ชายหนุ่มโน้มหน้าไปแนบจุมพิตบนเรียวปากนุ่ม ปลายลิ้นเกาะเกี่ยวกวาดไล้หาความหวานภายในโพรงปากนุ่มอย่างเชื่องช้า
“เธอทำใจให้ชินกับสัมผัสของฉันดีกว่าตะวัน”
เกเบรียลลูบไล้ผิวเนื้อเนียนนุ่ม แต่เพราะว่าหญิงสาวยังคงมีเสื้อผ้าปกปิดเรือนกายอยู่ เขาจึงค่อยๆ ม้วนเสื้อตัวเล็กที่ตัวเองนั่นแหละเป็นคนเลือกให้ออกและโยนทิ้งไป
“ฉันอยากได้ยินเสียงหวานๆ ของเธอ”
ใบหน้าคร้ามแกร่งคลอเคลีย ปากหนาบดเบียดเคล้าคลึงควานหาความหวานจากโพรงปากนุ่ม มือก็ลูบไล้ไล่ลงไปหาทรวงอกคู่งามที่เคยได้ยลโฉมและกลืนกินมันมาแล้วครั้งหนึ่ง ความหวานที่ได้รับยังทำให้เขาติดใจจนลืมไม่ลง
แม้ว่าสิ่งที่เขาสัมผัสอยู่มันจะมีปราการขวางกั้น แต่ก็ขัดความต้องการของเขาไม่ได้ ปากอุ่นขบเม้มลากไล้ไปบนผิวเนื้อใยไหมสร้างความปั่นป่วนราวให้กับภูตะวันจนร้อนราวกับถูกไฟเผา
ใบหน้านวลแหงนหายไปด้านหลัง ผมยาวสลวยหลุดลุ่ยออกจากเชือกที่มัดไว้ แต่แทนที่จะน่ารำคาญ มันกลับกระตุ้นเกเบรียลให้ร้อน เพราะผู้หญิงที่ตอนนี้หาใช่สาวน้อยแล้วไม่ แต่ได้กลายเป็นแม่สาวสุดเซ็กซี่ ที่ทำให้เขาอยากกระโจนลงไปในกองเพลิงพิศวาสอย่างเร็วที่สุด
“ดีมากเลยภูตะวัน...ผิวเธอทั้งนุ่มและหอม” แต่เขายังต้องอดทนเล้าโลมหญิงสาวไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ เพราะรู้ว่าเธอยังไม่เคยมือชาย ถ้ารีบเร่งไปนอกจากภูตะวันจะไม่มีความสุขแล้ว อาจจะทำให้หญิงสาวเข็ดขยาดและขลาดกลัวผู้ชายไปเสียได้
“ตรงนี้...” เขาก้มหน้าลงจุมพิตบนกลางทรวงเต่งตึง เกเบรียลขบริมฝีปากไปตามขอบเสื้อชั้นในสีหวานและบางเบา ที่แทบจะปกปิดผิวเนื้อเนียนนุ่มจากปากและสายตาเขาไม่ได้เลย
“ช่างให้ความรู้สึกดีที่ได้จับมากๆ ”
ภูตะวันวางมือเรียวบนบ่ากว้าง จิกลงไปเต็มแรงด้วยความเสียวซ่านและรัญจวน เธอยิ่งปั่นป่วนมากยิ่งเพราะสัมผัสอย่างแนบชิดของชายหนุ่ม ท้องน้อยแบนเรียบขมวดเป็นเกลียวคลื่น ร่างบางเอนตัวทอดยาวไปตามความยาวของผนังโซฟา โดยมีปากหนาตามติดไปอย่างไม่ลดละ
เกเบรียลขบกับริมฝีปากไปบนผิวเนื้อเนียนนุ่มผ่านเนื้อผ้าหนา ปากหนาอ้าและงับทับทิมผลเล็กที่ดุนดันเนื้อผ้าออกมา
“คุณ...คุณ...” ภูตะวันเรียกชื่อชายหนุ่มไม่ออก
“เรียกฉันว่าเกลซิตะวัน” เกเบรียลบอกเสียแหบพร่า เพราะปากยังแนบชิดอยู่สองเต้าเต่งตึง ชายหนุ่มเคลื่อนใบหน้าไปมาระหว่างสองปทุมถันงามเด่น ฟันขาวขบเม้มปลายลิ้นตวัดทับทิมผลงามเข้าปากทั้งที่มันยังอยู่ในกรวยสีหวาน
“คุณ...เกล...” ภูตะวันเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงแหบพร่า
เกเบรียลรีบกลืนกินทับทิมผลงามเข้าปากอีกระลอก ก่อนจะปล่อยให้มันเป็นอิสระ ชายหนุ่มไล้มือไปบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม หยุดพักอยู่ที่กลางท้องน้อยเนียนเรียบไร้ไขมันส่วนเกิน ก่อนเคลื่อนใบหน้าไปสมทบ พร้อมกับสัมผัสไล้วนเวียนหยอกเย้า สร้างความเสียวกระสันให้หญิงสาวจนกายนุ่มบิดเป็นเกลียว
“ได้โปรด...หยุดเถอะ” แต่เธอกลับลากไล้มือไปตามลำตัวใหญ่อย่างสะเปะสะปะ ก่อนสะดุดกับเสื้อที่ยังปกคลุมกายแกร่ง เธอเร่งรุดปลดกระดุมออกจากรังดุมด้วยความขัดใจ
เกเบรียลหัวเราะกลั้วคอ จัดการช่วยเหลือหญิงสาวในการกำจัดเสื้อออกจากกายเพื่อให้เธอจะได้สัมผัสกับแผ่นอกกว้างและไรขนเส้นเล็กๆ ที่ความไม่ประสาของเธอทำให้เขาเสียวซ่าน
“เธอนี่...” เพราะต้องการให้หญิงสาวหยุดห้าม เขาจึงฉกจุมพิตลบปากอิ่มแรงๆ ขบกัดกดคลึงพลางเกี่ยวกวัดหาความหวานปานน้ำผึ้ง มือก็เคลื่อนไปด้านหลัง ปลดตะขอเสื้อชั้นในโยนทิ้งไป ก่อนเคลื่อนใบหน้าลงไปตามลำคอระหง หยุดพักระหว่างสองทรวงที่ปราศจากสิ่งปกปิด
ปากหนาขบเม้มกัดเชอร์รี่สีชมพูหวานทั้งสองผลสลับไปมา มือเขาเคลื่อนไหวลงไปด้านล่างที่ยังมีกระโปรงตัวสั้นปกปิดอยู่ ก่อนจับเอวเล็กคอดและดันหญิงสาวขึ้นไปนั่งบนขอบโซฟา แทรกแกร่งระหว่างสองขาเรียว
ภูตะวันยังมีสติเหลืออยู่บ้าง เธออายจนใบหน้าแดง กระโปรงที่ชายหนุ่มเลือกมาให้เธอใส่ ถอยร่นขึ้นไปเผยให้เห็นลำขาเรียวยาวเสลา จะดึงกระโปรงมาปิดก็ไม่ได้
หัวใจดวงน้อยก็ต้องสั่นสะทานอีกครา เมื่อเกเบรียลฝังใบหน้าระหว่างลำตัวนุ่ม ริมฝีปากร้อนผ่าวขบเม้มผิวเนื้อผ้าเสื้อตัวสวยบางเบา จนเห็นผิวสีน้ำผึ้งด้านใน
“อือ...คุณ...เกล...”
เสียงร้องและอาการขัดขืนของภูตะวัน เป็นการปลุกเร้าความต้องการของเกเบรียลให้ค่อยๆ ร้อนเป็นเพลิงไฟ กายใหญ่ปวดร้าวด้วยอารมณ์กฤษณาอันดำมืด
“ฉันว่าเอาเจ้านี่ออกดีกว่านะ”
ชายหนุ่มปลดตะขอกระโปรงและดึงรั้งมันออกไปจากเรือนกายกลมกลึง ริมฝีปากร้อนแนบบนลำขาเสลา จากฝั่งหนึ่งข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง แต่ยังไม่ประทับบนดอกทานตะวันที่กำลังชูช่อรอพระอาทิตย์
ภูตะวันขบกัดริมฝีปากสะกดกลั้นเสียงร้อง เธอสัมผัสผิวเนื้อที่ให้ทั้งความอบอุ่นและเร่าร้อน ขณะปล่อยให้กายบอบบางตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเกเบรียลอย่างยินยอมและพร้อมใจ
ริมฝีปากหนาเคลื่อนไปประทับบนดอกไม้อ่อนเยาว์ ลิ้นสากร้อนค่อยๆ ทำความรู้จักกับเกสรนุ่มผ่านชั้นในตัวเล็กและบางเบา ที่ไม่ได้ปกปิดเรือนกายหญิงสาวจากสายตาเขาได้เลย
“...” ภูตะวันครางเสียงแผ่ว เล็บยาวจิกลงไปบนบ่ากว้าง ด้วยความเสียวซ่านและรัญจวนใจ ขาเรียวสั่นระริก ลมหายใจเริ่มติดขัด ขณะมือเขาเคลื่อนไปจับศีรษะทุยหวังจะดึงมันออกจากกาย
แต่สิ่งที่ชายหนุ่มกำลังทำอยู่ หยุดการเคลื่อนไหวของเธอได้อย่างชะงัก ลมหายใจหญิงสาวหอบแรง เรือนกายสั่นจนนั่งไม่ติด
มือใหญ่ดันสะโพกเต่งตึงขึ้นเล็กน้อย ดึงเอาชั้นในบางเบาและเปียกชื้นออกจากกายสาว ปลายลิ้นสากระคายตวัดไล้ปุ่มสีแดงสดรัวเร็วและถี่ยิบ ขาเรียวยาวข้างหนึ่งถูกจับขึ้นไปวางบนบ่ากว้าง เพื่อให้ใบหน้าคมได้แนบชิดกับกายหวานและนุ่มหอม
“ไม่! หยุดนะคุณเกล...”
ภูตะวันพยายามห้ามเสียงสั่นพร่า มันไม่ควรเป็นแบบนี้ หากเธอกลับตอบรับกับวัตถุร้อนผ่าวที่นาบอยู่กึ่งกลางลำตัว เธอจิกมือบนแผ่นหลังกว้างและลากแรงๆ ระบายความเสียวซ่าน
“แน่ใจหรือว่าให้ฉันหยุดจริงๆ ตะวัน” ชายหนุ่มถาม ยิ่งเจ็บตัวมากเท่าไหร่เกเบรียลก็ยิ่งตวัดปลายลิ้นแรงและเร็วมากยิ่งขึ้น และเพียงแค่ไม่นานเขาก็ลิ้มรสน้ำหวานดอกไม้หยดแรงที่ทั้งหวานและหอม
“อืม...” เกเบรียลคำรามลั่น ลิ้นสากร้อนลากไล้ไปตามกลีบของปุบผาสวยสด เส้นทางอบอุ่นและฉ่ำร้อนบีบรัดรอบลิ้นสากที่กำลังกระเซ้าเย้าแหย่กวาดไล้ควานหาน้ำค้าง น้ำหวานนุ่มเอ่อล้นออกมามากขึ้น แต่ว่าเส้นทางแห่งความสุขยังคงคับแน่น เขาจึงละมือจากสองปทุมงามเด่นมาช่วยเปิดเส้นทางให้กับกายใหญ่ที่กำลังปวดร้าวจนแทบจะทนไม่ไหว
“ไม่นะตะวัน ไม่นะคนดี ฉันขอโทษ ฉันรักตะวันนะ รักมากด้วย แต่ฉัน...ฉันพูดไม่ออก” เกเบรียลพูดรัวเร็ว จนไม่รู้เลยว่าตัวเองได้หลุดปากคำว่ารักไปแล้วภูตะวันยิ้มกว้าง รอคอยว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรกับเธอต่อไป ดวงตากลมโตเป็นประกาย ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ“ฉันขอโทษนะตะวัน ฉันรักตะวัน...ตะวันอย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันคงจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ” แขนใหญ่รัดร่างบางเข้าหา“แต่งงานกับฉันนะตะวัน”“คุณเกลรักตะวันและจะแต่งงานกับตะวันจริงหรือคะ”“ฉันระ...ระ...” พอมาถึงตอนนี้คำว่ารักมันก็เริ่มจะติดที่ปากอีกแล้ว“ถ้าไม่บอกรักให้ตะวันได้ยินชัดๆ อีกครั้งตะวันไม่แต่งงานด้วยจริงๆ นะ” ภูตะวันขู่กลับบ้าง“ก็ได้...เอ่อ...”“ถ้าคุณเกลอายนะคะ พูดใกล้ๆ หูให้ตะวันได้ยินคนเดียวก็ได้”ภูตะวันให้ทางเลือก เพื่อไม่ให้คนที่รักอายจนเกินไป เพราะแค่นี้ใบหน้าเกเบรียลก็แดงเป็นกุ้งต้มไปเรียบร้อย สองแขนที่โอบรอบเอวก็สั่น มือที่นาบอยู่ด้านหลังก็เย็นจนเธอสัมผัสได้ปากหนาร้อนแนบชิดใบหูนุ่ม เขาไม่เคยที่จะรู้สึกแบบนี้เลย มันอายและเขินยังไงก็ไม่รู้ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวหัวใจเต้นแรงและเร็วราวกับจะทะลุออกมาจากอกเกเบรียลสูดลมหายใจเข้าปอด หลับตาลง แล้วก็เอ
“ให้มันแน่เถอะตะวัน ถามคนนั้นหรือยังละ ว่าเขาให้ตะวันนอนบ้านตรีหรือเปล่านะ” ตรีประดับบุ้ยใบ้ไปที่ชายหนุ่มที่ยืนหน้าเครียดเคร่งขรึม จ้องมองภูตะวันอย่างน้อยใจ ตัดพ้อ ต่อว่า“ก็ช่างเขาซิ คุณเกลกับตะวันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ตะวันก็แค่หลงเดินเข้าไปในเส้นทางที่ไม่ถูกไม่ควร แต่ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปแล้ว ตะวันจะอยู่กับตรี กับน้าวี”“ใช่ แม่ก็ไม่ยอมให้หนูกับตะวันไปไหนอีก เราจะอยู่กันตามประสา แม่ลูกหลาน ใช่ไหมตะวัน”“ใช่คะน้าวี”คำตอบของหญิงทั้งสามคนทำเอาเฟดเดอริโกที่ดีใจตีปีกผับๆ ว่าได้คนที่รักกลับคืนมาเริ่มจะเดือดร้อน แค่ตรีประดับห่างกายเพียงแค่สองสามวันนี้เขาก็แทบทนไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคืนนี้ไม่ได้กอดหญิงสาวมีหวังลงแดงตายแน่ สมองอันชาญฉลาดเริ่มคิดหาทางออกให้กับตัวเองใบหน้าคมหันไปหาเกเบรียล ที่มีสีหน้าเหมือนเขา แต่ดูท่าว่าจะรุนแรงมากกว่า แล้วก็ให้ยิ้มกว้าง เขาไม่รู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้มีเรื่องอะไรกัน ถึงได้ทำให้ภูตะวันงอน แต่คิดว่าตัวเองน่าจะช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อยละ แล้วค่อยฉกตัวตรีประดับไป เฟดเดอริโกค่อยๆ ทบทวนในสิ่งที่ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างช้าๆ แล้วก็ให้ยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้นตรีป
“รักจนยอมกลายเป็นครอบครัวเดียวกับตรี และแม่ของตรีนะหรือคะ” ศีรษะทุยส่ายเบาๆ อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“พี่เฟดรักตรีมากแค่ไหนคะ มากพอที่จะเรียกแม่ของตรีว่าแม่ไหม”“ได้ซิตรี” คำตอบที่ออกจากปากหนา ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ เพราะกลัวว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเพราะเธอหูแว่วไปเอง แต่เฟดเดอริโกก็ย้ำให้ได้ยินชัดเจนอีกครั้ง ใกล้ๆ กับหู“ได้ซิตรี เพื่อตรีพี่ยอมหมดทุกอย่างเลยจ้ะ ที่รัก” ปากหนาประทับบนใบหูนุ่ม พร้อมกับคำพูดมั่นคงและหนักแน่น“เพียงแค่พี่ขอเวลาตรีสักหน่อยได้ไหม ให้พี่ได้ทำใจและมีความกล้า แล้วอีกไม่นานตรีก็จะได้ยินและได้เห็นว่าพี่ลืมหมดสิ้นความแค้นที่มี และให้ความเคารพรักแม่ของตรี เหมือนกับแม่ของพี่คนหนึ่ง”“พะ..พี่เฟดพูดจริงๆ หรือคะ ตรีไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” ตรีประดับถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแหบพร่า น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลลงอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดอีกแล้ว แต่มันคือความสุขที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้รับ“จริงซิ พี่เคยโกหกตรีหรือ”“เคยซิคะ หลายครั้งด้วย”คำตอบของตรีประดับทำเอาเฟดเดอริโกหน้าม้าน แต่ก็พยักหน้ารับ “งั้นตอนนี้ตรียอมคืนดีกับพี่แ
“ตรีอยู่กับคุณเฟดค่ะ เห็นบอกว่าอยากจะคุยอะไรๆ กันนิดหน่อย”สิ้นเสียงภูตะวันเจสันที่ยังชะเง้อคอรอคอยลูกเลี้ยงก็รีบเดินไปที่ประตู แต่เขาก็หยุดชะงักลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงหวานนุ่มจากปากคู่ชีวิต“ไม่ต้องหรอกค่ะเจสัน ปล่อยให้สองคนนั้นเขาเคลียร์เรื่องของเขาเถอะ”“แล้ววี...”“ไม่หรอกค่ะ วีคิดได้แล้ว และก็ได้แต่หวังว่าหลานชายนอกไส้ของคุณ จะรักและดูแลลูกสาวของวีให้ดีที่สุด และมีความสุขที่สุดเท่านั้นก็พอค่ะ”“มีอะไรกันหรือเปล่าคะน้าวี” ภูตะวันถามอย่างงงๆ ตาก็มองน้าสาวสลับกับเจสัน และก็หันไปมองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งเงียบอยู่มุมหนึ่งของห้องแล้วก็เมินหน้าหนี สองแขนโอบรอดร่างน้าสาวอย่างรักใคร่และคิดถึง“เปล่าๆ จะลูก ว่าแต่ตะวันสบายดีใช่ไหมลูก แล้วหนูจะมาพาพักกับน้าที่บ้านด้วยใช่ไหม”“ค่ะน้าวี ตะวันจะแย่งตัวน้าวีจากลุงเจสันมานอนกอดให้ฉ่ำปอดเลย” ภูตะวันยิ้มหวานเชื่อม และสายตาก็จ้องมองไปเกเบรียลได้ยินภูตะวันภูแค่นั้นเกเบรียลก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เมื่อครู่ล้มลงดังปังใหญ่ ใบหน้าหล่อคมบึ้งตึงขึ้งเครียดและแดงก่ำ ดวงตาเป็นประกายสีแดงเข้ม ลมหายใจหอบเร็วภูตะวันเลิกคิ้ว “มีอะไรหรือเปล่าคะค
ใบหน้าคมคร้ามแดงก่ำ แล้วดวงตาคมดุคู่นั้นเป็นประกายแข็งกร้าว ทั้งโกรธเกรี้ยวและน้อยใจ ร่างใหญ่เดินลิ่วๆ มาหาตรงที่เธอกับตรีประดับยืนอยู่ เท้าเรียวยาวก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ“มีอะไรตะวัน” ตรีประดับเอ่ยถามเพื่อนอย่างแปลกใจ ก็เมื่อครู่ภูตะวันเป็นคนชวนเธอเอง แล้วก็ยังลากเธอเดินลิ่วๆ มาจนเธอหัวแทบคะมำไปข้างหน้า แต่อยู่ๆ ก็หยุดแล้วยังพาเธอเดินไปด้านหลังเฉยเลย“คือ...”“ให้ฉันเป็นคนตอบแทนดีกว่าไหมตรีประดับ” เสียงที่ถามอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับมือใหญ่จับเข้าที่แขนเรียวยาวและดึงจนร่างบอบบางถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งตรีประดับรู้สึกเหมือนกับว่าลำคอแห้งผาก จนต้องรีบกลืนน้ำลายลงคอ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย หัวใจเธอยังคงเต้นแรงและเร็ว ราวกับกำลังจะทะลุออกมาจากทรวง ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ขณะปลดมือใหญ่ออกจากแขนทั้งที่รู้ว่า ถึงจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดจากคีมเหล็กที่คีบอยู่ก็เถอะ“ปะ...ปล่อยตรีนะพี่เฟด เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ พี่จะมาหาเรื่องอะไรกับตรีอีก”“แน่ใจหรือตรี ฉันว่าเธอยังติดค้างฉันอีกเยอะเลยนะ” เฟดเดอริโกถามยิ้มๆ ตอนที่ได้เห็นร่างบอบบางของคนที่รักเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์เช็กอิน เข
ไม่....เขายอมให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ เขาจะต้องตามตัวตรีประดับให้เจอ ไม่ว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน สุดสายปลายฟ้า ก็จะต้องตามหาให้เจอ และบอกให้เธอรู้ว่าเขายอมแพ้แล้ว...ยอมให้ละทิ้งทุกสิ่ง ขอเพียงแค่ให้หญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนเขาตลอดไปก็พอ“ตรีจะไปเมืองไทย เขาคงจะไปหาตะวันที่นั่น” ภารวีพูดเสียงเบา“ไม่จริง คุณเอาอะไรมาพูด ในเมื่อตะวันอยู่ที่นี่”“คุณว่าไงนะคุณเฟด” ร่างบางถึงกับทรุดกองกับพื้นอีกครั้ง ความจริงจากปากเฟดเดอริโกพรั่งพรูเหมือนกับสายน้ำหลาก ให้ภารวีถึงกับร้องเรียกหายาดม ใบหน้าเธอขาวและซีดเผือด“ต...รีแม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ เพราะแม่ถึงทำให้ลูกเป็นแบบนี้ใช้ไหม” ภารวีร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อคิดว่าตรีประดับคงจะทำอะไรเพื่อช่วยภูตะวันจนถึงขั้นเอาตัวเข้าแลก เพื่อจะได้ช่วยเหลือญาติสาว...และคนที่ลูกสาวเธอเลือกขอความช่วยเหลือก็คือชายหนุ่มตรงหน้า ที่คอยจ้องตะครุบอยู่แล้ว“ตามตรีกลับมาให้ได้นะคุณ บอกแกด้วยว่าฉันรักแก แม่คนนี้รักแก” ภารวีจับมือใหญ่ของสามีไว้และจ้องมองเฟดเดอริโกด้วยสายตาวิงวอนขอร้อง“ไม่ครับ” ภารวีและเจสันกำลังจะต่อว่าชายหนุ่มไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่ตามมาก็ทำให้ทั้งคู่ยิ้มได้“คำพูดเหล่านี้ ค