[คิมหันต์]
เช้าวันต่อมา พรึ่บ!! ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่หลับพักผ่อนจากกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อคืนไปทั้งคืนอย่างเต็มที่แล้ว แสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำในห้องของตัวเองสาดส่องเข้ามา ทำผมถึงกับต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตาของตัวเองให้คงที่ ขวับ!! เมื่อสายตากลับมาอยู่ในสภาพคงที่แล้ว ผมจึงพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ด้วยความหวังที่ว่าจะเจอกันคนตัวเล็กอย่างเกวลินนอนอยู่ข้างๆกาย "..." แต่แล้วสิ่งที่ผมเจอมีเพียงแค่รอยยับของผ้าปูที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งร่างของคนตัวเล็ก เกวลินตื่นแล้วเหรอ? ฟุ่บ!! ผมคิดว่าคนตัวเล็กคนจะตื่นก่อนผมไปแล้ว ผมจึงลุกออกจากเตียง ก่อนจะเดินหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาใส่ แล้วเดินออกไปจากห้อง ด้วยความหวังที่ว่าเกวลินคงจะอยู่ข้างนอกห้อง หรือที่ไหนสักที่ในบ้านนั่นแหละ "..." แต่ผมกลับต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจมากกว่าเดิม เมื่อลงมาแล้วไม่เจอกับเกวลินอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ในครัวก็ไม่อยู่ ในห้องรับแขกก็ไม่เจอ "เกวลิน!" ผมลองตะโกนร้องเรียกชื่อของคนตัวเล็ก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบรับกลับมา ใจผมเริ่มสั่นไหวขึ้นมา จู่ๆความคิดที่ไม่ดีก็ดันโผล่เข้ามาในหัว ตอนนี้ผมกำลังคิดว่า...เกวลินหนีผมไปจริงๆงั้นเหรอ? ปัง!! ผมสาวเท้าเดินตรงไปที่ห้องนอนของเกวลินที่ชั้นล่าง ที่สุดท้ายที่คิดว่าเกวลินอาจจะอยู่ "..." แต่ผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิม ในห้องว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของคนตัวเล็กในห้องนี้อยู่เลย และที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือ...เสื้อผ้า ข้าวของทุกอย่างของเกวลินที่เคยอยู่ในห้องนี้ก็หายไปไม่เหลือเลยเหมือนกัน "เกวลิน!! เธอหนีฉันไปจริงๆเหรอ?" ตืดๆๆ!! ผมเดินออกมาจากห้องของเกวลินด้วยความี้อนรนใจ เพื่อมาหยิบมือถือโทรออกหาธนิน ด้วยความคาดหวังว่า...เกวลินอาจจะอยู่ที่บริษัทก็ได้ ยัยนั่นอาจจะตื่นไปทำงานที่บริษัทตั้งแต่เช้าแล้วก็ได้ [ครับคุณคิมหันต์] "เกวลินไปทำงานที่บริษัทหรือเปล่า?" [คุณเกวลินไม่ได้มาทำงานที่บริษัทตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วครับ] "อะไรนะ?" คำตอบจากธนินทำผมขมวดคิ้วด้วยความร้อนรนใจมากกว่าเดิม [คุณคิมหันต์ยังไม่รู้เรื่องนั้นเหรอครับ?] "เรื่องอะไร?" [คุณเกวลินยื่นเรื่องขอยุติการฝึกงานตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วครับ ท่านประธานเป็นคนอนุมัติเองเลยครับ] ติ๊ด!! ผมกดวางสายทันทีที่ได้รับการยืนยันจากธนินแล้ว ความรู้สึกสับสน ร้อนรนใจ และความโมโหมันก่อเกิดขึ้นมาในใจผมสลับกันไปจนผมงงไปหมด ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมจะสันนิษฐานในตอนแรกจะเป็นความจริง "เหอะ! เกวลิน...นี่เธอหนีฉันไปจริงๆเหรอ?" ณ บ้านใหญ่ ปัง!! ผมกระแทกประตูห้องทำงานของพ่อเข้ามาด้วยความโมโห หลังจากที่รู้เรื่องที่เกวลินขอยุติการฝึกงานแล้วผมก็รีบขับรถตรงกลับมาที่บ้านใหญ่ทันที เรื่องที่เกวลินหายไปพ่อต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ เผลอๆอาจจะเป็นพ่อด้วยซ้ำที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ “เกวลินอยู่ที่ไหน?!!” ผมตะโกนร้องถามคนเป็นพ่อที่นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะของตัวเองด้วยความโมโห “เป็นบ้าอะไรของแกคิมหันต์?!” “ผมถามว่าเกวลินอยู่ที่ไหนไงพ่อ?!” “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเกวลินอยู่ที่ไหน?” “จะไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อพ่อเป็นคนอนุมัติให้เกวลินยุติการฝึกงานที่บริษัทเองกับมืออ่ะ!” ผมตะโกนออกมาไปอย่างเหลืออด ตาแก่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมเอาแต่ยืดเยื้อไม่ยอมบอกมาซักทีว่าเกวบินอยู่ที่ไหน? “ฉันเป็นคนอนุมัติให้ก็จริง แต่เรื่องที่เกวลินอยู่ไหนฉันไม่รู้จริงๆ” “แล้วใครอนุญาตให้พ่ออนุมัติ? ใครอนุญาตให้พ่อมายุ่งกับคนของผมกัน?!” “มันเป็นความต้องการของเกวลินเอง” “อะไรนะ?” “เฮ้อออ เกวลิน เด็กคนนั้นน่ะบอกว่าจะยอมยกโทษให้ฉันเรื่องพ่อของเขา แลกกับการที่ฉัน…ปล่อยให้เขาเป็นอิสระ” สิ่งที่ได้ยินจากปากของคนเป็นพ่อทำผมอึ้งจนอ้าปากค้าง ผมไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินเลยด้วยซ้ำ “เหอะ! ผมไม่เชื่อหรอก!” ฟุ่บ!! พ่อถอนหายใจ ก่อนจะเปิดลิ้นชักหยิบอะไรบางอย่างออกมา แล้วเดินตรงมาหาผมที่กำลังร้อนรนใจจะตายอยู่แล้ว “เมื่อเช้าเกวลินเข้ามาหาพ่อที่บ้าน เด็กคนนั้นฝากของมาให้แกด้วย” ฟึ่บ!! พ่อพูดก่อนจะยื่นของในมือมาให้ผม สร้อยคอที่มีจี้ดอกกุหลาบห้อยอยู่ตรงกลาง มันคือสร้อยที่ผมให้เป็นของขวัญวันเกิดเกวลินเมื่อคืนนี้เอง ผมรับสร้อยจากพ่อมาไว้ในมือ พร้อมกับแสยะยิ้มออกมาด้วยความสับสน เหอะ! มันคือสร้อยที่ผมให้เกวลินเมื่อคืนนี้จริงๆด้วย ยัยนั่นทิ้งสร้อยคอที่ผมให้ไว้กับพ่อของผมจริงๆ เกวลิน…หนีไปจากผมจริงๆสินะ “นี่แก…ร้องไห้เหรอ?” เหอะ! ใช่ ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องไห้ แต่ใจผมมันเกิดปวดหนึบขึ้นมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าต่อไป…จะไม่มีเกวลินอยู่ข้างผมอีกแล้ว มันสูญเสียคนที่ตัวเองรักไปอีกแล้ว “ทำไม…ทำไมพ่อถึงพรากคนที่ผมรักไปอีกแล้ว” “รักงั้นเหรอ? เหอะ! นี่อย่าบอกนะว่าแกกับเกวลิน…” “พ่อรู้มั้ยครับ…ว่าพ่อน่ะ…ยังเห็นแก่ตัวเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลย” ขวับ!! ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกมาจากห้องของตาแก่นั่นทันที พลางเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาทิ้งไป ครั้งหนึ่งผมสูญเสียแม่ไปก็เพราะพ่อ ครั้งนี้ผมกลับต้องเสียเกวลินไปก็เพราพ่ออีกเหมือนกัน พ่อผมยังคงเป็นตาแก่ที่เห็นแก่ตัวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ หลังจากออกมาจากห้องแล้ว จู่ๆผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เมื่อคืนเกวลินพูดอะไรบางอย่างกับผม เป็นบทสนทนาของเรื่องสมมุติที่เธอเอ่ยถามกับผม เหอะ! แต่ตอนนี้ผมตระหนักได้แล้วล่ะ ว่าเรื่องสมมุติที่เธอบอก มันคือเรื่องจริงที่เธอตั้งใจจะทำต่างหากล่ะ ย้อนกลับไปเมื่อคืน "คุณคิมหันต์" คนตัวเล็กที่นอนอยู่ในอ้อมแขนเอ่ยเรียกผมอย่างแผ่วเบา หลังจากที่เราสองคนเพิ่งจะได้พักเหนื่อยจากกิจกรรมที่เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งคืน "ว่าไง?" "เกว...ขอบคุณนะคะ" "เธอขอบคุณฉันเรื่องอะไร?" "ทุกอย่างเลยค่ะ ทั้งเรื่องที่คุณยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเกว เรื่องพ่อกับแม่ ทุกอย่างเลยค่ะ รวมถึง...ขอบคุณที่รักเกวนะคะ" ผมก้มมองคนตัวเล็กที่นอนกอดผมด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเท่าไร คนที่ต้องแบกรักอะไรหลายๆหนักๆอย่างเกวลิน กลับขอบคุณผมออกมาได้อย่างง่ายดาย "คนที่ต้องขอบคุณเธอคือฉันมากกว่าเกว ขอบคุณที่ให้โอกาสคนอย่างฉันอีกครั้ง" หมับ!! ผมยกมือขึ้นมาลูบหัวของเกวลินที่กำลังซบอกกอดผมอย่างอ่อนโยน "เกวมีเรื่องอยากจะถามคุณอีกเรื่องได้มั้ยคะ?" "ว่ามาสิ" "สมมุติว่าวันหนึ่งจู่ๆเกวหายตัวไปขึ้นมา คุณ...จะตามหาเกวมั้ยคะ?" คำถามที่เอ่ยออกมาจากปากของเกวลินทำผมขมวดคิ้วงงด้วยความแปลกใจ "เธอจะไปไหน?" "เกวแค่...สมมุติเฉยๆค่ะ ตอบมาก่อนสิคะสรุปแล้วคุณ...จะตามหาเกวมั้ย?" "ต่อให้เธอจะอยู่นอกโลก ฉันก็จะตามเธอกลับมาอยู่กับฉันให้ได้เกว เพราะเธอ...เป็นของฉัน" "ชิ! คุณพูดอย่างกับเกวเป็นสิ่งของงั้นแหละ" คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาดุผมพลางทำหน้ามุ้ยอย่างไม่พอใจ "เธอไม่ใช่สิ่งของเกว แต่เธอ...เป็นคนรักของฉัน ของฉันคนเดียว!" "แต่เกว...ไม่อยากให้คุณตามหาเกวเลยนะคะ" "ทำไม?" "ถ้าวันหนึ่งเกวเลือกที่จะหายไปจากคุณจริงๆ เกวอยากให้คุณรู้ไว้ว่าไม่ใช่เพราะเกวไม่รักคุณนะคะ แต่เป็นเพราะเกวรักคุณมากต่างหากล่ะ" "พูดอะไรของเธอ? เธอรักฉันมาก เลยจะทิ้งฉันไปงั้นเหรอเกว?" "เกวรักคุณมากจนไม่อยากเสียคุณไปเลยค่ะคุณคิมหันต์ แต่เกวคงจะรักคุณอย่างสบายใจไม่ได้ ถ้าเกวยังรับความช่วยเหลือจากคุณอยู่แบบนี้" "เธอกำลังจะสื่อถึงอะไรกันแน่เกว?" ผมก้มลงไปมองคนตัวเล็กที่ยังคงซบอกของผมไม่ห่างด้วยความแปลกใจ น้ำเสียงที่เกวลินพูดออกมาฟังดูสั่นไหวแปลกๆยังไงไม่รู้ "ถ้าวันหนึ่งเกวหายไปจริงๆ เกวอยากให้คุณรู้เอาไว้ ว่ายังไงเกวก็จะกลับมาหาคุณแน่ๆค่ะ เพราะงั้น...รับปากกับเกวได้มั้ยคะว่าคุณจะไม่ตามหาเกว และจะรอเกว?" "เธอคงไม่ได้กำลังคิดจะหนีฉันไปใช่มั้ยเกว?" "มันเป็น...แค่เรื่องสมมุติเท่านั้นค่ะ เรื่องสมมุติ" "หึ! มันเป็นเรื่องสมมุติแน่นอนอยู่แล้ว เพราะฉัน...ไม่มีวันปล่อยให้เธอหนีฉันไปไหนได้หรอกเกว เธอต้องอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต เข้าใจมั้ย?" "ชิ! พูดแบบนี้อีกแล้ว นี่คุณรักเกวจริงๆเหรอคะ? เอาแต่พูดอย่างกับเกวเป็นสิ่งของอยู่ได้" "รักสิ ฉันรักเธอมากเกว เพราะงั้น...อย่าหนีฉันไปเลยนะ อยู่ด้วยกันกับฉันแบบนี้ไปตลอดเถอะนะ เกวลิน"“อ้ะ!” ฉันร้องลั่นขึ้นมาเมื่อคนตัวสูงกระแทกเอวสวนจนรู้สึกจุกไปหมด“แต่ฉันชอบสุดๆไปเลยล่ะ~” เสียงกระซิบบองชอบที่แหบพร่า บวกกับแววตาหื่นกระหายของคนตรงหน้าทำให้ความเขินอายที่มีในตอนแรก เลแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก“จุ๊บ!! อื้ม~” ฉันก้มลงไปประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากหนา จู่ๆฉันก็เกิดความคิดประหลาดๆขึ้นมา คราวนี้ฉันอยากจะลองเป็นคนเดินเกมส์ดูบ้าง ฉันอยากจะรู้…ว่าฉันสามารถทำให้คนตรงหน้าเสียสติได้มาก เท่ากับที่เขา…ทำให้ฉันเสียสติจวนจะบ้าตายอย่างในตอนนี้รึเปล่านะ?ฉันส่งเรียวลิ้นของตัวเองเข้าไปเกี่ยวตระหวัดดูดเม้มกับเรียวลิ้นของเขาอย่างร้อนแรง เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน และช่วงชิมรสหวานจากปากของเขาอย่างหื่นกระหาย เหมือนกันที่เขาทำกับฉัน“อืมมม~” เสียงครวญครางที่ดังออกมาจากในลำคอของคนใต้ร่าง มันทำให้ฉัพอใจมากเลยล่ะ แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก ฉันอยากเห็นเขา…พอใจสัมผัสของฉันมากกว่านี้“อ่าส์ เกว~” ฉันเปลี่ยนตำแหน่จาริมฝีปากของคนตัวสูง มาซุกไซร้ซอกคอแกร่งของเขาแทน ฉันใช้เรียวลิ้นของตัวเองไล้เลียและดูดเม้มไปตามผิวเนียนของเขาอย่างหื่นกระหาย ให้เหมือนกับที่เขาทำกับฉัน
วันต่อมาเมื่อวานหลังจากกลับมาจากห้องของคุณคิมหันต์แล้ว ฉันก็นั่งทำโอทียาวมาจนถึงเช้าเลยล่ะ ยังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยกริ๊งงง!! ระหว่างที่กำลังนั่งเฝ้าล็อบบี้รอเวลาออกกะอยู่นั้น เสียงมือถือที่วางอยู่หน้าล็อบบี้ก็ดังขึ้นมา รินณ์ที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆเลยทำหน้าที่รับสายแทน“สวัสดีค่ะ”“อาหารเช้าสองที่เหรอคะ?”“ได้ค่ะ เดี๋ยวทางเราจะเตรียมไว้ให้นะคะ”“ให้ใครไปเสริฟ์นะคะ?”“พนักงานที่ชื่อ…เกวลิน”“ได้ค่ะ อีกสามสิบนาทีเราจะเอาอาหารไปให้นะคะ”ทันทีที่วางสายฉันกับรินณ์หันมาสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย“มีอะไรเหรอรินณ์?” “ก็แฟน…เอ่อ…คุณคิมหันต์อ่ะ เขาขอให้เกวเอาอาหารเช้าเสริฟ์ให้น่ะสิ” รินณ์มองซ้ายมองขวาก่อนจะเขยิบมากระซิบใกล้ๆฉันคุณคิมหันต์ให้ฉันเอาอาหารไปเสริฟ์ให้เนี่ยนะ? คิดจะแกล้งอะไรฉันอีกล่ะเนี่ย?ห้องพักกริ๊งงง!! ฉันกดออดที่หน้าห้องพักของคุณคิมหันต์ หลังจากที่เข็นรถเข็นอาหารมาส่งให้เขาถึงหน้าห้อง ตามคำสั่งที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้แอ๊ดดด!! ผ่านไปเพียงไม่กี่วิ คนตัวสูงก็เปิดประตูห้องออกมา แต่ทันทีที่ฉันเห็นร่างของคนที่อยู่ในห้อง ฉันถึงกับเบิกตาโ
ห้องพักวีไอพีกริ๊งงง!! ฉันตัดสินใจกดออดหน้าประตูห้องพักวีไอพีห้องหนึ่ง หลังจากที่ยืนทำให้อยู่หน้าห้องมาได้สักพักหนึ่งแล้วแอ๊ดดด!! ผ่านไปไม่กี่วินาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาช้าๆ ก่อนจะปรากฏร่างของคนตัวสูงที่ยืนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์อยู่หลังประตู“ฉันเอากระเป๋ามาให้…”หมับ!! ยังไม่ทันที่จะพูดจบ คนตัวสูงก็คว้าร่างฉันเข้าไปในห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ลากเข้ามาในห้องด้วยกันอีกทีปัง!! ฉันสะดุ้งตกใจเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมาซะลั่นห้อง “คุณคิมหันต์! คุณจะทำอะไรเนี่ย?”ตุบ!! คนตัวสูงเตะกระเป๋าใชเดินทางใบใหญ่ของตัวเอทีกันเองมาด้วยออกไป ก่อนจะดันตัวฉันให้ติดกับประตห้องไม่ให้ไปไหน“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเกวลิน”“นั่นน่ะสิค่ะ เกวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ในฐานะแขกวีไอพีด้วยเหมือนกันค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ออกจะดุนิดหน่อย “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”“ฉันคิดถึงเธอเกว~”ตึกตักๆๆ!! คนตัวสูงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเลี่ยงตอบคำถามของฉัน เป็นการกระซิบเบาที่ข้างหูฉันแทน ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีทำให้ฉันใจสั่นขึ้นมาได้ดีเลยล่ะ“เราไม่ได้เจอกันตั้งเดือนนึงเลยนะเก
หนึ่งเดือนผ่านไปวันเวลาผ่านไปเร็วราวกับพลิกหน้ากระดาษ ตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่ฉันมาฝึกงานที่นี่ ทุกๆวันที่อยู่ที่นี่ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงคนที่ตัวเองรักอย่างคุณคิมหันต์ แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ยังสนุกกับการฝึกงานที่นี่อยู่นั่นแหละและดูเหมือนว่าใกล้ถึงเวลาที่ฉันจะกลับไปหาคนที่ตัวเองรักสักที“เอ้า! ทุกคน ใกล้ถึงเวลาที่แขกวีไอพีขอบโรงแรมจะมาแล้ว รีบออกมาต้อนรับกันเร็ว” เสียงของผู้จัดการตะโกนร้องเรียกพนักงานทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้โรงแรมเมื่อสองวันก่อนผู้จัดการแจ้งมาว่าในวันนี้จะมีแขกวีไอพีมาพักที่โรงแรม ซึ่งแขกคนนี้เป็นแขกคนสำคัญมากๆเลยล่ะ ลือกันว่าเขาเป็นเพื่อนของท่านประธานคนใหม่ของที่นี่ ดังนั้นเราจึงต้องให้การต้อนรับแขกวีไอพีคนนี้ให้ดีที่สุดและห้ามทำอะไรผิดพลาดโดยเด็ดขาด“ไปกันเถอะเกว” เสียงของรินณ์ที่ยืนอยู่หน้าล็อบบี้เรียกให้ออกไปยืนรอด้วยกัน“อื้อ!” ฉันกันรินณ์ออกไปรอต้อนรับแขกวีไอพีคนดังกล่าวที่หน้าประตูโรงแรม พร้อมกับผู้จัดการและพี่แอนเอี๊ยดดด!! ยืนรอกันได้อยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็มีรถหรูคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงแรมพนักงานชายเดินไปเปิดประตูรถ ก่อนท
หลังจากได้ฟังคำตอบจากปากของเกวลินแล้ว สิ่งที่ค้างคาใจผมในตอนแรกก็คลายลง ผมตัดสินใจเดินออกมาจากร้านนั้น แล้วก็มาเดินเล่นที่ริมหาดกับไอ้กวินท์แทนระหว่างที่เดินเล่นอยู่ผมก็ทบทวนคำพูดของเกวลินอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เกวลินต้องการมาตลอดก็คืออิสระ เพราะเธอโตมากับตระกูลของผม เลยทำให้เธอคิดว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณตระกูลของผม ไอ้สิ่งที่ผูกมัดเกวลินมาตลอดคือ…ตระกูลอัศวนันทร์ และตัวผมนี่แหละผมไม่อยากสูญเสียเกวลินไป ผมอยากให้เกวลินอยู่กับผมไปตลอดเลยด้วยซ้ำ เพราะผมรักเธอ แต่มันคงไม่ง่ายสำหรับเกวลิน แม้เธอจะรักผม แต่เธอก็มีความต้องการเหมือนกัน และสิ่งที่เธอต้องการก็คือ…อิสระ เธอต้องการอิสระมาโดยตลอด เพราะงั้น…ผมตัดสินใจแล้วว่าผม…จะยอมให้อิสระกับเกวลิน อย่างที่เธอต้องการ“ดูเหมือนแกกับเด็กคนนั้นจะรักกันมากเลยนะ” ไอ้กวินท์พูดเหมือนเด็กฝึกงานที่มากับเกวลินไม่มีผิด“ไม่ใช่เรื่องของแก”“ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นแกร้อนรนแบบนี้อ่ะ”“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเหอะ”“นี่! ฉันกำลังเตือนสติแกอยู่นะเว้ย! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรน้องเขาถึงหนีมาอยู่ที่นี่ได้อ่ะ แต่จากที่ฟังเมื่อกี้…น้องเขาคงจะรัก
[คิมหันต์]ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งผมขับรถตามรถของเกวลินมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมทะเลร้านหนึ่ง เกวลินกันเพื่อนของเธอคงจะมากินอาหารกันที่นี่ ผมไม่อยากให้เกวบินคลาดสายตาผมไป เลยตามเกวลินเข้ามาในร้านด้วยเหมือนกันแต่ผมไม่เข้าใจว่าไอ้กวินท์มันจะตามผมมาถึงที่นี่ด้วยทำไมเนี่ย?“นั่งตรงนี้มั้ยเกว?”“ได้สิ” เกวลินกับเพื่อนของเธอเลือกนั่งลงบนโต๊ะๆหนึ่งในร้านอาหาร ฟุ่บ!! ผมที่เดินตามอยู่ห่างๆ เลยเดินเข้าไปนั่งใกล้กับโต๊ะของเกวลิน ซึ่งระยะห่างระหว่างผมกันเกวลินก็ห่างกันเพียงแค่โต๊ะอาหารคั่นกลางไว้แค่โต๊ะเดียวเท่านั้นตุบ!! ส่วนไอ้กวินท์ที่ตามติดมาด้วยก็ดันเลือกที่จะมานั่งข้างๆผมอีกซะงั้น ที่มีตั้งเยอะแยะจะมานั่งติดผมทำไมเนี่ย?“แกจะตามฉันมาด้วยทำไมเนี่ย?”“ฉันไม่ได้ตามแกมาซะหน่อย ลืมไปแล้วรึไงว่ารถที่แกขับมาน่ะ รถฉันเว้ย!” มันพูดด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก ความจริง ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่โรงแรมล่ะ ไอ้กวินท์เอาแต่ชะเง้อมองตามใครสักคนอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างจากผมเลยสักนิด และผมก็เดาว่าคนที่มันกำลังตามอยู่คงจะเป็นเพื่อนที่อยู่กับเกวลินตอนนี้แน่ๆ“ใครว่ะ? แฟนเหรอ?” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม
[คิมหันต์]ณ บริษัท เอ.เอส.เอ็นก๊อกๆๆ!! เสียงเคาะประตูห้องทำงานหน้าห้องของผมดังขึ้น“เข้ามา” ธนินเดินเข้ามาในห้องหลังจากได้รับอนุญาตจากผมแล้ว“เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นไงบ้าง?“ ทันทีที่เห็นหน้าของธนินผมก็เอ่ยถามถึงงานที่ผมมอบหมายไปให้เมื่อวานนี้ “ได้ที่อยู่ของคุณเกวลินมาแล้วครับ” ซึ่งก็เป็นเรื่องไหนไม่ได้เลน นอกจากเรื่องของเกวลิน ยัยตัวแสบที่แอบหนีผมไปไงล่ะ เมื่อวานทันทีที่รู้ว่าเกวลินหนีไป ผมก็รีบยกหูโทรหาให้ธนินไปสืบหาที่อยู่ของเกวลินทันที “เกวลินอยู่ไหน?”“คุณเกวลิน ย้ายไปฝึกงานอยู่ที่โรงแรมพาวิลเลียนที่ต่างจังหวัดครับ” ได้ยินชื่อโรงแรมที่ธนินเอ่ยแล้วผมถึงกับต้องขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพราะเหมือนว่าชื่อโรงแรมนี้จะฟังดูคุ้นหูเอามากเลยล่ะ“โรงแรมพาวิลเลียนเหรอ?”“ครับ โรงแรมในเครือตระกูลอัครวานิชครับ” และผมก็อดที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้ เมื่อสิ่งที่ผมสงสัยได้รับการยืนยันจากธนินโรงแรมพาวิลเลียน ในเครือตระกูลอัครวานิช คือโรงแรมที่ไอ้กวินท์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยของผมบริหารอยู่นี่เอง ตืดๆๆ!! ทันทีที่รู้ว่าเกวลินอยู่ที่นั่น ผมก็ไม่รอช้ารีบยกหูกดโทรออกหาไอ้กวินท์มันอย่า
[เกวลิน]“ยินดีต้อนรับน้องๆฝึกงานทุกคนเลยนะคะ” เสียงของผู้จัดการโรงแรมเอ่ยขึ้น หลังจากที่พาพวกเราที่เป็นเด็กฝึกงานใหม่ ไปแนะนำสถานที่ต่างๆในโรงแรมเสร็จแล้ว“ต่อไปนี้ก็ตั้งใจทำงาน แล้วก็ขอให้โชคดีกับการฝึกงานนะคะ” พี่แอนพี่พนักงานอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“ขอบคุณค่ะ” ฉันและเพื่อนอีกคนที่เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเอ่ยขอบคุณผู้จัดการและพี่แอนพร้อมๆกัน“วันนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ เราสองคนกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเริ่มงานพรุ่งนี้อีกที”“ได้ค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ” ร่ำลากันเสร็จผู้ตัดการกับพี่แอนก็เดินกลับไปทำงานของตัวเองกันต่อ เหลือไว้แค่ฉันกับเพื่อนร่วมฝึกงานกันอยู่สองคน“หวัดดี เราชื่อรินณ์นะ” เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาทักทายด้วยสีหน้าที่สดใส“หวัดดี เราชื่อเกว”“เกวมาจากกรุงเทพเหรอ?”“อื้อ แล้วรินณ์อ่ะ?”“เราเรียนที่นี่แหละ แล้วก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย” อ่อ เป็นคนที่นี่สินะ“อ่อ อื้ม!”“แล้วนี่…เกวจะกลับเลยรึเปล่า? เราไปกินข้าวกันมั้ย?”“โทษทีนะ พอดีเราเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อวานเองอ่ะ คงต้องขอตัวกลับไปจัดของที่ห้องก่อน” “อ่อ งั้นไม่เป็นไร ไว้ไปกินข้าวกั
[คิมหันต์]เช้าวันต่อมา พรึ่บ!! ผมลืมตาขึ้นมาช้าๆ หลังจากที่หลับพักผ่อนจากกิจกรรมอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อคืนไปทั้งคืนอย่างเต็มที่แล้ว แสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีดำในห้องของตัวเองสาดส่องเข้ามา ทำผมถึงกับต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตาของตัวเองให้คงที่ขวับ!! เมื่อสายตากลับมาอยู่ในสภาพคงที่แล้ว ผมจึงพลิกตัวมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ด้วยความหวังที่ว่าจะเจอกันคนตัวเล็กอย่างเกวลินนอนอยู่ข้างๆกาย"..." แต่แล้วสิ่งที่ผมเจอมีเพียงแค่รอยยับของผ้าปูที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งร่างของคนตัวเล็กเกวลินตื่นแล้วเหรอ?ฟุ่บ!! ผมคิดว่าคนตัวเล็กคนจะตื่นก่อนผมไปแล้ว ผมจึงลุกออกจากเตียง ก่อนจะเดินหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาใส่ แล้วเดินออกไปจากห้อง ด้วยความหวังที่ว่าเกวลินคงจะอยู่ข้างนอกห้อง หรือที่ไหนสักที่ในบ้านนั่นแหละ"..." แต่ผมกลับต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจมากกว่าเดิม เมื่อลงมาแล้วไม่เจอกับเกวลินอยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน ในครัวก็ไม่อยู่ ในห้องรับแขกก็ไม่เจอ "เกวลิน!" ผมลองตะโกนร้องเรียกชื่อของคนตัวเล็ก แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบรับกลับมาใจผมเริ่มสั่นไหวขึ้นมา จู่ๆความคิดที่ไม่ดีก็ดันโผล่เข้ามาในหัว ตอนนี้ผมกำลังคิดว่า