“เอามาเถอะน่า...” มือเรียวของญาณินกดบางอย่างที่หน้าจอโทรศัพท์ของมานิตาจนเธอขมวดคิ้ว แต่ก็ต้องละสายตาไปจ้องที่หน้าห้องก่อนเพราะกลัวเรียนไม่ทัน กระทั่งเลิกคลาสแล้วก็ยังเห็นญาณินยังกดบางอย่างที่โทรศัพท์ของเธออยู่
“ทำอะไรเนี่ย...”
“อะ...เรียบร้อยแล้ว” มือน้อยของญาณินยื่นโทรศัพท์กลับคืนให้เพื่อน จนมานิตาได้แต่หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างสงสัย จากนั้นก็จ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง
ดวงตากลมโตกวาดตามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นแอปพลิเคชันบางอย่างมาปรากฏอยู่ในเครื่องของเธอ มันเป็นแอปสีชมพูหวานแหววและเธอรู้จักดีเพราะเคยเห็นโฆษณาที่หน้าฟีดโซเชียลบ่อยๆ ที่บอกว่าหาเพื่อนสัมพันธ์ แต่ความจริงเพศสัมพันธ์ต่างหาก
“ทำอะไรเนี่ย...”
“แอปฯ หาเนื้อคู่ยังไงล่ะ”
“ไม่เอา...จะมาโหลดให้ทำไม ไม่ได้จะเล่น ฉันจะลบออกเปลืองเมมในเครื่อง” มือบางของมานิตากำลังจะจัดการลบแอปฯ หาคู่ของเพื่อนรักออกจากเครื่อง แต่กลับโดนมือของญาณินดึงโทรศัพท์ไปซะก่อน
“ไม่ได้...ลองเล่นดูก่อน ถ้าไม่คลิกกับใครก็แค่ไม่คุย แกควรมีแฟนได้แล้วนะยัยมิลค์กี้ สวยก็สวยชอบทำตัวห้าวอยู่ได้”
“สวยตรงไหน เอาอะไรมองญาณิน...”
“นี่...ไม่รู้ตัวเองอีก สวยจะตายห่าละ ไม่งั้นไอ้เพไม่จ้องจะเล่นแกแบบนี้หรอก” นิ้วเรียวของญาณินจิ้มที่หน้าอกของเพื่อน
“เล่นอะไร...แกพูดอะไรญาณิน” เสียงหวานถามอย่างตะกุกตะกักพร้อมกวาดตาไปรอบๆ เพราะกลัวคนอื่นจะได้ยินสิ่งที่พวกเธอคุยกัน
“มันอยากเคลมแกจะตาย ฉันมองออก ระวังมันไว้ให้ดีๆ ล่ะ”
“มันเล่นเฉยๆ มั้ง แกคิดมากอะญาณิน” มานิตายิ้มแห้ง
“เหอะ...คอยดูละกัน ถ้าไม่รีบมีผัวนะ แกได้มันเป็นผัวแน่ หรือแกอยากได้มันเป็นผัว ช่วงนี้ฉันได้ข่าวว่ามันก็รวยใช่เล่นนะ พี่เขยรวยขนาดนั้น น้องเมียจะกระจอกได้ยังไงจริงไหม...”
“บ้า...ใครจะอยากได้มันกันล่ะ เพื่อนกันทั้งนั้น อีกอย่างฉันไม่ได้สวยสักหน่อย คิดมาก...ตั้งแต่เรียนมาจนปีสี่ไม่มีผู้ชายคนไหนมาจีบสักคน สวยจริงก็ต้องมีบ้างสิ”
“เฮ้อ...เพื่อนฉัน ส่องกระจกบ้างเถอะ แล้วเลิกมัดผมหางม้ารวบตึงสักที พูดจาให้มันเป็นผู้หญิงขึ้นหน่อย รับรองหัวกระไดไม่แห้งละ”
“พูดไปนั่น...”
“อะ...ไม่เชื่อรอรับข้อความจากหนุ่มๆ คืนนี้ได้เลย”
“ทำอะไรอีกเนี่ย”
“ก็เดี๋ยวกลับห้องแล้วแกก็เล่นดูสิ...เผื่อตกหนุ่มๆ ได้ ฉันเลือกรูปที่สวยที่สุดให้แกละ รับรองหนุ่มๆ เพียบ ไว้ตอนเย็นค่อยเล่นเดี๋ยวคุยเพลินจะไม่ได้กลับห้อง” ญาณินหันมาขยิบตาให้เพื่อนรักจนเธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยคุยกับผู้ชายคนไหนในเชิงชู้สาวเลย
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง...”
“ขนาดนั้นเลย ถ้าเจองานดีรับรองแกจะติดโทรศัพท์ทั้งวันเลยละ กลับกันดีกว่าเดี๋ยวเย็นซะก่อน”
“อืม...”
ญาณินและมานิตาแยกกันกลับเนื่องจากเพื่อนรักอาศัยอยู่กับครอบครัว ส่วนเธออยู่หอพักคนเดียวเนื่องจากมารดาอยู่ต่างจังหวัดจนต้องมาอยู่หอแบบนี้ แต่มันก็ส่วนตัวดีไม่ต้องวุ่นวายกับใคร แม้จะต้องแบกรับกับค่าใช้จ่ายหอคนเดียวแต่เธอก็ไม่ชินที่ต้องอยู่ร่วมกับใคร
“ขึ้นรถ...” รถหรูเคลื่อนมาขนาบข้างกับร่างเล็กของมานิตาที่กำลังเดินบนฟุตพาทในมหาวิทยาลัยเพื่อจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับหอพัก และช่วงนี้เย็นแล้วทำให้ไม่มีวินผ่านเข้ามาเธอเลยต้องอาศัยการเดินไปหาจุดขึ้น และถึงจะอยู่หอพักแต่มันก็ไม่ได้ใกล้ถึงขนาดจะเดินกลับได้ เพราะยิ่งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเท่าไหร่ค่าเช่าก็ยิ่งแพง เธอเลยเลือกจะอยู่ไกลนิดหน่อยเพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย
“อะไร...” มานิตาหันไปมองคนที่เพิ่งเปิดกระจกรถเรียกเธอ ทุกวันนี้เพทายรวยเอาๆ จนอดสงสัยไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะกลัวจะเป็นการเสียมารยาท
“ขึ้นรถ...” เสียงเข้มตะโกนออกมาดังขึ้น จนคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเธอเป็นตาเดียว
“ไม่...”
“จะขึ้นมาดีๆ หรือต้องให้เดินไปอุ้มขึ้นมา” เพทายออกคำสั่ง จากนั้นก็ใช้ดวงตาคมกริบของตัวเองจ้องมองไปยังร่างเล็กที่มัวแต่ยืนหันซ้ายหันขวา พร้อมทั้งมองรถที่ต่อแถวรอเพทายขับออกไป จนเธอไม่มีทางเลือกที่จะขึ้นไปนั่งบนรถหรู
“ทำอะไรอีกเพ...เห็นไหมคนรอขับรถออกตั้งเยอะ” เมื่อขึ้นมาในรถแล้วเสียงหวานก็หันไปตวาดใส่คนตัวโตที่สายตาของเขาจ้องมองถนนเบื้องหน้าอย่างไม่ได้สนใจเสียงแว้ดๆ ของเธอ
“จะตะโกนทำไม...ได้ยินแล้ว คุยกันแค่สองคนไหม” เพทายส่งเสียงบอกจนมานิตาหันไปนั่งกอดอกของตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ
“ชิส์...”
“กลับหอเลยไหม”
“กลับเลยสิ จะอยู่ทำไมล่ะ หรือนายอยากอยู่ที่มหาวิทยาลัย” เสียงหวานถาม
“อยากอยู่กับเธอได้ไหม” เสียงที่ดังออกมาอย่างแผ่วเบาทำเอามานิตาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง แต่จะให้ถามย้ำอีกครั้งมันก็ยังไงอยู่ เธอเลยนั่งนิ่งเงียบและรับรู้ถึงอาการเห่อร้อนที่ข้างแก้มของตัวเอง
ติ๊ด!!
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ