“เอ้า! แต่แกยังชวนฉันเล่นอยู่เลยนะ ไหงเป็นงี้อะ” มานิตาหน้าเหวอเมื่อเพื่อนทำเหมือนแอปฯ หาเพื่อนอะไรนั่นไม่ดี ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนโหลดมาให้แท้ๆ
“ก็ฉันเจอแต่ละคนไม่ดีทั้งนั้น นัดเยบ้าง หม้อไปเรื่อยบ้าง หนักสุดคือมีแฟนอยู่แล้วยังมาชวนฉันไปเดต ดีนะฉันเอาประวัติไปสืบมาก่อน ไม่งั้นนะฉันกลายเป็นมือที่สามอย่างแน่นอน ฉันถึงบอกไงให้แกดูดีๆ ระวังเจอคนไม่ดี ถามว่ามีคนดีไหมมันก็มีนะแต่อาจจะเป็นส่วนน้อย แต่มันมีแหละคนดีๆ อะ” ญาณินสอนเพื่อนเพราะเธอเข้าใจโลกโซเซียลดีว่ามันมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป พวกงานดีๆ รูปหล่อบ้านรวยแต่ยังโสดมันแทบหาไม่ได้เลยในสังคมปัจจุบัน
“รู้แล้ว...ฉันไม่ได้เชื่อใครง่ายขนาดนั้นสักหน่อย”
“เหรอ...แกทำเป็นแข็งกระด้างแต่รู้อะไรไหม แกอะอ่อนแอกว่าฉันอีก ที่ฉันบอกเพราะอยากให้แกได้สติระวังพวกผู้ชาย บางคนทำดีกับเราแต่ในใจนะหวังเคลมเราจะแย่ แต่พอมันได้เรานะมันก็ทิ้งเราอย่างกับของเก่าที่มันไม่ใช้” ญาณินสอนเพื่อนรักเพราะกลัวมานิตาโดนหลอก ซึ่งคำพูดของญาณินทำให้หญิงสาวฉุกคิดเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเพทายทั้งเมื่อวานและวันนี้ หรือชายหนุ่มหวังแค่นั้นจริงๆ นะ เขาหวังแค่ตัวเธอ หว่านล้อมให้เธอตกหลุมพรางแล้วจะเขี่ยทิ้งเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ของตัวเอง
“ยัยมิลค์กี้...เป็นอะไรเนี่ยนิ่งไปเลย”
“ฮะ...ไม่มีอะไร แค่คิดอะไรเพลินๆ แค่นั้น” เมื่อหลุดออกจากภวังค์มานิตาก็จ้องหน้าเพื่อนทันทีเพราะไม่อยากให้ญาณินจับผิดเธอ
“เหรอ...แกดูแปลกๆ นะ มีอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า” ญาณินหรี่ตามองเพื่อนรักราวกับกำลังจับพิรุธซึ่งมันก็จริงเพราะมานิตากำลังมีบางอย่างอยู่ในใจ “มีอะไรเล่าให้ฉันฟังได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว ไม่อย่างนั้นแกจะอึดอัด ฉันพร้อมจะเป็นคนรับฟังที่ดีของแกนะ”
“รู้แล้วน่ะ สรุปฉันปลอบแกหรือแกปลอบฉันเนี่ย”
“นั่นสินะ แต่เมื่อกี้ฉันคิดอะไรออกละ” จู่ๆ ญาณินก็ดีดนิ้วของตัวเองอย่างแรงเมื่อปิ๊งไอเดียบางอย่างในสมอง
“อะไรอะ”
“ฉันจะไปขอให้วาโยมาแกล้งเป็นแฟนฉัน” ญาณินยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยจนเธออดขำกับท่าทีของเพื่อนไม่ได้จริงๆ
“ทำไมต้องวาโย”
“บ้านมันรวย อีกอย่างพ่อฉันชอบคนที่มีฐานะเท่าเทียมกัน จะมีอะไรเหมาะไปกว่าการที่จ้างมันมาเป็นแฟน หึหึ”
“แล้วมันจะยอมเหรอ”
“ต้องยอม ถ้าไม่ยอมแกก็ต้องช่วยฉัน และฉันจะขอให้เพไปช่วยพูดให้ด้วย แกสนิทกับเพทายมากกว่าฉันไปช่วยบอกมันให้ตื๊อวาโยให้หน่อย”
“เอ่อ...แกก็ไปคุยกับวาโยเองสิ จะมาผ่านหลายต่อทำไม” มานิตาบอกในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะเธอกำลังชั่งใจว่าจะเอายังไงกับความสัมพันธ์ของเธอและเพทายดี เธอไม่อยากให้ทุกอย่างมันถลำลึกไปมากกว่านี้ เธอไม่อยากจะต้องมาเสียใจอะไรอีกแล้ว แค่เรื่องเมื่อปีที่แล้วที่เพทายหันไปคบกับอลิซเธอยังนอนซึมไปหลายวัน
‘ใช่แล้ว เธอแอบชอบเพทายมาตลอด’ ชอบมานานแล้ว และไม่เคยเลิกชอบทั้งๆ ที่ตอนนั้นเพทายมีอลิซอยู่ข้างกาย จนบางครั้งเธอยังเคยอิจฉาความรักของทั้งคู่ ความรักที่เธอคิดว่าคงไม่ได้มันจากเพทาย และถ้าเขารู้เรื่องบางอย่างเขาคงต้องเกลียดเธอไปตลอดกาล
“ไม่เอาหรอก แกก็รู้ว่าวาโยมันชอบแกล้งฉัน”
“เอ้า...แล้วจะให้มันมาหลอกว่าเป็นแฟน ยังไงมันก็รู้อยู่ดีไหม”
“ไม่รู้ล่ะ แกกับเพต้องไปช่วยเกริ่นๆ ให้ฉันก่อน หลังจากนั้นฉันจะได้จัดการต่อได้”
“ญาณินอย่าเอาแต่ใจสิ ไปคุยเองจะได้จบๆ จะให้ฉันไปคุยกับเพทายอีกทำไม” ตอนนี้เธอเริ่มไม่อยากคุยหรือตอบอะไรเพทายแล้วเพราะเมื่อกลับมาคิดดูดีๆ เธอไม่ควรเอาหัวใจของตัวเองลงไปเล่นกับอะไรแบบนี้อีกแล้ว
“แกไม่รักฉัน แกไม่อยากช่วยฉันเหรอมิลค์กี้”
“เฮ้อ...งั้นฉันจะพยายามนะ” มานิตารู้สึกจนปัญญาจึงตอบออกไปแบบนั้นก่อน แต่มันจะได้เรื่องไหมคงต้องมาดูอีกที
“ขอบใจนะจ๊ะเพื่อนรัก ยังไงต้องรีบบอกเพทายให้ไปคุยกับวาโยให้ฉันนะ ฉันรีบ”
“อืม...”
ตลอดทั้งคืนมานิตานอนไม่หลับเพราะกำลังคิดไม่ตกเรื่องของเพทาย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เขาทำกับเธอแบบนี้มันหมายความว่ายังไง เขาแค่อยากเป็นหมาหยอกไก่ หรือรู้สึกดีๆ กับเธอจริงๆ แต่จะให้ถามมันก็ดูเร็วเกินไปหรือเปล่า แล้วถ้ามันไม่ได้คิดจริงจังเธอจะทำอย่างไร
“นายจะไม่หลอกฉันใช่ไหมเพ”
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ