การเตรียมงานแต่งงานของเข้มและพราวเป็นไปด้วยความราบรื่น ท่ามกลางความช่วยเหลือและความยินดีของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นและรอคอยวันสำคัญของปลัดหนุ่มและลูกสาวกำนัน
เข้มและพราวใช้เวลาในการเลือกสรรสิ่งต่างๆ สำหรับงานแต่งงานด้วยกัน พวกเขาเลือกชุดแต่งงานที่เรียบง่ายแต่สวยงาม สถานที่จัดงานที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันงดงามของทุ่งรวงทอง และอาหารพื้นบ้านแสนอร่อยที่ทุกคนชื่นชอบ ในระหว่างการเตรียมงาน ทั้งสองได้มีโอกาสพูดคุยและเปิดใจถึงเรื่องราวในอดีตอีกครั้ง เข้มเล่าถึงความไม่มั่นใจในตัวเองที่เคยมี และความกลัวที่จะถูกทอดทิ้ง ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์ในวัยเด็ก พราวเข้าใจและให้กำลังใจเขา เธอสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป และสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและมั่นคงด้วยกัน “ขอบคุณนะพราว ที่เข้ามาในชีวิตของผม และทำให้ผมเชื่อมั่นในความรักอีกครั้ง” เข้มกล่าวด้วยความรักขณะที่กุมมือพราวไว้แน่น “พราวต่างหากที่ต้องขอบคุณเข้ม ที่ทำให้พราวได้รู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร” พราวตอบด้วยรอยยิ้มที่สดใส วันแต่งงานมาถึง ทุ่งรวงทองถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้และผ้าสีสันสดใส ชาวบ้านต่างแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองที่สวยงาม มาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุข เข้มอยู่ในชุดสูทสีกรมท่าสง่างาม ยืนรอเจ้าสาวอยู่ที่บริเวณพิธีด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เมื่อพราวปรากฏตัวในชุดผ้าไหมสีขาวบริสุทธิ์ งดงามราวกับนางฟ้า เข้มก็แทบกลั้นน้ำตาแห่งความสุขไว้ไม่อยู่ พิธีแต่งงานดำเนินไปอย่างเรียบง่ายแต่ซาบซึ้งใจ ท่ามกลางคำอวยพรและความยินดีของทุกคน เข้มและพราวสวมแหวนให้กันและกัน แลกคำสาบานรัก และจุมพิตกันอย่างหวานชื่น เป็นการเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตคู่ที่สวยงาม หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการ เข้มและพราวได้ร่วมกันรดน้ำสังข์จากผู้หลักผู้ใหญ่และชาวบ้าน ทุกคนต่างก็อวยพรให้ทั้งสองมีความสุข ครองรักกันชั่วนิรันดร์ งานเลี้ยงฉลองจัดขึ้นอย่างสนุกสนาน มีการแสดงพื้นบ้าน อาหารอร่อย และเสียงเพลงที่ครึกครื้น เข้มและพราวเต้นรำด้วยกันอย่างมีความสุข ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและยินดีของทุกคน ในขณะที่งานเลี้ยงกำลังดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ก็มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้างาน ทุกคนต่างก็หันไปมองด้วยความสงสัย เมื่อประตูรถเปิดออก ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งกายสุภาพ เธอคือโรส โรสเดินเข้ามาในงานด้วยสีหน้าที่สงบและสำนึกผิด เธอตรงเข้าไปหาเข้มและพราวที่กำลังยืนอยู่ด้วยกัน “เข้ม… พราว… ฉันมาเพื่อแสดงความยินดีกับพวกคุณ” โรสกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ เข้มและพราวมองหน้ารอสด้วยความประหลาดใจ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจในแววตาของเธอ “ขอบคุณนะโรส” เข้มตอบด้วยความสุภาพ “ฉันขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ฉันเคยทำ ฉันหวังว่าพวกคุณจะมีความสุขมากๆ นะ” โรสกล่าวพร้อมกับยื่นของขวัญชิ้นเล็กๆ ให้กับทั้งสอง พราวรับของขวัญมาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณนะโรส พราวหวังว่าเธอจะมีความสุขกับชีวิตใหม่ของเธอเช่นกัน” โรสยิ้มให้ทั้งสองอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวกลับ เธอโบกมือลาเข้มและพราว และเดินออกจากงานไปอย่างเงียบๆ การปรากฏตัวของเธอเป็นการปิดฉากความบาดหมางในอดีต และเป็นการเริ่มต้นใหม่ของทุกคน หลังจากนั้น เข้มและพราวก็ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างมีความสุข พวกเขาทำงานร่วมกันพัฒนาหมู่บ้าน และสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก ความผูกพันของเข้มและพราวแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทุกวัน พวกเขาเข้าใจและดูแลเอาใจใส่กันและกัน เป็นคู่ชีวิตที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน ท่ามกลางความสงบสุขและความงดงามของทุ่งรวงทอง และในที่สุด ครอบครัวของเข้มและพราวก็ขยายใหญ่ขึ้น เมื่อพราวให้กำเนิดลูกชายและลูกสาวที่น่ารักสองคน เด็กๆ เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น และความผูกพันของคนในหมู่บ้าน เข้มและพราวใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในบ้านหลังเล็กๆ ท่ามกลางทุ่งรวงทองที่พวกเขารัก พวกเขาเป็นที่รักและเคารพของชาวบ้าน และเป็นแบบอย่างของคู่ชีวิตที่ประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงานเพื่อส่วนรวม ความรักที่เริ่มต้นจากความผูกพันในวัยเด็ก เติบโตผ่านอุปสรรคและความเข้าใจผิด และเบ่งบานอย่างงดงามในที่สุด ได้กลายเป็นตำนานรักแห่งทุ่งรวงทอง...หลายเดือนผ่านไป ชีวิตคู่ของแม็กซ์และมินตราดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีความสุข พวกเขาปรับตัวเข้าหากันและเติมเต็มซึ่งกันและกันในทุกๆ ด้าน บ้านของแม็กซ์อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและความรักของทั้งสองคนมินตรายังคงเป็นแม่ค้าส้มตำรสเด็ดขวัญใจชาวตลาด แต่ก็มีแม็กซ์คอยเป็นกำลังใจและช่วยเหลืออยู่เสมอ ในขณะที่แม็กซ์ก็ยังคงทุ่มเทให้กับการเป็นตำรวจที่ดี ดูแลความสงบสุขของอำเภอเล็กๆ แห่งนี้ โดยมีมินตราเป็นคู่คิดและที่ปรึกษาคนสำคัญความผูกพันของทั้งสองแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทุกวัน พวกเขาเรียนรู้ที่จะให้อภัยและเข้าใจในข้อบกพร่องของกันและกัน ความรักของพวกเขาไม่ใช่แค่ความรู้สึกหวานชื่นในตอนแรก แต่เป็นความรักที่เติบโตและหยั่งรากลึกตามกาลเวลาวันหนึ่ง แม็กซ์และมินตราพากันไปเยี่ยมเข้มและพราวที่บ้าน ทั้งสี่คนนั่งคุยกันอย่างอบอุ่นถึงเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต“เมื่อไหร่จะมีหลานให้พวกเราอุ้มเสียทีล่ะน้องแม็กซ์ น้องมิน” พราวเอ่ยแซวด้วยรอยยิ้มแม็กซ์และมินตรามองหน้ากันด้วยรอยยิ้มเขินอาย “พวกเราก็กำลังคิดๆ อยู่เหมือนกันครับพี่พราว” แม็กซ์ตอบ“ถ้ามีหลานเมื่อไหร่ บอกพวกเราคนแรกเลยนะ พวกเราจะช่วยเลี้ยงอย่างดี” เข้มกล่าวเสริมบรรยาก
หลังจากพิธีหมั้นที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความรัก แม็กซ์และมินตราก็เริ่มวางแผนสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ พวกเขาตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของแม็กซ์ ซึ่งเข้มและพราวก็ยินดีต้อนรับมินตราเข้าสู่ครอบครัวด้วยความอบอุ่นมินตรายังคงเปิดร้านส้มตำรสเด็ดของเธอที่ตลาด ซึ่งก็ยังคงได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างเหนียวแน่น แม็กซ์มักจะแวะเวียนมาช่วยเธอที่ร้านในช่วงพักเที่ยง หรือหลังเลิกงาน ทำให้บรรยากาศที่ร้านเต็มไปด้วยความสุขและความหวานชื่นชาวบ้านในตลาดต่างก็เอ็นดูและชื่นชมคู่รักตำรวจหนุ่มและแม่ค้าส้มตำสาว พวกเขามองเห็นความรักและความจริงใจที่ทั้งสองมีให้กัน และต่างก็อวยพรให้ชีวิตคู่ของทั้งสองมีความสุขตลอดไปแม็กซ์ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะดูแลความสงบสุขและความปลอดภัยให้กับชุมชน เขามักจะได้รับคำแนะนำและความคิดเห็นดีๆ จากมินตรา ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นและเข้าใจวิถีชีวิตของชาวบ้านเป็นอย่างดีความสัมพันธ์ระหว่างแม็กซ์และมินตราแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทุกวัน พวกเขาเรียนรู้ที่จะเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกันในทุกๆ ด้าน แม้ว่าจะมีเรื่องให้ขัดแย้งกันบ้างในบางครั้ง แต่ทั้งสองก็สามารถปรับความเข
หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายที่กระท่อมร้าง แม็กซ์ดูแลและเอาใจใส่มินตราอย่างใกล้ชิด ความรักและความห่วงใยของเขาเป็นเหมือนยาที่ช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของเธอ มินตราค่อยๆ กลับมาสดใสและเข้มแข็งขึ้นได้อีกครั้งแม็กซ์ตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้ความหวาดกลัวมาครอบงำชีวิตของพวกเขาอีกต่อไป เขาพามินตราไปพักผ่อนในสถานที่ที่สวยงามและเงียบสงบ เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายและลืมเรื่องราวที่น่ากลัวเหล่านั้นทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เดินเล่นริมทะเล ชมพระอาทิตย์ตกดิน และพูดคุยถึงอนาคตที่สดใสที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน“แม็กซ์… ขอบคุณนะคะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่ได้คุณ ฉันคง…” มินตราเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังคงมีความเศร้าซ่อนอยู่แม็กซ์กุมมือมินตราไว้แน่น “ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้วนะครับ ผมจะดูแลคุณตลอดไป”“ฉันรักคุณนะคะ” มินตรากล่าวด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยม“ผมก็รักคุณครับ มินตรา” แม็กซ์ตอบพร้อมกับจูบเธออย่างอ่อนโยนเมื่อกลับมาที่อำเภอเล็กๆ แห่งเดิม แม็กซ์ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับมินตราอย่างเป็นทางการ เขาอยากจะสร้างความมั่นคงและความสุขให้กับเธอวันหนึ่ง แม็กซ์พาพราวและเข้มมาที่ร้านส้มตำของมิน
ภาพที่มุขกำลังจี้มีดมินตราไว้ ทำให้แม็กซ์หัวใจแทบหยุดเต้น ความโกรธและความเป็นห่วงถาโถมเข้ามาในใจ เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยมินตราให้ปลอดภัย“มุข ปล่อยมินเถอะ เรื่องทั้งหมดมันจบไปแล้ว” แม็กซ์พยายามเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นแต่ยังคงมีความอดทน“ไม่จบ! ตราบใดที่ยัยนี่อยู่ข้างแก ความแค้นของฉันก็ไม่มีวันจบ!” มุขตวาดเสียงดัง มือที่ถือมีดสั่นเทิ้มจ่ออยู่ที่คอของมินตรามินตราพยายามควบคุมความกลัว จ้องมองแม็กซ์ด้วยแววตาที่สื่อถึงความเชื่อมั่นในตัวเขา“แม็กซ์…” มินตราเอ่ยเสียงแผ่วเบา“ไม่ต้องกลัวนะมิน ผมจะช่วยคุณเอง” แม็กซ์ตอบกลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความมั่นใจแม็กซ์ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้มุขอย่างช้าๆ พยายามหาจังหวะที่จะเข้าชาร์จโดยไม่ให้มินตราได้รับอันตราย ตำรวจที่มาด้วยกันก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือเมื่อได้รับสัญญาณ“มุข ผมขอร้อง ปล่อยมินเถอะ แล้วผมจะช่วยคุณเอง” แม็กซ์ยังคงพยายามพูดเกลี้ยกล่อม“แกมันโกหก! แกมันรักแต่ยัยนี่!” มุขตะโกนด้วยความคลุ้มคลั่งมากขึ้น เธอออกแรงกดมีดลงบนคอของมินตราเล็กน้อย ทำให้มินตรานิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดในเสี้ยววินาทีนั้นเอง แม็กซ์ตัดสินใจเข้าชา
หลังจากเหตุการณ์ที่สมุนของมุขเข้ามาข่มขู่มินตรา แม็กซ์ก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลเธอมากขึ้น เขาไม่ยอมให้มินตราคลาดสายตา และพยายามที่จะสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของมุขในเรือนจำแม็กซ์ได้รับข่าวกรองจากเพื่อนตำรวจว่ามุขกำลังวางแผนที่จะหลบหนี โดยมีสมุนภายนอกให้ความช่วยเหลือ แผนการนั้นซับซ้อนและอันตราย ทำให้แม็กซ์รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก“มิน… ผมว่าช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งกลับบ้านคนเดียวเลยนะครับ มาพักที่บ้านผมก่อนดีกว่า” แม็กซ์เสนอด้วยความเป็นห่วงมินตราลังเลเล็กน้อย “แต่ว่า…”“ผมไม่อยากให้คุณต้องตกอยู่ในอันตรายอีกแล้วนะครับ ผมจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ” แม็กซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมินตรายอมพยักหน้า เธอรู้ว่าแม็กซ์หวังดีและต้องการปกป้องเธอ “ขอบคุณนะคะแม็กซ์”ทั้งสองคนไปพักที่บ้านของแม็กซ์ชั่วคราว เข้มและพราวเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดก็รู้สึกเป็นห่วงน้องชายและมินตรามาก พวกเขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและให้กำลังใจอย่างเต็มที่ในขณะที่แม็กซ์กำลังวางแผนรับมือกับการหลบหนีของมุข มุขและสมุนก็ดำเนินการตามแผนอย่างลับๆ พวกเขาสามารถหาช่องทางหลบหนีออกจากเรือนจำได้สำเร็จในช่
ความสุขและความรักที่แม็กซ์และมินตรามีให้กันนั้นเบ่งบานขึ้นทุกวัน พวกเขาเริ่มวางแผนถึงอนาคตที่สดใสร่วมกัน แม็กซ์ตั้งใจที่จะขอหมั้นมินตราในเร็ววัน และเริ่มต้นชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นในอำเภอเล็กๆ แห่งนี้แต่ความสุขนั้นก็ดูเหมือนจะอยู่บนความไม่แน่นอน แม็กซ์ยังคงรู้สึกถึงลางร้ายบางอย่างที่คืบคลานเข้ามา เขามักจะฝันร้ายถึงเหตุการณ์ที่มุขทำร้ายมินตรา และความกังวลในใจก็ไม่เคยจางหายไปแม็กซ์เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยของมินตรามากขึ้น เขาขอให้เพื่อนตำรวจช่วยกันสอดส่องดูแลบริเวณร้านส้มตำและบ้านของมินตราอย่างใกล้ชิด และเขามักจะไปรับไปส่งมินตราด้วยตัวเองเสมอ“มิน… ช่วงนี้คุณต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะครับ ผมยังไม่ไว้ใจมุข” แม็กซ์กำชับด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขณะที่เขาส่งมินตราที่หน้าบ้านมินตราเข้าใจความหวังดีของแม็กซ์ เธอกอดเขาแน่น “ฉันจะระวังตัวค่ะแม็กซ์ ฉันเชื่อมั่นว่าคุณจะปกป้องฉันได้”ในขณะเดียวกัน มุขที่อยู่ในเรือนจำก็ยังคงติดต่อกับสมุนภายนอกอย่างลับๆ เธอวางแผนที่จะหลบหนีและกลับมาแก้แค้นแม็กซ์และมินตราให้สาสม เธอเชื่อว่าความรักของทั้งสองคนเป็นสิ่งที่เปราะบางและสามารถทำลายได้สมุนของมุขเริ่มเ
หลังจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่มุขก่อขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างแม็กซ์และมินตราก็ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น ความรักและความเข้าใจที่มีให้กันนั้นเติบโตขึ้นทุกวัน แม็กซ์ยังคงดูแลและปกป้องมินตราอย่างใกล้ชิด ทำให้มินตรารู้สึกปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้นทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเคียงข้างกันที่ร้านส้มตำ การออกไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด หรือแม้แต่การใช้เวลาเงียบๆ อยู่ด้วยกันที่บ้าน ความรักของพวกเขาเรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความผูกพันแม็กซ์เริ่มคิดถึงอนาคตที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับมินตราอย่างจริงจัง เขาอยากจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขกับเธอที่อำเภอเล็กๆ แห่งนี้วันหนึ่ง ขณะที่แม็กซ์และมินตรานั่งทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านริมน้ำ แม็กซ์ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง“มิน… ผมรักคุณมากนะ”มินตรายิ้มให้แม็กซ์ด้วยความรัก “ฉันก็รักคุณค่ะแม็กซ์”“ผมอยากจะดูแลคุณไปตลอดชีวิต อยากจะสร้างบ้านและมีครอบครัวกับคุณที่นี่” แม็กซ์กล่าวต่อด้วยความตั้งใจมินตรามองหน้าแม็กซ์ด้วยความรู้สึกตื้นตัน เธอไม่เคยคิดว่าความรักของเธอกับแม็กซ์จะพัฒนามาถึงจุดนี้ “ฉันก็อยากใช้ชีวิตอยู่กับคุณตลอดไปค่ะ
เหตุการณ์ที่มุขพยายามทำร้ายมินตรา สร้างความตกใจและความหวาดกลัวให้กับมินตราเป็นอย่างมาก แม้ว่าเธอจะปลอดภัยดี แต่ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด ทำให้เธอหวาดระแวงและไม่กล้าที่จะกลับบ้านคนเดียวแม็กซ์รู้สึกผิดและเป็นห่วงมินตรามาก เขาโทษตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องเธอได้ดีพอ เขาตัดสินใจที่จะดูแลและอยู่เคียงข้างมินตราอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้“มิน… ต่อไปนี้ผมจะไปส่งคุณที่บ้านทุกวันนะครับ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” แม็กซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยมินตราพยักหน้าเบาๆ เธอรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเมื่อมีแม็กซ์อยู่เคียงข้าง “ขอบคุณนะคะแม็กซ์”ขามเองก็รู้สึกเสียใจและเป็นห่วงมินตราไม่น้อย เขารู้สึกผิดที่ตามไปดูแลเธอได้ไม่ทันท่วงที“มิน… ฉันขอโทษนะที่ดูแลแกไม่ดีพอ” ขามเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกไอ้ขาม แกช่วยฉันไว้มากแล้ว ขอบคุณแกมากจริงๆ นะ” มินตรากล่าวพร้อมกับจับมือขามอย่างจริงใจมุขถูกจับกุมและนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย การกระทำของเธอสร้างความตกใจและความเสียใจให้กับเพื่อนร่วมงานและคนรู้จัก ไม่มีใครคาดคิดว่าพยาบาลสาวที่ดูอ่อนหวานจะมีความแค้นรุนแรง
ความสัมพันธ์ระหว่างแม็กซ์และมินตราดำเนินไปอย่างราบรื่น ความเข้าใจและความเชื่อใจที่มีให้กันนั้นแน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน พวกเขาเริ่มวาดฝันถึงอนาคตที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันในอำเภอเล็กๆ แห่งนี้แต่ในมุมมืด มุขที่เต็มไปด้วยความแค้นและความอิจฉาริษยา ก็ยังคงไม่ละทิ้งแผนการร้ายของเธอ หลังจากที่ปล่อยข่าวลือเรื่องหนี้สินของมินตราแล้วไม่ได้ผล มุขก็คิดหาวิธีการที่ร้ายแรงกว่าเดิมมุขสังเกตเห็นว่ามินตรามักจะกลับบ้านคนเดียวในช่วงเย็นหลังเลิกขายของ และเส้นทางกลับบ้านของเธอนั้นค่อนข้างเปลี่ยว มุขเริ่มวางแผนที่จะใช้จุดนี้ในการทำร้ายมินตรา เพื่อหวังจะทำให้แม็กซ์มองว่ามินตราไม่ปลอดภัยและหันกลับมาสนใจเธอวันหนึ่ง มุขแอบสะกดรอยตามมินตรากลับบ้านในตอนเย็น เมื่อถึงช่วงที่เปลี่ยว มุขก็ลงจากรถและทำทีเป็นประสบอุบัติเหตุรถเสียอยู่ข้างทาง“ช่วยด้วยค่ะ! ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!” มุขแกล้งร้องขอความช่วยเหลือด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสารมินตราที่เดินผ่านมาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็รู้สึกตกใจ เธอรีบเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง“เป็นอะไรไปคะ?” มินตราเอ่ยถามด้วยความกังวลมุขเงยหน้าขึ้นมองมินตราด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “รถฉันเ