“ชิมยังไงมันก็มีพลาดกันได้ตลอด ผมเลยต้องเผื่อเอาไว้ไง”
“เอาตัวเองเป็นหนูทดลองนี่นะ”
“ผมพอใจทำใครจะทำไม”
“ใครจะไปทำอะไรเจ้าของรีสอร์ตล่ะคะ ไม่กล้าหรอก” วธุกายุติบทสนทนาด้วยการตักข้าวต้มเข้าปาก ตาก็มองดูการรับประทานอาหารของสามีไปพลาง ๆ มีบ่อยครั้งที่เขามองกลับมาแล้วเธอหลบตาไม่ทัน
“อุ๊บ!” ข้าวต้มแทบจะไหลพรวดลงคอแบบไม่ได้กลืน รีบยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มในทันที
“เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอกคุณวาท ดูซิ เลอะปากไปหมดแล้วนั่น” ความใจดีของสามีก็เผยออกมา ในตอนที่เขาหยิบกระดาษทิชชูออกมาจากกล่อง แล้วเช็ดขอบปากให้อย่างลวกๆ นุ่มนวลเหรอ ฝันไปเถอะ
“พอแล้วๆ กะจะต่อยปากกันหรือไงเช็ดแบบนี้” หญิงสาวรีบดึงมือสามีออกแล้วมองค้อนเขาเล็กน้อย
“หวังดีแท้ๆ”
‘เก็บไว้ใช้กับตัวเองเถอะคนบ้า’
“คุณวิเนตย์ฉันมีเรื่องจะขอคุณ” วธุกาเขี่ยข้าวต้มในถ้วยไปมาระหว่างบอกเขา
“เรื่องอะไร” วิเนตย์ถามกลับทั้งที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ในปาก ออกจะไร้มารยาทสำหรับวธุกาแต่หญิงสาวกลับไม่ถือสาเขาแต่อย่างใด
“ฉันอยากทำงานอยากมีเงินเดือนเหมือนตอนที่อยู่บ้านคุณยาย ฉันเคยทำงานมาตลอดชีวิตอยู่ๆ จะให้มานั่งๆ นอนๆ เป็นเมียของคุณอย่างเดียวคิดว่าคงทำได้ไม่นาน”
“ไม่ได้ ผมคงไม่จ้างเมียตัวเองทำงานหรอก” เขาตอบแบบที่ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองคนพูดด้วยซ้ำ
“ทำที่อื่น”
“คุณว่าอะไรนะ” หนนี้ช้อนส้อมในมือถูกรวบแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นภรรยาตรงๆ สายตาของวิเนตย์นั้นจ้องมองเหมือนไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง
“ฉันไปทำที่อื่นได้ไหม” วธุกาถามย้ำทั้งที่เห็นชัดว่าคำตอบของเขาคืออะไร
“คุณกำลังต้องการอะไรคุณวาท” เสียงของสามีเธอฟังแล้วเครียด สายตาก็เหมือนจะเจาะทะลุทะลวงเข้าไปในหัวใจ หญิงสาวไม่ชอบถูกเขามองด้วยความระแวดระวังเช่นนี้เลย
“ฉันแค่ไม่อยากอยู่เฉยๆ ให้ฉันไปทำงานที่อื่นนะคะ” ไม่ถูกต้องเลยสักนิดที่เอ่ยคำนี้ออกมา แต่สถานการณ์ของชีวิตคู่มันไม่ปกติจนเธอต้องตัดใจเอ่ยเรื่องนี้
“คุณต้องการเงินเดือนใช่ไหม ในฐานะที่เป็นเมียของผม”
“เปล๊า! ฉันแค่อยากทำงาน ส่วนเงินเดือนมันก็ใช่ แล้วเมื่อคุณไม่ต้องการให้ฉันทำงานของคุณ ฉันก็ต้องออกไปทำงานที่อื่นมันผิดตรงไหนคุณวิเนตย์” วธุกาแย้งเขาเสียงดัง
“ผมอยากรู้คุณวาทใครเขาจะรับคนอายุสามสิบห้าเข้าทำงาน ยิ่งแถวนี้ด้วยแล้วคุณจะเดินทางยังไง แต่ละอำเภอนี่ห่างกันเป็นร้อยกิโล คุณคิดบ้างไหม” เหตุผลของเขาทำเอาวธุกาอึ้งกิมกี่ คิดตามที่เขาพูดก็เป็นจริงตามนั้นทุกประการ
“ฉันก็แค่ถามเผื่อ” พูดแล้วก็ก้มหน้าตักข้าวต้มเข้าปากต่อ
‘มันต้องมีสักทางสิที่ชีวิตจะไม่ต้องถูกเขาจองจำอย่างนี้’
“แล้วถ้าเกิดว่าฉันหางานได้ล่ะคะ” วธุกาไม่ยอมแพ้ทำตาปริบๆ ถามสามีต่อ
“หาให้ได้ก่อนเถอะคุณวาท ตอนนี้ก็ทำตัวเป็นเมียของผมไปก่อนนะ อย่าเพิ่งฟุ้งซ่าน กินๆ เข้าไปข้าวน่ะพูดมากอยู่นั่นแหละ”
“คุณไม่เข้าใจฉันเลย คนเคยทำงานมาตลอด อยู่ๆ ก็มานั่งเฉยๆ มองคุณกับลูกน้องทำงานไปวันๆ กว่าจะครบหนึ่งปีที่เราจะหย่ากันฉันก็แห้งเหี่ยวเฉาตายกันพอดี” ความน้อยอกน้อยใจทำให้วธุกาพึมพำออกมาระหว่างยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“กลางคืนออกจะตื่นเต้นเร้าใจ รับประกันได้ว่าผมไม่ปล่อยให้คุณแห้งเหี่ยวเฉาตายหรอก” พูดแล้วขยิบตาใส่ภรรยาไปด้วย ริมฝีปากได้รูปของวธุกาขมุบขมิบไปมา
‘ไอ้!#%$#&*^()&$#@$#@%@#$’
แน่นอนว่าเสียงด่าย่อมอยู่ในใจ ก่อนจะตั้งหน้าตักข้าวต้มเข้าปากจนหมดถ้วยในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นสามีของเธอก็ถูกตามตัวจากผู้จัดการรีสอร์ต เพราะว่ามีบ้านพักบนแพหลังหนึ่งเครื่องทำน้ำอุ่นเกิดชำรุด ความจริงแล้วไม่น่าจะใช่เรื่องของเจ้าของรีสอร์ตที่จะต้องเข้าไปดูแลในจุดนี้ แต่เอกวัสก็ได้รับคำสั่งจากวิเนตย์ว่าให้แจ้งเขาทุกครั้งกรณีมีอะไรชำรุดภายในรีสอร์ต แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ชายหนุ่มก็ต้องการที่จะเข้าไปรับรู้ปัญหานั้นด้วยตัวเอง
“เวลาคุณวิเนตย์ไปดูนะคุณวาท คนงานจะขยันขันแข็งมาก ผิดกับเวลาที่พี่วัสไปดูเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยเลยคนนั้น” ศิรดาประชาสัมพันธ์สาวเล่าเรื่องนี้ให้ภรรยาเจ้าของรีสอร์ตฟัง
“จริงเหรอดา”
“จริงค่ะ เพราะความใจดีของพี่วัสนี่แหละทำให้คนงานทำงานไม่เต็มที่ในบางวันนะคะ แต่วันไหนพี่วัสแกองค์ลงก็เอาเรื่องเหมือนกันดานี่โดนประจำเลย ทั้งด่าทั้งสอนไปในตัว”
“คุณวัสคงอยากจะให้งานออกมาดี บางทีฉันก็ทำแบบนั้นเหมือนกันตอนทำงานอยู่ที่รีสอร์ตคุณยาย งานที่ดาทำนี่ฉันทำเองแทบทั้งหมดเลย สากกะเบือยันเรือรบ แต่เพราะรีสอร์ตเล็กๆ ลูกค้ามีน้อยเลยไม่เหนื่อยสักเท่าไหร่”
“จริงๆ ที่นวลน้อยรีสอร์ตก็น่าจะปรับปรุงแบบคนอื่นบ้างนะคะ ยังเป็นบ้านพักแพไม่มีกิจกรรมแบบนั้นแข่งกับคนอื่นลำบากนะคะคุณวาท”
“ก็จริงของดานะ แต่คุณป้าท่านไม่อยากให้ลูกค้าล่องแพลอยคอตามน้ำ แกบอกไม่ปลอดภัยไม่มีคนคอยดูแกไม่อยากเสี่ยงเพราะกระแสน้ำตรงรีสอร์ตของเรามันอยู่ท้ายสายมันค่อนข้างแรง”
“ก็มีเหตุผลเหมือนกันนะคะ ทำเลตรงนั้นน้ำมันก็เชี่ยวจริงๆ แถมลึกกว่าที่อื่นๆ อีกด้วย แล้วทำไมไม่สร้างสระว่ายน้ำเรียกลูกค้าเพิ่มล่ะคะ ที่นี่พอสร้างสระว่ายน้ำเพิ่มลูกค้าก็เพิ่มตามด้วยนะคะ คุณวิเนตย์มองการณ์ไกลมาก บอกว่าตอนเย็นลูกค้าไม่มีอะไรทำจะได้มาพักผ่อนริมสระว่ายน้ำแทน” ศิรดารู้ดีในเรื่องของลูกค้าของทางรีสอร์ตที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นเท่าตัว
“ก็อยากอยู่แต่งบไม่มี” วธุกาบอกตามตรงไม่คิดปิดบังแต่อย่างใด
“อ้อ ดาก็ลืมไป ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกดา ฉันอยากช่วยงานคุณวิเนตย์เขานะแต่เขาไม่ให้ฉันช่วย น่าเบื่อเนอะ” หญิงสาวทำหน้าเซ็งใส่ศิรดาก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ
เดินชมนกชมไม้ในรีสอร์ตของเขาไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ตรงสระว่ายน้ำรวมของลูกค้า วธุกาก็คงได้แต่มองเธอไม่กล้าลงไปว่ายน้ำในสระว่ายน้ำรวมของเขาหรอก หญิงสาวตัดใจเดินจากไปอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
ตอนที่ : 61 แวมสกาว ดวงใจของพ่อแม่ (จบ)23แวมสกาว ดวงใจของพ่อแม่ แวมสกาวสาวน้อยในวัยสี่ขวบกลายเป็นขวัญใจของทุกคน เด็กน้อยโตขึ้นมากับการเลี้ยงดูที่ดีจนเกินเหตุ หรือว่าเป็นที่ตัวเด็กเองที่ชอบการรับประทานอาหารเป็นที่สุดก็ไม่รู้ จึงทำให้กลายเป็นเด็กตัวอ้วนปุ๊กลุกเกินกว่าปกติ วธุกาเองก็ตัดสินใจเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองว่าวาทตามความต้องการของสามี ในขณะเดียวกันก็เรียกเขาสั้นๆ ว่าคุณเนตย์เหมือนกัน วันนี้วธุกาได้พาลูกสาวไปเยี่ยมเยียนนนท์นทีตั้งแต่ช่วงสายแล้ว เที่ยงนี้วิเนตย์จึงต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง หลังรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จเขาก็เดินเข้าไปในห้องรับแขก เพื่อที่จะเอนหลังตรงโซฟา แต่แล้วสายตาของชายหนุ่มก็มองไปเห็นสมุดเล่มหนึ่งวางเอาไว้บนโต๊ะในห้องร
ตอนที่ : 60 ปล่อยวาง 3 วธุกาเปลี่ยนชุดเป็นบิกินีสีแดงเพลิง เป็นชุดเดียวกับที่เคยใส่ตอนฮันนีมูนครั้งแรก ส่วนสามีของเธอก็เดินไปปิดม่านตรงหน้าบ้านพักไม่ให้คนข้างนอกมองผ่านเข้ามาได้ ปิดไฟตรงหน้าบ้านให้เหลือเพียงโคมสลัวๆ แสงนวลตา ในบ้านหากลูกร้องก็สามารถได้ยินเสียงได้เช่นเดียวกัน เมื่อพร้อมเสร็จสรรพทุกสิ่งอย่าง ภรรยาคนงามก็เดินลงไปแช่ตัวอยู่ในสระว่ายน้ำขนาดเล็ก มีน้ำผลไม้วางไว้บนขอบสระพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มของสามี มองเห็นเขาเดินเข้าไปเปลี่ยนเป็นกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วแล้วหัวใจของภรรยาอย่างเธอก็เต้นแรง “กินเบียร์ก่อนไหมคุณวิเนตย์ มีของว่างด้วยนะคะ” พยายามเบี่ยงความสนใจไปที่เครื่องดื่มและของว่าง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเอาเสียเลย เพราะเขาเดินลงสระว่ายน้ำและตรงดิ่งมาหาเธอในทันที
ตอนที่ : 59 ปล่อยวาง 2 “อยากไหม จูบน่ะ” เจอคำถามจี้ใจดำกับสายตาประกายหยาดเยิ้ม วธุกาเลยต้องก้มหน้าลงต่ำจนปากนุ่มแตะกับริมฝีปากหนาของสามี เพียงเท่านั้นท้ายทอยของเธอก็ถูกเขารั้งเอาไว้แน่น แล้วแทรกชิวหาอุ่นซ่านเข้าหาอย่างรวดเร็ว จูบของเขาช่างหอมหวานละมุนละไม อ่อนนุ่มนาบเนิบตามความปรารถนา เนิ่นนานพอสมควรก่อนที่ทั้งคู่จะผละออกจากกัน ริมฝีปากของวธุกามันวับจนเขาต้องยกมือขึ้นเช็ดป้ายให้“หวานมากคุณวาท”“ปากคนนะคะไม่ใช่น้ำตาล” “เอางี้ดีไหมคุณวาท ครั้งนี้ถือว่าเรามาฮันนีมูนกันรอบสองดีไหม บรรยากาศให้ด้วยดูสิท้องฟ้าสีสวย ทะเลก็แสนงาม มีหาดทรายสีขาวนวลพร้อมกับสระว่ายน้ำส่วนตัว ให้นึกถึงวันที่เราฮันนีมูนกันคุณว่าไหม” “จะดีเหรอคะ” 
ตอนที่ : 58 ปล่อยวาง22ปล่อยวาง สองเดือนหลังจากนั้นวธุกาก็ได้รับข่าวร้าย บิดาของเธอได้เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งไม่ได้มีการแจ้งอาการป่วยของท่านมาก่อนหน้านี้ แต่มีโทรศัพท์มาที่บ้านยายนวลน้อยในวันที่ท่านเสียไปแล้ว นางอารตีบ่นแล้วบ่นอีกเพราะบิดาของวธุกาไม่เคยติดต่อมาถามไถ่ข่าวคราวลูกสาวเลย แต่พอเสียชีวิตลงฝ่ายภรรยาใหม่ก็โทรศัพท์มาบอกเสียอย่างนั้น “ไม่ตายก็ไม่โทรมานะคะคุณแม่ นึกว่าลืมเบอร์โทรไปแล้วที่ไหนได้... แสดงว่าตั้งใจทอดทิ้งยัยวาทชัดๆ” “เขาเป็นพ่อลูกกัน แกก็จะอะไรนักหนายัยตี”&
ตอนที่ : 57 ผลผลิตจากการขโมย 2 “มิน่าล่ะ ผมก็สงสัยทำไมคืนนั้นเมียผมถึงได้เร่าร้อนนักนะ รุกผมทั้งคืนเลย ที่ไหนได้ก็มีแผนอันพิลึกพิลั่นแบบนี้นี่เอง” เขาโคลงตัวไปมาเบาๆ พร้อมกับขำในเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต “ก็ต้องโทษคุณนั่นแหละที่ไม่ยอมมีลูกกับฉันเอง ก็เลยต้องใช้เล่ห์กลอุบายกันบ้าง มีเท่าไหร่ก็งัดใส่ทั้งหมด ดูซิ เคยอ่อยใครที่ไหนล่ะ แล้วยังจะทำเรื่องแบบนั้นอีก ไม่ด้านพอทำไม่ได้นะนั่น” หญิงสาวประชดประชันตัวเองไปพร้อม ดันตัวออกห่างเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะได้มองสบสายตากับเขาได้ถนัด “ผมขอเดานะว่าความคิดนี้คุณนนท์นทีต้องมีส่วนร่วมด้วยใช่ไหม ลำพังคุณคงไม่คิดได้ประหลาดขนาดนี้” “ก็พูดไปนั่น ความจริงฉันตั้งใจจะไปขออสุจิที่โรงพยาบาล แต่นนท์เขาแนะ
ตอนที่ : 56 ผลผลิตจากการขโมย21ผลผลิตจากการขโมย เสียงร้องไห้กระซิกๆ ของคนที่อยู่หลังโต๊ะตรงจุดบริการ ทำให้วธุกาต้องชะโงกหน้าเข้าไปมองด้วยความสงสัย พบประชาสัมพันธ์สาวสวยของวิเนตย์ธารารีสอร์ตกำกระดาษทิชชูเพื่อซับคราบน้ำตาอยู่ ท่าทางเหมือนคนกำลังเสียอกเสียใจอย่างรุนแรง “ดาเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” วธุการีบเข้าไปถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่รู้จักศิรดามาหญิงสาวก็ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ “ฮะ...ฮึก ฮือ คุณวาท ฮือๆ” คนร้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วสะอื้นฮักๆ อย่างน่าสงสาร ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่อีกคน “แล้วกัน ยิ่งร้องใหญ่เ