๒
หู่ชิงอยากแก้แค้น
เป็นเวลาหลายวันที่ได้ร่วมพังเตียงเหวี่ยงหมอนกันมา หนึ่งมนุษย์หนึ่งปีศาจสาวก็ได้ตกลงกันว่าจะไปหาอะไรอย่างอื่นทำกันบ้าง
เฟิ่งเฟยเหงามากจึงอยากไปหาสมาชิกของหมู่บ้านมาเพิ่ม แต่หู่ชิงอยากแก้แค้น นอกจากตอนที่เนื้อผสานเนื้อกับร่างงามอยู่นั้น ไม่มีตอนไหนเลยที่เขาไม่อยากแก้แค้นฮ่องเต้สุนัข
“ท่านช่วยข้าแก้แค้นได้หรือไม่”
หู่ชิงก้มหน้าลงมองคนงามในอ้อมแขนพร้อมกับกดปลายจมูกหอมไปที่ใบหน้าใส ลิ้นสากตวัดเลียตั้งแต่ปลายคางลงต่ำมาจนถึงเนินอก
สิ่งแข็งขึงที่ทิ่มตรงหน้าขา บ่งบอกว่าชายหนุ่มเริ่มอารมณ์กระสันใคร่อยากครอบครองนางอีกแล้ว
“ได้ วันนี้เลยหรือไม่ ข้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศพอดี”
แม้จะอยู่ด้วยกันไม่นานนักแต่เพียงมองตาก็รู้ใจแล้ว ทั้งคู่ยิ้มให้กันก่อนที่เฟิ่งเฟยจะพาชายหนุ่มกลับภูมิลำเนา
ณ พระราชวังแคว้นตง
ภายในห้องทรงอักษร ของประดับข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ล้วนเป็นสีทองอร่าม โดยผู้เป็นเจ้าของห้องได้นอนสลบอยู่บนเตียงเพราะเฟิ่งเฟยร่ายเวทมนต์ใส่
“นายเหนือหัวของเจ้าช่างโอ้อวดบารมี ของมีค่ามากมายประดับไว้ในห้องเป็นว่าเล่น อย่างกับกลัวว่าขุนนางที่รักจะไม่รู้”
ร่างงามเดินไล่สำรวจ สิ่งไหนที่เห็นแล้วถูกใจก็จะเพ่งพิศมองนานเป็นพิเศษ แต่ไม่คิดจะนำมันกลับไปด้วย
ของที่ได้มาอย่างสกปรก สำหรับนางแล้วมันคือของไร้ค่า!
“อดีตนายเหนือหัวต่างหาก รบกวนท่านเปลี่ยนคำพูดด้วย”
เฟิ่งเฟยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ หู่ชิงเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกมันเขี้ยว ก้าวเข้าไปในระยะประชิดแล้วรั้งเอวบางเข้ามาแนบอก กอดนางจากด้านหลัง ริมฝีปากฝังเข้ากับซอกคอหอมกรุ่น ตวัดลิ้นชิมเนื้อสาว มือหนาปัดป่ายลงต่ำเรื่อย ๆ จนปีศาจสาวลมหายใจกระตุก
“เอาเลยหรือ”
ชายหนุ่มยังไม่ตอบในทันที ลิ้นร้ายตวัดเลียติ่งหูขาวสะอาดสลับกับขบเม้มเบา ๆ
“ในเมื่อท่านยังไม่ให้ข้าฆ่ามัน เช่นนั้นก็อย่าเสียเวลาเลย!”
เสียงทุ้มขาดห้วงเมื่อโดนก้นงามงอนในร่มผ้าถูไถตรงแก่นกายของเขา ตั้งแต่รู้จักนาง เขารู้สึกว่าตนมีความต้องการมากกว่าปกติ
“ได้ เช่นนั้นก็ปลอมแปลงกายกันหน่อย”
“อย่างไร”
หู่ชิงเลิกคิ้วถาม เฟิ่งเฟยไม่ตอบแต่ร่ายเวทมนตร์ลวงตาขึ้น ให้คนที่เข้ามาในห้องทรงอักษรเห็นนางและหู่ชิงเป็นคนอื่น
“อีกไม่นานจะมีคนเข้ามาในห้องนี้ พวกเขาจะเห็นเจ้าเป็นฮ่องเต้ แต่จะเห็นข้าเป็น...คิก ๆ”
แค่คิดเฟิ่งเฟยก็รู้สึกสนุกแล้ว นางใช้เวทมนตร์เรียกสมุนของตนเองพร้อมออกคำสั่งให้ไปจับตัวคนมา
หู่ชิงชะงักไปก่อนจะจับร่างบางหันหน้ามาเผชิญหน้ากัน
“ท่านให้ไปจับตัวองค์หญิงรองมาทำไมหรือ”
องค์หญิงรองเป็นพระธิดาของกุ้ยเฟย สนมคนโปรดของฮ่องเต้
และใช่! คนที่เฟิ่งเฟยปลอมแปลงกายก็คือองค์หญิงรอง ชื่อเสียงของฮ่องเต้จะเป็นเช่นไร หากมีใครรู้ว่าแม้แต่ลูกในไส้ก็ยังกระทำดุจสัตว์เดรัจฉาน
“ไปเชิญฮองเฮา กุ้ยเฟยและเสนาบดียศสูงมาที่นี่ บอกว่าฮ่องเต้เชิญ”
เฟิ่งเฟยออกคำสั่งสมุนปีศาจอีกหน มาตอนนี้หู่ชิงเข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง ใบหน้าหล่อเหลายิ้มร้าย ก้มลงจุมพิตริมฝีปากสีสวย ถูกใจในแผนการของนาง
ค่อย ๆ ทำลายภาพลักษณ์ของฮ่องเต้แบบนี้ก็ดีเช่นกัน ให้ประชาชนหมดศรัทธาในตัวฮ่องเต้ ดีกว่าฆ่าให้ตายแล้วถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ
การแก้แค้นด้วยแผนการนี้ช่างรื่นรมย์นัก นอกจากจะได้ฝังกายในร่างคนงามแล้วยังสะใจเพราะได้แก้แค้นอีกด้วย
“กำลังมากันแล้ว”
เฟิ่งเฟยยิ้มแล้วโน้มคอหนาลงมาประกบจูบ ลิ้นสีชมพูอ่อนตวัดตอบรับลิ้นสาก สองลิ้นผสานสอดรับเกิดเป็นเสียงน่าอายขึ้น
ขันทีผู้เฝ้าอยู่หน้าห้องนึกสงสัย ว่านายเหนือหัวเรียกนางสนมมาปรนนิบัติตั้งแต่เมื่อใด แต่พอคิดว่าอาจจะเรียกมาก่อนที่เขาเข้าเวรจึงเลิกให้ความสนใจ
ในห้องทรงอักษร สองร่างในยามนี้ไร้เสื้อผ้าติดกายแล้ว ร่างงามนอนราบอยู่บนโต๊ะ สองขาเรียวอ้าออกเพราะร่างหนาสอดตัวแยกขาทั้งสองข้างไว้พร้อมก้มลงลิ้มรสนางตั้งแต่เต้างามมาถึงส่วนกลางกายสาว
“อะ อ้า อย่างนั้นแหละเพคะฝ่าบาท”
เฟิ่งเฟยเอ่ยเสียงกระเส่า ใบหน้ายิ้มอย่างสนุกสนาน มือเรียวสะกิดปทุมถันเบา ๆ ร่างกายบิดงอตามอารมณ์กระสัน ขณะที่นางกำลังใกล้จะปลดปล่อยความสุข ลิ้นสากก็หยุดโดยพลัน ก่อนจะถามด้วยใบหน้าตึงเครียด
“ผู้ที่เข้ามาใหม่ก็ต้องเห็นร่างกายท่านนะสิ แบบนี้ไม่ดีแน่”
ร่างบางเด้งกายขึ้น กอดเอวสอบไว้แล้วจรดริมปีปากลงตรงอกเขา ลิ้นเล็กไล้เลียผิวเนื้อสีแทนอันเกิดจากการกรำศึกมาเยอะ
นางหลงใหลสีผิวของเขา เพราะมันตัดกับผิวขาวซีดของนางได้อย่างชัดเจน ขณะที่กำลังไล้ลิ้นลงต่ำเพื่อจะครอบครองแก่นกลางกายเขา มือหนาก็บีบคางนางเบา ๆ เพื่อให้นางหยุดก่อน
“แบบนี้ไม่ดีแน่ ข้าไม่อยากให้ใครเห็นผิวเนื้อของท่าน”
“อย่าได้คิดมาก พวกเขาล้วนเห็นเป็นองค์หญิงรองทั้งสิ้น เนื้อตัวด้วยก็เช่นกัน”
หู่ชิงคิดจะเอ่ยค้านอีก แต่เมื่อได้ยินเสียงถวายพระพรฮองเฮาอยู่ด้านนอก ต่อมาก็เป็นกุ้ยเฟย หู่ชิงจึงกดกายงามนอนลงแล้วก้มลงตวัดลิ้นลงบนดอกไม้งามต่อ
โดยปกติแล้วหากไม่ได้รับการอนุญาตก่อน ย่อมไม่อาจเข้ามาในห้องทรงอักษรได้โดยพลการ เฟิ่งเฟยจึงตั้งใจส่งเสียงร้องออกมาดัง ๆ เพื่อเรียกความสนใจของคนด้านนอกให้ปรี่เข้ามาเห็นฉากนี้
“ฮือ~ปล่อยหม่อมฉันนะ ฮึก!”
หู่ชิงรู้ในทันทีว่าตนเองต้องเล่นบทขืนใจ จึงสอดกายเข้าดอกไม้งามแล้วชักเข้าออกด้วยแรงอารมณ์ เสียงดังออกมาถึงด้านนอก
กุ้ยเฟยได้ยินมันอย่างชัดเจน ดวงตาคู่งามเบิกกว้างพร้อมเดินพรวดพราดเข้าไปโดยไม่รอให้ใครอนุญาต
ฮองเฮามีไหวพริบพอตัว สั่งการให้ขุนนางรออยู่ด้านนอก ก่อนที่ตนจะสาวเท้าเดินตามกุ้ยเฟยเข้าไป
“กรี๊ด!!!”
เสียงกรีดของคนเป็นแม่ดังลั่น สร้างความตื่นตระหนกให้กับขุนนางที่รออยู่ด้านนอกยิ่งแล้ว
พวกเขาต่างคาดเดาเหตุการณ์กันไปต่าง ๆ นานา แต่ก็ไม่กล้าตามเข้าไปในห้องทรงอักษร
“ฝ่าบาท!”
ฮองเฮาตะโกนเรียกด้วยสีหน้าหนักอึ้ง ขนาดนางไม่ใช่มารดาที่แท้จริงขององค์หญิงรองยังตกใจเพียงนี้
มิน่าเล่ากุ้ยเฟยถึงได้สลบไปทันทีที่เห็นภาพ!
เรื่องต่อจากนั้นย่อมชุลมุนวุ่นวาย เฟิ่งเฟยแสร้งเนื้อตัวสั่นเทาพร้อมกับวิ่งเข้าไปในเขตห้องบรรทม หู่ชิงก็วิ่งตามเข้าไปในห้องบรรทมเช่นกัน
“ข้าจะถ่ายทอดความทรงจำเหล่านี้ให้ฮ่องเต้ตัวจริงด้วย เขาจะได้คิดว่าตัวเองทำระยำกับบุตรตัวเองจริง ๆ”
“แล้วองค์หญิงรองตัวจริงเล่า”
หู่ชิงถามอย่างสงสัย ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเฟิ่งเฟยสะบัดมือเพียงครั้งเดียว องค์หญิงตัวจริงก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว
“ถ่ายทอดความทรงจำนี้ลงไปเช่นเดียวกัน ไม่ต้องอโหสิกรรมให้ข้าเล่า ข้าตั้งใจทำชั่ว”
เฟิ่งเฟยยิ้มร้าย กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร สำหรับนางแล้ว มนุษย์ไม่ต่างจากมดปลวก ชีวิตสั้นยิ่งกว่ายุงในแดนปีศาจเสียอีก
“หากทำสิ่งนี้แล้วเป็นบาป ข้าขอรับกรรมนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว”
หู่ชิงกล่าวด้วยความสัตย์จริง ชีวิตของเขาต่อจากนี้ เป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว
๔๖ตำนานตลอดไป งานแต่งงานของเฟิ่งเฟยและตานติ่งเฮ่อถูกเนรมิตให้เป็นดั่งดินแดนบุปผาจากฝีมือของปีศาจบุปผา ดอกไม้นานาชนิดเป็นสีดำ แดง ม่วงและน้ำเงินถูกจัดไว้อย่างลงตัวในห้องโถง แขกที่มาร่วมงานต่างเพลิดเพลินไปกับการชมดอกไม้ขณะรอพิธีการเริ่ม พิธีการแต่งงานของแดนปีศาจไม่มากขั้นตอน บ่าวสาวเพียงใส่ชุดแต่งงานแล้วร่วมกรีดเลือดสาบานตนต่อหน้าแขกเหรื่อทั้งงาน เลือดที่กรีดจากกริชเงินจะถูกหยดลงศิลานิรันดร์กาล เครื่องหมายอันแสดงว่าชายหญิงได้ร่วมพิธีสาบานตนกันแล้ว หากใครผิดคำสาบานจะโดนศิลานิรันดร์กาลสำเร็จโทษเอง “บ่าวสาวมาถึงแล้ว” เมื่อฤกษ์ยามมาถึง ผู้ดำเนินการในพิธีก็เบิกตัวบ่าวสาวเข้าสู่ห้องโถง แขกในงานอยู่ในความเงียบสงบ หันไปทางเข้าประตูห้องโถงใหญ่ เมื่อสองเท้าต่างขนาดก้าวเข้ามาด้านใน ทุกคนก็ปรบมือต้อนรับเป็นการให้เกียรติตัวเอกของงาน เฟิ่งเฟยใส่ชุดสีแดงบ่อยแล้ว นางจึงขอเจ้าบ่าวใส่ชุดแต่งงานสีขาวทั้งตัวแทน ดอกไม้และชุดของแขกเป็นโทนทึบ เมื่อเห็นบ่าวสาวอยู่ในชุดสีขาวกันทั้งคู่ทำให้ดูสว่างไสวโดดเด่นราวกับมีแสงตกกระทบ “ท่านพ่อ”
๔๕มือเย็นใจอุ่น เฟิ่งเฟยกำลังอึ้งกับสารที่เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่นี้ เดินใจลอยในหัวคิดโน้นนี่นั่น รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตานติ่งเฮ่อพานางมาหยุดอยู่ที่รังไหมด้านหลังตำหนักประมุขปีศาจ “เฮ่อเกอพาข้ามาที่นี่ทำไมเจ้าคะ” นางหลุดออกจากภวังค์ได้เพราะมือหนากระตุกมือนางเบา ๆ เพราะความจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเป็นผลให้สมองของนางประมวลผลได้ช้า ลืมไปแล้วว่ารังไหมที่อยู่ตรงนี้มีไว้สำหรับทำอะไร “มนุษย์สองคนนั้นอย่างไรเล่า ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในช่วงฟักตัว เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะสามารถเป็นภูตได้” หู่ชิงกับชิงป๋ายเช่นนั้นหรือ “พวกเขา อยู่ในนี้หรือเจ้าคะ” ตานติ่งเฮ่อไม่ตอบเป็นคำพูด มือหนาข้างหนึ่งสะบัดหนึ่งครั้ง ก็เห็นว่ามีร่างมนุษย์ชายสองคนกำลังหมุนวนอยู่ในรังไหมใหญ่เท่าต้นไม้สามคนโอบ “อยู่รังไหมเท่ากับเป็นภูตพฤกษา หากตั้งใจบำเพ็ญเพียรก็มีสิทธิ์เป็นปีศาจโอสถได้ ซึ่งที่กล่าวมานี้ต้องใช้เวลา เจ้ารอพวกเขาได้หรือไม่” เฟิ่งเฟยมองตานติ่งเฮ่อว่าเขากล่าวคำพูดนี้ด้วยความรู้สึกใด จนแล้วจนรอดนางก็อ่านสายตาของเขาไ
๔๔พูดแล้วไม่คืนคำ ตานติ่งเฮ่อนิ่งไปกับคำพูดของเฟิ่งเฟย ตอนแรกเขาคิดไว้แล้วว่านางอาจจะรู้สึกดีกับเขามากขึ้น แต่ไม่คิดว่านางจะลั่นวาจานี้ออกมา ไม่สิ! มิใช่ไม่คิด แต่ไม่ ‘กล้า’ คิดต่างหาก “เจ้าเอ่ยคำพูดนี้ออกมา จริงจังเพียงกี่ส่วน เชื่อถือได้แค่ไหน” “ข้าจริงจัง ที่ข้าเคยบอกว่ายังไม่อยากแต่งงาน ความจริงแล้วอาจเพราะว่ายังไม่เจอใครให้สามารถฝากชีวิตได้เท่าเฮ่อเกอ วันที่รู้ว่าเฮ่อเกอคือเจ้าบ่าวที่รอมานาน มุมมองการแต่งงานของข้าก็เปลี่ยนไป ท่านดีต่อข้าเพียงนี้ หากข้าไม่ขอท่านแต่งงานแล้วจะไปขอใคร” ท่าทางจริงจังของนางทำให้ตานติ่งเฮ่อพูดไม่ออก เริ่มสับสนว่านางใช้ใจหรือใช้สมองนำทางถึงได้กล้าเอ่ยขอเขาแต่งงาน “ข้าจะเชื่อเพราะข้าอยากเชื่อเช่นนี้ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” แม้จะคิดเช่นนั้นเขาก็เลือกจะเชื่อว่านางใช้หัวใจนำทาง “ไม่คืนคำแน่นอนเจ้าค่ะ” เฟิ่งเฟยให้คำมั่น “เช่นนั้น...เราสองคนแต่งงานกันเถิด!” ตานติ่งเฮ่อเอ่ยขอเฟิ่งเฟยอีกหนซึ่งนางก็พยักหน้ารับ เอื้อมมือไปจับมือใหญ่ไว้แล้วใช้เวทเคลื่อนกายกลับมาที่ตำหนักประมุขปีศ
๔๓ยินดีหรือไม่ เฟิ่งเฟยกลับแดนปีศาจด้วยจังหวะหัวใจที่เต้นไม่สม่ำเสมอ ในหัวสับสนไปหมด ทั้งยังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ตั้งแต่แรกเริ่มที่นางได้ไปเยือนแดนมนุษย์โดยง่ายทั้ง ๆ ที่ผ่านมาประมุขปีศาจไม่เคยปล่อยให้นางออกนอกเขตปีศาจเลย เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากนางกลับจากแดนปีศาจก็ด้วย “เฮ่อเกออยู่หรือไม่เ” เฟิ่งเฟยมาหาตานติ่งเฮ่อถึงตำหนัก ที่นี่มีเพียงพ่อบ้านปีศาจดูแลอยู่เท่านั้น ไม่มีบ่าวรับใช้ปีศาจเพราะเจ้าของตำหนักเชี่ยวชาญอาคมศาสตร์มืด ค่ายกลและเวทย์ทั่วไป ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีสมุนรับใช้ “อยู่ขอรับท่านหญิง ในห้องหนังสือ” “ไปเรียนให้หน่อยได้หรือไม่ว่าข้าขอพบ” พ่อบ้านปีศาจยิ้มพร้อมผายมือเข้าไปยังด้านใน “นายท่านกล่าวว่าหากท่านหญิงมาให้เชิญด้านในได้เลยขอรับ” ขนาดข้าจะมาวันนี้ เขาก็คาดคะเนไว้แล้ว “อือ” เฟิ่งเฟยพยักหน้ารับแล้วเดินไปทางห้องหนังสือของตานติ่งเฮ่อ นางเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่มาจะมีพ่อบ้านปีศาจเข้ามาขออนุญาตก่อน หากได้รับอนุญาตแล้วนางจึงสามารถเข้ามาที่นี่ได้
๔๒ดินแดนพิภพ ณ แดนพิภพดินแดนที่มีไว้สำหรับการคัดกรองดวงวิญญาณมนุษย์ วิญญาณที่ถึงแก่ฆาตและทำกรรมดีไว้มากจะสามารถขึ้นเป็นเซียนฝึกหัดได้ในทันที แต่หากวิญญาณดวงนั้นทำกรรมชั่วไว้มาก ก็จะถูกส่งไปยังแม่น้ำชำระล้าง ดำผุดดำว่ายอยู่เช่นนั้นจนกว่าจะล้างกรรมหมด วิญญาณที่ดวงยังไม่ถึงฆาต ผู้นำดวงวิญญาณจะพาดวงวิญญาณเข้าห้องพิพากษา เทพพิภพจะให้ทางเลือกระหว่างจะเป็นสัมภเวสีผีเร่ร่อนหรือว่าจะเลือกสายปีศาจ การเลือกเป็นสัมภเวสีสามารถกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง มีโอกาสสร้างบุญเพื่อหนทางสู่การเป็นเซียน แต่การเลือกสายปีศาจจะไม่อาจเปลี่ยนเป็นเผ่าสวรรค์ได้ ต้องกลายเป็นภูตหรือปีศาจตลอดไป “เป็นครั้งแรกเลยที่ข้ามาที่นี่” ดินแดนพิภพไร้สิ่งมีชีวิตใดแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า เป็นดินแดนที่ปกคลุมด้วยไรฝุ่นหนาทึบ ตอนเดินเข้ามาเฟิ่งเฟยเห็นดวงวิญญาณมากมายกำลังเดินเข้ามาที่นี่พร้อมกับนาง บ้างก็โดนผู้นำวิญญาณกระชากลากถูดุจสัตว์เดรัจฉาน สภาพของพวกเขาคือช่วงเวลาสุดท้ายตอนถึงแก่กรรม บ้างก็มีเลือดอาบเต็มใบหน้า บ้างก็ร่างกายไม่ครบส่วน น่าสยดสยองยิ่งแล้ว “นั่
๔๑เหมาะเจาะเพียงนี้ ณ เรือนลอยฟ้า เฟิ่งเฟยมาหาสถานที่เงียบ ๆ เพื่อขบคิดถึงสิ่งที่ตานติ่งเฮ่อบอก คิ้วใบหลิวแทบจะขมวดเข้าหากันยุ่ง รู้สึกกลัดกลุ้มมากที่สุดตั้งแต่ที่เคยเป็นมา “เรื่องการแต่งงานมิใช่ว่าต้องใช้หัวใจนำทางหรอกหรือ ไฉนให้ข้าลองกลับมาคิดดู” ตั้งคำถามพร้อมถอนหายใจ “หือ” แต่แล้วก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่ง! เพราะตรงหัวใจซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำพันธะสัญญาไว้กับหู่ชิงและชิงป๋ายร้อนผ่าว ความนี้สื่อได้สองอย่าง ไม่บาดเจ็บหนักก็ถึงแก่ชีวิต นางรีบบินลงจากเรือนลอยฟ้า เร่งเดินทางออกจากแดนปีศาจโดยเร็วที่สุด ใช้เวลานานพอสมควรกว่านางจะออกจากแดนปีศาจได้ เมื่อเท้าแตะดินแดนมนุษย์ ดวงตาคู่งามหลับตาพริ้มหาตำแหน่งของทั้งคู่ “เหตุใดไปอยู่ที่วังหลวงอีกแล้ว!” นางเคลื่อนกายไปยังวังหลวงแคว้นตง ในหัวคิดว่าชินอ๋องจะต้องเล่นแง่อะไรอีก เพื่อความรวดเร็วครั้งนี้นางยอมใช้ปีกของตนเดินทางไปยังจุดหมาย ร่ายเวทไม่ให้มนุษย์สามารถมองเห็นร่างจริงของนางได้ “เฟิ่งเฟย!” แต่กับปีศาจและเทพด้วยกันแล้วยังสามารถมองเห