ดวงตาของซูเซวียนดำมืดทันทีที่ได้ยินคำพูดของซุนเหยา เขาไม่เคยพบสตรีที่เจ้าเล่ห์มากเพียงนี้มาก่อน
“หึหึ หรือต้องให้ข้าไปอุ้มเจ้าขึ้นมา”
ซุนเหยาจำต้องเดินขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อนางขึ้นมาอยู่ด้านข้างกลิ่นกายของนางก็ทำให้ซูเซวียนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
เป็นเขาที่อยากจะเอาชนะนางโดยการให้นางยอมนอนร่วมเตียง แต่ในตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะคิดมาตลอดว่าความสามารถเรื่องความควบคุมตนเองจากสตรีเก่งกาจเหนือผู้อื่น
แต่ในยามนี้ภายในอกกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง จนต้องโยนตำราในมือทิ้ง แล้วหันหน้าเข้ามากำแพงด้านใน เพื่อไม่ให้นางจับผิดสังเกตได้
ซุนเหยาเห็นว่าเขาล้มตัวลงนอนไปแล้วนางจึงล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าออกไปอีกทาง
ในโกดังของซุนเหยานอกจากจะมีวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารแล้ว นางยังมีของใช้อีกมากมายที่เตรียมไว้ให้คนงานที่พักอยู่ที่ร้าน
ยาสระผมหรือสบู่เหลวอาบน้ำนางก็นำออกมาใช้ทั้งสิ้น เพียงเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ เพื่อไม่ให้สาวใช้ที่เข้ามาช่วยนางอาบน้ำสงสัยเท่านั้น
เสียงลมหายใจของซุนเหยานางสม่ำเสมอแล้ว ซูเซวียนจึงพลิกตัวกลับมา แล้วจับซุนเหยานางพลิกมาทางเขาเพื่อมองสำรวจนาง เรื่องความงามของนางเขาไม่เถียงผู้ใด เพราะว่านางนั้นงามมากจริงๆ
ยิ่งปากเล็กๆ แดงระเรื่อของนาง พูดออกมาแต่ละคำก็ทำให้เขาแทบจะกระอักเลือดด้วยความโมโห เอวที่คอดกิ่ว ทั้งสะโพกที่ผายออกทำให้เรือนร่างของนางแม้จะมีอาภรณ์ปกปิดก็ดูช่างเย้ายวน
ซูเซวียนจำต้องหลับตาลง เพราะไม่อาจทนมองต่อได้ เขากลัวว่าจะห้ามใจไว้ไม่อยู่แล้วทำให้นางตกเป็นฮูหยินของเขาเสีย
หากไม่ใช่เพราะคำพูดของนางที่เหมือนจำใจต้องแต่งให้เขาในวันแต่งงาน เขาคงไม่มีความคิดเรื่องทิ้งจดหมายหย่าไว้ให้นาง
ซุนเหยานางเป็นคนที่นอนไม่เรียบร้อยมาทั้งแต่เมื่อภพที่แล้ว เมื่อหลับสนิทนางจึงไม่รู้ตัวนางแขนขาของนางในตอนนี้อยู่ที่ตัวของซูเซวียน
ซูเซวียนสะดุ้งตื่น เพราะมีมือเรียวมากอดอยู่ที่เอวของเขา ทั้งขาของนางก็พาดอยู่ที่ขาของเขา ใบหน้าของซุนเหยานางก็ซุกอยู่ที่อกของซูเซวียนอย่างไม่ตั้งใจ นางคิดว่านางกำลังกอดหมอนข้างของนางอยู่
ซูเซวียนจำต้องสูดหายใจเขาลึกๆ เนื้อตัวนุ่มนิ่มของซุนเหยา กอดของนางที่ถูอยู่กับอกแกร่งทำให้ซูเซวียนสั่นสะท้านอย่างไม่อาจห้ามได้ ยิ่งมือน้อยๆ ของนางไม่รู้จะซุกซนไปถึงไหน ถึงได้ลูบหน้าท้องของเขาไม่ยอมหยุด
“ซุนเหยา หากเจ้าไม่หยุดมือ จะกล่าวโทษข้าไม่ได้เด็ดขาด” ซูเซวียนกัดฟันแน่น พูดกระซิบข้างหูของนาง
“อื้ออออ” ซุนเหยาเพื่อถูกเสียงของซูเซวียนรบกวน นางก็ปัดใบหน้าของเขาออกอย่างรำคาญ ไรหนวดที่ทิ่มหน้าผากของนางทำให้นางนอนไม่สบายตัว
ซุนเหยาจึงพลิกตัวไปอีกทางแล้วหลับต่อ ซูเซวียนลูบที่คางของเขา เมื่อครู่คงเป็นไรหนวดไปโดนใบหน้าของนางจึงทำให้นางพลิกตัวหนี
ตลอดทั้งคืนซูเซวียนแทบไม่ได้นอน เพราะเพียงไม่นานซุนเหยานางก็พลิกกลับมากอดเขาไว้เช่นเดิม แต่เมื่อถูกไรหนวดของเขาถูเข้ากับหน้าผากของนางก็หันหนีอีกครั้ง
ก่อนฟ้าจะสว่างซูเซวียนจำต้องกอดนางไว้แน่น เพื่อไม่ให้นางซุกซนอีก เขาถึงจะหลับลงได้ เมื่อเห็นว่าร่างเล็กเริ่มขยับตัว มือที่กอดนางไว้แน่นของซูเซวียนก็คลายออก
ซุนเหยานางบิดขี้เกียจโดยไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนนางทำบุรุษข้างกายเพิ่งจะได้หลับพักเมื่อตอนเกือบรุ่งสาง
นางเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เมื่อออกมาก็พบว่าซูเซวียนตื่นเรียบร้อยแล้ว
“ข้าจะออกไปที่เรือนหลักก่อนเจ้าค่ะ” ไม่ต้องรอให้ซูเซวียนอ้าปากถามซุนเหยานางก็ชิงบอกด้วยตนเองก่อน
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอันใดนางจึงเดินออกจากเรือนไปพร้อมกับเสี่ยวกุ้ย ซุนเหยานางไปที่ครัวเพื่อดูเรื่องอาหารให้กับหลีซื่อ
หงอี้ที่เดินออกมาจากเรือนท้ายจวนก็พบกับซูเซวียนระหว่างทาง นางอดที่จะมองเขาอย่างสำรวจไม่ได้
“ท่านแม่ทัพ ท่านโกนหนวดแล้วรึ”
“พูดมาก” ซูเซวียนถลึงตามองหงอี้ ก่อนจะเร่งฝีเท้าไปที่ห้องโถง เพราะไม่อยากให้มารดารอเขานาน
เมื่อทั้งคู่มาถึงก็พบว่าซุนเหยานางไม่อยู่ที่ห้องโถงด้วย ซูเซวียนนั่งรอจนอาหารยกขึ้นโต๊ะเสร็จก็เห็นว่าซุนเหยานางยังไม่มาก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
“ซุนเหยาเหตุใดนางยังไม่มา”
“ไม่ต้องรอนาง นางไม่อยู่” หลีซื่อเอ่ยขึ้น
“นางไปที่ใดขอรับ”
“เหอะ เจ้าสนใจเรื่องของนางด้วยหรือ” หลีซื่อไม่ยอมบอกว่าซุนเหยานางไปที่ใด ซูเซวียนก็กินอาหารอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ต่างจากหงอี้ ไม่ว่าเรื่องอันใดก็ไม่เกี่ยวข้องกับนาง เรื่องที่นางสนใจมีเพียงอาหารตรงหน้าเท่านั้น
ซุนเหยานางออกมาตรวจบัญชีที่ร้าน และนางต้องไปจัดการเรื่องเครื่องปรุงที่จวนหลังที่ซื้อไว้ด้วย
ชื่อเสียงของเหลาอาหารเหม่ยสือในยามนี้นับว่าเลื่องชื่อนัก ไม่เพียงอาหารที่เลิศรสและแปลกใหม่ แต่เสี่ยวเอ้อในร้านทุกคนต่างคิดเงินค่าอาหารออกมาได้อย่างรวดเร็ว จนเรื่องนี้ทำให้บัณฑิตที่เข้ามากินอาหารอดประหลาดใจไม่ได้
“เสี่ยวกุ้ยเจ้าอยู่ที่เหลาอาหารประเดี๋ยวข้ากลับมา”
“ฮูหยินท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ” นางเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ข้าไปที่จวนหลังใหม่ ใกล้เพียงเท่านี้ ครู่เดียวก็กลับมาแล้ว”
เสี่ยวกุ้ยเห็นว่าจวนหลังใหม่อยู่เพียงด้านหลังของเหลาอาหารจึงวางใจให้ซุนเหยานางไปเพียงลำพัง
ที่บอกว่าครู่เดียวเห็นทีจะไม่จริง เพราะซุนเหยานางกลับออกมาจากจวนของนางก็เกือบจะถึงมื้อเย็นเสียแล้ว
เพราะนางต้องนำเครื่องปรุงออกมาถ่ายใส่ไหที่หลงจู๊หมานเตรียมไว้ให้นางด้วยตนเอง แต่ก็ทำไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เพียงพอให้เหลาอาหารมีใช้ไปได้นับเดือน
เสี่ยวกุ้ยยืนรอที่ประตูด้านหลังเหลาอาหาร เมื่อเห็นซุนเหยานางเดินมาก็รีบร้องบอกทันที
“ฮูหยินท่านรีบกลับจวนเถิดเจ้าค่ะ”
“ไปเถิด” เรื่องที่นางออกจากจวนตระกูลซูมาด้านนอกไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าเสี่ยวกุ้ยนางจะกังวลเพียงนี้ไปทำไม
เมื่อกลับมาถึงจวน พ่อบ้านซูก็เร่งให้ซุนเหยานางเข้าไปด้านในห้องโถง ซุนเหยานางจึงได้รู้ว่าทำไมแต่ละคนถึงได้กังวลเช่นนั้นเสียงของบิดากับพี่ชายของนางดังออกมาจากห้องโถงเสียขนาดนั้น ซุนเหยานางจึงรีบเข้าไปด้านในทันที“ท่านพ่อ ท่านพี่ พวกท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ” “หึ หากอาเฮ่อไม่ไปพบเจ้าลูกเต่า พาอนุไปเหลาอาหารเหม่ยสือ จะรู้เรื่องที่เขากลับมาจากชายแดนได้อย่างไร”“เสี่ยวกุ้ยไปเก็บของ ของอาเหยาประเดี๋ยวนี้ ข้าจะพาน้องสาวข้ากลับตระกูลจ้าว” หลิงเฮ่อตวาดออกมาเสียงดังครั้งนี้เขาไม่อาจทนให้น้องสาวได้รับความชอกช้ำใจได้อีกแล้ว“ประเดี๋ยวก่อน อาถิงเจ้าพูดอันใดเสียหน่อยเถิด ข้ามิยอมให้พวกเขาหย่าขาดกันอย่างแน่นอน” หลีซื่อดึงมือสหายของนางมาอ้อนวอนอย่างเต็มที่“หึ บุตรชายของเจ้าทำเช่นนี้กับบุตรีของข้า เจ้าจะให้ข้าพูดอันใด ในตอนแรกข้าก็เข้าข้างเจ้าอยู่หรอก แต่ยามนี้เห็นทีจะไม่ได้” ซูเซวียนจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเย็นชา ยิ่งเห็นดวงตาคู่งามของซุนเหยานางเปล่งประกายอย่างยินดี ที่จะได้หย่ากับเขา ซูเซวียนก็ยิ่งมีโทสะมากขึ้นกว่าเดิม“ฟู่หงอี้ นางไม่ใช่อนุของข้า แต่นางเป็นรองแม่ทัพขอรับ” ทุกคนในห้องโถงหันไปมองที่ซ
ดวงตาของซูเซวียนดำมืดทันทีที่ได้ยินคำพูดของซุนเหยา เขาไม่เคยพบสตรีที่เจ้าเล่ห์มากเพียงนี้มาก่อน“หึหึ หรือต้องให้ข้าไปอุ้มเจ้าขึ้นมา” ซุนเหยาจำต้องเดินขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อนางขึ้นมาอยู่ด้านข้างกลิ่นกายของนางก็ทำให้ซูเซวียนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้เป็นเขาที่อยากจะเอาชนะนางโดยการให้นางยอมนอนร่วมเตียง แต่ในตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะคิดมาตลอดว่าความสามารถเรื่องความควบคุมตนเองจากสตรีเก่งกาจเหนือผู้อื่นแต่ในยามนี้ภายในอกกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง จนต้องโยนตำราในมือทิ้ง แล้วหันหน้าเข้ามากำแพงด้านใน เพื่อไม่ให้นางจับผิดสังเกตได้ซุนเหยาเห็นว่าเขาล้มตัวลงนอนไปแล้วนางจึงล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าออกไปอีกทางในโกดังของซุนเหยานอกจากจะมีวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารแล้ว นางยังมีของใช้อีกมากมายที่เตรียมไว้ให้คนงานที่พักอยู่ที่ร้านยาสระผมหรือสบู่เหลวอาบน้ำนางก็นำออกมาใช้ทั้งสิ้น เพียงเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ เพื่อไม่ให้สาวใช้ที่เข้ามาช่วยนางอาบน้ำสงสัยเท่านั้นเสียงลมหายใจของซุนเหยานางสม่ำเสมอแล้ว ซูเซวียนจึงพลิกตัวกลับมา แล้วจับซุนเหยานางพลิกมาทางเขาเพื่อมองสำรวจนาง เรื่องความงามของนางเข
เมื่อมื้ออาหารเย็นสิ้นสุดลง หลีซื่อก็บังคับบุตรชายให้กลับเรือนไปพร้อมกับซุนเหยา เพียงแค่ห่างออกจากเรือนหลักมา ซุนเหยานางก็เอ่ยไล่เขาทันที“ท่านไปดูแลแม่นางฟู่เถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าไม่บอกท่านแม่แน่” ซุนเหยานางไม่ได้อยู่รอฟังว่าเขาจะพูดเช่นไร นางเดินกลับเรือนไปพร้อมกับเสี่ยวกุ้ยทันที"ท่านทำเช่นนั้น จะดีหรือเจ้าคะฮูหยิน” เสี่ยวกุ้ยนางคิดว่าซุนเหยานางมีโอกาสแล้ว เหตุใดถึงไม่ทำให้ท่านแม่ทัพหลงใหลในตัวนางแทน“ดีสิ ข้าไม่อยากได้บุรุษที่ไม่ได้มีข้าเพียงผู้เดียว ทั้งท่านแม่ทัพยังมีสตรีในดวงใจของเขาอยู่แล้ว ข้าจะไปขัดขวางเพื่ออันใด”ทั้งสองนายบ่าวไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พวกนางพูดคุยกัน ซูเซวียนจะได้ยินทุกคำ แทนที่เขาจะเดินไปที่เรือนหงอี้อย่างที่ซุนเหยานางคิด เขากลับเดินมาที่เรือนของนางแทน“เหตุใดท่านจึงเข้ามาที่เรือนนี้เล่า” นางเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“แล้วเหตุใดข้าถึงจะเข้าเรือนของข้าไม่ได้ ในเมื่อข้ารับปากท่านแม่ไว้แล้ว ตลอดหนึ่งเดือนข้าจะนอนที่นี่”ซูเซวียนสั่งสาวใช้ให้เตรียมน้ำ โดยไม่ได้มองสีหน้าที่แข็งค้างของซุนเหยานางเลยเสี่ยวกุ้ยก็รีบไปเตรียมน้ำให้อย่างรวดเร็ว ซุนเหยานางพ่นลมหายใจอย่างแรง เ
ซุนเหยานางช่วยประคองหลีซื่อไปที่ห้องโถง เพื่อรับอาหารมื้อเย็น ทั้งยังบอกให้คนไปตามซูเซวียนกับหงอี้มารับอาหารด้วยกันอีกด้วย“เจ้าจะให้บ่าวไปตามนางมาด้วยเรื่องอันใด”“ท่านแม่ หงอี้ นางอาจจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของข้าก็ได้เจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นจะไม่เท่ากับว่านางน่าสงสารหรือเจ้าคะ อีกอย่างข้าไม่อยากให้ผู้ใดว่าข้าใจแคบ แม้แต่ข้าวก็ยังไม่ให้นางกินด้วย”“เหอะ ผู้ใดจะกล้าว่าเจ้า” หลีซื่อเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์สาวใช้เมื่อเห็นว่าหลีซื่อไม่ได้ห้ามเรื่องให้ไปตามซูเซวียน นางจึงรีบเดินออกไปตามทันทีหงอี้ เมื่อไม่มีผู้ใดติดตามมาด้วยแล้ว นางก็เริ่มต่อว่าซูเซวียนที่ทำให้นางต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้“ท่านแม่ทัพ ท่านกำลังทำให้ข้าเป็นนางมารต่อหน้ามารดากับฮูหยินของท่าน”“ข้าไม่คิดว่าท่านแม่จะพูดยากถึงเพียงนี้” ซูเซวียนคิดว่า เพียงแค่เขาเดินทางกลับมาเมืองหลวงเพื่อจัดการเรื่องหย่า ก็คงเป็นตามที่มารดาพูดไว้ หากเขากลับมาเมื่อใดก็หย่าได้ทันทีเจ้าทนอีกเพียงหนึ่งเดือน เมื่อกลับชายแดน ข้าจะให้เจ้าหยุดฝึกสามเดือนดีหรือไม่”“ท่านพูดแล้วนะเจ้าคะ”ทั้งคู่กำลังนั่งพูดคุยอยู่ภายในเรือนท้ายจวนก็มีสาวใช้เข้ามาขอพบ“คุณชายเจ้า
หลีซื่อสะบัดมือของจากมือของบุตรชาย ก่อนจะมองหาซุนเหยาอีกครั้ง“เหอะ อาเหยาอยู่ที่ไหน ไปตามมาพบข้าแล้วหรือยัง” “แล้วเจ้า เข้ามาอยู่ในห้องข้าได้อย่างไร” นางชี้มือไปที่หงอี้“เอ่อ ข้า ข้ามาดูท่านแม่เจ้าค่ะ”“ผู้ใดแม่เจ้า ข้าบอกแล้วหรือว่าจะรับเจ้าเป็นอนุของบุตรชายข้า”“ท่านแม่ โปรดคลายโทสะ ถึงอย่างไร ข้าก็ต้องรับอี้เออร์เข้าจวนขอรับ”หงอี้ขนแขนลุกชัน นางเบิกตากว้างจ้องมองซูเซวียนอย่างตื่นตกใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ท่านยังไม่หยุดแสดงงิ้วอีกหรือนางอยากจะร้องถามใจแทบขาด และอยากจะแก้ตัวว่าไม่ใช่อย่างที่ทุกคนกำลังเข้าใจ แต่สายตาคาดโทษของซูเซวียนที่มองมา หากนางพูดออกไป กลับค่ายไม่แคล้วนางคงโดนเล่นงานเป็นแน่“ดี ดียิ่ง เช่นนั้นข้าก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่แล้ว” หลีซื่อลุกขึ้น เพื่อจะวิ่งเอาหัวไปโขกที่เสา แต่ก็ถูกซูเซวียนจับตัวไว้ได้ท่าน“ท่านแม่ ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้ขอรับ”แม่นมที่กลับมาจากไปตามตัวซุนเหยาก็รีบเข้ามาขัดขวางหลีซื่อที่ยังโวยวายไม่เลิก“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ฮูหยินน้อยนางไปทำน้ำแกงโสมมาให้ท่าน ตอนนี้นางกำลังไปล้างตัว ท่านรีบกินตอนที่ยังร้อนอยู่เถิดเจ้าค่ะ”“อาเหยาที่น่าสงสารของข้า เห็นห
ทั้งหมดในห้องโถงยังไม่ได้รับรู้ของผู้มาเยือนที่ยืนมองอยู่ที่หน้าประตูจวน เพราะมัวแต่เถียงกันเรื่องเงิน มีเพียงพ่อบ้านซูที่ยืนมองอย่างร้อนรน“เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าไม่เล่นด้วยแล้วค่ะ” ซุนเหยายื่นปากอย่างไม่พอใจ“ได้ ได้ แม่ยอมแล้ว เอาไป” หลีซื่อได้ยินว่าซุนเหยานางจะไม่ยอมเล่นด้วยอีกก็รีบยัดถุงเงินใส่มือของนางอย่างไวซูเซวียนใบหน้าเขียวคล้ำ เมื่อเขามาถึงแล้วคนด้านในยังไม่สนใจเขา หงอี้อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง นางคิดว่าฮูหยินที่ท่านแม่ทัพซูอยากจะหย่าคงมีใบหน้าอัปลักษณ์ ทั้งยังนิสัยร้ายกาจแต่ที่นางเห็น หากบอกว่าซุนเหยานางอัปลักษณ์เช่นนั้นก็ไม่มีสตรีใดที่งดงามอีกแล้ว ทั้งยังไพ่บนโต๊ะที่แปลกตา หงอี้นึกอย่างจะกระโดดเข้าไปร่วมวงด้วยใจแทบขาด“ท่านแม่ขอรับ ข้ากลับมาแล้ว”สิ้นเสียงของซูเซวียนทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ แล้วหันมามองทางเขา หลีซื่อใบหน้าซีดขาว เมื่อเห็นว่าบุตรชายพาสตรีกลับมาด้วยซุนเหยาเห็นเช่นนั้นก็ดึงสายตากลับ ทั้งนางยังเก็บเงินที่ได้มาลงหีบของนางอย่างไม่ใส่ใจ เพราะรู้ว่าเมื่อเขากลับมา ต่อให้มาเพียงลำพังก็คงต้องมาด้วยเรื่องหย่ากับนางเป็นแน่“นางเป็นผู้ใดกัน” หลีซื่อชี้นิ้วที่สั่นเ