัวเองเข้าออกถี่รัวมากขึ้น และหลังจากนั้นไม่นานร่างของเราสองคนก็เกร็งกระตุกขึ้นมาพร้อมกันอย่างห้ามไม่อยู่ เสียงร้องครวญครางของเราสองคนดังสู้กันจนถึงวินาทีสุดท้าย ฉันรู้สึกได้ถึงความอุ่นของของเหลวที่ถูกอัดฉีดเข้ามาในกายของตัวเองจนมันล้นออกมาเหนียวเหนอะหนะไปหมด “แฮ่กๆๆๆ!!” ฉันหอบหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า พลางฟุบหน้าลงไปพนักพิงโซฟาอย่างอ่อนแรง ขวับ!! แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะหายเหนื่อยเลยด้วยซ้ำ คนตัวสูงก็จับร่างฉันให้ลุกขึ้นนั่งลงบนตักของเขาอย่างรวดเร็ว เขายกฉันขึ้นมาโดยที่ส่วนล่างของเราสองคนยังคงสอดประสานกันอยู่เหเดิมมือนด้วยซ้ำ คิดจะทำอะไรของเขาเนี่ย? “ขยับสิเกว!” คำสั่งเรียบนิ่งที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้าทำฉันหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “อะไรนะคะ? >///<” “ลองขยับมันดูสิครับ” ตึกตักๆๆ! เสียงแหบพร่าที่ดังอยู่ข้างหูทำฉันยิ่งเตลิดเข้าไปใหญ่ จนถึงกับต้องก้มหน้าหลบตาของคนตัวสูงตรงหน้า เพราะถ้าขืนยังสบตากับเขาต่อไปล่ะก็ ฉันคงจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแน่ๆ “เกว…ทำไม่เป็น อ้ะ!” ฉันจิกเล็บลงไปบนไหล่ของคนตรงหน้าพลางเผลอร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อคนตัวสูงจับสะโพกของฉันยกขึ้นและค่อยๆปล่อยช้าๆ ให้ส่วนล่างของเราสองคนเสียดสีกัน มันลึกมากเลยล่ะ ท่านี้มัน…ลึกจนทำให้ความเสียวซ่านที่หายไปเริ่มกลับมาอีกครั้งซะแล้ว “เธอทำได้…ลองดูสิ” ฉันมองหน้าคนที่อยู่ใต้ร่างด้วยความลังเล แม้จะรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง แต่วินาทีนี้ความเสียวซ่านที่กัดกินร่างกายของฉันมันเอาชนะความรู้สึกอย่างอื่นไปหมดแล้วล่ะ สวบ!! ฉันค่อยๆใช้แรงขาขยับสะโพกของตัวเองขึ้นลงช้าๆ ตอนขึ้นไม่เท่าไร แต่ลงลงเนี่ยสิ ฉันรู้สึกได้เลยว่าแก่นกายของเขามันเข้าไปลึกมาจนจุกไปหมดแล้ว “อ้าาาาส์ อย่างงั้นแหละเกว~” “>///< อื้อ อ้ะ” ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินแค่เพียงเสียงครวญครางของคุณคิมหันต์เท่านั้น แต่พออยู่ในท่านี้แล้วมันทำให้ฉันได้เห็นสีหน้าของเขาได้ชัดเจนเลยล่ะ ทุกครั้งที่ฉันขยับขึ้นลงเจลขาจะทำหน้าหื่นกามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แต่สิ่งที่แปลกคือฉันต่างหาก ยิ่งคนตรงหน้าทำหน้านิ่งคิ้วขมวดด้วยความเสียวซ่านมากเท่าไร มันก็ยิ่งทำให้ข้างกาขอกันร้อนผ่าวขึ้นมากขึ้นเท่านั้น ร้อนจนข้างในฉันแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว “อ้ะๆๆ อื้อ” ไม่รู้ว่าเพราะแรงปรารถนามันมากขึ้นรึเปล่า? ทำให้ฉันยิ่งขยับสะโพกของตัวเองขึ้นลงได้อย่างชาญภายในเวลาแค่แปบเดียวเท่านั้น “อ้าาาาส์ เก่งมากเกว~” “อื้อออ อ้ะๆๆๆ” ฉันเพิ่มความเร็วในการขยับสะโพกของตัวเองถี่รัวขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความร้อนที่ของแก่นกายที่แข็งขืนที่ฝังตัวอยู่ในตัวฉันในตอนนี้ ฉันสัมผัสถึงมันได้ดีมากเลยล่ะ และนั่นทำให้ฉันเสียวซ่านจวนจะละลายตายไปทั้งร่างอยู่แล้ว หมับ!! ฉันเบิกตาโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อคนตัวสูงจับสะโพกของฉันค้างไว้ ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายขยับเอวของตัวเองขึ้นมาเด้งสวนซะเอง และนั่นก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกเสียวซ่านมันเพิ่มทวีคูรมากกว่าเดิมเท่าตัวเลยล่ะ “อ้ะๆๆ คุณคิมหันต์ อึก เร็วอีกค่ะ อื้อ” “ซี๊ดดด อ้าาาาส์ เกวลิน เกวลิน~” ไม่อยากจะเชื่อว่าความรู้นี้มันจะกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกของการใกล้ถึงจุดสูงสุดมันกลับมาอีกแล้ว “อ้ะๆๆๆ อึก อ้าาาา~!!” “อึก อ้าาาาส์~” เป็นอีกครั้งที่ร่างของเราสองคนเกร็งกระตุกขึ้นมาพร้อมกัน สมองฉันขาวโพลนไร้สติ ตัวเบาหวิวราวกับลอยอยู่บนปุยเมฆขาว เราสองคน…แตะขอบสวรรค์พร้อมกันอีกแล้ว “แฮ่กๆๆ!” ฉันซบลงบนไหล่ของคุณคิมหันต์หอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด เช่นเดียวกันกับคนตัวสูงที่โอบกอดร่างของฉันไว้ แล้วพิงพนักโซฟาหอบหายใจออกมาอย่างหมดแรง ถึงแม้จะเหนื่อยหน่ายมากแค่ไหน แต่เราสองคนต่างก็สุขสมใจกันมากเลยล่ะ ที่ได้เติมเต็มความปรารถนาให้กันและกันอย่างเปิดเผยได้ในที่สุด“อ้ะ!” ฉันร้องลั่นขึ้นมาเมื่อคนตัวสูงกระแทกเอวสวนจนรู้สึกจุกไปหมด“แต่ฉันชอบสุดๆไปเลยล่ะ~” เสียงกระซิบบองชอบที่แหบพร่า บวกกับแววตาหื่นกระหายของคนตรงหน้าทำให้ความเขินอายที่มีในตอนแรก เลแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก“จุ๊บ!! อื้ม~” ฉันก้มลงไปประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากหนา จู่ๆฉันก็เกิดความคิดประหลาดๆขึ้นมา คราวนี้ฉันอยากจะลองเป็นคนเดินเกมส์ดูบ้าง ฉันอยากจะรู้…ว่าฉันสามารถทำให้คนตรงหน้าเสียสติได้มาก เท่ากับที่เขา…ทำให้ฉันเสียสติจวนจะบ้าตายอย่างในตอนนี้รึเปล่านะ?ฉันส่งเรียวลิ้นของตัวเองเข้าไปเกี่ยวตระหวัดดูดเม้มกับเรียวลิ้นของเขาอย่างร้อนแรง เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน และช่วงชิมรสหวานจากปากของเขาอย่างหื่นกระหาย เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน“อืมมม~” เสียงครวญครางที่ดังออกมาจากในลำคอของคนใต้ร่าง มันทำให้ฉัพอใจมากเลยล่ะ แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก ฉันอยากเห็นเขา…พอใจสัมผัสของฉันมากกว่านี้“อ่าส์ เกว~” ฉันเปลี่ยนตำแหน่จาริมฝีปากของคนตัวสูง มาซุกไซร้ซอกคอแกร่งของเขาแทน ฉันใช้เรียวลิ้นของตัวเองไล้เลียและดูดเม้มไปตามผิวเนียนของเขาอย่างหื่นกระหาย ให้เหมือนกับที่เขาทำกับฉัน
วันต่อมาเมื่อวานหลังจากกลับมาจากห้องของคุณคิมหันต์แล้ว ฉันก็นั่งทำโอทียาวมาจนถึงเช้าเลยล่ะ ยังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยกริ๊งงง!! ระหว่างที่กำลังนั่งเฝ้าล็อบบี้รอเวลาออกกะอยู่นั้น เสียงมือถือที่วางอยู่หน้าล็อบบี้ก็ดังขึ้นมา รินณ์ที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆเลยทำหน้าที่รับสายแทน“สวัสดีค่ะ”“อาหารเช้าสองที่เหรอคะ?”“ได้ค่ะ เดี๋ยวทางเราจะเตรียมไว้ให้นะคะ”“ให้ใครไปเสริฟ์นะคะ?”“พนักงานที่ชื่อ…เกวลิน”“ได้ค่ะ อีกสามสิบนาทีเราจะเอาอาหารไปให้นะคะ”ทันทีที่วางสายฉันกับรินณ์หันมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย“มีอะไรเหรอรินณ์?” “ก็แฟน…เอ่อ…คุณคิมหันต์อ่ะ เขาขอให้เกวเอาอาหารเช้าเสริฟ์ให้น่ะสิ” รินณ์มองซ้ายมองขวาก่อนจะเขยิบมากระซิบใกล้ๆฉันคุณคิมหันต์ให้ฉันเอาอาหารไปเสริฟ์ให้เนี่ยนะ? คิดจะแกล้งอะไรฉันอีกล่ะเนี่ย?ห้องพักกริ๊งงง!! ฉันกดออดที่หน้าห้องพักของคุณคิมหันต์ หลังจากที่เข็นรถเข็นอาหารมาส่งให้เขาถึงหน้าห้อง ตามคำสั่งที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้แอ๊ดดด!! ผ่านไปเพียงไม่กี่วิ คนตัวสูงก็เปิดประตูห้องออกมา แต่ทันทีที่ฉันเห็นร่างของคนที่อยู่ในห้อง ฉันถึงกับเบิกตาโ
ห้องพักวีไอพีกริ๊งงง!! ฉันตัดสินใจกดออดหน้าประตูห้องพักวีไอพีห้องหนึ่ง หลังจากที่ยืนทำให้อยู่หน้าห้องมาได้สักพักหนึ่งแล้วแอ๊ดดด!! ผ่านไปไม่กี่วินาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาช้าๆ ก่อนจะปรากฏร่างของคนตัวสูงที่ยืนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์อยู่หลังประตู“ฉันเอากระเป๋ามาให้…”หมับ!! ยังไม่ทันที่จะพูดจบ คนตัวสูงก็คว้าร่างฉันเข้าไปในห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ลากเข้ามาในห้องด้วยกันอีกทีปัง!! ฉันสะดุ้งตกใจเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมาซะลั่นห้อง “คุณคิมหันต์! คุณจะทำอะไรเนี่ย?”ตุบ!! คนตัวสูงเตะกระเป๋าใชเดินทางใบใหญ่ของตัวเอทีกันเองมาด้วยออกไป ก่อนจะดันตัวฉันให้ติดกับประตห้องไม่ให้ไปไหน“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเกวลิน”“นั่นน่ะสิค่ะ เกวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ในฐานะแขกวีไอพีด้วยเหมือนกันค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ออกจะดุนิดหน่อย “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”“ฉันคิดถึงเธอเกว~”ตึกตักๆๆ!! คนตัวสูงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเลี่ยงตอบคำถามของฉัน เป็นการกระซิบเบาที่ข้างหูฉันแทน ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีทำให้ฉันใจสั่นขึ้นมาได้ดีเลยล่ะ“เราไม่ได้เจอกันตั้งเดือนนึงเลยนะเก
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาผ่านไปเร็วราวกับพลิกหน้ากระดาษ ตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่ฉันมาฝึกงานที่นี่ ทุกๆวันที่อยู่ที่นี่ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงคนที่ตัวเองรักอย่างคุณคิมหันต์ แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ยังสนุกกับการฝึกงานที่นี่อยู่นั่นแหละและดูเหมือนว่าใกล้ถึงเวลาที่ฉันจะกลับไปหาคนที่ตัวเองรักสักที“เอ้า! ทุกคน ใกล้ถึงเวลาที่แขกวีไอพีขอบโรงแรมจะมาแล้ว รีบออกมาต้อนรับกันเร็ว” เสียงของผู้จัดการตะโกนร้องเรียกพนักงานทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้โรงแรมเมื่อสองวันก่อนผู้จัดการแจ้งมาว่าในวันนี้จะมีแขกวีไอพีมาพักที่โรงแรม ซึ่งแขกคนนี้เป็นแขกคนสำคัญมากๆเลยล่ะ ลือกันว่าเขาเป็นเพื่อนของท่านประธานคนใหม่ของที่นี่ ดังนั้นเราจึงต้องให้การต้อนรับแขกวีไอพีคนนี้ให้ดีที่สุดและห้ามทำอะไรผิดพลาดโดยเด็ดขาด“ไปกันเถอะเกว” เสียงของรินณ์ที่ยืนอยู่หน้าล็อบบี้เรียกให้ออกไปยืนรอด้วยกัน“อื้อ!” ฉันกันรินณ์ออกไปรอต้อนรับแขกวีไอพีคนดังกล่าวที่หน้าประตูโรงแรม พร้อมกับผู้จัดการและพี่แอนเอี๊ยดดด!! ยืนรอกันได้อยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงแรมพนักงานชายเดินไปเปิดประตูรถ ก่อนท
หลังจากได้ฟังคำตอบจากปากของเกวลินแล้ว สิ่งที่ค้างคาใจผมในตอนแรกก็คลายลง ผมตัดสินใจเดินออกมาจากร้านนั้น แล้วก็มาเดินเล่นที่ริมหาดกับไอ้กวินท์แทนระหว่างที่เดินเล่นอยู่ผมก็ทบทวนคำพูดของเกวลินอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เกวลินต้องการมาตลอดก็คืออิสระ เพราะเธอโตมากับตระกูลของผม เลยทำให้เธอคิดว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณตระกูลของผม ไอ้สิ่งที่ผูกมัดเกวลินมาตลอดคือ…ตระกูลอัศวนันทร์ และตัวผมนี่แหละผมไม่อยากสูญเสียเกวลินไป ผมอยากให้เกวลินอยู่กับผมไปตลอดเลยด้วยซ้ำ เพราะผมรักเธอ แต่มันคงไม่ง่ายสำหรับเกวลิน แม้เธอจะรักผม แต่เธอก็มีความต้องการเหมือนกัน และสิ่งที่เธอต้องการก็คือ…อิสระ เธอต้องการอิสระมาโดยตลอด เพราะงั้น…ผมตัดสินใจแล้วว่าผม…จะยอมให้อิสระกับเกวลิน อย่างที่เธอต้องการ“ดูเหมือนแกกับเด็กคนนั้นจะรักกันมากเลยนะ” ไอ้กวินท์พูดเหมือนเด็กฝึกงานที่มากับเกวลินไม่มีผิด“ไม่ใช่เรื่องของแก”“ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นแกร้อนรนแบบนี้อ่ะ”“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเหอะ”“นี่! ฉันกำลังเตือนสติแกอยู่นะเว้ย! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรน้องเขาถึงหนีมาอยู่ที่นี่ได้อ่ะ แต่จากที่ฟังเมื่อกี้…น้องเขาคงจะรัก
[คิมหันต์]ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งผมขับรถตามรถของเกวลินมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมทะเลร้านหนึ่ง เกวลินกันเพื่อนของเธอคงจะมากินอาหารกันที่นี่ ผมไม่อยากให้เกวบินคลาดสายตาผมไป เลยตามเกวลินเข้ามาในร้านด้วยเหมือนกันแต่ผมไม่เข้าใจว่าไอ้กวินท์มันจะตามผมมาถึงที่นี่ด้วยทำไมเนี่ย?“นั่งตรงนี้มั้ยเกว?”“ได้สิ” เกวลินกับเพื่อนของเธอเลือกนั่งลงบนโต๊ะๆหนึ่งในร้านอาหาร ฟุ่บ!! ผมที่เดินตามอยู่ห่างๆ เลยเดินเข้าไปนั่งใกล้กับโต๊ะของเกวลิน ซึ่งระยะห่างระหว่างผมกันเกวลินก็ห่างกันเพียงแค่โต๊ะอาหารคั่นกลางไว้แค่โต๊ะเดียวเท่านั้นตุบ!! ส่วนไอ้กวินท์ที่ตามติดมาด้วยก็ดันเลือกที่จะมานั่งข้างๆผมอีกซะงั้น ที่มีตั้งเยอะแยะจะมานั่งติดผมทำไมเนี่ย?“แกจะตามฉันมาด้วยทำไมเนี่ย?”“ฉันไม่ได้ตามแกมาซะหน่อย ลืมไปแล้วรึไงว่ารถที่แกขับมาน่ะ รถฉันเว้ย!” มันพูดด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ความจริง ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่โรงแรมล่ะ ไอ้กวินท์เอาแต่ชะเง้อมองตามใครสักคนอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างจากผมเลยสักนิด และผมก็เดาว่าคนที่มันกำลังตามอยู่คงจะเป็นเพื่อนที่อยู่กับเกวลินตอนนี้แน่ๆ“ใครว่ะ? แฟนเหรอ?” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม
[คิมหันต์]ณ บริษัท เอ.เอส.เอ็นก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูห้องทำงานหน้าห้องของผมดังขึ้น“เข้ามา” ธนินเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับอนุญาตจากผมแล้ว“เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นไงบ้าง?“ ทันทีที่เห็นหน้าของธนินผมก็เอ่ยถามถึงงานที่ผมมอบหมายไปให้เมื่อวานนี้ “ได้ที่อยู่ของคุณเกวลินมาแล้วครับ” ซึ่งก็เป็นเรื่องไหนไม่ได้เลน นอกจากเรื่องของเกวลิน ยัยตัวแสบที่แอบหนีผมไปไงล่ะ เมื่อวานทันทีที่รู้ว่าเกวลินหนีไป ผมก็รีบยกหูโทรหาให้ธนินไปสืบหาที่อยู่ของเกวลินทันที “เกวลินอยู่ไหน?”“คุณเกวลิน ย้ายไปฝึกงานอยู่ที่โรงแรมพาวิลเลียนที่ต่างจังหวัดครับ” ได้ยินชื่อโรงแรมที่ธนินเอ่ยแล้วผมถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพราะเหมือนว่าชื่อโรงแรมนี้จะฟังดูคุ้นหูเอามากเลยล่ะ“โรงแรมพาวิลเลียนเหรอ?”“ครับ โรงแรมในเครือตระกูลอัครวานิชครับ” และผมก็อดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ เมื่อสิ่งที่ผมสงสัยได้รับการยืนยันจากธนินโรงแรมพาวิลเลียน ในเครือตระกูลอัครวานิช คือโรงแรมที่ไอ้กวินท์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยของผมบริหารอยู่นี่เอง ตืดๆๆ!! ทันทีที่รู้ว่าเกวลินอยู่ที่นั่น ผมก็ไม่รอช้ารีบยกหูกดโทรออกหาไอ้กวินท์มันอย่า
[เกวลิน]“ยินดีต้อนรับน้องๆฝึกงานทุกคนเลยนะคะ” เสียงของผู้จัดการโรงแรมเอ่ยขึ้น หลังจากที่พาพวกเราที่เป็นเด็กฝึกงานใหม่ ไปแนะนำสถานที่ต่างๆในโรงแรมเสร็จแล้ว“ต่อไปนี้ก็ตั้งใจทำงาน แล้วก็ขอให้โชคดีกับการฝึกงานนะคะ” พี่แอนพี่พนักงานอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“ขอบคุณค่ะ” ฉันและเพื่อนอีกคนที่เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเอ่ยขอบคุณผู้จัดการและพี่แอนพร้อมๆกัน“วันนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ เราสองคนกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเริ่มงานพรุ่งนี้อีกที”“ได้ค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ” ร่ำลากันเสร็จผู้ตัดการกับพี่แอนก็เดินกลับไปทำงานของตัวเองกันต่อ เหลือไว้แค่ฉันกับเพื่อนร่วมฝึกงานกันอยู่สองคน“หวัดดี เราชื่อรินณ์นะ” เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาทักทายด้วยสีหน้าที่สดใส“หวัดดี เราชื่อเกว”“เกวมาจากกรุงเทพเหรอ?”“อื้อ แล้วรินณ์อ่ะ?”“เราเรียนที่นี่แหละ แล้วก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย” อ่อ เป็นคนที่นี่สินะ“อ่อ อื้ม!”“แล้วนี่…เกวจะกลับเลยรึเปล่า? เราไปกินข้าวกันมั้ย?”“โทษทีนะ พอดีเราเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อวานเองอ่ะ คงต้องขอตัวกลับไปจัดของที่ห้องก่อน” “อ่อ งั้นไม่เป็นไร ไว้ไปกินข้าวกั
[คิมหันต์]เช้าวันต่อมา พรึ่บ!! ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่หลับพักผ่อนจากกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อคืนไปทั้งคืนอย่างเต็มที่แล้ว แสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำในห้องของตัวเองสาดส่องเข้ามา ทำผมถึงกับต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตาของตัวเองให้คงที่ขวับ!! เมื่อสายตากลับมาอยู่ในสภาพคงที่แล้ว ผมจึงพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ด้วยความหวังที่ว่าจะเจอกันคนตัวเล็กอย่างเกวลินนอนอยู่ข้างๆกาย"..." แต่แล้วสิ่งที่ผมเจอมีเพียงแค่รอยยับของผ้าปูที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งร่างของคนตัวเล็กเกวลินตื่นแล้วเหรอ?ฟุ่บ!! ผมคิดว่าคนตัวเล็กคนจะตื่นก่อนผมไปแล้ว ผมจึงลุกออกจากเตียง ก่อนจะเดินหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาใส่ แล้วเดินออกไปจากห้อง ด้วยความหวังที่ว่าเกวลินคงจะอยู่ข้างนอกห้อง หรือที่ไหนสักที่ในบ้านนั่นแหละ"..." แต่ผมกลับต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจมากกว่าเดิม เมื่อลงมาแล้วไม่เจอกับเกวลินอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ในครัวก็ไม่อยู่ ในห้องรับแขกก็ไม่เจอ "เกวลิน!" ผมลองตะโกนร้องเรียกชื่อของคนตัวเล็ก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบรับกลับมาใจผมเริ่มสั่นไหวขึ้นมา จู่ๆความคิดที่ไม่ดีก็ดันโผล่เข้ามาในหัว ตอนนี้ผมกำลังคิดว่า