นึกมาถึงตรงนี้ กู้รั่วเสวี่ยหัวเราะกับตัวเอง จากนั้นก็เดินออกจากห้อง ควานหาผ้ากันเปื้อนของสาวใช้มาสวมพอเห็นกู้รั่วเสวี่ยที่ปกติเย็นชาเย่อหยิ่ง หยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ ซ้ำยังฮัมเพลงเดินเข้าไปง่วนอยู่ในครัว แม้แต่เลขาสาวกับพวกคนรับใช้ต่างก็เบิกตากว้าง“คุณหนูคะ งานหยาบแบบนี้ให้พวกเราเป็นคนทำก็ได้ คุณหนูไปพักเถอะค่ะ”สาวรับใช้สองคนรีบเดินเข้ามาเกลี้ยกล่อมด้วยสีหน้ากังวลบอกตามตรง ลูกคุณหนูที่ไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเองอย่างกู้รั่วเสวี่ย ไม่เหมาะกับภาพในตอนนี้เลยแค่ท่าทางที่เธอถือมีดไว้ในมือ ก็ทำให้พวกเธอตกใจกลัวจนเหงื่อท่วมได้แล้วทุกครั้งที่เธอสับมีดลงไป เหมือนส่งแรงสะเทือนถึงใจของทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ไปด้วยถ้าหากคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลกู้สับโดนนิ้วมือของตัวเอง พวกเธอไม่อยากจะนึกถึงผลที่ตามมาเลยจริงๆ“คุณหนูคะ ท่าทางการจับมีดของคุณหนูได้มาตรฐานสุดๆ ไปเลย แต่งานแบบนี้ให้พวกเสี่ยวลี่เป็นคนทำเถอะ คุณหนูคอยยืนสั่งอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว”เลขาสาวชะโงกหน้าเข้ามาหว่านล้อมกู้รั่วเสวี่ย พยายามเกลี้ยกล่อมเธออย่างใจเย็น“พวกเธอจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ มื้อค่ำวันนี้ ฉันจะทำให้ฉู่เฉินด้วยตัวเอง”กู้รั่วเสวี่ยส
ถึงแม้ว่าฉู่เฉินอยากจะให้คำตอบที่น่าพึงพอใจกับกู้รั่วเสวี่ย แต่ว่า…แม่เอ็งเถอะ นี่มันจะเค็มเกินไปไหม?แม้แต่ปลาเค็มที่ฉู่เฉินเคยกินสมัยเด็กๆ ยังไม่ตราตรึงใจเท่ากับเนื้อปลาชิ้นนี้เลย“เป็นไงบ้าง อร่อยไหม?”กู้รั่วเสวี่ยกะพริบตาปริบๆ มองหน้าฉู่เฉินอย่างประหม่ากว่าปกติ“แค่ก…”ฉู่เฉินกระแอมเบาๆ วินาทีต่อมา เขาโอบลำคอยาวระหงของกู้รั่วเสวี่ย และประทับจูบลงไปบนปากเล็กๆ ของเธอระหว่างที่พัวพันกับลิ้นอันหอมหวาน ฉู่เฉินดันเนื้อปลาชิ้นนั้นเข้าไปในปากของกู้รั่วเสวี่ยโดยตรง“อื้อ!”พอเนื้อปลาเข้าไปในปาก กู้รั่วเสวี่ยเบิกตากว้างทันที เธอส่ายหน้าสุดชีวิต อยากจะหลุดพ้นจาก ‘กรงเล็บปีศาจ’ ของฉู่เฉิน แต่ฉู่เฉินกลับไม่เปิดโอกาสให้ขัดขืนแม้จูบนี้จะดำเนินไปเพียงสิบกว่าวินาที แต่สำหรับกู้รั่วเสวี่ย มันกลับยาวนานเหมือนชั่วชีวิต“ถุย!”พอกู้รั่วเสวี่ยดิ้นหลุดออกจากอ้อมแขนของฉู่เฉินอย่างยากลำบาก เธอคายเนื้อปลาชิ้นนั้นใส่ถังขยะทันที“ทำไมเค็มอย่างนี้ ฉัน…ฉันทำตามวีดิโอนี้แล้วแท้ๆ”กู้รั่วเสวี่ยเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้าที่จริงเธออยากได้ยินคำชมจากฉู่เฉินมาก แต่ผลลัพธ์กลับต่า
=yjวขณะหนึ่ง กู้รั่วเสวี่ยเห็นแววตาเย็นชาไปถึงกระดูกจากดวงตาของฉู่เฉินเธอสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อสายลมยามกลางคืนพัดผ่านมา กู้รั่วเสวี่ยอดตัวสั่นไม่ได้ เธอขยับตัวแนบชิดกับร่างใหญ่ของฉู่เฉินกลิ่นหอมกลิ่นหนึ่งลอยเข้ามาในจมูกของฉู่เฉินพร้อมกับสายลมกลางคืน กอปรกับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากเรือนร่างของกู้รั่วเสวี่ยที่แนบชิดติดกับตัวเขา ลมหายใจของฉู่เฉินเริ่มกระชั้นขึ้นมา“พวกเรา…กลับห้องกันเถอะ…”ปากเล็กๆ ของกู้รั่วเสวี่ยแนบชิดอยู่บนกลีบปากของฉู่เฉิน ก่อนจะกระซิบเสียงเบา พร้อมกับพ่นลมหายใจหอมๆ ออกมาไม่รู้ทำไม ตั้งแต่ที่เธอสัมผัสประสบการณ์ของการเป็นผู้หญิงที่น้ำพุร้อนครั้งนั้น กู้รั่วเสวี่ยรู้สึกราวกับตัวเองได้ถลำลึกจนไม่อาจถอนตัวแม้ไม่ได้เจอเพียงไม่กี่วัน แต่วินาทีที่ฉู่เฉินปรากฏตัวต่อหน้าเธอ หัวใจของเธอก็ราวกับมีเปลวเพลิงแห่งรักกำลังแผดเผาอยู่“อืม”ฉู่เฉินรับคำ เขาโอบเอวของกู้รั่วเสวี่ยขึ้นมาอุ้ม จากนั้นก็เดินขึ้นไปที่ห้องนอนบนชั้นสองภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงครวญครางดังก้องไปทั่วทั้งคฤหาสน์สาวรับใช้บางคนที่ยังไม่นอน รวมถึงเลขาสาวของกู้รั่วเสวี่ยพ
ครืน!เมื่อหลี่เต้าผิงคำรามอย่างเกรี้ยวโกรธ ถ้ำภูเขาพลันสั่นสะเทือนด้วยแรงพิฆาตในตัวเขา!ฉินหล่างกัดฟันกรอด ก่อนจะพูดกับหลี่เต้าผิงว่า “อาจารย์ครับ จากที่ผมรู้มา นักสู้ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียงจง มีแค่เจ้าคนแซ่จิน ที่ชื่อจินเจิ้นหลงคนเดียว”“ถ้าจะมีใครทำอันตรายศิษย์น้องได้ ก็มีแค่คนคนนี้เท่านั้น”ที่จริงหลายปีมานี้ ซ่งหู่ยังไม่เคยเปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับสำนักเฟิ่งให้ใครฟัง เพราะครอบครัวของเขาตายอย่างน่าอนาถเกินไป แม้กระทั่งก่อนที่ซ่งหู่จะกลับไปที่เมืองเจียงจง เขาก็ยังไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ฉะนั้น แม้แต่หลี่เต้าผิงกับฉินหล่างก็รู้เพียงแค่ว่าซ่งหู่ต้องการกลับไปแก้แค้นที่เมืองเจียงจงแต่พวกเขาสองคนก็ไม่รู้ว่าศัตรูของเขาเป็นใครฉินหล่างเอง หลังจากที่เห็นคัมภีร์หยกที่เขียนฤกษ์ยามเกิดของซ่งหู่แตก ถึงได้ตรวจสอบเรื่องนักสู้ในเมืองเจียงจงคร่าวๆทั่วทั้งเมืองเจียงจง มีปรมาจารย์ยุทธ์เพียงคนเดียว นั่นก็คือจินเจิ้นหลง!อย่างไรเสียพลังของซ่งหู่ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ผู้บำเพ็ญพรตที่ฝึกกำลังภายในระดับสูงจนสำเร็จ เรียกได้ว่าในหมู่นักสู้ระดับเดียวกัน เขาคือผู้ไร้เทียมทานแล้ว!คนที่สามา
“เชี่ย นั่นมันกงล้อเพลิงใช่ไหม?”“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ฉันเชื่อในหลักวิทยาศาสตร์!”“วิทยาศาสตร์บ้านเอ็งสิวะ ไม่เห็นเหรอว่าคนเขาบินอยู่เหนือน้ำทะเลโน่นแล้วน่ะ!”เหล่านักท่องเที่ยวและพนักงานบนเรือต่างเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเจอเทพเซียนในตำนาน พวกเขาพากันคุกเข่าและโขกหัวไปทางหลี่เต้าผิงกับฉินหล่างอย่างต่อเนื่องหลี่เต้าผิงเหลือบมองผู้คนบนเรือที่กำลังโขกหัวด้วยความเลื่อมใสอย่างสุดใจแวบหนึ่ง ก่อนจะแค่นเสียงอย่างดูแคลนถ้าหากฉู่เฉินอยู่ในฝูงชนด้วย จะต้องเปิดโปงทริคหลอกสายตาง่ายๆ นี้ของหลี่เต้าผิงแน่นอนที่จริงวิชาที่หลี่เต้าผิงกำลังใช้อยู่นี้ ก็คือ ‘วิชาเหยียบคลื่น’ ที่หายสาบสูญไปแล้วนั่นเอง!เพียงแต่ เทียบกับซ่งหู่แล้ว แต่วิทยายุทธ์ของเขานั้นลึกล้ำกว่า คลื่นที่อยู่ใต้เท้าจึงยิ่งควบคุมได้อย่างใจส่วนฉินหล่าง เขาก็แค่อาศัยยันต์เพลิงวายุ ถึงสามารถเหินอยู่เหนือน่านน้ำได้ ความจริงแค่ยิงฉี่ใส่ลูกไฟนั่น ฉินหล่างก็จะร่วงลงมาในพริบตาไม่มีเหตุผลอื่นใดเลย นอกเสียจากว่าของจำพวกยันต์ ล้วนกลัวสิ่งสกปรกแต่คาถายันต์ที่ฉู่เฉินฝึกอยู่นั้น กลับไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นยันต์ ฉะนั้นไม่ว่าสิ่งสกป
ตั้งแต่เช้า ทุกครั้งที่มีคนผ่านบ้านเก่าของตระกูลฉู่ อินซู่ซู่จะเปิดประตูรั้วดูว่าฉู่เฉินกลับมาแล้วใช่หรือเปล่าอินซู่ซู่ใช้ความคิดอย่างมากเพื่อที่จะมอบเซอร์ไพรส์ที่น่าตื่นตกใจให้ฉู่เฉินเธอตั้งใจนั่งเฝ้าแพลตฟอร์มไลฟ์สดอยู่หลายวัน เจาะจงเลือกช่องไลฟ์สดของสาว ๆ ที่เต้นเซ็กซี่ยั่วยวน ตั้งแต่แต่งตัวไปจนถึงแต่งหน้า ศึกษาอย่างละเอียดมาสิบกว่าวัน หลังจากนั้นถึงค่อยรีบกลับมาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม บอกตามตรง สิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากสาว ๆ เหล่านั้นมีประโยชน์มากจริง ๆ เมื่อก่อนพวกผู้ชายมักจะเดินผ่านไหล่เธอไปโดยที่ไม่หันหน้ากลับมามอง คราวนี้เกรงว่าแค่เดินผ่านตัวเธอก็อดหันหน้ากลับมามองหลายครั้งไม่ได้ถึงขนาดที่ยังมีหนุ่มเดลิเวอรี่ชนเข้ากับเสาไฟฟ้าเพราะว่ามองเพลินมากเกินไป จนอาหารตรงเบาะหลังรถกระจายเต็มพื้นเมื่อเห็นอัตราการหันหน้ากลับมามองของตัวเองพุ่งพรวดพราด อินซู่ซู่ก็คิดอย่างมั่นใจว่าฉู่เฉินจะต้องกระโจนเข้ามาเหมือนผึ้งเห็นดอกไม้อย่างแน่นอน ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉู่เฉินจ้องเธอไม่ถึงสามวินาทีด้วยซ้ำ แถมเวลาสองวินาทีครึ่งจากในนั้นยังทอดมองมายังลูกท้อสองลูกตรงหน้าอกของเ
ท้องทะเลรับน้ำจากสายน้ำนับร้อย ไม่ว่าพลังฝีมือของฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ทำได้เพียงถูกดูดซับพลังหยางกับพลังวิญญาณเท่านั้น ใครแม่งจะรับได้? ถึงอย่างไรฉู่เฉินก็เข้าใจเคล็ดลับของวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์เป็นอย่างดี หากยังหาวิธีการเปลี่ยนแปลงอินซู่ซู่ไม่เจอ เขาก็จะไม่มีวันเข้าไปยุ่งเป็นอันขาด ด้วยเหตุนี้เอง ต่อให้อินซู่ซู่ยั่วยวนทุกวิถีทาง สำหรับฉู่เฉินแล้วแทบไม่มีผลเลย เมื่อฉู่เฉินบรรลุถึงขั้นนี้แล้ว เขาสามารถควบคุมการทำงานของวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ได้ตามใจนึก นับประสาอะไรกับฉู่เฉินในตอนนี้ เขาไม่ขาดแคลนผู้หญิงเลยโอเคไหม ไม่จำเป็นต้องลดพลังฝีมือของตัวเองจำนวนมากเพื่อลองชิมของใหม่ ถึงขนาดที่อาจเสี่ยงต่อการลดระดับขั้นด้วย “มะ ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อยากให้นายท่านสนใจฉันมากขึ้น อย่างเช่น...” ระหว่างที่พูดอินซู่ซู่ก็ยกเท้าเล็ก ๆ ที่สวมรองเท้าส้นสูงขึ้นมา ขาขาวนวลที่เรียวยาวและกระชับอย่างยิ่งข้างหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉู่เฉินยั่วยวน! ไม่สิ น่าจะเป็นการล่อลวงมากกว่า! ถ้าเกิดสาวน้อยคนนี้ได้รับการสั่งสอนเป็นอย่างดี เธอยังทำได้ถึงขนาดได้กันนะ? ฉู่เฉินเพิ่งรู้สึกได้ถึงวิช
“นายท่าน ฉันสาบานว่าไม่ได้เป็นอย่างที่นายท่านคิดแน่นอน ฉะ...ฉันแค่กังวลว่าออกจากสำนักนานเกินไปจะถูก...จะถูกพบได้”“พอถึงตอนนั้นถ้าเกิดทำให้นายท่านเดือดร้อนขึ้นมา ก็...ก็จะเกิดปัญหาใหญ่ได้”อินซู่ซู่พยายามแสร้งทำเป็นอธิบายด้วยความสงบนิ่ง ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มเฉยชาว่า “ความจริงแล้วการควบคุมบนตัวเธอไม่มีผลกระทบอะไรต่อเธอเลย นอกเสียจากว่าเธอคิดจะฆ่าฉัน ไม่อย่างนั้นก็จะไม่โดนกระตุ้นขึ้นมา” “นอกจากนี้ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการที่เธอกลับไปยังสำนักของเธอด้วย ฉันเชื่อว่าแม้แต่ปรมาจารย์ของเธอก็ไม่สามารถรับรู้ได้” เรื่องความมั่นใจในตัวเองนี้ ฉู่เฉินยังคงมีอยู่อาศัยประสบการณ์ที่รับมือกับสาว ๆ...ไม่สิ กับสำนักใหญ่ต่าง ๆ ของราชันมังกรแห่งแดนเหนือ คนอื่น ๆ จะรับรู้วิชาของเขาได้อย่างไร? ถ้าเกิดไม่ว่าใครก็สามารถรับรู้ถึงความผิดปกติได้ เช่นนั้นราชันมังกรแห่งแดนเหนือคงไม่สิ้นชีพไปนานแล้วเหรอ? “ว่าไงนะ? แม้แต่ปรมาจารย์ของฉันก็ไม่สามารถรับรู้ได้เหรอคะ?”อินซู่ซู่ได้ยินคำพูดนี้ก็อดตกใจยกใหญ่ไม่ได้ เธอไม่กล้าเชื่อหูของตัวเองเลยนับตั้งแต่ที่ออกจากสำนัก อินซู่ซู่ก็ตัดความสัมพันธ์กับสำนักโดยสิ้นเ
“คุณแสร้งเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เมื่อคืนคุณยังดูฝืนใจอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? เพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งวัน เปลี่ยนเยอะเกินไปหน่อยมั้ง”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็ค่อยๆ ผลักหลิงเสวี่ยออกและมองสำรวจเธอด้วยสายตาพิจารณา“ฉันแค่อยากจะยืนยันเรื่องหนึ่ง”หลิงเสวี่ยเม้มริมฝีปากสีแดง แต่มือยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ในพริบตาเดียวก็ฉีกกางเกงของฉู่เฉินออกอย่างรวดเร็วคล่องแคล่วถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อวานฉู่เฉินได้ทดลองขับเองแล้ว ส่วนใหญ่คงคิดว่าหลิงเสวี่ยเป็นคนที่ชำนาญไม่รอให้ฉู่เฉินเอ่ยปาก โทรศัพท์มือถือข้างตัวก็ดังขึ้น เมื่อก้มมองลงไปก็เห็นว่าเป็นสายจากหลินเยว่หรู ฉู่เฉินดึงกางเกงที่ถูกหลิงเสวี่ยฉีกออก ก่อนเดินไปยังอีกด้านหนึ่งแล้วรับโทรศัพท์“คุณฉู่ ฉันอยู่ห้องข้างๆ ห้องคุณนี่เอง เดี๋ยวฉันส่งหมายเลขห้องให้คุณนะคะ”ทันทีที่รับสายก็ได้ยินเสียงหอบหายใจเย้ายวนของหลินเยว่หรูดังมาจากอีกฝั่งซี้ด!ฉู่เฉินสามารถสัมผัสถึงไฟปรารถนาของหลินเยว่หรูผ่านทางสายโทรศัพท์ได้ติ๊ง!วินาทีต่อมา โทรศัพท์มือถือของฉู่เฉินก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น เป็นข้อความจากหลินเยว่หรูที่มีแค่หมายเลขห้องง่ายๆ หมายเลขเดียวฉู่เฉินเก็บโทรศัพท์ ดึงกางเกง
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ลั่วหัวเอ๋อร์อาบน้ำอุ่นแล้ว นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวและนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าการขอความช่วยเหลือจากฉู่เฉินดูจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือนักจึงหยิบโทรศัพท์โทรหาคุณตาหลินเจิ้งไท่ทันทีอย่ามองว่าโลกแห่งการหยั่งรู้จะเป็นโลกนอกอาณาเขต แต่สัญญาณโทรศัพท์ก็ยังเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็ว จากนั้น ปลายสายก็มีเสียงหนักแน่นของหลินเจิ้งไท่ดังขึ้น “หัวเอ๋อร์ใช่ไหม?”“คุณตา หนูเองค่ะ”ลั่วหัวเอ๋อร์ตอบรับ แล้วจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตระกูลลั่วให้หลินเจิ้งไท่ฟังอย่างละเอียดสุดท้ายเธอก็กล่าวกับหลินเจิ้งไท่ว่า “คุณตาคะ หนูเป็นห่วงว่าคนแซ่ฉู่ที่แม่เรียกมาอาจจะแก้ปัญหาของตระกูลลั่วไม่ได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้หนูกับแม่จะหนีออกมาแล้ว แต่น้องชายของหนูก็ยังพักรักษาตัวอยู่ในบ้านค่ะ”“อีกอย่าง ก็ไม่สามารถปล่อยให้พ่อของหนูเป็นอะไรไปได้ ไม่งั้นคุณตาก็มาที่นี่ด้วยตัวเองได้ไหมคะ?”หลินเจิ้งไท่อีกฝั่งเงียบไปนาน จากนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “หัวเอ๋อร์ หลานคิดมากไปแล้ว มีคุณฉู่อยู่ เขาเก่งกว่าตาของหลานมากนัก แต่...”หลินเจิ้งไท่เล็กน้อย ก่อนจะกล่
เพียะ!เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครั้ง ตู้หรงเฉิงถูกฉู่เฉินตบจนล้มคว่ำลงกับพื้น หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรงจนหัวโนห้อเลือดขนาดเท่าลูกซาลาเปาทันที!ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เดิมนั้น ขณะนี้ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งอายุวัฒนะในภาพวาด“แม่งเอ๊ย คนชั้นต่ำอย่างแกร่วมมือกับเขาใช่ไหม! ยังไม่ไสหัวไปอีก!”ตู้หรงเฉิงกุมศีรษะตรงที่ปูดโนขึ้นมา กัดฟันจ้องมองผู้หญิงเจ้ามารยา และพยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบากเขาเป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลตู้ กลับถูกทำให้เสียหน้า ความแค้นนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องชำระ!เพียงข้างกายเขาไม่มียอดฝีมืออยู่ จึงทำอะไรฉู่เฉินไม่ได้เลยดังคำกล่าวที่ว่าคนฉลาดจะไม่ดันทุรังในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ตู้หรงเฉิงจึงตัดสินใจและคุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉินเสียงดังตุบ“ท่านผู้อาวุโส เป็นความผิดของผมที่ตาไร้แววมารบกวนการพักผ่อนของท่านผู้อาวุโส หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะจะไม่ถือโทษ และโปรดยกโทษให้ผมสักครั้งด้วยเถอะครับ”ตู้หรงเฉิงสมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลผู้บำเพ็ญพรต เข้าใจความหมายของคำสี่คำอย่างประนีประนอมอย่างถ่องแท้ ก่อนจะก้มศีรษะโขกพื้นเสียงดังปั่กๆ ๆโดยไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นฉากนี้ กลุ่มชายหนุ่ม
ปัง!สิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง ฉู่เฉินก็ลุกขึ้นทันที จิกผมเขาและกระแทกกับโต๊ะน้ำชาอย่างแรง!เมื่อเกิดเสียงดังปังขึ้น โต๊ะน้ำชากระจกในโซนพักผ่อนก็ถูกตู้หรงเฉิงกระแทกจนแตกละเอียด“ตระกูลตู้เก่งมากเลยงั้นเหรอ? ใครให้คุณกล้าเข้ามาถึงก็โวยวายเสียงดัง?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินก็จิกผมของตู้หรงเฉิงแล้วดึงเขาขึ้นมาจากพื้น ในขณะนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของตู้หรงเฉิงเต็มไปด้วยเศษแก้วและคราบเลือดเขาตกตะลึงไปทั้งคน ไม่ว่าจะมองยังไง ฉู่เฉินก็ไม่ดูเหมือนคนที่จะใช้กำลังเมื่อมีเรื่องขัดแย้งยิ่งกว่านั้น เมื่อกี้เขาได้แสดงตัวแล้วว่าเขาคือคุณชายของตระกูลตู้ฉู่เฉินกล้าลงมือกับเขาได้ยังไง?“แค่ตระกูลผู้บำเพ็ญพรตเล็กๆ ก็คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้วงั้นเหรอ? ยังกล้าเข้ามายุ่งกับชู้รักของผมอีก คุณรู้สึกว่าชีวิตยาวนานไปหรือว่าอยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม? ”ทันทีที่คำเหล่านี้กล่าวออกมา สีหน้าของหลิงเสวี่ยก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันทีเธอได้กลายเป็นชู้รักของฉู่เฉินได้ยังไง?เมื่อคืนเธอโดนบังคับไม่ใช่เหรอ?“แก…แกกล้า…”พลั่ก!ไม่รอให้ตู้หรงเฉิงกล่าวจบ ฉู่เฉินก็ได้จิกผมของเขาแล้วตีเข่าใส่ร่างของตู้หรงเฉิงหงายหลังอย่างแรง ถู
ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเพียร ต่อให้เป็นคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็มีพลังฝึกปรือราว ๆ ระดับหลอมปราณชั้นแปดต่อให้เป็นปรมาจารย์ที่สามารถสั่นคลอนทั้งเมือง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย และตู้หรงเฉิงก็เป็นตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดในกลุ่มพวกเขา ด่าตู้หรงเฉิงก็เท่ากับด่าพวกเขาทุกคน!สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาดูไม่ออกจริง ๆ ว่าฉู่เฉินมีอะไรโดดเด่นเหนือคนอื่น ราวกับว่าไม่มีแม้กระทั่งคลื่นพลังลมปราณเลยสักนิดดัยว คนธรรมดาคนหนึ่งถึงกับกล้าสบประมาทผู้บำเพ็ญเพียรเนี่ยนะ? “ไอ้หนู คุณบ้าดีเดือดมากเลยนะ”ตู้หรงเฉิงหรี่ตา ลมปราณระดับสร้างรากฐานชั้นหนึ่งรอบกายพลันระเบิดออกมา พรืด!หลิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างฉู่เฉินเห็นแบบนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีระดับสร้างฐานชั้นหนึ่งก็ไม่เลวจริง ๆ แต่นั่นต้องดูด้วยว่าเทียบกับใคร อย่าว่าแต่ฉู่เฉินเลย แค่เธอก็สามารถตบตู้หรงเฉิงให้ตายได้ในฝ่ามือเดียว! เพียงแต่ว่า ตอนที่ออกจากโลกแห่งการหยั่งรู้ ฉู่เฉินใช้ยันต์ซ่อนวิญญาณเก็บซ่อนลมปราณของพวกเธอสองคนไว้ ดังนั้นดูแล้วถึงไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาต้องพูดว
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินซานก็อึ้งไปด้านหนึ่งคือหลินเยว่หรูกับลั่วหัวเอ๋อร์เข้าพักแล้ว อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่หลินเยว่หรูเชิญมาจะปล่อยให้ฉู่เฉินถูกเมินตรงนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?แต่ตู้หรงเฉิงคนนี้ หลินซานเองก็ล่วงเกินไม่ไหวเช่นกันต่อให้เป็นตระกูลหลินก็ต้องไว้หน้าตระกูลตู้เล็กน้อย ถึงอย่างไรคนหนุนหลังของตระกูลตู้ก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดาพอเห็นหลินซานอึ้งอยู่กับที่ ตู้หรงเฉิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ว่ายังไง ลูกน้องตระกูลหลินอย่างคุณกล้าไม่ไว้หน้าผมด้วยเหรอ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมา กลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันมองไปทางหลินซานด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ในขณะเดียวกัน ชายร่างกำยำที่แต่งกายทะ มัดทะแมงไว้ผมเกรียนคนหนึ่งก็มองหลินซานอย่างพิจารณาด้วยสายตาเย็นชาหลังจากสิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง“คุณชายตู้เข้าใจผิดแล้วครับ ผะ...ผมแค่...”ในตอนนี้เอง ชายร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะเอ่ยตัดบทหลินซานว่า “ท่านทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”ตู้หรงเฉิงหันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเล็กน้อยว่า “คุณเป็นเจ้าของ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย