๓
แคว้นตงระส่ำระสาย
แม้ฮองเฮาจะพยายามปิดข่าวแล้ว แต่ข่าวระหว่างฮ่องเต้กับองค์หญิงรองก็เล็ดลอดออกมานอกวังอยู่ดี
ที่ผ่านมาฮ่องเต้แคว้นตงสร้างภาพลักษณ์อันดีงามให้ตัวเองมาตลอด คนที่ทราบข่าวจึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“องค์หญิงรองปลิดชีพจนเองเช่นนั้นหรือ”
ในตลาดเช้าวันนี้ หัวข้อสนทนายังคงเป็นผู้สูงศักดิ์แห่งแคว้น ตอกย้ำข่าวลือก่อนหน้าให้เป็นจริงยิ่งขึ้น
คนปล่อยข่าวซึ่งกำลังนั่งทานโจ๊กอยู่ถึงกับยิ้มกริ่ม แม้หู่ชิงจะรู้สึกสงสารองค์หญิงรองอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดว่าน้องสาวตนต้องตายอย่างอนาถเพราะคำสั่งของฮ่องเต้เช่นกัน ความรู้สึกผิดบาปในใจจึงสลายหายไปในทันที
“นี่เพียงแค่เริ่มต้น”
เฟิ่งเฟยยิ้มกริ่ม คืนนี้นางจะร่ายเวทบทใหม่ให้ฮ่องเต้ผู้นี้หลงในกามอารมณ์อย่างแท้จริง นอกจากจะทำระยำกับบุตรตนแล้ว ยังออกคำสั่งให้เมียชาวบ้านมาอุ่นเตียงให้ด้วย
“ขุนนางในราชสำนักมีเพียงตระกูลเดียวเท่านั้นที่เป็นกลาง นอกนั้นล้วนอยากเด็ดปีกข้าทั้งสิ้น นอกจากตระกูลชิงแล้ว ท่านสามารถใช้งานได้เต็มที่”
หู่ชิงเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม 220 ชีวิตในตระกูลหู่ต้องไม่ตายเปล่า!
“ได้ แบบนี้ก็ดีเช่นกัน ยิ่งวุ่นวายยิ่งดี”
เฟิ่งเฟยไม่ได้ช่วยหู่ชิงเพราะเขาเป็นสมาชิกคนแรกของหมู่บ้านเท่านั้น แต่นางอยากให้บิดาผู้บ้าอำนาจของตนตามล้างตามเช็ดเรื่องนี้ให้!
ตกกลางคืนเฟิ่งเฟยก็ปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ในใจ ฮ่องเต้ผู้นอนกระสับกระส่ายลืมตาขึ้น
สั่งการให้องครักษ์ไปนำตัวฮูหยินใหญ่ของเสนาบดีฝ่ายขวาเข้าเฝ้า พร้อมจับนางอุ่นเตียงโดยไม่สนใจใครหน้าไหน สร้างความขุ่นเคืองใจให้เสนาบดีคู่พระทัยนัก
และเหตุการณ์ยิ่งหนักข้อขึ้นไปอีก เมื่อเหล่าฮูหยินของขุนนางคนสำคัญล้วนถูกกระทำไม่ต่างกัน
ฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลงเมื่อมีอยู่คืนหนึ่ง ฮ่องเต้สุนัขได้ออกคำสั่งให้องครักษ์ไปจับตัวฮูหยินสาวของแม่ทัพน้อยซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่มาร่วมประเวณี
ขุนนางทั้งฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋นลุกขึ้นต่อต้าน ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนฮองเฮาโดยให้องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์แทน ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นฝ่ายกบฏหลบซ่อนอยู่แล้วสนับสนุนชินอ๋อง
การต่อสู้แย่งชิงอำนาจเกิดขึ้น แคว้นตงระส่ำระสายจนแคว้นข้างเคียงสบโอกาสโจมตีเมืองหน้าด่านแล้วยึดครองได้สำเร็จ
เมื่อมีศึกนอก ภายในแคว้นจึงไม่อาจต่อสู้กันได้อีกต่อไป มีคนเสนอให้ตามแม่ทัพหู่ชิงกลับมารับตำแหน่ง เพื่อต่อต้านทัพหลวงของแคว้นชิงไฮ้
“อยากกลับไปรับตำแหน่งหรือไม่”
เสียงหวานเอ่ยถามขึ้น สองร่างเปล่าเปลือยในน้ำตกกอดกันแนบแน่น พวกเขาเพิ่งผ่านกิจกรรมเข้าจังหวะมาสด ๆ ร้อน ๆ
แต่ไฟพิศวาสก็ยังครอบงำทั้งคู่ไม่เสื่อมคลาย
หู่ชิงจุมพิตริมฝีปากนุ่มอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย บีบอกนุ่มเล่นอยู่นานกว่าจะยอมตอบคำถามของหญิงสาว
“แล้วแต่ว่าผู้ที่เจรจาจะเป็นใคร”
“เจ้าหวังให้เป็นผู้ใด”
“ชินอ๋อง”
เฟิ่งเฟยพยักหน้าแล้วออกคำสั่งลูกสมุนให้ไปชี้นำชินอ๋องมาทางนี้ นางเห็นด้วยที่เขาเลือกชินอ๋องแทนองค์รัชทายาท
“ชินอ๋องจะได้เป็นฮ่องเต้หรือไม่ ล้วนอยู่ที่เจ้าแล้ว”
องค์รัชทายาทยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์เพราะฮ่องเต้สุนัขยังมีชีวิตอยู่ เพียงแค่ไม่ได้ออกว่าราชการเท่านั้น กอปรกับมีศึกนอก ทุกคนจึงให้ความสนใจต่อเรื่องนี้ ถึงขั้นมีขุนนางประชุมกันอย่างลับ ๆ
ผู้ใดที่ปราบแคว้นชิงไฮ้ได้ จะสนับสนุนให้เป็นฮ่องเต้คนต่อไป
“หากข้าไปรับตำแหน่งแล้วท่านจะทิ้งข้าหรือไม่”
เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเศร้าใจ ตอนนี้เขาไม่อยากแยกจากนางเลยสักนิด ด้วยกลัวว่าหลังจากที่เขาจากไป นางจะไปมีชายอื่น
“เจ้าเกิดมาเพื่อเป็นแม่ทัพ ข้ามาที่นี่เพื่อความสำราญ ข้าไม่สัญญาว่าจะมีเจ้าเพียงคนเดียว แต่สัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งเจ้าแน่นอน”
เสียงจริงใจของนางทำให้หู่ชิงเชื่อใจ ตระหนักได้ถึงฐานะตน
“ข้าเข้าใจแล้ว และสัญญาว่าจะไม่ปันใจให้หญิงใด ร่างกายนี้จะเป็นของท่านเพียงผู้เดียว”
เฟิ่งเฟยยิ้มรับไม่ได้เอ่ยออกไป เพราะต่อให้เขาไม่สัญญา เขาก็ไม่อาจมีใครได้อีกแล้ว
“เจ้าต้องเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว”
เพราะกลิ่นอายปีศาจในกายข้าได้จองจำเจ้าไปตลอดทั้งชีวิตแล้ว!
๔๖ตำนานตลอดไป งานแต่งงานของเฟิ่งเฟยและตานติ่งเฮ่อถูกเนรมิตให้เป็นดั่งดินแดนบุปผาจากฝีมือของปีศาจบุปผา ดอกไม้นานาชนิดเป็นสีดำ แดง ม่วงและน้ำเงินถูกจัดไว้อย่างลงตัวในห้องโถง แขกที่มาร่วมงานต่างเพลิดเพลินไปกับการชมดอกไม้ขณะรอพิธีการเริ่ม พิธีการแต่งงานของแดนปีศาจไม่มากขั้นตอน บ่าวสาวเพียงใส่ชุดแต่งงานแล้วร่วมกรีดเลือดสาบานตนต่อหน้าแขกเหรื่อทั้งงาน เลือดที่กรีดจากกริชเงินจะถูกหยดลงศิลานิรันดร์กาล เครื่องหมายอันแสดงว่าชายหญิงได้ร่วมพิธีสาบานตนกันแล้ว หากใครผิดคำสาบานจะโดนศิลานิรันดร์กาลสำเร็จโทษเอง “บ่าวสาวมาถึงแล้ว” เมื่อฤกษ์ยามมาถึง ผู้ดำเนินการในพิธีก็เบิกตัวบ่าวสาวเข้าสู่ห้องโถง แขกในงานอยู่ในความเงียบสงบ หันไปทางเข้าประตูห้องโถงใหญ่ เมื่อสองเท้าต่างขนาดก้าวเข้ามาด้านใน ทุกคนก็ปรบมือต้อนรับเป็นการให้เกียรติตัวเอกของงาน เฟิ่งเฟยใส่ชุดสีแดงบ่อยแล้ว นางจึงขอเจ้าบ่าวใส่ชุดแต่งงานสีขาวทั้งตัวแทน ดอกไม้และชุดของแขกเป็นโทนทึบ เมื่อเห็นบ่าวสาวอยู่ในชุดสีขาวกันทั้งคู่ทำให้ดูสว่างไสวโดดเด่นราวกับมีแสงตกกระทบ “ท่านพ่อ”
๔๕มือเย็นใจอุ่น เฟิ่งเฟยกำลังอึ้งกับสารที่เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่นี้ เดินใจลอยในหัวคิดโน้นนี่นั่น รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตานติ่งเฮ่อพานางมาหยุดอยู่ที่รังไหมด้านหลังตำหนักประมุขปีศาจ “เฮ่อเกอพาข้ามาที่นี่ทำไมเจ้าคะ” นางหลุดออกจากภวังค์ได้เพราะมือหนากระตุกมือนางเบา ๆ เพราะความจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเป็นผลให้สมองของนางประมวลผลได้ช้า ลืมไปแล้วว่ารังไหมที่อยู่ตรงนี้มีไว้สำหรับทำอะไร “มนุษย์สองคนนั้นอย่างไรเล่า ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในช่วงฟักตัว เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะสามารถเป็นภูตได้” หู่ชิงกับชิงป๋ายเช่นนั้นหรือ “พวกเขา อยู่ในนี้หรือเจ้าคะ” ตานติ่งเฮ่อไม่ตอบเป็นคำพูด มือหนาข้างหนึ่งสะบัดหนึ่งครั้ง ก็เห็นว่ามีร่างมนุษย์ชายสองคนกำลังหมุนวนอยู่ในรังไหมใหญ่เท่าต้นไม้สามคนโอบ “อยู่รังไหมเท่ากับเป็นภูตพฤกษา หากตั้งใจบำเพ็ญเพียรก็มีสิทธิ์เป็นปีศาจโอสถได้ ซึ่งที่กล่าวมานี้ต้องใช้เวลา เจ้ารอพวกเขาได้หรือไม่” เฟิ่งเฟยมองตานติ่งเฮ่อว่าเขากล่าวคำพูดนี้ด้วยความรู้สึกใด จนแล้วจนรอดนางก็อ่านสายตาของเขาไ
๔๔พูดแล้วไม่คืนคำ ตานติ่งเฮ่อนิ่งไปกับคำพูดของเฟิ่งเฟย ตอนแรกเขาคิดไว้แล้วว่านางอาจจะรู้สึกดีกับเขามากขึ้น แต่ไม่คิดว่านางจะลั่นวาจานี้ออกมา ไม่สิ! มิใช่ไม่คิด แต่ไม่ ‘กล้า’ คิดต่างหาก “เจ้าเอ่ยคำพูดนี้ออกมา จริงจังเพียงกี่ส่วน เชื่อถือได้แค่ไหน” “ข้าจริงจัง ที่ข้าเคยบอกว่ายังไม่อยากแต่งงาน ความจริงแล้วอาจเพราะว่ายังไม่เจอใครให้สามารถฝากชีวิตได้เท่าเฮ่อเกอ วันที่รู้ว่าเฮ่อเกอคือเจ้าบ่าวที่รอมานาน มุมมองการแต่งงานของข้าก็เปลี่ยนไป ท่านดีต่อข้าเพียงนี้ หากข้าไม่ขอท่านแต่งงานแล้วจะไปขอใคร” ท่าทางจริงจังของนางทำให้ตานติ่งเฮ่อพูดไม่ออก เริ่มสับสนว่านางใช้ใจหรือใช้สมองนำทางถึงได้กล้าเอ่ยขอเขาแต่งงาน “ข้าจะเชื่อเพราะข้าอยากเชื่อเช่นนี้ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” แม้จะคิดเช่นนั้นเขาก็เลือกจะเชื่อว่านางใช้หัวใจนำทาง “ไม่คืนคำแน่นอนเจ้าค่ะ” เฟิ่งเฟยให้คำมั่น “เช่นนั้น...เราสองคนแต่งงานกันเถิด!” ตานติ่งเฮ่อเอ่ยขอเฟิ่งเฟยอีกหนซึ่งนางก็พยักหน้ารับ เอื้อมมือไปจับมือใหญ่ไว้แล้วใช้เวทเคลื่อนกายกลับมาที่ตำหนักประมุขปีศ
๔๓ยินดีหรือไม่ เฟิ่งเฟยกลับแดนปีศาจด้วยจังหวะหัวใจที่เต้นไม่สม่ำเสมอ ในหัวสับสนไปหมด ทั้งยังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ตั้งแต่แรกเริ่มที่นางได้ไปเยือนแดนมนุษย์โดยง่ายทั้ง ๆ ที่ผ่านมาประมุขปีศาจไม่เคยปล่อยให้นางออกนอกเขตปีศาจเลย เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากนางกลับจากแดนปีศาจก็ด้วย “เฮ่อเกออยู่หรือไม่เ” เฟิ่งเฟยมาหาตานติ่งเฮ่อถึงตำหนัก ที่นี่มีเพียงพ่อบ้านปีศาจดูแลอยู่เท่านั้น ไม่มีบ่าวรับใช้ปีศาจเพราะเจ้าของตำหนักเชี่ยวชาญอาคมศาสตร์มืด ค่ายกลและเวทย์ทั่วไป ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีสมุนรับใช้ “อยู่ขอรับท่านหญิง ในห้องหนังสือ” “ไปเรียนให้หน่อยได้หรือไม่ว่าข้าขอพบ” พ่อบ้านปีศาจยิ้มพร้อมผายมือเข้าไปยังด้านใน “นายท่านกล่าวว่าหากท่านหญิงมาให้เชิญด้านในได้เลยขอรับ” ขนาดข้าจะมาวันนี้ เขาก็คาดคะเนไว้แล้ว “อือ” เฟิ่งเฟยพยักหน้ารับแล้วเดินไปทางห้องหนังสือของตานติ่งเฮ่อ นางเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่มาจะมีพ่อบ้านปีศาจเข้ามาขออนุญาตก่อน หากได้รับอนุญาตแล้วนางจึงสามารถเข้ามาที่นี่ได้
๔๒ดินแดนพิภพ ณ แดนพิภพดินแดนที่มีไว้สำหรับการคัดกรองดวงวิญญาณมนุษย์ วิญญาณที่ถึงแก่ฆาตและทำกรรมดีไว้มากจะสามารถขึ้นเป็นเซียนฝึกหัดได้ในทันที แต่หากวิญญาณดวงนั้นทำกรรมชั่วไว้มาก ก็จะถูกส่งไปยังแม่น้ำชำระล้าง ดำผุดดำว่ายอยู่เช่นนั้นจนกว่าจะล้างกรรมหมด วิญญาณที่ดวงยังไม่ถึงฆาต ผู้นำดวงวิญญาณจะพาดวงวิญญาณเข้าห้องพิพากษา เทพพิภพจะให้ทางเลือกระหว่างจะเป็นสัมภเวสีผีเร่ร่อนหรือว่าจะเลือกสายปีศาจ การเลือกเป็นสัมภเวสีสามารถกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง มีโอกาสสร้างบุญเพื่อหนทางสู่การเป็นเซียน แต่การเลือกสายปีศาจจะไม่อาจเปลี่ยนเป็นเผ่าสวรรค์ได้ ต้องกลายเป็นภูตหรือปีศาจตลอดไป “เป็นครั้งแรกเลยที่ข้ามาที่นี่” ดินแดนพิภพไร้สิ่งมีชีวิตใดแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า เป็นดินแดนที่ปกคลุมด้วยไรฝุ่นหนาทึบ ตอนเดินเข้ามาเฟิ่งเฟยเห็นดวงวิญญาณมากมายกำลังเดินเข้ามาที่นี่พร้อมกับนาง บ้างก็โดนผู้นำวิญญาณกระชากลากถูดุจสัตว์เดรัจฉาน สภาพของพวกเขาคือช่วงเวลาสุดท้ายตอนถึงแก่กรรม บ้างก็มีเลือดอาบเต็มใบหน้า บ้างก็ร่างกายไม่ครบส่วน น่าสยดสยองยิ่งแล้ว “นั่
๔๑เหมาะเจาะเพียงนี้ ณ เรือนลอยฟ้า เฟิ่งเฟยมาหาสถานที่เงียบ ๆ เพื่อขบคิดถึงสิ่งที่ตานติ่งเฮ่อบอก คิ้วใบหลิวแทบจะขมวดเข้าหากันยุ่ง รู้สึกกลัดกลุ้มมากที่สุดตั้งแต่ที่เคยเป็นมา “เรื่องการแต่งงานมิใช่ว่าต้องใช้หัวใจนำทางหรอกหรือ ไฉนให้ข้าลองกลับมาคิดดู” ตั้งคำถามพร้อมถอนหายใจ “หือ” แต่แล้วก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่ง! เพราะตรงหัวใจซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำพันธะสัญญาไว้กับหู่ชิงและชิงป๋ายร้อนผ่าว ความนี้สื่อได้สองอย่าง ไม่บาดเจ็บหนักก็ถึงแก่ชีวิต นางรีบบินลงจากเรือนลอยฟ้า เร่งเดินทางออกจากแดนปีศาจโดยเร็วที่สุด ใช้เวลานานพอสมควรกว่านางจะออกจากแดนปีศาจได้ เมื่อเท้าแตะดินแดนมนุษย์ ดวงตาคู่งามหลับตาพริ้มหาตำแหน่งของทั้งคู่ “เหตุใดไปอยู่ที่วังหลวงอีกแล้ว!” นางเคลื่อนกายไปยังวังหลวงแคว้นตง ในหัวคิดว่าชินอ๋องจะต้องเล่นแง่อะไรอีก เพื่อความรวดเร็วครั้งนี้นางยอมใช้ปีกของตนเดินทางไปยังจุดหมาย ร่ายเวทไม่ให้มนุษย์สามารถมองเห็นร่างจริงของนางได้ “เฟิ่งเฟย!” แต่กับปีศาจและเทพด้วยกันแล้วยังสามารถมองเห
๔๐พี่ก็คือพี่ ไม่เอานะ! ร่างงามพลันลุกขึ้นเต็มความสูง ส่ายหน้าไปมาช้า ๆ แววตาแฝงด้วยอารมณ์หลากหลาย ด้วยที่ผ่านมานางมองเขาเป็นพี่ชายมาตลอด แล้วจะเปลี่ยนไปเป็นเจ้าบ่าวได้อย่างไร! “นั่งลงก่อน เรายังพูดเรื่องนี้กันไม่จบ” ประมุขปีศาจสั่งเสียงเข้ม เฟิ่งเฟยอยากขัดขืน แต่เมื่อเห็นสายตาคมดุของตานติ่งเฮ่อ นางจึงนั่งลงตามเดิม สายตาแบบนี้ของเขา ชัดเจนว่ากำลังโมโห! “ที่เจ้ายังไม่อยากแต่งงานเพราะอะไร เพราะรักอิสระหรือ” คำถามจากบิดาทำเอาเฟิ่งเฟยเงียบไป หากเป็นเมื่อก่อนนางคงเอ่ยเหตุผลนี้ออกไปอย่างไม่ลังเล แต่พอตอนนี้โดนถามด้วยคำถามนี้อีกครั้ง นางกลับตอบได้ไม่เต็มปาก “ข้า…” “หากเจ้าต้องการอิสระ อาเฮ่อให้เจ้าได้อยู่แล้ว ไม่มีใครกักขังเจ้าได้หรอก อีกอย่างพ่อเองก็ไม่ไว้ใจใครนอกจากอาเฮ่อ” เฟิ่งเฟยไม่เถียง หลุบตาลงต่ำซ่อนความรู้สึกนึกคิดในแววตา ตานติ่งเฮ่อส่งสายตาไปยังประมุขปีศาจ อารมณ์ประมาณว่าวันนี้พอเท่านี้ก่อน “เจ้าลองเก็บไปคิดดู ไปเถอะ พ่อจะทำงานต่อ” เฟิ่งเฟยลุกขึ้นพร้อมตานติ่ง
๓๙เจ้าบ่าวผู้รอมานาน ณ แดนปีศาจเฟิ่งเฟยกลับมายังแดนปีศาจหลังจากที่ไม่ได้กลับมานานหลายวัน คนแรกที่นางได้พบหลังจากย่างกรายข้ามสะพานมาก็คือ... “เฮ่อเกอ! มานานแล้วหรือเจ้าคะ” เฟิ่งเฟยถามด้วยน้ำเสียงสดใส เดินเข้าไปหาพี่ชายต่างสายเลือดด้วยรอยยิ้ม “ท่านประมุขปีศาจให้ข้ามารอรับเจ้า” รอยยิ้มบนใบหน้างามหายไปทันควัน ท่าทางกระอักกระอ่วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอนแรกนางยังไม่คิดจะกลับตำหนักประมุขปีศาจ วางแผนว่าจะไปกลบดานที่เรือนลอยฟ้า ให้พี่ชายรับหน้าไปก่อน “ข้า...ทำอะไรผิดไปหรือเจ้าคะ” ด้วยไม่อยากคาดเดาจึงเอ่ยถามไปตามตรง “หึ!” คนถูกถามยิ้มมุมปาก หันหลังให้นางแล้วเดินจากไป “เอา! ไม่ตอบแต่มาส่งยิ้มปริศนาให้กัน” แม้จะแอบมองค้อนชายหนุ่มไล่หลัง แต่สุดท้ายก็ก้าวตามหลังเขาไปเพราะยังต้องการคนไกล่เกลี่ยกับบิดาอยู่ ที่ผ่านมาเป็นเช่นนี้เสมอ เมื่อใดที่นางทำผิดมักจะมีตานติ่งเฮ่อคอยแก้ต่างให้ ในชีวิตข้าไม่มีเขาไม่ได้ ณ ตำหนักของประมุขปีศาจ สองร่างต่างเพศในชุดสีดำแ
๓๘ในวันที่หมู่บ้านมีสมาชิก ณ หมู่บ้านกลางน้ำ เฟิ่งเฟยนั่งอยู่ในโถงรับแขกของเรือนหลักท่ามกลางสายตาหู่ชิง ชิงป๋าย เทพปราการและเหลียนฮวาเยา พวกเขาล้วนเป็นบุรุษที่นางเคยสานสัมพันธ์ทางกายด้วย แม้คนหนึ่งอาจจะไม่ได้สอดใส่ ส่วนอีกคนก็เปลี่ยนฐานะจากมนุษย์มาเป็นเทพแล้วก็ตาม อยู่ ๆ นางก็รู้สึกอึดอัดกับสายตาของพวกเขา “อึดอัด” สตรีหนึ่งเดียวในที่นี้ทนไม่ไหวเอ่ยขึ้นมาจนได้ ท่าทางของพวกเขาคล้ายมีสิ่งใดอยากจะสนทนากับนาง มิหนำซ้ำยังจริงจังมาก “ข้าขอเป็นตัวแทนของพวกเขาถามเจ้าเองก็แล้วกัน” เทพปราการผู้อาวุโสที่สุดมองหน้าเฟิ่งเฟยนิ่ง ๆ “ว่ามาเลย” เมื่อเฟิ่งเฟยทำใจได้แล้วนางก็เอ่ยขึ้น “ตอนนี้พวกเรา อะแห่ม! ข้าหมายถึงพวกเขาเข้าใจถึงสถานะของตนเองดีเลยอยากรู้ว่าเจ้าจะรับผิดชอบพวกเขาอย่างไร” คำถามตรงไปตรงมารวมถึงสายตาคาดหวังของพวกเขาทำเอาเฟิ่งเฟยเผลอกลืนน้ำลายลงคอดังอึก “ข้ายัง...ไม่ได้คิด” เฟิ่งเฟยตอบออกไปตามตรง สายตาของพวกเขาแฝงความผิดหวังในคำตอบชัดเจน ชิงป๋ายชัดเจนกว่าใคร หากให้เทียบกับทุกคนแล้ว น