ร่างเล็กสะโอดสะองของมานิตาเดินเข้าหาเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งจากทางด้านหลัง จากนั้นก็ทำการตบไหล่บางของ ‘ญาณิน ลดานันท์’ ทำเอาคนที่กำลังกดโทรศัพท์พิมพ์อยู่ถึงกับสะดุ้งตกใจแรงจนเกือบทำโทรศัพท์ในมือของตัวเองร่วงหล่นลงมา
“ว้าย!!”
ใบหน้าสวยของญาณินซีดเผือดเพราะคิดว่าโทรศัพท์จะร่วงเสียแล้ว จากนั้นเธอก็หันมามองเจ้าของมือเจ้าปัญหาที่เกือบทำให้เสียของรักไปแล้ว
“ยัยมิลค์กี้...ตกอกตกใจหมดเลย มาแบบนี้ทำไมเนี่ย” มือน้อยของญาณินทาบอกของตัวเองเพื่อเรียกขวัญที่หายกลับมา จนมานิตาหัวเราะยิ้มเห็นฟันให้กับเพื่อน
“แกนั่นแหละมัวแต่ทำอะไร เหม่อลอยแบบนี้ คุยกับใครเหรอ หรือหนุ่มๆ ที่ไหนจ๊ะ...ไม่คิดจะบอกเพื่อนบ้างเลยนะ” มานิตาบอกพร้อมกับชะโงกหน้าไปมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเพื่อนอย่างสนใจ มานิตาและญาณินเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งจวบจนตอนนี้ปีสี่แล้ว ความสัมพันธ์ของสองสาวค่อนข้างแน่นแฟ้นจนไม่มีใครมาทำให้ทั้งสองคนทะเลาะกันได้ เพราะพวกเธอเข้าใจกันมากที่สุด
“ไม่มีอะไรสักหน่อย” ใบหน้าหวานของญาณินบอก แต่แก้มทั้งสองข้างกลับแดงก่ำราวกับกำลังเขินอาย จนมานิตาจ้องมองอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าใครที่สามารถทำให้คนที่สวยอย่างญาณินเขินได้ เพราะเพื่อนรักของเธอเนี่ยคนจีบเป็นโขยงทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง
“ไม่มีแต่หน้าแดงเนี่ยนะ” มานิตาเท้าคางมองเพื่อนแล้วจ้องมองอย่างไม่ลดละ
“อย่าจ้องอย่างกับจะจับผิดฉันอย่างนี้สิมิลค์กี้”
“อะไรล่ะ ก็อยากรู้นี่”
“อย่าบอกใครนะ...” เสียงหวานของญาณินบอกอย่างกระซิบพร้อมกับเอามือป้องปากข้างหนึ่งเพื่อไม่ให้ใครเห็นว่ากำลังพูดอะไร
“อืม...”
“ฉันกำลังเล่นแอปฯ หาเพื่อนคุย...”
“ฮะ...” มานิตาหน้าเหวอเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าคนสวยแซ่บอย่างญาณินจะเล่นอะไรแบบนี้ ทั้งๆ ที่ในชีวิตของญาณินมีผู้ชายแวะเวียนมาเยอะมากจนไม่ขาดสาย ผิดกับเธอที่แทบไม่มีผู้ชายคนไหนมาจีบเลย
“อย่างแกเนี่ยนะจะเล่นแอปฯ ผู้ชายมาจีบตัวเป็นๆ เยอะแยะไม่เอา ไปคุยทำไมในแอปฯ เนี่ย”
“ก็มันตื่นเต้นกว่าผู้ชายที่มาจีบฉันน่ะสิ”
“ยังไงอะ”
“ก็แบบแค่คุยๆ เฉยๆ พอไม่เคยเจอกันมันก็แบบมีเรื่องอะไรให้เราเล่าให้เขาฟังเยอะแยะเลย ตื่นเต้นดี แบบทำให้เราอยากรู้ตัวตนของเขามากขึ้นน่ะ”
“ไม่เข้าใจอยู่ดีอะ” มือน้อยยกขึ้นเกาหัวของตัวเอง เพราะเธอไม่เคยคิดที่จะโหลดแอปฯ พวกนี้อยู่แล้ว
“แกเนี่ยควรเล่นนะมิลค์กี้ เผื่อจะได้มีผัวกับเขาสักที”
“อ้าว...นี่แกว่าฉันเหรอ” มานิตาถลึงตาใส่เพื่อนที่ว่าเธอที่ไม่มีใครสักที ก็คนมันใฝ่เรียนจะให้ไปสนใจเรื่องแบบนี้ทำไม แค่เรียนวิศวกรรมก็แทบไม่มีเวลาแล้ว ไหนจะต้องเจอนิสัยของเพื่อนผู้ชายในรุ่นก็แทบเอือมกับพวกผู้ชายจะแย่อยู่แล้ว
“ใช่สิ...ฉันรู้นะว่าแกไม่อยากมีแฟนเพราะเห็นนิสัยของเพื่อนๆ รุ่นเราใช่ไหม ผู้ชายมีตั้งหลายแบบ อย่าไปสนใจไอ้พวกเถื่อนพวกนั้นเลย คนในนี้มันมีให้แกเลือกหลากหลายเลยนะ ตั้งแต่หนุ่มๆ ยันแก่ อย่างเราก็ต้องเลือกก็ต้องหาคุยไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้คนที่ดีที่สุดสิ”
ญาณินสอนเพื่อนเพราะไม่อยากให้มานิตาขึ้นคลาน ก็ตั้งแต่เรียนด้วยกันมาเพื่อนของเธอไม่มีใครมาจีบสักคน อาจจะเพราะมิลค์กี้ชอบทำตัวห้าวๆ ผู้ชายเลยคิดว่าเป็นทอมไปหมดแล้ว ขนาดผู้ชายในรุ่นยังไม่มีใครเห็นมานิตาเป็นผู้หญิงสักคน
“ไม่เอา...ไม่อยากมีแฟนตอนนี้ กลัวเจอแบบเพื่อนๆ เรา” มิลค์กี้ทำท่าทางลูบที่แขนทั้งสองของตัวเองราวกับหนาวๆ ร้อนๆ เมื่อนึกถึงสภาพของตัวเองมีแฟน และถ้าต้องเจอแบบเพื่อนผู้ชายเธอคงได้ปวดหัววันละสามรอบ
“เนี่ย...เอาแต่คิดงี้ เดี๋ยวก็ได้เพื่อนในรุ่นเป็นผัวสักคนหรอก ถึงตอนนั้นฉันจะหัวเราะเลย เกลียดอะไรได้อย่างนั้น” ญาณินยิ้มกริ่มออกมาเพราะรู้ดีว่ามานิตาเอือมเพื่อนชายแต่ละคนมากแค่ไหน แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อรุ่นของเธอมันรวมพลคนหล่อที่สุดของปี
“ไม่เอาเว้ย!! อย่าพูดได้ไหม ขนลุก”
“ทำอะไรกันจ๊ะสาวๆ”
เสียงเรียกยังไม่ทันพูดจบปากหยักของใครบางคนก็โน้มลงมาแนบที่ข้างแก้มของมานิตาทันที และเสียงแบบนี้ กลิ่นน้ำหอมเซ็กซี่แบบนี้ เป็นใครไม่ได้นอกจาก ‘เพทาย’ ผู้ชายที่จัดว่าหล่อที่สุดในรุ่นและยังเป็นเดือนประจำมหาวิทยาลัยอีกด้วย จนตอนนี้ปีสี่ก็ยังไม่มีใครมาล้มแชมป์ได้ ถ้าไม่นับรุ่นพี่อีกคนอย่าง ‘แอชตัน’ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของพวกเธอสามปีที่ตอนนี้จบไปแล้ว รายนั้นทั้งหล่อ ทั้งรวย ดีกรีทายาทหมื่นล้านที่ตอนนี้แต่งงานกับพี่สาวของเพทายไปเป็นที่เรียบร้อย ทำเอาสาวๆ ในมหาวิทยาลัยได้แต่น้ำตาตกใน รวมทั้งเธอด้วย
“ไอ้เพ...ทำบ้าอะไรวะเนี่ย!!” มือน้อยยกขึ้นถูข้างแก้มที่เพิ่งโดนเพทายจอมกะล่อนขโมยจูบไปเมื่อครู่
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ