เมื่อกลับมาถึงจวน พ่อบ้านซูก็เร่งให้ซุนเหยานางเข้าไปด้านในห้องโถง ซุนเหยานางจึงได้รู้ว่าทำไมแต่ละคนถึงได้กังวลเช่นนั้น
เสียงของบิดากับพี่ชายของนางดังออกมาจากห้องโถงเสียขนาดนั้น ซุนเหยานางจึงรีบเข้าไปด้านในทันที
“ท่านพ่อ ท่านพี่ พวกท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ”
“หึ หากอาเฮ่อไม่ไปพบเจ้าลูกเต่า พาอนุไปเหลาอาหารเหม่ยสือ จะรู้เรื่องที่เขากลับมาจากชายแดนได้อย่างไร”
“เสี่ยวกุ้ยไปเก็บของ ของอาเหยาประเดี๋ยวนี้ ข้าจะพาน้องสาวข้ากลับตระกูลจ้าว” หลิงเฮ่อตวาดออกมาเสียงดัง
ครั้งนี้เขาไม่อาจทนให้น้องสาวได้รับความชอกช้ำใจได้อีกแล้ว
“ประเดี๋ยวก่อน อาถิงเจ้าพูดอันใดเสียหน่อยเถิด ข้ามิยอมให้พวกเขาหย่าขาดกันอย่างแน่นอน” หลีซื่อดึงมือสหายของนางมาอ้อนวอนอย่างเต็มที่
“หึ บุตรชายของเจ้าทำเช่นนี้กับบุตรีของข้า เจ้าจะให้ข้าพูดอันใด ในตอนแรกข้าก็เข้าข้างเจ้าอยู่หรอก แต่ยามนี้เห็นทีจะไม่ได้”
ซูเซวียนจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเย็นชา ยิ่งเห็นดวงตาคู่งามของซุนเหยานางเปล่งประกายอย่างยินดี ที่จะได้หย่ากับเขา ซูเซวียนก็ยิ่งมีโทสะมากขึ้นกว่าเดิม
“ฟู่หงอี้ นางไม่ใช่อนุของข้า แต่นางเป็นรองแม่ทัพขอรับ”
ทุกคนในห้องโถงหันไปมองที่ซูเซวียนเป็นตาเดียว หลีซื่อพุ่งเข้ามาทุบตีบุตรชายที่สร้างเรื่องให้นางไม่หยุดหย่อน
“ฮูหยินซู ข้าขอโทษเจ้าด้วย ในตอนแรกที่ข้ายอมร่วมมือกับท่านแม่ทัพ เพราะคิดว่าเจ้าเป็นสตรีที่ร้ายกาจ แต่เมื่อได้มาพบเจ้าข้าจึงได้รู้ว่าตนเองคิดผิดไปเสียแล้ว”
ซุนเหยานางมึนงงกับเรื่องที่เพิ่งจะได้รับรู้ตรงหน้า นางมองไปที่ซูเซวียนอย่างโกรธแค้น เขาเห็นนางเป็นตัวอันใดถึงได้ปั่นหัวของนางไม่หยุดเช่นนี้
สิ่งต่อมาที่ซุนเหยานางทำ ทำให้คนทั้งห้องโถงยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้น เพียะ เสียงฝ่ามือของซุนเหยาตบลงที่ใบหน้าของซูเซวียนอย่างแรง
“ท่านมันน่ารังเกียจที่สุด ตั้งแต่ที่ข้าเคยเกิดมา” นางอยากจะพูดว่าตั้งแต่สองชาติที่นางอยู่มา
“เรื่องสนุกของท่านจบแล้ว ข้าขอตัว ท่านพ่อท่านแม่ รอลูกสักครู่เถิด ลูกจะนำแต่ของลูกกลับไปเท่านั้น”
ซุนเหยานางเดินออกจากห้องโถงไปทันที โดยไม่หันกลับมามอง
“สมควรแล้ว” หลิงเฮ่อออกไปรอด้านนอกอย่างไม่สบอารมณ์
เกาจิงถิง นางกำลังช่วยประคองสหายของนางอยู่ พอซุนเหยานางเดินออกจากห้องโถงไป หลีซื่อก็เป็นลมทันที
ซูเซวียนมองตามแผ่นหลังที่ยืดตรงของนางอย่างไม่สบายใจ เขาไม่ได้อยากให้เรื่องลงเอ่ยเช่นนี้ เพราะคิดว่าจะยอมอยู่กินกับนางแล้ว จึงได้บอกกล่าวเรื่องของหงอี้
หงอี้ก็ตกใจเช่นกันนางทำอันใดไม่ถูก ได้แต่วิ่งตามซุนเหยาไป เพราะกลัวว่านางยังเข้าใจผิดอยู่
“ฮูหยินซูท่านรอข้าก่อนเจ้าค่ะ”
ซุนเหยาชะงักฝีเท้าลง แล้วหันไปมองหงอี้ที่วิ่งตามนางมาอย่างประหลาดใจ
“มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
“ฮูหยิน ท่านอย่าได้เข้าใจผิดข้าเป็นอันขาด”
ซุนเหยายกมือขึ้น เพื่อให้หงอี้นางหยุดพูด
“แม่นางฟู่ เรื่องทั้งหมดข้าไม่โทษเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าวางใจได้ แต่หากเจ้าจะช่วยพูดให้บุรุษสารเลวเช่นนั้น เห็นทีข้าควรไม่จำเป็นต้องฟัง”
หงอี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ หากเป็นนางพบเจอเรื่องเช่นนี้ คงได้ดึงดาบขึ้นมาฟันซูเซวียนจนขาดสองท่อนเป็นแน่
“ข้าจะเป็นสหายกับเจ้าได้หรือไม่” นางเอ่ยถามอย่างเขินอาย หากนางเป็นบุรุษย่อมต้องเลือกสตรีเช่นซุนเหยา
“ย่อมได้” นางยิ้มให้หงอี้
“แล้วข้าจะไปพบเจ้าที่จวนตระกูลจ้าวได้หรือไม่”
“ข้ามิได้อยู่ที่จวนตระกูลจ้าว แต่หากอยากพบข้าไปที่เหลาอาหารเหม่ยสือ แล้วถามหาข้าก็จะได้พบ” ซุนเหยาพูดคุยกับหงอี้ต่ออีกไม่กี่ประโยคน้องก็ขอตัวไปเก็บข้าวของที่เรือนของนาง
หงอี้อดชื่นชมแผ่นหลังที่เหยียดตรงของซุนเหยาไม่ได้ “ท่านแม่ทัพ ท่านพลาดเสียแล้ว” หงอี้ส่ายหัวแล้วเดินกลับไปที่เรือนท้ายจวนของนาง
ซุนเหยาเมื่อกลับมาถึงเรือนนางก็ร่างหนังสือหย่า แล้วประทับนิ้วมืออย่างไม่ลังเล ก่อนที่จะเข้าไปห้องเก็บสินเดิม เพื่อชี้ให้บ่าวช่วยขนออกไป
หลีซื่อรีบให้แม่นมพานางมาที่เรือนของซุนเหยา เพื่ออยากจะเอ่ยรั้งนางอีกครั้ง
“อาเหยา เจ้าไม่ไปได้หรือไม่ ข้าจะไล่เจ้าลูกเต่ากลับชายแดนไปเสียประเดี๋ยวนี้เลย” นางดึงมือของซุนเหยามาจับไว้แน่น
“ท่านแม่ ท่านแม่ทัพเป็นบุตรของท่านนะเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรข้าก็ยังเห็นว่าท่านเป็นแม่ของข้า อย่างไรก็จะกลับมาดูแลท่านอยู่บ่อยๆ เจ้าค่ะ”
“ข้านำไปเพียงสินเดิมของข้าเท่านั้น ส่วนที่เป็นของท่านแม่ทัพ ถึงคิดจะยกให้ข้า ข้าก็ไม่รับเจ้าค่ะ”
“อาเหยา” หลีซื่อปิดปากแน่น เมื่อเห็นว่าซุนเหยานางต้องการไปจริงๆ
“นี่หนังสือหย่าเจ้าค่ะ หากมีเรื่องใดที่ไม่เหมาะสม ท่านติดต่อท่านพี่หรือท่านพ่อของข้าได้เลย” ซุนเหยาส่งหนังสือหย่าให้กับซูเซวียน แล้วนางก็เดินออกจากเรือนไปโดยไม่คิดจะหันกลับมามอง
“อาเซวียน ตามนางไป ฮือออ ไปตามนางกลับมา” หลีซื่อทุบตีบุตรชายแล้วร่ำไห้ออกมาเสียงดัง
เกาจิงถิงกับจ้าวกงหยวนมิอาจทนดูได้ ทั้งสองได้แต่เดินตามบุตรสาวไป ทั้งคู่ไม่คิดว่าบุตรีที่เลี้ยงดูมาจะใจแข็งเช่นนี้
ซูเซวียนเม้มปากแน่น เพราะความทระนงของเขา ทำให้เขาไม่ยอมที่จะไปตามซุนเหยานางกลับมาอย่างที่มารดาต้องการ
ชาวเมืองต่างหยุดมองอยู่ที่หน้าประตูจวนตระกูลซูเมื่อเห็นบ่าวกำลังยกข้าวของออกมาจากจวน
“ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านกลับจวนไปก่อนเลยเจ้าค่ะ ลูกยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ”
“แต่ว่า...” เกาจิงถิงจะเอ่ยแย้งบุตรสาว
ซุนเหยากุมมือมารดาไว้ พร้อมทั้งเอ่ยขอความเห็นใจ
“ท่านแม่ ลูกซื้อจวนไว้แล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างเหลาอาหารเหม่ยสือเป็นกิจการของลูก ลูกอยากใช้ชีวิตด้วยตนเอง ท่านพ่อ ท่านแม่ โปรดเข้าใจลูกด้วยเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า หากมีเรื่องอันใดที่จัดการไม่ได้ เจ้าจงจำไว้ เจ้ายังมีตระกูลจ้าว ของเจ้าอยู่” จ้าวกงหยวนมองบุตรีที่เติบโตขึ้นอย่างงรักใคร่
หลี่น่านางรู้จากพี่ชายของนาง เรื่องว่าที่คู่หมั้นของซิ่งอิง เป็นสหายของสองฝาแฝด การสอบจิ้นซื่อในครั้งนี้ เขาก็ได้ตำแหน่ง ปั๋งเหยี่ยน ที่ได้อันดับที่สองมาครองคุณชายหวัง หวังจื่อเฉิน บุตรชายของสนาบดีหวัง เสนาบดีกรมโยธาเพราะนิสัยที่เหมือนกับหลิงเฮ่อ บิดาของซิ่วอิงนางจึงไม่ค่อยจะพอใจนัก แต่กลายเป็นหวังจื่อเฉินที่พึงใจต่อนาง จนแทบจะมาพบหน้านางที่จวนอยู่เสมอ ซิ่วอิงนางก็พึงใจต่อหวังจื่อเฉินเช่นกัน แต่นางไม่ยอมรับความจริงก็เท่านั้น“เพ้ย เจ้าจะอยากรู้ไปไย บัณฑิตที่สนใจแต่ตำรา จะสู้อันใดกับว่าที่สามีของเจ้าได้” หลี่น่าถูกซิ่วอิงหยอกล้อก็ก้มหน้าลงอย่างเขินอายซุนเหยาก็พูดคุยกับหงอี้อย่างสนุกสนาน พอทุกคนได้มาอยู่รวมกันเช่นนี้ หลีซื่อก็เริ่มที่จะชวนทั้งสามตั้งวงเล่นไพ่อย่างเสียไม่ได้ฝ่ายบุรุษที่นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องตำรา ก็เป็นเพียงเรื่องของเลี่ยงหรงและเลี่ยงหวงที่ทั้งคู่จะเลือกทางเดินอย่างไรต่อไปซูเซวียนให้บุตรชายทั้งสองเลือกหนทางเดินของตนเองได้เต็มที่ ในเมื่อเลี่ยงหรงต้องการเป็นขุนนางฝ่ายบู๋เช่นเขาก็ย่อมได้“อาหรง เจ้าคงไม่ได้มาประจำที่ชายแดนอย่างแน่นอน ฝ่าบาทต้องให้เจ้าเป็นองครักษ์เสื้อแพรเ
ฮ่องเต้ให้ฮองเฮาจัดการเรื่องสู่ขอบุตรีของท่านแม่ทัพซูให้เป็นเรื่องเป็นราว โดยที่พระองค์ให้เกียรติซูเซวียนโดยไม่คิดจะพระราชทานสมรสให้เพื่อบังคับให้แต่งานท่านด้านซูเซวียนกับฉางเทียนที่อยู่ในค่ายทหารก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ วันนี้มีการประลองวรยุทธ์เพื่อเลื่อนตำแหน่งภายในกองทัพฉางเทียนย่อมทำได้อย่างดี เพราะอาจารย์ที่มาสอนเขาถูกคัดเลือกมาแล้ว ทหารในค่ายต่างไม่มีใครคิดว่าฉางเทียนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในค่ายได้ไม่นานจะเก่งกาจมากเพียงนี้ยามที่ฝึกซ้อมเขาไม่ได้แสดงฝีมือของตนออกมาอย่างเต็มที่ ก็ไม่แปลกที่ผู้อื่นจะดูไม่ออกถึงวรยุทธ์ของเขาฉางเทียนสามารถเอาชนะรองแม่ทัพทั้งสี่ของซูเซวียนได้ง่าย ทุกคนจึงไม่กังขาหากเขาจะขึ้นมารับตำแหน่งรองแม่ทัพ เพราะจะมีรองแม่ทัพที่เกษียณกลับบ้านเกิดของตน เขาจึงได้ตำแหน่งนี้ไปครองแต่เรื่องนี้ทำให้ซูเซวียนไม่พอใจนัก เพราะเขาเคยพูดไว้ว่า หากฉางเทียนขึ้นเป็นรองแม่ทัพได้ก่อนหลี่น่านางอายุสิบหกหนาว เขาจะพิจารณาเรื่องสู่ขอของนางฉางเทียนยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อขึ้นรับตำแหน่งรองแม่ทัพ เขามองมาที่ว่าที่พ่อตาอย่างมีเลศนัย เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น ขบวนสู่ขอที่ฮองเฮาส่งมาจากเมืองหลวงก
หลี่น่าเมื่อรู้ว่าพี่ชายทั้งสองของนางกลับมาจากเมืองหลวงก็รีบมาหาทั้งคู่ที่ห้องโถงเรือนหลัก สองฝาแฝดนำของที่ทั้งสองตระกูลฝากมาให้กับตนนำมามอบให้หลี่น่าในวันงานด้วยซิ่วอิงที่อยากจะเดินทางมาด้วยแต่มาไม่ได้ เพราะนางก็ต้องอยู่จัดงานปักปิ่นของนางเช่นกัน ก็เขียนจดหมายตัดพ้อมาด้วยเสียมากมายฉางเทียนที่อยู่ค่ายทหารก็เดินวนอยู่ที่หน้ากระโจมของซูเซวียนหลายรอบแล้ว ในค่ายทหารน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเขาเป็นองค์ชาย จึงได้รับการปฏิบัติเช่นทหารใหม่ทั่วไป กินนอนอย่างเช่นทุกคนไม่มีอำนาจใดในค่ายทหารทั้งสิ้น“เข้ามา” ซูเซวียนนึกรำคาญจึงได้เอ่ยเสียงเข้มอนุญาตให้ฉางเทียนเข้ามาด้านใน“พระองค์มีสิ่งใดก็ตรัสเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เมื่ออยู่กันเพียงลำพังซูเซวียนมักจะพูดอย่างเป็นทางการกับฉางเทียน“เปิ่นหวางฝากสิ่งนี้ให้คุณหนูซูด้วย” ฉางเทียนยื่นกล่องไม้ที่เคยให้หลี่น่ามาแล้วครั้งหนึ่งให้กับซูเซวียน“พระองค์ตัดสินพระทัยดีแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ซูเซวียนเอ่ยถามอย่างจริงจัง“นับตั้งแต่ที่เปิ่นหวางให้นางในครั้งนั้น ก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนใจ” สายตาแน่วแน่ของฉางเทียนทำให้ซูเซวียนไม่มีคำโต้แย้งต่อเขาอีกฉางเทียนต้องการให้หลี่น่าแ
เมื่อซูเซวียนกำลังจะพาคนทั้งหมดออกเดินทาง เขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นฉางเทียนขี่ม้ามาที่ขบวนของเขา พร้อมทั้งรถม้าที่ขนข้างของอีกถึงห้าคันรถม้า“องค์ชายห้า ท่านจะไปที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวกงหยวนอดที่จะเอ่ยถามมิได้“เปิ่นหวาง ได้รับราชโองการจากเสด็จพ่อให้เดินทางไปเป็นทหารในกองทัพของท่านแม่ทัพใหญ่ซู” เขายกยิ้มน้อยๆ บอกกล่าวกับจ้าวกงหยวนซูเซวียนที่เห็นเช่นนั้นมุมปากของเขาก็กระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ เขาจะรู้ไม่ทันความคิดของฉางเทียนได้อย่างไร คงเป็นเพราะจะติดตามบุตรีของตนไปต่างหากฉางเทียนมองไปที่หลี่น่าอย่างแฝงความหมาย ก่อนจะเก็บสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว หลี่น่าที่เห็นเช่นนั้นก็ก้มหน้าลงอย่างเขินอายนับตั้งแต่เกิดเรื่องกับนางครั้งนั้น นางก็ไม่ได้ออกจากจวนอีกเลย จึงไม่ได้พบกับฉางเทียน ถึงกระนั้นนางก็ยังไม่รับของจากเขาอยู่ไม่ขาดในเมื่อเป็นราชโองการจากฮ่องเต้ ทั้งยังถูกส่งมาให้ซูเซวียนอย่างกระชั้นชิดแล้วตัวเขาจะทำสิ่งใดได้อีก จำต้องให้ฉางเทียนเดินทางร่วมกับเขาไปชายแดนเหนือด้วยซูเซวียนให้ฉางเทียนควบม้าอยู่ข้างเขา เพื่อจับตามองไม่ให้ฉางเทียนได้เข้าใกล้บุตรีของตน แต่เมื่อเขาเผลอฉางเทียนก็ควบม้าอยู่ใ
หลักฐานที่ได้มาทำให้ฮ่องเต้เกือบจะกระอักพระโลหิตออกมา เพราะเรื่องสงครามเมื่อสิบแปดปีก่อน ผู้ที่ค้าแร่เหล็กให้แคว้นต้าอู๋จนทำให้อาจหาญคิดกล้าทำสงครามกับแคว้นต้าฉีก็เป็นเสนาบดีตู้จวนตระกูลตู้แทบลุกเป็นไฟ เมื่อหลงจู๊หอพนันมาแจ้งเรื่องคลังเก็บสมบัติถูกโจรปล้นไปจนสิ้น เมื่อให้พ่อบ้านตรวจดูคลังในจวนของตนก็พบว่าไม่มีสมบัติเหลืออยู่เลยเช่นกันเรื่องภายในจวนยังไม่ได้สอบสวนให้แล้วเสร็จ องครักษ์เสื้อแพรก็เข้าล้อมจวนตระกูลตู้ไว้ พร้อมทั้งราชโองการคุมตัวเสนาบดีตู้ ตู้หานชิง เข้าคุกหลวงเจ้านายในจวนตระกูลตู้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่โดนควบคุมตัวไว้เพื่อรอการตัดสินโทษ ตู้เสียนเฟยคุกเข่าอ้อนวอนอยู่หน้าตำหนักของฮ่องเต้นับสองชั่วยามแล้ว แต่พระองค์ก็มิยินยอมให้เข้าเฝ้าทั้งยังให้พาตัวตู้เสียนเฟยไปคุมขังไว้ภายในตำหนักห้ามออกมานอกตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว องค์ชายรองก็ไม่ต่างจากมารดาของพระองค์ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในตำหนัก เพื่อรอสอบสวนว่าพระองค์มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดหรือไม่เมื่อองครักษ์เสื้อแพรเข้าค้นจวนเพื่อยึดทรัพย์สินของเสนาบดีตู้ก็ต้องตกตะลึง ในคลังสมบัติของตระกูลล้วนว่างเปล่า รวมทั้งของตู้หานชิงด้วยสอบ
แม้ตระกูลตู้จะไม่มีกองกำลังลับอย่างที่ตระกูลไป๋ทำ แต่พวกเขาก็ลอบค้าเกลือและแร่เหล็กลับหลังฮ่องเต้อยู่ไม่น้อย“ท่านพี่ ท่านพาข้าไปที่หอพนันได้หรือไม่” ซุนเหยาเอยถามซูเซวียนเมื่อทั้งคู่กำลังจะเข้านอน“เจ้าจะไปทำอันใด” เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย“ข้าจะไปเรียกค่าทำขวัญให้บุตรสาวข้าเสียหน่อย”คำพูดของซุนเหยาทำให้ดวงตาของซูเซวียนเปล่งประกายอย่างพอใจ เขาลืมไปได้อย่างไรว่าเมียรักของตนมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ ที่ผู้ใดก็ตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ได้“ที่หอพนันอย่างเดียว จะไปพออันใด คลังของตระกูลตู้ก็คงมีอยู่ไม่น้อย” สองสามีภรรยายิ้มให้กันอย่างรู้ใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะไปเปลี่ยนชุดเป็นสีดำสนิท เพื่ออำพรางร่างกายหากสองฝาแฝดเข้ามาได้ยินสิ่งที่บิดามารดาพวกเขาพูดคุยกัน ทั้งคู่ต้องบอกว่าความเจ้าเล่ห์ของพวกเขาก็ได้มาจากท่านทั้งสองอย่างไรเล่าวรยุทธ์ของซูเซวียนไม่เป็นรองผู้ใดในเมืองหลวง เขารวบเอวซุนเหยาแล้วใช้วิชาตัวเบากระโดดไปทางหอพนันเสียงนักพนันดังไปทั่วหอพนันที่ไม่เคยหลับใหล ความวุ่นวายด้านใน ทำให้ผู้บุกรุกที่มาเยือนอยู่ชั้นติดินไม่ค่อยจะมีผู้ใดสนใจนัก ซูเซวียนจัดการผู้คุ้มกันที่เฝ้าคลังสมบัติลงได้อย่างง่ายดายก่อนท