“ไม่มีใครเห็นหรอก ฟิล์มรถมืดจะตาย ขอจูบปากทีหนึ่งให้หายคิดถึงก่อน เพราะคืนนี้เธอทำให้ฉันต้องนอนคนเดียว” สีหน้าและคำพูดที่แสนจริงจังของเขาทำเอาเธอกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก
“เอ่อ...”
“ช้าว่ะ” เมื่อพูดจบเพทายก็คว้าคอของมานิตาเอาไว้จากนั้นเขาก็ประกบปากจูบกับหญิงสาวทันที ปากชื้นทำการดูดดึงขบเม้มปากเล็กอยู่หลายนาทีจนพึงพอใจ แต่คนตัวเล็กกลับรู้สึกว่าปากของเธอมันกำลังบวมเจ๋อเพราะแรงดูดเมื่อครู่นะ
“อื้อ”
“มัดจำไว้ก่อน จำสัญญาที่ให้ได้ใช่ไหม ห้ามลืม...และสั่งห้ามไปทำอย่างนี้กับใคร เพราะถ้ากูรู้กูเอาทั้งมันและมึงตายแน่” เพทายบอกด้วยเสียงจริงจัง เพราะเขาเป็นคนหวงของรวมถึงผู้หญิงตรงหน้านี้ด้วย
“ขู่อยู่ได้ เป็นพ่อไง”
“เปล่าแต่เป็นผัว แล้วจะทำไม” เพทายตอบหน้าตายจากนั้นเขาก็เอาลิ้นหนาดุนดันที่กระพุ้งแก้มของตัวเองแล้วมองเธออย่างยียวน
“นายแม่งคิดเองเออเองตลอด ไม่คุยด้วยแล้ว”
ร่างเล็กเดินลงจากรถอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งเอามือบางจับที่แก้มทั้งสองข้างที่มันกำลังเห่อร้อนอย่างชัดเจน
“ไอ้คนบ้า...ทำแบบนี้ทำไมเนี่ย” ร่างเล็กรีบเดินจ้ำอ้าวไปรอเพื่อนรักที่ใต้หอ แต่ใบหน้าหวานเนี่ยสิกำลังแดงก่ำเพราะนึกถึงเรื่องราวของเธอและเพทายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“มิลค์กี้!!” เสียงเรียกอันคุ้นหูทำให้มานิตาที่กำลังคุยกับตัวเองต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
“อ้าวมาแล้วเหรอ”
“มาแล้วสิ ฉันเรียกแกตั้งนาน เป็นอะไรหรือเปล่าหน้าแดงๆ ด้วย” ญาณินเดินเข้ามาจับแก้มของเพื่อนที่มันกำลังแดงปลั่งราวกับไปดื่มเหล้ามาอย่างนั้น
“สงสัยจะร้อนมั้ง”
“ร้อนอะไรอากาศหนาวจะตาย ขึ้นห้องเถอะ ฉันปวดฉี่แล้ว” ญาณินพูดจบก็คว้าแขนของมานิตาแล้วพาเดินขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว มานิตาหันหลังกลับมาเพื่อมองรถหรูของเพทายที่ยังจอดที่เดิม ทำไมนะเธอถึงอยากอยู่กับเขาทั้งๆ ที่สถานะระหว่างเธอกับเพทายมันยังคงเป็นได้แค่เพื่อน
สองสาวเดินขึ้นมาบนห้องนอนโดยที่ญาณินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้อง ส่วนมานิตาก็นั่งโทรศัพท์รอและก็พบกับข้อความของเพทายที่ส่งเข้ามา
(ไม่อยากให้กลับเลยรู้ไหม เธอทิ้งฉันอะมิลค์กี้)
(ทิ้งอะไร ญาณินมาห้องนะ)
(ก็ถ้าไม่มีญาณินเธอมานอนบ้านฉันนะ บ้านฉันเตียงกว้างมากนอนได้สองคนเลย) สิ่งที่เพทายส่งมาทำให้มานิตาเขินตัวม้วน ใครจะไปคิดว่าเพทายจะมีมุมแบบนี้เธอคิดว่ามันจะทำตัวดิบเถื่อนอย่างเดียวเสียอีก
“แกเป็นอะไรไปมิลค์กี้ทำท่าเหมือนเขิน” ญาณินที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนกำลังยิ้มกับหน้าจอคนเดียว “เอ๊ะ...หรือว่าแกได้ผู้ใหม่แล้ว ไหนขอดูหน่อยสิ”
ใบหน้าสวยของญาณินชะโงกหน้ามาดูที่หน้าจอโทรศัพท์ของเพื่อน แต่มานิตาเอาโทรศัพท์มาทาบที่ตัวก่อนที่เพื่อนจะเห็นว่าเธอคุยกับใคร เรื่องนี้ยังบอกใครไม่ได้จนกว่าจะแน่ใจ
“ไม่มีสักหน่อย จะมาสนใจอะไรของฉัน สนใจเรื่องของแกที่ร้องห่มร้องไห้มาหาฉันดีกว่า” มานิตาพยายามเบี่ยงประเด็นเพราะกลัวจะมาเข้าเรื่องของตัวเอง ถึงตอนนั้นเธอคงตอบคำถามญาณินไม่ถูก เรื่องของเธอกับเพทายมันซับซ้อนเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ
“พ่อบอกจะให้ฉันแต่งงานกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันไม่อยากจะแต่งเลย”
“ทำไมพ่อต้องบังคับด้วยล่ะ”
“เรื่องธุรกิจของพ่อ” มานิตารับรู้มาตลอดว่าญาณินเป็นลูกคนรวย รวยชนิดที่ว่าไม่น่าเชื่อว่าจะมาคบกับเพื่อนอย่างเธอ เธอที่เกิดมาอยู่กับมารดาเพียงแค่สองคน ส่วนพ่อน่ะเหรออย่าพูดถึงเลย ปล่อยให้ท่านใช้ชีวิตที่แสนมีความสุขของท่านเถอะ ลูกนอกคอกอย่างเธอก็เป็นได้แค่คนนอกสายตาของบ้านหลังนั้น
“แล้วจะเอายังไง”
“ฉันจะต้องหาคนไปเป็นแฟนเพื่อหลอกพ่อ แกว่าใครจะช่วยฉันได้เรื่องนี้” ญาณินบอกด้วยเสียงแน่วแน่
“คิดอะไรเนี่ย” มานิตาหน้าเหวอเพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะใช้มุกนี้หลอกผู้ใหญ่ ไม่รู้ว่าพวกท่านจะเชื่อไหมกับการมีแฟนหลอกๆ ของญาณิน
“ไม่ได้คิดเล่นๆ นะฉันเอาจริง ฉันต้องหาใครสักคนมาเป็นแฟนให้ได้ หลอกๆ ก็ยังดี ฉันไม่อยากแต่งงานทั้งๆ ที่เพิ่งเรียนจบหรอกนะ ฉันยังไงใช้ชีวิตวัยรุ่นอยู่ ยังอยากคบหาดูใจกับใครสักคนไม่ใช่เรียนจบปุ๊บแต่งงานเลยแบบนี้ ฉันไม่โอเค” ใบหน้าของญาณินบ่งบอกถึงความอมทุกข์ แต่เธอก็ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไงดี
“จะเลือกใครล่ะ ผู้ชายในแชตของแกไหม” มานิตาเสนอออกมา
“ไม่เอาหรอก แต่ละคนที่ฉันเจอนะ หน้าหม้อกันทั้งนั้น” ญาณินบอกด้วยน้ำเสียงเจ็บใจ
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ