อุ๊ย!
“ขอโทษนะคะ” เสียงเล็กหวานเอ่ยขอโทษทันทีแม้ตัวเองจะไม่ใช่คนผิด แต่ตัวเองเป็นพนักงานต้อนรับของโรงแรมแห่งนี้จึงต้องเป็นฝ่ายขอโทษก่อน เพราะลูกค้าเป็นฝ่ายถูกเสมอ
“ไม่เป็นไรครับ” แม้จะหงุดหงิดอยู่บ้างที่พนักงานสาวเดินชนตัวเองจนทำให้โทรศัพท์ในมือตกลงพื้น แต่พอเห็นใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มแล้วก็ทำให้ความโกรธไม่พอใจเลือนหายไป เธอกำลังจะเดินเข้าลิฟต์และเขากำลังเดินออกมาจากลิฟต์ ระหว่างจังหวะจะเดินสวนกันนั้น เธอไม่ได้ระวังจนทำให้ชนกับเขาเต็มๆ
“แต่มือถือของคุณลูกค้า”
“เล็กน้อยน่ะ ผมซื้อใหม่ได้” เขาบอกเธอพร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์และมองสำรวจร่างเล็กเพรียวระหงในชุดฟอร์มพนักงานแล้วก็พยักหน้ายิ้มกริ่มพึงพอใจในอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจของเขาก็เหมือนจะทำงานหนักขึ้นมาทันทีทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ทำงานหนักตอนอยู่ในห้องกับคู่ควงชั่วคราวไปแล้ว
“กลับแล้วนะคะคุณกองทัพ” พนักงานสาวยังไม่ทันได้ตอบ เสียงเล็กดัดจริตของจินนี่ก็แทรกขึ้น ก่อนจะเดินจากไปหล่อนก็เดินมาเขย่งเท้าขึ้นจุ๊บซอกคอหนา ไม่สนใจว่าจะเป็นที่สาธารณะ
“ขอบคุณสำหรับเมื่อคืน” กองทัพยิ้มกริ่มให้หล่อนที่เดินจากไปแล้วหันมาสนใจพนักงานสาวที่ยืนอึ้งตะลึงกับการกระทำของตนเองและจินนี่
“คะ...คุณลูกค้า ดิฉันขอโทษอีกครั้งนะคะเรื่องมือถือ ถ้ายังไงให้ฉันรับผิดชอบให้ได้นะคะ” เธอก้มลงเก็บโทรศัพท์ที่จอแตกส่งให้เขา
“ผมบอกแล้วไงไม่เป็นไร ผมจะได้ถือโอกาสเปลี่ยนเครื่องใหม่ พอดีหาเหตุผลไม่ได้ ต้องขอบคุณคุณที่ทำให้ผมมีเหตุผลในการซื้อใหม่ ผมไปล่ะ หวังว่าเราจะได้เจอกันบ่อยๆ” ก่อนจะจากไปกองทัพพูดทิ้งท้ายอย่างมีเลศนัยแล้วเดินจากไป ส่วนพนักงานสาวก็ได้แต่มองตามคนตัวโตที่จากไปแล้วเพื่อนพนักงานด้วยกันกับเธอก็เดินวิ่งเข้ามาหา
“รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร” เพื่อนพนักงานเอ่ยถามเธอแล้วเธอก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“คุณกองทัพ เจ้าของโรงงานผลิตหลังคารายใหญ่ของจังหวัดเรา และเป็นลูกค้าวีไอพีของเรา ห้องที่เขาพักเช่าแบบรายปีเพื่อพาสาวๆ มาค้างด้วย และแต่ละคนก็ไม่เคยซ้ำหน้าสักคน” รู้ว่าไม่ควรเอาเรื่องลูกค้ามาพูด แต่ก็อยากบอกเพื่อนพนักงานใหม่
“เสือผู้หญิง” บูรณิการ์ นิรันดร์ หรือบีบี วัย 24 ปี ลูกสาวคนเล็กของท่านผู้ว่าบันลือ ผู้ว่าราชการของจังหวัดสระบุรีกับคุณครูจิตตรา
“อันดับหนึ่งของจังหวัดเราเลยแหละบีบี ไปทำงานก่อนนะ” พอพูดจบ เธอก็เดินจากไป ส่วนบูรณิการ์ก็กดเรียกลิฟต์อีกครั้งเพื่อจะขึ้นไปตรวจเช็กความเรียบร้อยในห้องของลูกค้าที่โทรลงมาแจ้งบอกว่ามีปัญหา และตอนนี้ทีมช่างก็ขึ้นไปรอท่าอยู่ก่อนแล้ว
กองทัพเดินฮัมเพลงเข้ามาในโรงงานอย่างอารมณ์ดี ก็ตอนนี้ชีวิตของเขาทุกอย่างมันไปได้สวยเกินคาด หลังคาที่โรงงานผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอขายจนตอนนี้มีแพลนจะขยับขยายโรงงานโดยติดต่อซื้อที่ดินที่ติดกับโรงงานเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังเริ่มการก่อสร้าง
“คุณกองทัพครับ”
กองทัพหยุดเดินแล้วหันไปทางต้นเสียงแล้วก็ยกยิ้มมุมปากแล้วตอบกลับ
“มีอะไรชาย?”
“มีคนมารอพบที่ห้องรับแขกครับ”
“ลูกค้าเหรอ?” เพราะตัวเองจำได้ว่าวันนี้ไม่มีนัดกับใครและลูกค้าก็ด้วย
“ไม่ใช่ลูกค้าครับ คุณกองทัพไปดูเองเถอะครับ”
“อือ...นายไปทำงานเถอะชาย” แล้วเขาก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเป่าปากฮัมเพลงไปยังห้องรับแขก ซึ่งเปลี่ยนจากตอนแรกที่จะเดินไปห้องทำงาน เพียงเดินแค่ไม่กี่ก้าวเดินก็มาถึงห้องรับแขกแล้วมือหนาก็ยกขึ้นเปิดผลักประตูเข้าไปข้างในห้องดูว่าแขกที่มารอพบตนคือใครกันแน่ แต่พอเปิดประตูออกก็เม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง
“เหิมขา…” เจ้าหล่อนเห็นคนเปิดประตูก็ลุกขึ้นวิ่งมาสวมกอด
“มาทำไมที่นี่?” น้ำเสียงห้วนแข็งถามกลับพร้อมผลักเจ้าหล่อนออกห่างตัวเอง
“ทำไมคะเหิม จีจี้มาหาคุณที่นี่ไม่ได้เหรอคะ” หล่อนยอมปล่อยเขาเป็นอิสระแล้วเปลี่ยนมากอดเกาะแขนแข็งแรงแทน
“ไม่น่าถาม และคุณเองก็น่าจะรู้ว่าผมเกลียดผู้หญิงพูดไม่รู้เรื่องแบบคุณที่สุดจีจี้” เขาแกะแขนเล็กออกห่างแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งยังโซฟาตัวยาวสำหรับรับแขก ส่วนเจ้าหล่อนก็เดินตามไปนั่งเบียด
“จีจี้ขอโทษค่ะ ก็เหิมไม่ติดต่อหาจีจี้เลยนี่คะ จีจี้เหงาและคิดถึงคุณนะคะ” หล่อนนั่งเบียดข้างคนตัวโต ส่วนมือก็ลูบต้นขาของบุรุษด้วยความปรารถนาร้อน
“ผมบอกแล้วไงว่าสำหรับเรามันจะไม่มีครั้งที่สองอีก” มือใหญ่จับมือเล็กของเจ้าหล่อนให้หยุดเลื้อยมือกับต้นขาตัวเอง
“ทำไมคะ ในเมื่อตอนเรา
‘เอา’ กัน เหิมก็ชอบและชมจีจี้ตลอดนี่คะ”“ที่ผมชมเพราะมันคือมารยาท” เขาตอบกลับอย่างไม่รักษาน้ำใจ
“งั้นก็
‘เอา’ กับจีจี้อีกรอบเพื่อรักษามารยาทอีกดีไหมคะ” หล่อนโกรธ แต่หล่อนก็ต้องการ เพราะกองทัพคือผู้ชายที่‘เอา’ มันที่สุดเท่าที่เคยได้สัมผัสมา และเขาก็ดุดันถึงใจหล่อนเหลือเกินจนทำให้ต้องแบกหน้ามาหาเขาถึงที่นี่ แม้จะเตรียมใจไว้แล้วว่าจะโดนวาจาดูถูก แต่ขอแค่ได้เขาอีกสักครั้งก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วหึหึ
กองทัพแค่นขำในลำคอและมองดูเจ้าหล่อนด้วยสายตาสมเพช แต่ก็ไม่ได้ห้ามมือของหล่อนที่เริ่มเลื้อยตามร่างกายตัวเอง เมื่อหล่อนต้องการ เขาก็จะสนองตามมารยาทที่ดีของสุภาพบุรุษที่มีน้อยนิดติดตัวตัวเองมาตั้งแต่เด็ก
“อ่า...ถ้าแน่จริงก็ทำให้ผมแตกคาปากสิ” แล้วเขาก็เอนตัวพิงพนักโซฟาปล่อยให้จีจี้จัดการตัวเอง
เมื่อถูกท้าทายมีหรือหล่อนจะไม่กล้า มือน้อยไม่รอช้าจะปลดกระดุมกางเกงบุรุษแล้วรูดซิปล้วงนำแก่นกายร้อนรุ่มที่กำลังผงาดในกางเกงออกมาสูดดมอากาศด้านนอก เมื่อนำเอ็นเนื้ออุ่นร้อนออกมาด้านนอก หล่อนก็เคลื่อนตัวขยับลงจากโซฟาไปนั่งคุกเข่าแทรกกลางหว่างขาแข็งแรงทั้งสองของกองทัพพร้อมกับก้มหน้าซุกลงไปใช้ปากของตนบำเรอความเป็นบุรุษของชายหนุ่ม
“โอว์...เสียว” ปากของหล่อนทำให้เขาต้องคำรามดังออกมาด้วยความสุขเสียว สองมือกดหัวทุยเล็กโยกคลึงหนักหน่วงขึ้นลงกลางหว่างขาตัวเองพร้อมเอวสอบเด้งเร่ากระแทกสวนกายอุ่นร้อนตัวเองเสียดสีในปากน้อยเป็นจังหวะดุดัน
พั่บ! พั่บ! พั่บ!
เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง ตอนนี้ลูกชายอายุได้สองขวบแล้ว เด็กชายทัพฟ้า สุปรีย์ หรือน้องบูม และกำลังจะเป็นพี่ชาย เพราะอีกสองเดือนเธอก็จะคลอดลูกคนที่สอง ใครจะคิดว่าชีวิตหลังแต่งงานกับกองทัพของเธอจะมีความสุขขนาดนี้ และเธอไม่อยากเชื่อว่าเสือผู้หญิงอย่างเขาจะจมปลักรักเธอแค่คนเดียว แต่ทุกอย่างมันก็พิสูจน์แล้วว่าเขา ‘รัก’ เธอและมีเธอแค่คนเดียวได้จริงๆ “ยิ้มอะไรอยู่ฮึทูนหัว” กองทัพที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเดินเข้ามาหาภรรยาที่กำลังทำมื้อเย็นในครัว ส่วนลูกชายอยู่กับคุณตา คุณยายและคุณลุงที่สนามเด็กเล่น “มีความสุขค่ะ อีกอย่างบีบีก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเราสองคนจะรักกัน” “เชื่อเถอะ ท้องสองแล้วนะ แล้ววันหยุดนี้เพื่อนของบีบีจะมากินข้าวที่บ้านด้วยกันไหม” กองทัพถามภรรยาพร้อมปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตแล้วพับขึ้นถึงข้อศอก อีกข้างก็ทำเช่นเดียวกัน&nb
พอตากลับมามองเห็นเป็นปกติ กองทัพก็ได้เห็นว่าตอนนี้บูรณิการ์ท้องแก่มากแล้ว และเขาเองก็มีความต้องการเหมือนกัน ตั้งนานแล้วแทบจะลงแดงตาย พอกลับมาถึงบ้าน เขาก็ไม่รอช้าจะอุ้มร่างอวบอิ่มของแม่ของลูกไปยังเตียงนอนนุ่มของตัวเองที่เคยพาบูรณิการ์มานอน “อือ...พี่เหิมอะไรกันคะเนี่ย” “ไม่อะไรแล้วทูนหัว บีบีก็รู้ว่าพี่เหิมเป็นคน ‘เซ็กซ์’ จัดแค่ไหนและก็รู้ว่าพี่เหิมต้องการเรามากแค่ไหนตอนตายังไม่เปิด” “แต่มันกลางวันอยู่นะคะ คุณพ่อ คุณแม่และพี่ชายของพี่เหิมทั้งสองก็อยู่ด้วย” “พวกเขาเข้าใจ ให้พี่เถอะนะ” แล้วเขาก็วางร่างอวบอิ่มที่อุ้มมานอนราบไปกับเตียง “แต่บีบีอายนะคะ” “มีอะไรต้องอายกันบีบี เราเป็นผัวเมียกันนะ พรุ่งนี้เราก็จะไปจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”&nbs
นานหลายชั่วโมงกว่ากองทัพจะถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดตาเสร็จ หมอบอกว่าเขาจะกลับมามองเห็นได้ปกติ แต่ตอนนี้ให้ทุกคนช่วยดูแลคนป่วยก่อน บูรณิการ์มองคนที่นอนหลับบนเตียงพักฟื้นมีผ้าสีขาวพันที่แขนและที่ตา ยิ่งมองเขานอนนิ่งก็ยิ่งเจ็บปวดและกลัว กลัวว่าเขาจะจากไป โชคดีที่เขายังมีลมหายใจ มือน้อยยกขึ้นปาดป้ายเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มทิ้ง อึก! “ฉันไม่อยากให้คุณตาย ห้ามตายนะ ฮือ...” เธอรู้สึกผิดและเสียใจกับคำพูดตัวเองก่อนหน้านี้ที่พูดกับกองทัพที่บ้าน และคิดว่าเพราะตัวเอง กองทัพถึงเกิดอุบัติเหตุ “พี่เขาปลอดภัยแล้วลูก ไม่ต้องร้องนะหนูบีบี” นารีโอบกอดว่าที่สะใภ้คนเล็กของตัวเองที่กำลังยืนร้องไห้สะอื้นอยู่ข้างเตียง “เพราะหนู เพราะหนูพูดแบบนั้นกับเขา เขาถึงเป็นแบบนี้ อึก! ฮือ...” “ไม่เก
นารีกับเกษมพาลูกชายมาบ้านของผู้ว่าบันลือและครูจิตตราตั้งแต่เช้า มาถึงก็แนะนำตัวพร้อมบอกเจ้าบ้านว่าตนทั้งสามมาที่บ้านของทั้งสองในเช้าวันอาทิตย์นี้ทำไม เจ้าบ้านทั้งสองพอได้ยินเรื่องราวจากปากของกองทัพแล้วก็พากันเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงด้วยความโกรธและไม่พอใจที่ชายหนุ่มทำลายศักดิ์ศรีลูกสาวตนเองและยิ่งได้รู้ว่าตอนนี้บูรณิการ์กำลังตั้งครรภ์ก็ยิ่งโกรธ ทำให้คนที่เดินผ่านมาได้ยินพอดีอย่างบรรณวิช์เดินเข้ามากระชากคอเสื้อของกองทัพขึ้นแล้วอัดหมัดหนักๆ เข้าหน้าอีกฝ่ายเต็มแรงด้วยความโกรธ โดยที่พ่อกับแม่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ตุ้บ! โอ๊ย! กองทัพโดนหมัดของพี่ชายบูรณิการ์จนหน้าหัน โหนกแก้มแตก แม้จะไม่พอใจอยากจะสวนกลับ แต่ก็ได้แต่เม้มปากกำมือแน่น เพราะยังไงตัวเองก็เป็นคนผิดและสมควรโดนแบบนี้แล้ว “มึงทำน้อ
ตอนนี้เขาตามหาบูรณิการ์เจอแล้ว จากที่ใช้เวลามาอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้พี่ชายทั้งสองก็ประสบปัญหาหัวใจพร้อมกับตนเองและทั้งสองก็ ‘เมีย’ อุ้มท้องหนีไปเหมือนกันกับตน แต่ทุกคนสมหวังกันแล้ว มีความสุขกับพี่สะใภ้แล้ว เหลือแต่เขาที่ยังคงตามง้อบูรณิการ์อยู่ เขาอิจฉาพี่ชายทั้งสองเหลือเกินที่พี่สะใภ้ยอมให้อภัยแล้ว เหลือแต่ตัวเองนี่แหละที่ต้องมานั่งดื่มย้อมใจทุกวันในห้องของโรงแรมที่เคยเป็นสวรรค์ของตนและบูรณิการ์ ห้องนี้แหละที่ทำให้เขาและเธอได้มีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! “ครับแม่” เมื่อเห็นว่าเป็นแม่โทรมา เขาจึงรีบรับ ไม่อยากให้ท่านรอนาน “อยู่ไหนน้องเหิม ตอนนี้แม่กับพ่ออยู่บ้านนะลูก” นารีเอ่ยถามลูกชายคนเล็ก นางได้อยู่ยาวตั้งแต่กองพลโดนยิงอาการสาหัสและมีเรื่องวุ่นวายต่อให้จัดการจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับไปหาสามีและลูกที่ต่างประเทศ โชคดีที่พวกเขาเข้าใจนางว่าลูกชายทั้งสาม
บัวบูชากับอำนาจมองหลานสาวที่ตนเองรักเหมือนลูกสาวแท้ๆ เพราะทั้งสองแต่งงานอยู่กินด้วยกันมานานยี่สิบปีก็ไม่มีโซ่ท้องคล้องใจ แต่ก็มีหลานสาวและหลานชายลูกพี่ชายมาให้ได้ชื่นใจ และตอนนี้บูรณิการ์ก็มาอยู่ด้วยที่นครปฐม มาช่วยงานที่ร้านทองกิจการของตนและสามีและช่วยจัดการบริหารระบบของตลาดสดให้ใหม่ “คุณว่าหนูบีบีดูซึมๆ ไหมคะ” บัวบูชาถามสามีพร้อมกับมองไปทางหลานสาวที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ในสวนหลังบ้านในตอนเช้า “ผมสังเกตตั้งแต่วันแรกที่หลานมาถึงที่นี่แล้วแหละบัว แล้วบัวได้โทรถามพี่บันลือและพี่จิตตรารึยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมหนูบีบีถึงตัดสินใจลาออกจากงานที่ชอบแล้วมาอยู่ช่วยงานเราที่นี่” อำนาจเอ่ยกับภรรยา “บัวโทรไปถามพี่บันลือแล้วค่ะ แต่พี่บันลือก็ไม่รู้เรื่องอะไร ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของหนูบีบีเอง อีกอย่างพี่บันลือก็บอกว่าให้หนูบีบีพูดเอง เราอย่าไปเซ้าซี้เดี๋ยวจะทำให้บีบีเกิดความเครียดได้ค่ะ” บัวบูชาบอกสามี&n