ยอมรับเลยว่าเพทายจัดว่าเป็นผู้ชายที่หล่อจัด หล่อแบบแบดบอย รูปร่างสูงใหญ่จากการเล่นกีฬาอย่างหนักส่งเสริมให้เพทายมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามเป็นอย่างมาก
“ถูแรงขนาดนั้น แก้มแดงหมดแล้วมิลค์กี้” มือหนาคว้าข้อมือของมานิตามารั้งเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอถูกแก้มเนียนๆ ของตัวเองไปมากกว่านี้
“แล้วมาหอมทำไมวะ...”
“เปล่าหอม...”
“ไม่ใช่อะไร คนอื่นเขาเห็นหมด เขาเป็นพยานได้ว่านายมาหอมแก้มฉันเนี่ย” ดวงตากลมโตถลึงมองชายร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
“เมื่อกี้ไม่เรียกหอมนะ เขาเรียกว่าจูบ...” ดวงตาคมมองมานิตาแพรวพราวจนเพื่อนๆ ทั้งผู้ชายที่อยู่ตรงนี้ร้องโห่ออกมา แต่ใครจะรู้บ้างว่าหัวใจดวงน้อยๆ ของมานิตากำลังเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา
“ฮิ้ว! มันจีบกันว่ะ...แบบนี้สงสัยอนาคตได้เป็นผัวเมียกันชัวร์...” วาโยร้องแซวพร้อมกับมองเพื่อนๆ ผู้ชายที่แอบมองการกระทำของเพทายเมื่อครู่
“พูดบ้าอะไร พวกนายก็บ้าเนาะ” มานิตาบอกพร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่น เพราะเธอรู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างของตัวเองกำลังร้อนผ่าว แต่ก็พยายามดึงสติของตัวเองกลับมาเพราะรู้นิสัยของเพทายดีว่าเป็นคนยังไง มันชอบทำตัวเป็นหมาหยอกไก่แบบนี้ตลอด จนเธอแยกไม่ออกแล้วว่ามันกำลังคิดจริงหรือคิดเล่นๆ กันแน่
“แล้วหน้าแดงทำไมวะ” เสียงของวาโยร้องทักอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าของมานิตากำลังแดงซ่าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศหรือเพราะกำลังเขินกันแน่
“ร้อน...หน้าเลยแดง...ผิดปกติหรือไง” มานิตาสวนกลับจนเหล่าผู้ชายหัวเราะออกมา เพราะใครๆ ก็มองออกว่ามานิตากำลังเขินอายกับการกระทำของเพทาย
“เขินกูเหรอ...” ร่างใหญ่ขยับตัวเองมานั่งข้างๆ จากนั้นเอี้ยวตัวมองคนตัวเล็กที่สูงแค่ 158 เซนติเมตร ส่วนเขาสูงถึง 187 เซนติเมตรทำให้สรีระของทั้งคู่ต่างกันมาก
“เปล่า...”
“แก้มแดงขนาดนี้ยังมาปฏิเสธ...” เพทายใช้หลังมือของตัวเองลูบที่แก้มเล็กเบาๆ จนหญิงสาวเงยหน้ามองชายข้างกายด้วยร่างกายแข็งทื่อ ดวงตาสวยเบิกกว้างอีกครั้ง
‘ไอ้บ้าเพ...ทำอะไรเนี่ยไม่ไหวแล้วนะเว้ย’ มานิตาตะโกนบอกตัวเองในใจพร้อมกับพยายามเรียกสติของตัวเองกลับมาไม่อย่างนั้นมันจะกู่ไม่กลับอีกต่อไป
“ฮิ้ว...พ่อแม่พี่น้องครับ เขาจีบกันครับ” ทั้งผู้ชายผู้หญิงต่างโห่ร้องกับการกระทำของเพทาย
“จีบบ้าอะไร จะไปเรียนละ หลีกๆ”
เมื่อไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเธอกำลังเขิน มานิตาเลยลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งเอามือบางของตัวเองดันเหล่าผู้ชายที่ยืนมุงมองเธอกับเพทายออก
“แค่นี้ก็เขินแล้วเหรอเมียจ๋า...” เสียงหมาหยอกไก่ของเพทายทำเอาเหล่าผู้ชายหัวเราะออกมาเพราะเห็นท่าทีของคนตัวเล็กเสียอาการ
“เมียบ้านแกสิ...ฉันยังไม่มีผัวเว้ย!”
“ถ้ายังไม่มี ฉันเป็นผัวให้ได้นะ สมัครใจเลยด้วย” เพทายยังพูดทีเล่นทีจริงจนมานิตามองไปรอบๆ ก็พบกับสายตาริษยาของเหล่าผู้หญิงทั้งในและนอกคณะที่จ้องมองมายังเธอไม่ลดละ ทำเอาหญิงสาวหนาวๆ ร้อนๆ เลยทีเดียวที่มีคนถลึงตามองแบบนี้
“ฮิ้ว...ไอ้เพมันเอาว่ะ ฮ่าๆๆ” วาโยหัวเราะออกมาคนแรก จากนั้นก็มีเสียงของเหล่าผู้ชายที่หัวเราะตาม จนญาณินที่นั่งอยู่ตะโกนบอกเพราะสงสารเพื่อนที่โดนเพื่อนชายร่วมรุ่นแซวไม่เลิก
“พวกนายแม่งก็ไปแซวไอ้มิลค์กี้มัน บ้าเปล่า...ส่วนพวกนายไม่ต้องห่วงหรอกนะ เดี๋ยวอีกไม่นานเพื่อนของฉันจะมีผัวละ แต่ไม่ใช่พวกนายหรอกย่ะ หลีกไป...”
“ใครจะมีผัว...” เพทายถามเสียงต่ำจากนั้นก็เงยหน้ามองทั้งญาณินและมานิตาอย่างสงสัยพร้อมกับขมวดคิ้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก จนคนรอบข้างรับรู้ถึงรังสีบางอย่างที่แผ่ซ่านออกมาของเพทาย
“ยัยมิลค์กี้สิยะ เดี๋ยวฉันจะหาผัวให้เพื่อนเอง พวกนายจะได้เลิกแซวเพื่อนฉันสักที ไปเข้าเรียนกันเถอะมิลค์กี้” ญาณินจับมือบางของเพื่อนเอาไว้พร้อมกับพาเดินออกมา แต่มานิตาไม่วายหันไปมองคนตัวโตที่จ้องมองมาราวกับมีบางอย่างในดวงตาคู่นั้น ทำไมเธอรู้สึกกลัวบางอย่างนะ บางอย่างที่ไม่สามารถคาดเดาได้
“ไอ้พวกปากเสียเนี่ย...มันแซวแกไม่เลิกเลยนะ” ญาณินบอกอย่างรำคาญและสงสัยมานิตาที่โดนอย่างนี้เกือบทุกวัน จนเธออดสงสัยว่าเพทายมันคิดอะไรกับเพื่อนรักของเธอหรือเปล่า มันเล่นแบบนี้กับมานิตาอยู่คนเดียว แต่มันก็น่าแปลกอยู่เพราะเพทายมีผู้หญิงเข้าหาตลอด สวยและเซ็กซี่กว่ามานิตาเป็นไหนๆ จนเริ่มสับสนละว่ามันต้องการอะไรกันแน่
“น่าเบื่อ ไปเข้าเรียนกันเถอะ”
“มิลค์กี้...” ขณะที่กำลังนั่งเรียนกันอยู่นั้น ญาณินก็หันมาสะกิดเพื่อนรักจนมานิตาละจากจอมอนิเตอร์แล้วมองเพื่อนรักอย่างญาณิน
“ว่า”
“ยืมโทรศัพท์หน่อยสิ...”
“เอาไปทำไม” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย แต่ก็ส่งเครื่องให้เพื่อนอย่างง่ายดายเนื่องจากทั้งสองคนไว้ใจกันมากจนรู้ทุกอย่างของกันและกัน
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ