#InjaeTalk.
.
ยัยเด็กใหม่ข้างห้องชื่อ ‘ขนม’ ดูรวมๆ แล้วก็น่ารักดี ดูโก๊ะๆ และซุ่มซ่าม ไม่รู้ว่านิสัยเป็นแบบนั้นอยู่แล้วหรือตั้งใจเข้ามาอ่อยผมกันแน่ แต่ผมขอผ่านไปก่อนแล้วกันเพราะยังไม่อยากมีแฟน แต่ถ้าจะมาเล่นๆ ก็ได้นะผมไม่ถือ
ก่อนจะเป็นคนเย็นชาแบบนี้ผมก็มีเคยมีแฟนมาก่อนนะครับ เพราะเคยมีแฟนและก็รักมากด้วยเวลาเลิกกันไปมันเลยเจ็บ และชินชาจนกลัวการมีความรักไปเลย
เธอเป็นแฟนคนแรกที่เริ่มคบกันตอนเราเรียนอยู่ปีหนึ่ง ผมเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ ส่วนเธอเรียนคณะนิเทศศาสตร์สาขาวิชาศิลปะการแสดง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอเรียนสาขานี้หรือเปล่าถึงทำให้เธอแสดงละครต่อหน้าผมได้เก่งนักเชียว
เราคบกันมาได้หกเดือนดูภายนอกก็เหมือนจะรักกันดี และไม่เคยงี่เง่าใส่กันเลย ผมให้อิสระกับเธอได้ตลอดอยากไปไหนก็ไปไม่เคยห้าม
จนวันหนึ่งผมพบเธอควงอยู่กับผู้ชายอีกคนที่ห้างโดยบังเอิญ และที่สำคัญตอนนั้นเรายังไม่ได้เลิกกัน วินาทีนั้นบอกได้เลยว่าทั้งเจ็บและจุกที่อกแบบที่ไม่เคยได้รับมาก่อน และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เราเลิกกัน เพราะเธอยอมรับเองกับปากว่าเธอเบื่อที่ต้องคบกับผู้ชายที่เอาแต่อยู่กับตัวเลขในหนังสือแบบผม อยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ กับผู้ชายคนใหม่ของเธอ ผมก็โอเค งั้นเราก็เลิกกันตามที่เธอต้องการ
หลังจากผ่านความเสียใจในครั้งนั้นมาได้ ผมก็ให้สัญญากับตัวเองเลยว่าจะไม่ขอมีแฟนอีกเด็ดขาด ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่สามารถทำให้ผมมั่นใจได้ว่าเธอจะรักผมแค่คนเดียว
ก๊อก ก๊อก “พี่อินแจ พี่อยู่ในห้องมั้ยคะ” เสียงเรียกของยัยเด็กข้างห้องมาเคาะเรียกที่ห้องผมแต่เช้า
ผมจำใจต้องลุกไปเปิดประตูและเอ่ยออกไปอย่างรู้สึกหงุดหงิด รู้สึกว่าเธอจะเริ่มเข้าหาผมละ “มีอะไร”
“พี่มีปลาสเตอร์ปิดแผลมั้ยคะ” เธอยืนหน้าซีดอยู่หน้าห้อง พลางบีบนิ้วที่ถูกพันด้วยกระดาษทิชชูเอาไว้แน่น
“เข้ามาก่อน เดี๋ยวไปหยิบให้” เห็นผมเย็นชาแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไร
เธอน่าจะเป็นคนกลัวเลือดถึงได้หน้าซีดขนาดนั้น ผมเลยให้เธอเข้ามานั่งที่โซฟา
ส่วนตัวผมก็เดินไปหยิบอุปกรณ์และยาสำหรับทำแผลมาให้ และวางมันลงที่โต๊ะหน้าโซฟา
“ทำเองได้รึเปล่า” ผมถามออกไป
“ทำได้ค่ะ” มือเล็กแกะกระดาษทิชชูออก แผลที่มือดูแล้วน่าจะโดนของมีคมบาด ดูมือที่สั่นเทากว่าจะหยิบจับได้แต่ละอย่าง เห็นแล้วก็รู้สึกขัดหูขัดตา
“มานี่ เดี๋ยวทำให้” คว้ามือเล็กเข้ามากอบกำอย่างถือวิสาสะแล้วจัดการล้างแผลให้ ส่วนเธอก็ยินยอมให้ผมทำแต่โดยดี
ซี้ด~ เสียงของคนตัวเล็กที่นั่งหลับตาปี๋แล้วสูดปากด้วยความปวดแสบ เมื่อโดนผมใช้สำลีก้านชุบน้ำยาล้างแผลแล้วเช็ดลงที่นิ้วมือของเธอ ผมเงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่งก่อนจะก้มลงเป่าเพื่อบรรเทาความเจ็บให้ลดลง ก่อนจะใส่ยาและปิดทับด้วยปลาสเตอร์ปิดแผลลายการ์ตูนน่ารัก
“เสร็จแล้ว” เมื่อถ้าเธอได้ยินดังนั้น ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับยกนิ้วของตัวเองขึ้นดู
“ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานเอ่ยกับผมแล้วยิ้มให้ ผมลืมตัวเผลอกระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหุบลงดังเดิม
“เมื่อกี้พี่ยิ้ม” เธอชี้หน้าผมพลางหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างกับเด็กน้อย
“เปล่า” ผมรีบปฏิเสธออกไป ปกติผมไม่ชอบยิ้มให้ผู้หญิง จะว่าหยิ่งก็ได้นะแล้วแต่จะคิด
“แต่เมื่อกี้ขนมเห็นนะ พี่ยิ้มแล้วหล่อมากเลยรู้มั้ยคะ อยากเห็นพี่ยิ้มอีก” เสียงของคนตัวเล็กเอ่ยปากชมแล้วเอาแต่จ้องหน้าหล่อตี๋ของผม อย่าคิดว่าผมจะเผลอตัวเป็นครั้งที่สองอีกนะ
“กลับไปได้ละ” ผมเอ่ยปากไล่คนตรงหน้า เพราะไม่อยากให้เธออยู่ในห้องของผมนาน
ปกติผมไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในห้องอยู่แล้ว ยิ่งเป็นคนที่ไม่ได้รู้จักหรือสนิทกันอย่าหวังว่าจะได้เข้ามาในห้องของผมง่ายๆ แต่เธอเป็นกรณียกเว้น เพราะเธอมาเพราะบาดเจ็บที่มือ
“กลับก็ได้ค่ะ แซวแค่นี้ไม่เห็นต้องไล่เลย แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ทำแผลให้” เธอมองค้อนแต่ก็ยังขอบคุณก่อนจะกลับห้องไป
…..
#KhanomTalk.
.
เช้านี้ระหว่างที่กำลังหั่นผักอยู่และไม่ทันระวังเลยโดนมีดบาดมือ และนึกขึ้นมาได้ว่าในห้องไม่ได้ซื้ออุปกรณ์ทำแผลมาไว้เลย จึงได้ถือโอกาสนี้ลองไปเคาะห้องพี่อินแจดู อย่าน้อยได้ปลาสเตอร์ปิดแผลมาสักอันก็ยังดี แต่ผิดจากที่คาดไว้เพราะพี่เขาให้ฉันเข้าไปนั่งรอในห้อง แล้วยังทำแผลให้อีก ถึงจะดูเย็นชาแต่ก็ใจดีที่สุดเลย
เมื่อกี้ฉันเห็นพี่เขายิ้มด้วยแหละ เห็นหน้านิ่งว่าหล่อแล้ว แต่พอหน้าตี๋ของเขานั้นเผลอยิ้มกลับหล่อละลายยิ่งกว่าเดิม โอป้าของฉันหล่อละมุนสุดๆ คิดแล้วพลางยกมือขึ้นทาบบนพวงแก้มนุ่มของตัวเอง แต่เอาเถอะฉันจะคอยหยอดวันละนิด ‘ยังไงก็พี่ก็หนีไม่พ้นยัยขนมคนนี้หรอกค่ะอินแจโอปป้า’
…..
@มหาวิทยาลัย
.
วันนี้เป็นวันแรกที่จะได้ใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยหลังจากที่ได้ย้ายออกมาอยู่คอนโดได้หนึ่งอาทิตย์ บอกเลยว่าฉันตื่นเช้าเป็นพิเศษ ก่อนจะรีบหาอะไรรองท้องและขับรถมามหาวิทยาลัยด้วยความตื่นเต้น
“ขนม” เสียงเรียกจนแสบแก้วหูของณิชาตะโกนดังลั่นจนคนที่อยู่แถวนั้นหันมามองทางฉันกันเป็นแถบ
ฉันจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาเพื่อนรักที่ยืนรออยู่อย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา
“แกจะเรียกเสียงดังทำไมยัยณิชา อายเขามีแต่คนมอง” ฉันพูดพลางส่ายสายตามองไปรอบๆ
“แกสวยคนก็มองสิจ๊ะ ไม่เห็นแปลก”
“แต่ฉันไม่ชอบอะ ดูสายตาพวกนั้นสิ”
“จ้า ไว้วันหลังฉันจะกระซิบเรียกแกเอานะ จะได้ไม่มีใครได้ยิน” ณิชาเอ่ยแกล้งฉัน
“แล้วแต่แกก็แล้วกัน ไปเข้าเรียนกันเถอะ” ฉันเอ่ยชวนณิชา แล้วเราก็เดินตรงไปที่ตึกคณะเลย
ระหว่างทางเดินก็มีเสียงผิวปาก และเสียงแซวเป็นระยะตลอดทาง ฉันเอาแต่มองตรงพื้นอย่างเดียวเลยเพราะอายมากบอกตรงๆ ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย
“มาวันแรกก็โดนแซวเลยนะ เพื่อนฉันสวยขนาดนี้ หนุ่มๆ ทั้งมหาลัยมีหลงใหลกันบ้างล่ะ”
“พูดมากน่ะแก ฉันไม่สนใจหรอก ฉันสนแต่โอปป้าของฉันคนเดียว” พูดไปก็เผลอยิ้มไป คิดถึงรอยยิ้มของเขาในวันนั้น
“โอปป้า” เสียงของณิชาเอ่ยขึ้นเป็นเชิงคำถาม ฉันกระตุกยิ้มให้เท่านั้นแต่ไม่ได้ตอบกลับปล่อยให้คิดเอาเอง
ระหว่างทางไปตึกคณะที่เราเรียนจะต้องเดินผ่านตึกของคณะเศรษฐศาสตร์ก่อน และสายตาของฉันมันก็ได้สะดุดเข้ากับใครคนหนึ่งที่คุ้นตา และเขาก็กำลังจะเดินเข้าตึกนั้นไป
“พี่อินแจ” เผลอเรียกเสียงดัง ที่จริงก็ตั้งใจเรียกนั่นแหละ แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะเรียกดังไปหน่อย
เป็นไปตามคาดเขาหยุดเดินและหันมาจ้องฉันกับณิชาด้วยสีหน้าราบเรียบเย็นชาดังเดิม
ฉันรีบสาวเท้าเข้าไปหาอย่างเร็วพลัน เพราะมันรู้สึกดีใจมากที่เห็นเขาเรียนที่นี่
“พี่เรียนที่นี่เหมือนกันเหรอคะ” ฉันรีบถามออกไปพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ตึกคณะ บอกตามตรงว่าตอนนี้มีสายตาหลายคู่จ้องมาทางพวกเรา แต่ฉันไม่สนใจหรอก ฉันสนแต่หนุ่มหล่อที่อยู่ข้างหน้าคนนี้คนเดียว
“อืม” พี่อินแจตอบกลับสั้นๆ
“เก่งจัง เรียนเศรษฐศาสตร์”
“แล้วเรียกมีอะไร”
“ปะ…เปล่าค่ะ แค่เรียกเฉยๆ งั้นขนมไปก่อนนะคะ” เออ ฉันก็ไปไม่เป็นเหมือนกันเมื่อถูกถามเช่นนั้น ไม่รู้อะไรเข้าสิงให้เรียกเขาเหมือนกัน แต่อยากเรียกอะ อิอิ
หลังจากที่แยกกับพี่อินแจแล้วเพื่อนรักของฉันก็เอาแต่จ้องหน้าอย่างสงสัย จนฉันอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“แกมองหน้าฉันทำไม”
“โอปป้า” ณิชาเอ่ยพร้อมกับอมยิ้ม
“อืม” ฉันตอบสั้นๆ กลับไป เราสองคนสนิทกันมาก รู้ไส้รู้พุงกันหมด ไม่ต้องพูดเยอะก็รู้กัน
ฉันเดินเลยตึกคณะของพี่อินแจมาได้ไม่เท่าไร ก็ได้ยินเสียงของคนที่เดินตามหลังพวกเรามา เหมือนจะพูดแขวะฉันอย่างไรอย่างนั้น
“มาวันแรกก็เข้าหาผู้ชาย หน้าไม่อาย”
ผมจ้องมองเธออย่างสงสัย และอีกฝ่ายก็มองกลับมาเช่นกัน แต่สายตาคู่นั้นมันไม่เหมือนกับคนทั่วไปมองกัน ลูกพีชมองผมด้วยสายตาพราวเสน่ห์ ชักชวน แลดูมีความต้องการระหว่างที่เธอออดอ้อนให้ผมพาเธอกลับ มือเล็กก็ถือวิสาสะลูบไล้ไปตามลำแขน เอวบางส่ายไปมาอย่างยั่วยวน จนคนโดนกระทำต้องรีบดึงแขนออก“พี่ไปเรียกไอดินให้ดีกว่า” พูดจบผมก็เดินออกมาจากตรงนั้นทันทีแล้วกลับไปที่โต๊ะ“มึงไปนานจังวะ กูนึกว่ามึงจะโดนสาวๆ ในคลับลากกลับไปแล้วซะแล้ว” องศามันเอ่ยแซวผมพร้อมกับหัวเราะชอบใจ ไอ้นี่เวลาเมาแล้วจะพูดมาก“เกือบโดนลากเหมือนกันว่ะ” ผมตอบกลับ“สาวที่ไหนกล้าลากมึงวะ” คราวนี้เป็นไอดินที่ถาม ผมนึกในใจก็สาวมึงนั่นแหละ เมื่อกี้ยังยั่วกูอยู่เลย“เออ กูลืมบอก เมื่อกี้กูเจอลูกพีชที่หน้าห้องน้ำ ดูท่าจะเมาหนัก มึงไปพาเธอกลับหน่อยดิวะ” ผมบอกกับไอดิน มันมองหน้าผมดูท่าเหมือนสงสัยทำไมลูกพีชไม่มาบอกกับเขาเอง“มึงไม่ต้องมองหน้า รีบๆ ไปดูเธอก่อนเร็ว” คนโดนจ้องรีบบอกให้เพื่อนรักตามไปดูลูกพีช ผมคิดว่ามันคงจะดีกว่าที่เธอกลับไปพร้อมกับไอดินเพราะอย่างไรก็มาด้วยกัน และไอดินมันก็รู้สึกดีกับเธอมากกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา“เออๆ” ไอดินพูดจ
ระหว่างรอฟังคำตอบฉันก็แอบลุ้นอยู่เหมือนกันว่าเขาจะตอบมาอย่างไร“ลูกพีชน่ะ” พี่อินแจตอบกลับมาสั้นๆ แล้วมองหน้าฉัน “มีอะไรรึเปล่า”“ปะ…เปล่าค่ะ พอดีขนมเห็นเหมือนพี่คุยอยู่กับผู้หญิงและเธอก็พึ่งเดินผ่านรถของพี่ไป พี่กับเธอ…” ฉันไม่กล้าถามต่อเลยกลัวคำตอบที่ได้รับ ถ้าพวกเขาพึ่งไปไหนด้วยกันมา แล้วพึ่งแวะมาส่งเธอที่นี่ล่ะ ขนมก็อกหักแย่น่ะสิ อือ ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย“รู้จักชื่อกันด้วย” ฉันทำปากมุบมิบหันหน้ามองข้างทาง“บ่นอะไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ชิ ไม่ตอบหรอก“คิดอะไรยัยบ๊อง เธอแค่มาถามทาง” พี่อินแจกระตุกยิ้มหันมาตอบก่อนจะหันมองถนนแล้วขับรถต่อถามทาง ยัยลูกพีชเน่านั่นกล้าเล่นมุกถามทางเพื่อเข้าหาพี่อินแจอย่างนั้นเลยเหรอ ได้ยินแล้วแปลกใจไม่คิดว่าคนอย่างเธอจะกล้าใช้วิธีนี้พี่อินแจพูดจบฉันก็ยิ้มอ่อนให้เขาเท่านั้น แต่ในใจกลับรู้สึกกังวลเล็กน้อยที่ลูกพีชเริ่มเข้าหาพี่อินแจแล้ว…..@คอนโด.“ขอบคุณนะคะที่วันนี้คอยรับส่งขนม” ฉันเอ่ยขอบคุณก่อนจะแยกจากกันที่หน้าห้องของพี่อินแจและเข้าห้องของตัวเองยัยลูกพีชเริ่มเข้าหาพี่อินแจแล้ว อย่าหลงกลมันนะคะอินแจโอปป้า พี่ต้องเป็นแฟนของขนมคนเดียวเท่านั้นนะ ห้
“ยอมเชื่อฟังแล้วค่ะ พอใจรึยังคะ” ฉันตอบออกไปพร้อมกับยื่นริมฝีปากออกไปเล็กน้อยแล้วทำแก้มพองลม“หึ ก็แค่เนี่ย เด็กดื้อ” เขาแค่นหัวเราะเอ่ยกลับมาเมื่อได้รับคำตอบที่น่าพอใจ พร้อมกับส่งมือหนาขึ้นยีผมของฉันจนหัวฟู“อือ อย่าแกล้ง” ย่นคอหนีฝ่ามือเริ่มใจอ่อนกับฉันแล้วล่ะสิพี่อินแจ เห็นว่าแกล้งได้ก็แกล้งกันอยู่เรื่อยเลย แต่ก็ดีนะเราจะได้พูดคุยและมีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้นหลังจากที่กินข้าวด้วยกันเสร็จพี่อินแจก็ขอตัวกลับห้องของตัวเองไป ส่วนฉันก็ต้องเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังว่าที่แฟนในอนาคต เข้าไปอาบน้ำตามที่เขาได้บอกเอาไว้ เรียกว่าสั่งเอาไว้ก่อนออกจากห้องไปเฮ้อ ขอถอนหายใจหน่อยเถอะ กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ลำบากกันเลยทีเดียว เพราะฉันต้องคอยระวังไม่ให้น้ำโดยแผลด้วยไม่งั้นมันจะอักเสบขึ้นมาได้หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินขากะเผลกอย่างกับเต่าคลานมาถึงเตียงนอนและล้มตัวลงทันทีอย่างหมดเรี่ยวแรง ขอแชทหาเพื่อนรักหน่อยละกัน ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้คุยกันเลย…..-Chat-Nicha: แกกลับไปแล้วเหรอ ไม่เห็นบอกฉันเลยยังไม่ทันได้เข้าแชทก็เปิดมาเจอข้อความของณิชาที่ถูกส่งเข้ามาเสียก่อน ฉันลืมไปเสียสนิทเลยว่าก่อนออกจากมหาวิทยาลัยล
ตอนนี้เราทั้งสองจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมละสายตาออกจากกันเลย ตึกตัก ตึกตัก โอ๊ย ฉันยอมแพ้แล้วจ้า หล่อเกินต้านทานแบบนี้ขนมทนไม่ไหวแล้วค่ะฉันกระพริบตาปริบๆ เอนศีรษะไปทางด้านหลังเพื่อให้หน้าของเราออกห่างจากกันก่อนที่จะหัวใจวายตายไปเสียก่อน“ขะ…ขอบคุณนะคะที่ให้กลับมาด้วย” ฉันเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าสวยเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อและร้อนผ่าวลามไปจนถึงใบหู“อยู่คนเดียวได้รึเปล่า” คนตัวสูงหยัดกายขึ้นตรงและถามฉันกลับ น้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยนนุ่มนวลขึ้นมากกว่าแต่ก่อน“ขนมอยู่ได้ค่ะ” ส่งยิ้มหวานแล้วแสร้งตอบออกไป แม้จะเดินได้ไม่สะดวก แต่หญิงแกร่งอย่างขนมจะทำตัวเป็นภาระคนอื่นไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอขนาดนั้น แม้จะอยากอ้อนเขามากก็เถอะ“งั้นเดี๋ยวพี่มา” พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ฉันมองตามแผ่นหลังของเขาแบบงงๆ‘เดี๋ยวพี่มา’ เขาจะกลับมาอย่างนั้นเหรอ ฉันเข้าใจถูกใช่มั้ย เวลาที่เขาทำตัวแปลกไปจากเดิมมันทำให้รู้สึกว่าหัวสมองจะหยุดทำงาน หรือเรียกง่ายๆ ว่าโง่ขึ้นมานั่นเองพวกเรากลับมาถึงคอนโดกันประมาณบ่ายสองโมง ตอนนี้ฉันกำลังนอนดูซีรีส์เรื่องโปรดอยู่แล้วรู้สึกว่าง่วงขึ
พี่อินแจชวนฉันกลับคอนโด แล้วจะกลับยังไงล่ะ ขาก็ยังเจ็บ“พี่กลับก่อนก็ได้ค่ะ ขนมขอรอเพื่อนก่อน” ฉันก้มหน้ามองพื้นขณะที่เอ่ยกับเขาคงทำได้แค่นั่งรอให้เพื่อนรักเรียนเสร็จ แล้วให้เธอขับรถของฉันกลับไปด้วยกัน แล้วค่อยให้พี่ณัฐไปรับณิชาที่คอนโดอีกที“รอ รอทำไม ขาเจ็บก็กลับไปพักที่ห้องสิ ไม่เข้าเรียนแล้วนี่” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมองหน้าสงสัย ฉันก็อยากกลับอยู่หรอก แต่ขายังเจ็บอยู่คงขับรถกลับเองไม่ได้“ก็ขนมขับรถไม่ได้นี่คะ เจ็บขา” พูดพลางช้อนดวงตาที่หมองเศร้าขึ้นจ้องใบหน้านิ่งเรียบขณะที่เขาก็จ้องมองฉันอยู่เช่นกัน“ไปกับพี่” ไม่พูดเปล่าพี่อินแจลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วอุ้มฉันขึ้นทันทีตึกตัก ตึกตัก ด้วยความเร็วของคนตัวสูงที่อุ้มฉันอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นแรงโครมครามดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง“พี่อินแจ ปล่อยขนมลงค่ะ” ฉันเอ่ยเสียงเบา ตอนนี้แทบไม่กล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ เล่นแบบนี้เป็นใครก็ทำตัวไม่ถูก โอปป้าทำแบบนี้ยัยขนมก็เขินเป็นนะคะ“ไม่ต้องพูดมาก” น้ำเสียงดุที่เอ่ยมาพร้อมกับใบหน้านิ่งเรียบ ทำให้ฉันหุบปากลงในทันทีไม่กล้าพูดต่อ ตอนนี้เขาอยู่ในโหมดโหดแต่หน้าหล่อเอาวะ อยากอุ้มก็อุ้มเลย
#InjaeTalk..เหมือนคนตัวเล็กจะลืมตัวว่าตนเองยังอยู่ในร่างเปลือยเปล่าที่มีแค่ผ้าขนหนูปกคลุมอยู่แค่นั้น ผมก็เป็นผู้ชายทั้งแท่งนะครับจะไม่ให้มองเลยมันก็จะผิดวิสัยผู้ชายแท้ แต่หุ่นเธอนี่ซ่อนรูปใช่ย่อย เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ ตรงก้อนกลมที่อยู่หน้าอกไม่ได้เล็กตามตัวเลย สีผิวของเธอที่ว่าขาวมากอยู่แล้ว พอมาอยู่ในร่างที่นุ่งน้อยห่มน้อยแบบนี้แล้ว มันกลับขาวผ่องมีน้ำมีนวลน่าสัมผัสเข้าไปใหญ่ นี่คิดอะไรอยู่เนี่ยไอ้อินแจ“รีบไปใส่เสื้อผ้าได้ละ หรือว่าตั้งใจจะอ่อย” พูดไล่เพื่อข่มสายตาไม่ให้มอง ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเลยว่าเธอเข้าหาผมเพราะแค่ต้องการแค่เรื่องบนเตียงหรือเปล่า จึงได้เผลอดุและพูดส่อไปในทางไม่ดีออกไปเพื่อให้เธอรีบไปแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้“ไม่ได้อ่อยสักหน่อย” เสียงคนตัวเล็กเอ่ยเถียงตอบเสียงเบาใบหน้าขาวของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวกับลูกตำลึงอย่างเห็นได้ชัด น่าจะเขินอยู่ไม่น้อยที่ได้ฟังคำพูดของผมไปหลังจากที่เธอพูดจบก็หายเข้าไปในห้องทันที คงจะรีบไปใส่เสื้อผ้าตามที่ผมบอก.....#KhanomTalk..พี่อินแจบ้ามาหาว่าฉันอ่อย โดยเฉพาะเวลาที่สายตาคู่นั้นมองไปยังส่วนต่างๆ ตามเรือนร่างแล้วนั้น บอกเลยว่าเขิน