แล้วเพื่อนทั้งกลุ่มก็ตกลงไปเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในตัวเมืองปราญติญานั่งมองเพื่อนที่ดื่มและเต้นกันอย่างสนุกสนานกันแต่เธอไม่คิดจะดื่มเครื่องดื่มอะไรทั้งนั้นเพราะหญิงสาวต้องเป็นคนขับรถกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณเกือบ 20 กิโลเมตร
"จะไม่ดื่มอะไรหน่อยเหรอป่าน” ภาณุวิชญ์ถือโอกาสที่เพื่อนๆ กำลังสนุกสนานเข้ามานั่งใกล้กับปราญติญา
“ไม่ล่ะ ป่านต้องขับรถแล้วณุล่ะ”
“ผมก็เหมือนกัน ป่านรู้สึกไหมว่าบรรยากาศแบบนี้มันคุ้นๆ”ชายหนุ่มขยับมาใกล้และเมื่อได้กลิ่นกายของหญิงสาวอีกทั้งบรรยากาศในร้านมันคล้ายกับเธอคนนั้นมากก็ทำให้เขามั่นใจทันทีว่าเธอคือผู้หญิงที่เขานอนด้วยในคืนนั้น
“ป่านไม่คุ้นนะเพราะปกติป่านไม่ค่อยเที่ยวเท่าไหร่”
“ผมว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันนะ ออกไปคุยกันหน่อยดีไหม”
“คุยตรงนี้ก็ได้นะ”
“แต่ตรงนี้มันเสียงดังและผมกลัวว่าถ้าคนอื่นมาได้ยินเรื่องที่ผมจะคุยกับป่านมันจะทำให้ป่านเสียหายได้นะ”
“มีเรื่องอะไรที่ต้องสองคนจะต้องคุยกันด้วยเหรอ”
“แน่ใจนะว่าจะให้ผมพูดเรื่องคืนนั้นตรงนี้”
“เรื่องคืนนั้นคือเรื่องอะไร” ปราญติญาเริ่มเป็นกังวลว่าเขาจะใช่ผู้ชายคนนั้น
“ตามผมออกมาสิ” ภาณุวิชญ์เดินนำหญิงสาวออกมารอนอกร้านซึ่งบรรยากาศค่อนข้างเงียบกว่าด้านไหนมาก เขายืนกอดอกพิงรถและมองปราญติญาที่เดินตามมาและสีหน้าของเธอเหมือนกำลังวิตกกังวลอะไรบางอย่าง
“มีอะไรคุยก็ว่ามา” หญิงสาวภาวนาว่าเรื่องที่ภาณุวิชญ์คุยคงไม่ใช่เรื่องที่เธอเป็นกังวลอยู่
“ผู้หญิงคนที่ผมเจอในผับคืนนั้นคือป่านใช่ไหม”
“ณุกำลังพูดอะไร”
“ป่านคิดว่าผมจำเสียงจำกลิ่นป่านไม่ได้เหรอ แล้วผู้หญิงตาโตมีลักยิ้มมันจะมีสักกี่คนกันเชียว อันที่จริงผมจำได้ตั้งแต่ตอนไปโรงพยาบาลแล้วแต่ก็ยังไม่แน่ใจ”
“ณุพูดอะไรเนี่ยไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“แน่ใจนะว่าป่านจำผมไม่ได้”
ปราญติญาเงียบเพราะถ้าเธอไม่ยอมรับภาณุวิชญ์ก็คงทำอะไรเธอไม่ได้
“ป่านไม่เข้าใจว่าณุกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
“ป่านจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมทบทวนให้เองว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา”ชายหนุ่มดึงเธอเข้ามาใกล้มือใหญ่มีปลายทางของหญิงสาวเชยขึ้น
“ณุจะทำอะ...อื้อ...” ภาณุวิชญ์ไม่รอให้หญิงสาวพูดจบเข้าก้มลงจูบแล้วสอดปลายลิ้นไปในโพรงปากเล็กของหญิงสาวตอกย้ำความทรงจำในคืนนั้นให้แจ่มชัดขึ้นมาทันที
ปราญติญาพยายามผลักเขาออกแต่ร่างกายกับตอบสนองจูบกับเจ้าของเขาด้วยความเต็มใจความรู้สึกแบบนี้ที่เธอโหยหาตั้งแต่คืนนั้น เธอยอมรับเลยว่าจูบของเขามันทำให้เธอรู้สึกแตกต่างจากจูบของรัฐภูมิหนุ่มเมื่อครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง
ภาณุวิชญ์ตักตวงความหวานในโพรงปากเล็กจนพอใจก่อนจะยอมถอนจูบออกแต่มือก็ยังรั้งเอวคอดให้อยู่แนบชิด
"จำได้หรือยังล่ะ ว่าคืนนั้นเรามีความสุขกันแค่ไหน”
“แต่…..”
“อย่าปฏิเสธเลยผมจำได้ถึงแม้คืนนั้นเราจะเมาด้วยกันทั้งคู่แต่ก็ใช่ว่าผมจะลืมทุกอย่างนะ”
“ณุจะพูดเรื่องนั้นมาอีกทำไม” หญิงสาวพูดแล้วก้มหน้า เธอไม่กล้าสบตาภาณุวิชญ์เพราะรู้สึกอายกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ยอมรับแล้วใช่ไหมล่ะว่าคืนนั้นเป็นป่านจริงๆ”
“ถ้าใช่แล้วมันจะยังไงล่ะ เรื่องทุกอย่างมันก็จบไปแล้วป่านไม่ติดใจเอาความหรอกนะ ป่านรู้ว่าทุกอย่างเพราะคุณเมาและป่านก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง”
“ป่านโดนยาใช่ไหม อาการแบบนั้นผมพอจะเดาออกว่าแต่ใครเป็นคนเอายาให้ป่านกิน”
“คุณไม่ต้องรู้หรอก เขาก็แค่ผู้ชายเลวๆ คนหนึ่ง”
“ถ้าผมเดาไม่ผิดผู้ชายที่เอายาให้ป่านกินน่าจะเป็นแฟนของป่านใช่ไหม”
“ณุรู้ได้ยังไง”
“บุ๋มบอกผมว่าคุณเพิ่งเลิกกันแฟน มันประจวบเหมาะพอดีมากๆ กับเวลาที่เราเจอกันในคืนนั้น เขาเป็นคนทำใช่ไหม”
“ป่านยอมรับก็ได้ว่าป่านเป็นผู้หญิงในคืนนั้นแต่ป่านก็อยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบไปตั้งแต่คืนนั้นอย่ารื้อฟื้นอีกเลยนะขอร้องล่ะ”
“ทำไมล่ะป่านหรือเพราะคืนนั้นคุณไม่มีความสุข” เขาถามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ชายหนุ่มรู้ดีว่าคืนนั้นเขาแล้วเธอมีความสุขกันมากแค่ไหนถ้าไม่เข้าข้างตัวเองมากนักผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะพอใจในรสสวาทที่เขามอบให้
“ป่านยอมรับว่ามีความสุขแต่เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก”
“แล้วถ้าผมอยากให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นอีกล่ะ”
“ป่านก็บอกแล้วไงว่าไม่มีทางจะให้มันเกิดขึ้นอีก เราสองคนอย่าคุยเรื่องนี้กันอีกเลยนะ เราเป็นเพื่อนห้องเดียวกันมันจะมองหน้ากันไม่ติด”
“คุณกลัวอะไรกลัวหรือกลัวความรู้สึกของตัวเอง กลัวว่าจะหลงรักผมเหรอ”
“เปล่าเลยป่านไม่เคยคิดแบบนั้น ณุนั่นแหละที่สักวันจะหลงรักป่านขึ้นมา”
“เรามาพนันกันไหมล่ะว่าระหว่างเราสองคนใครจะหลงรักใครก่อน”
“ไม่ค่ะ ป่านไม่ชอบเล่นการพนันและเรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นกับความรู้สึก”
“แต่ผมไม่อยากให้เรื่องมันจบ”
“แต่ป่านอยากจบ ขอร้องล่ะณุเห็นแก่เป็นเพื่อนของเราอย่าให้คนอื่นรู้เรื่องนี้”
“ผมจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับและจะไม่เล่าให้ใครๆ ฟังก็ได้”
“ขอบใจนะ เรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะออกมานานแล้วเดี๋ยวเพื่อนจะสงสัย”
“ผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครแต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไรอีกล่ะ”
“ผมขอเวลาสามเดือน”
“สามเดือนสำหรับอะไร”
“สามเดือนที่เราจะเป็นคู่นอนกัน”
“ณุหมายถึง Friends With Benefits เหรอ”
“ป่านเข้าใจอะไรง่ายดีนะ ตกลงไหม”
“ไม่ค่ะ ป่านไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะต้องทำแบบนั้นเลย”
“ไม่คิดดูดีๆ หน่อยเหรอป่าน เราจะมีความสุขด้วยกันนะ”
“ความสุขมันไม่ใช่มีเรื่องบนเตียงอย่างเดียวนี่ มันมีความสุขอย่างอื่นอีกเยอะ”
“ผมก็คิดว่าจะคุยกับป่านดีๆ จะลองให้เราได้คุยกันสามเดือน บางทีเราอาจจะชอบกันมาจริงๆ ก็ได้”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ บอกตรงๆ ว่าป่านเข็ดกับผู้ชายเจ้าชู้”
“ถ้าป่านไม่ยอมผมจะบอกเรื่องนี้กับเพื่อนเรานะ”
“คิดว่าเพื่อนจะเชื่อใคร เชื่อผู้ชายอย่างณุหรือผู้หญิงเรียบร้อยอย่างป่าน” ปราญติญาคิดว่าตนเองกำลังถือไพ่เหนือกว่าถ้าหากเรื่องนี้หลุดออกไปให้คนอื่นรู้รับรองว่าไม่มีใครเชื่อเขาแน่
“ที่ป่านพูดมันก็ถูกนะเพื่อนๆ คงจะเชื่อป่านมากกว่าผมแน่เพราะผมดูเจ้าชู้ดูกะล่อนแต่ถ้าพวกเขาเห็นคลิปของเราล่ะ ป่านคิดว่าเขายังจะเชื่ออีกไหม”
“ณุหมายถึงคลิปอะไร”
“ก็คลิปของเราคืนนั้นไงล่ะ”
“ไปแอบถ่ายไว้ตั้งแต่ตอน” ปราญติญาตกใจจนหน้าซีดเพราะไม่คิดว่าเขาจะถ่ายคลิปไว้ด้วย
“ผมไม่ได้แอบถ่ายนะแต่ในห้องผมมันมีกล้องวงจรปิดและภาพเสียงมันก็ชัดมาก ป่านอยากดูไหมจะได้แน่ใจไงว่าเห็นหน้าของป่านชัดหรือเปล่า” ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้กับปราญติญา
“อย่านะ ใครอยากจะดูภาพแบบนั้นกัน ลบออกเลยนะ”
“ผมจะลบทุกอย่างออกแต่ป่านต้องยอมนอนกับผมสามเดือน”
“ณุจะเอาเปรียบป่านเกินไปแล้วนะ”
“ผมไม่ได้เอาเปรียบเลยนะ เวลานอนด้วยกันเราก็มีความสุขด้วยกันทั้งคู่ป่านลองคิดดูสิถ้าคืนนั้นผู้ชายที่ป่านเจอไม่ใช่ผมมันจะเกิดอะไรขึ้น เขาคงไม่ใจดีพาคุณไปค้างที่คอนโดแล้วปล่อยให้คุณกลับออกมาง่ายๆ หรอกนะ”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะคะ บางทีเขาก็อาจจะพาป่านไปส่งที่หอ”
“ไม่มีทางหรอก ป่านลองนึกดูดีๆ สิว่าคืนนั้นเหตุการณ์มันเป็นยังไง”
ปราญติญาขับรถมาส่งพรชนกที่หน้าโรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงเวลาที่แฟนของเธอเลิกงานพอดี“บุ๋มดีใจกับป่านด้วยนะ”“ขอบใจจ้ะ ป่านก็ต้องขอบคุณบุ๋มมากถ้าบุ๋มไม่บอกให้ณุตามป่านไปที่สมุยป่านก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองจะเป็นยังไงบ้าง”“ป่านโชคดีมากๆ นะที่ณุเข้ามาช่วยไว้”“ใช่ป่านโชคดีมากทั้งเขาช่วยป่านไว้ทั้งคืนนั้นที่ป่านโดนยาปลุกเซ็กซ์และครั้งที่โดนผู้ชายเมาเข้ามาทำร้าย ถ้าไม่ได้ณุเข้ามาป่านคงแย่”“เพราะแบบนี้ป่านถึงยอมใจอ่อนแล้วยกโทษให้เขา”“มันก็มีส่วนอยู่นะแต่ระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ป่านห่างจากณุป่านก็ไม่เคยลืมเขาได้เลย บุ๋มว่ามันเร็วไปไหม”“ไม่หรอกนะป่านกับณุไม่ใช่เพิ่งรู้จักกันสักหน่อย ทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วเพียงแต่ว่าแยกย้ายกันไปและกลับมาเจอกันอีกครั้ง บุ๋มบอกแล้วว่าคนเป็นเนื้อคู่กันยังไงวันหนึ่งก็ต้องกลับมาเจอกันอยู่ดี บุ๋มใจด้วยมากๆ บุ๋มไปก่อนนะ”เมื่อพรชนกลงจากรถไปแล้วปราญติญาก็ขับรถกลับมาที่คอนโดมิเนียมของภาณุวิชญ์อีกครั้งเมื่อมาถึงชายหนุ่มก็อาบน้ำสวมชุดนอนรออยู่แล้ว “วันนี้เป็นยังไงบ้างปวดแผลหรือเปล่า”“ไม่ปวดเลย ผมนอนทั้งวันจนจะปวดหลังแล้ว”“อดทนหน่อยนะยิ่งพักผ่อนเยอ
ปราญติญาและพรชนกนั่งคุยกันต่อไม่นานก็มีอุบัติเหตุเข้ามาที่ห้องฉุกเฉินเสียก่อนทั้งสองคนจึงรีบวิ่งออกมาทำงานซึ่งกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ถึงเวลาลงเวรเช้าพอดี“บุ๋มอยากไปเยี่ยมณุมั้ย”“จะดีเหรอ”“ดีสิณุต้องดีใจมากๆ ที่บุ๋มไปเยี่ยม”“จะไม่เป็นการรบกวนมากเกินไปใช่ไหม”“ไม่หรอกน่าเดี๋ยวป่านขอโทรถามณุก่อนว่าอยากจะกินอะไรเราจะได้ซื้อไปกินที่นั่น ว่าแต่บุ๋มจะไปกับป่านได้หรือเปล่าล่ะ”“ได้สิวันนี้พี่อรรถลงเวรสองทุ่มบุ๋มมีเวลาให้ป่านเยอะเลย ไปเยี่ยมณุหน่อยก็ดีเหมือนกัน”ปราญติญาโทรศัพท์ไปหาภาณุวิชญ์และบอกว่าจะชวนพรชนกมาทานอาหารเย็นด้วยชายหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะพรชนกก็คือเพื่อนของเขาและถ้าไม่มีเธอเขากับปราญติญาก็คงยังไม่เข้าใจหญิงสาวแวะซื้ออาหารที่ร้านด้านหน้าโรงพยาบาลก่อนจะขับรถพาพรชนกไปยังคอนโดมิเนียมของภาณุวิชญ์“เป็นยังไงบ้างเจ็บหนักเลยใช่ไหม” พรชนกทักทายภาณุวิชญ์ที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก“ก็นิดหน่อยนะแต่เจ็บครั้งนี้มันคุ้มมากๆ เลยนะ” เขาพูดแล้วมองหน้าปราญติญาแล้วยิ้ม“บุ๋มดีใจด้วยนะที่ป่านกับณุเข้าใจกันตกลงคบกินจริงใช่ไหม”“ผมต้องขอบคุณบุ๋มมากๆ ถ้าบุ๋มไม่ช่วยผมกลับป่านก็คงไม่เข้าใจกันเร็วแ
“ป่านทำไมถึงนอนห่างผมขนาดนั้นล่ะ ขยับเข้ามาใกล้ๆ ได้ไหม นอนห่างแบบนั้นแล้วผมจะกอดได้ยังไง”“ณุลืมอะไรไปหรือเปล่าณุมีแผลอยู่นะ ป่านกลัวจะดิ้นไปโดนแผลจริงๆ แล้วป่านน่าจะออกไปนอนอีกห้องหนึ่งหรือไม่ก็นอนที่ห้องรับแขกด้วยซ้ำ”“ไม่ได้นะ ป่านต้องนอนกับผมถ้าเกิดผมเป็นอะไรขึ้นมาตอนกลางคืนแล้วใครจะช่วยผมล่ะ”“ณุไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วนอนตอนอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เอาหมอนข้างกั้นไว้แบบนี้ดีแล้วเกิดป่านดิ้นไปโดนแผลขึ้นมามันจะแย่เอานะ”“ทำไมไม่เห็นใจกันเลยนะ ไม่ได้นอนด้วยกันตั้งเดือนกว่าแล้วนะแล้วจะมานอนห่างกันแบบนี้ได้ยังไง”“ณุอย่างอแงเป็นเด็กสิตัวเองเจ็บอยู่นะ”“ก็อยากนอนกอด”“ถ้าณุยังงอแงพูดไม่รู้เรื่องป่านจะออกไปนอนที่ห้องรับแขกแล้วนะ”“ถ้างั้นขอจับมือได้ไหมนิดเดียวนะ”“ได้สิ” ปราญติญาตอบตกลงและให้ภาณุวิชญ์จับมือไว้จนกระทั่งชายหนุ่มหลับสนิทเธอแกะมือเขาออกแล้วห่มผ้าให้เขาจากนั้นก็กลับมานอนอีกฝั่งของเตียงปราญติญาตื่นนอนตั้งแต่เช้าเธอลงไปซื้อแซนด์วิชกับขนมปังมาให้ภาณุวิชญ์ทานเป็นอาหารเช้า ส่วนอาหารกลางวันจะให้เขาสั่งขึ้นมาทานเองเพราะเธอทำกับข้าวไม่เป็นหญิงสาวให้เขาทานยาก่อนอาหารและทาน
“ผมขอโทษนะป่านที่ทำให้การมาเที่ยวสมุยของคุณต้องอุดอู้อยู่แต่ในโรงพยาบาล”“ไม่เป็นไรหรอกอย่างน้อยป่านก็ได้เที่ยวก่อนหน้าที่ณุจะมาแล้ว ว่าแต่ณุเถอะไหวแน่นะที่จะต้องออกโรงพยาบาลวันนี้”“ไหวสิผมไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียวหรอกนะ ป่านกลับกรุงเทพผมก็จะกลับด้วย หมอก็บอกแล้วว่าแผลของผมไม่ได้เป็นอะไรมากกลับไปรักษาตัวที่บ้านหรือโรงพยาบาลที่กรุงเทพก็ได้”“แล้วณุจะเอายังไงต่อจะไปนอนโรงพยาบาลไหมป่านจะได้ให้คุณหมอที่นี่เขาประสานงานให้”“ผมว่าไม่ดีกว่าตอนนี้ผมก็ดีขึ้นมากๆ แล้ว”“แต่ณุต้องกินยาแก้อักเสบให้ตรงเวลาและครบตามที่คุณหมอสั่งให้เข้าใจไหม”วันนี้เธอต้องกลับกรุงเทพตามกำหนดเดิมและภาณุวิชญ์ก็ไม่ยอมอยู่โรงพยาบาลต่อ เมื่อปรึกษาคุณหมอแล้วท่านก็อนุญาตให้เขาออกจากโรงพยาบาลได้แต่ต้องระวังเรื่องแผลและทานยาให้ครบคุณหมอให้ประวัติการรักษาไปด้วยเพราะเขาต้องไปให้หมอที่กรุงเทพตัดไหมให้ตอนนี้เธอเก็บของใช้ของตัวเองลงกระเป๋าเสร็จแล้วส่วนกระเป๋าเดินทางของภาณุวิชญ์ทางรีสอร์ทก็เอามาให้ตั้งแต่วันที่พาตำรวจมาสอบปากคำโรงพยาบาล เรื่องคดีเธอก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจและทางรีสอร์ทจัดการเพราะถึงเวลาแล้วที่หญิงสาวจะต้องบิน
ปราญติญาระบายความรู้สึกของตัวเองออกมาโดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าภาณุวิชญ์นั้นรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่เธอกลับมาจากห้องน้ำ ภาณุวิชญ์รู้สึกดีมากที่ได้ยินคำพูดของหญิงสาว เขาเองก็รู้สึกไม่ได้ต่างจากปราญติญาเลยระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกันหนึ่งเดือนนั้นทำให้เขารู้ใจตัวเองมากขึ้น เขาไม่สามารถลืมเรื่องราวระหว่างตนเองกับหญิงสาวได้เลย เขาตั้งใจไว้ว่าจะตามมาขอโทษเธออย่าจริงจังและขอโอกาสกับปราญติญาอีกครั้ง เขาจะบอกความรู้สึกที่มีกับเธอทั้งหมดเพราะกลัวว่าจะเสียเธอไปภาณุวิชญ์มาถึงสมุยในเย็นวันศุกร์หลังจากเช็กอินที่รีสอร์ทเดียวกับปราญติญาแล้วก็ไปหาเธอที่บ้านพักซึ่งรู้มาจากพรชนกว่าหญิงสาวพักอยู่ที่บ้านหลังไหนเมื่อไปถึงก็ยืนเคาะประตูอยู่นานแต่ทั้งบ้านก็เงียบสนิทชายหนุ่มจึงเดินไปหาเธอบริเวรชายหาดเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะไปเดินเล่นเขาเดินไปเรื่อยๆ จนเห็นเธอเดินอยู่ที่ชายหาด แต่ก็ไม่ได้ตามเธอในระยะใกล้เพราะกลัวจะรบกวนเวลาของหญิงสาว แต่ก็ไม่คิดเลยว่าการที่เขาทิ้งระยะห่างจากเธอมากนั้นมันจะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ถ้าหากปราญติญาเป็นอะไรไปเขาคงรู้สึกผิดและให้อภัยตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอน“คุณจะหลับแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนนะ น
เพราะมัวแต่ตกใจปราญติญาจึงไม่ทันได้สังเกตว่าผู้ชายที่เข้ามาช่วยเธอนั้นคือใคร แต่พอพาเขาขึ้นมาบนรถพยาบาลและกำลังตรงไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดพยาบาลที่มาด้วยก็เริ่มซักประวัติชายหนุ่มเพราะกลัวว่าถ้าไปถึงที่โรงพยาบาลแล้วเขาจะหมดสติไปเสียก่อน“คนเจ็บชื่ออะไร อายุเท่าไหร่คะ เคยมารักษาที่นี่ไหม คุณมีบัตรประจำตัวหรือบัตรประกันติดตัวมาหรือเปล่า”“ผมชื่อภาณุวิชญ์อายุ 27 ปี บัตรประจำตัวบัตรประชาชนผมอยู่ในกระเป๋าครับ” เสียงที่ตอบนั้นฟังดูเบาแต่มันก็ทำให้ปราญติญารีบหันหน้าไปมองเธอตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าคนที่นอนเจ็บอยู่ตรงหน้าคือภาณุวิชญ์“ณุมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”ภาณุวิชญ์ยิ้มก่อนจะตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา“ผมมาหาป่าน” เขาตอบเบาๆ เพราะตอนนี้เริ่มเจ็บแผลมากขึ้นเรื่อยๆ“คุณรู้จักกับคนเจ็บเหรอคะ” พยาบาลที่นั่งมาถามขึ้น“ค่ะฉันรู้จักเขา”“ถ้ายังงั้นเดี๋ยวไปถึงโรงพยาบาลคุณช่วยทำประวัติคนไข้ให้ฉันด้วยนะคะ เราอาจจะต้องรีบพาเขาเข้าไปผ่าตัดด่วนเพราะตอนนี้เลือกเขาออกเยอะมาก”“ที่นี่มีคุณหมอประจำห้องผ่าตัดใช่ไหมคะ”“มีค่ะคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แต่คนไข้ค่อนข้างเสียเลือดมาก คุณเลือกกรุ๊ปอะไรคะพอจะจำได้ไหม” พยาบ