เมื่อคำพูดนี้ออกมา แฟนคลับมากมายของหลินรั่วเวยที่อยู่ในที่นี้ก็สงบใจไม่ได้ทันที ฉู่เฉินกล้าแช่งนางฟ้าของพวกเขาเหรอ?“แกสิเป็นมะเร็ง พวกแกเป็นมะเร็งเต้านมกันทั้งครอบครัว!”“แกพูดเหลวไหล! รั่วเวยหน้าแดงเปล่งปลั่งขนาดนี้จะเป็นมะเร็งได้ยังไง!” “ไอ้คนโกหก! แกก็เป็นแค่คนโกหก!”แต่หลินรั่วเวยกลับตะลึงงัน เงยหน้ามองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเธอเพิ่งตรวจพบโรคมะเร็งเต้านมเมื่อสามเดือนก่อนจริง ๆ ตามที่หมอพูดมา ถ้าเกิดทำการผ่าตัดเอาออก บางทีอาจจะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ปัญหาคือเธออายุยังน้อย แถมยังเป็นบุคคลสาธารณะ ทำการผ่าตัดแบบนี้ก็เท่ากับทำลายอาชีพการงานของเธอหลายเดือนมานี้ เธอแทบจะตะลอนไปตามโรงพยาบาลใหญ่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ แต่ผลที่ออกมาคือต้องทำการผ่าตัดเอาออกทั้งนั้นเลยเธอเองก็ตั้งใจว่าจะลองดูสักตั้งถึงได้สมัครมาเป็นอาสาสมัคร คิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินวินิจฉัยโรคของเธอได้โดยที่ไม่ได้จับชีพจรด้วยซ้ำ “หมอเทวดาฉู่ ถ้าอย่างนั้นโรคของฉันยังรักษาได้ไหมคะ? ฉันหมายถึงว่าฉันทำการผ่าตัดไม่ได้จริง ๆ”ฉู่เฉินมองหลินรั่วเวยที่มีแววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มเฉยชาว่า “แ
อย่าว่าแต่หลินรั่วเวยรับไม่ได้เลย แม้แต่แฟนคลับที่อยู่รอบ ๆ หลินรั่วเวยต่างก็ด่าทอฉู่เฉินอย่างรุนแรง “คนแซ่ฉู่ นายแม่งอย่าหาข้ออ้างเลย เห็นคุณหลินหน้าตาสวยเลยอยากฉวยโอกาสเอาเปรียบเธอชัด ๆ!” “ฉันก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์หลงจิง ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ายังมีวิธีการรักษาแบบนี้ด้วย ฉันว่านายมันก็แค่คนลามกเท่านั้น!”“คุณหลิน คุณอย่าไปเชื่อเขาเด็ดขาด เขาก็แค่คนหลอกลวง!”ข่งลิ่งเจี๋ยที่อยู่ทางด้านข้างเอ่ยพลางยิ้มหยันว่า “ฉู่เฉิน ฉันว่านายแม่งต้องการผู้หญิงจนฟั่นเฟือนไปแล้วสินะ? ถ้าเกิดลูบคลำหน้าอกก็รักษาโรคมะเร็งเต้านมได้ งั้นยังต้องการโรงพยาบาลอีกทำไม!” “ใครแม่งนวดไม่เป็น?” แม้แต่กู้รั่วเสวี่ยก็มองฉู่เฉินด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่ถ้าบอกว่าฉู่เฉินพูดแบบนี้เพื่อเอาเปรียบ ตีให้ตายเธอก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดฉู่เฉินเป็นนักวิจัยพัฒนายาบำรุงปราณ อาศัยแค่สถานะนี้ ขอเพียงฉู่เฉินต้องการ เขากวักมือก็มีผู้หญิงมากมายจนดันออกไปไม่ไหวแต่ว่านวดหน้าอกก็สามารถรักษาโรคมะเร็งเต้านมให้หายได้จริงเหรอ? ฮว่าจิ่วหยางที่อยู่ทางด้านข้างก็มีขีดดำขึ้นเต็มศีรษะเขาทำงานด้านการแพทย์มานานกว่าห้าสิบปี นี่เป็น
หลินรั่วเวยได้ยินคำพูดนี้ก็ตกใจจนสะดุ้ง! “งะ...งั้นผู้อาวุโสมีวิธีไหมคะ?” ฮว่าจิ่วหยางส่ายหน้าด้วยความจนปัญญาแล้วพูดว่า “คุณหลิน บางทีคนที่สามารถช่วยชีวิตคุณได้ในตอนนี้ มีเพียง...มีเพียงคุณฉู่คนเดียวเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้ออกมา สายตาเกือบทั้งหมดในงานต่างจับจ้องไปบนตัวของฉู่เฉิน หลินรั่วเวยชักแขนขาวเนียนดุจหิมะกลับมา เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากแล้วมองไปทางฉู่เฉิน เธอยังคงลังเลอยู่ อย่างไรก็ตาม คำพูดของฮว่าจิ่วหยางกลับทำให้เธอไม่มีทางเลือกอื่นผ่านไปสักพัก หลินรั่วเวยถึงค่อยลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดเผือดแล้วพูดว่า “ก็ได้ค่ะ งะ...งั้นฉันจะเชื่อคุณสักครั้ง แต่ว่า...” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินรั่วเวยพลันเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ถ้าเกิดคุณกล้าหลอกฉัน ที่ปรึกษาทางกฎหมายของฉันไม่ได้ไร้ความสามารถหรอกนะ!” ในฐานะที่เป็นเน็ตไอดอลระดับท็อป หลินรั่วเวยย่อมมีทีมกฎหมายอยู่ข้างกาย แค่ฟ้องร้องก็สามารถทำให้ฉู่เฉินหมดตัวได้!“ถ้าเกิดรักษาไม่หาย ผมให้คุณจัดการลงโทษได้ตามใจชอบเลย”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มมั่นใจล้อเล่นน่า แค่โรคมะเร็งเต้านมเล็กน้อยจะนับเป็นอะไรได้ ถึงแม้วิชาที่มังกรเฒ่าถ่ายทอดไม่อ
ถึงแม้ตอนนี้ฉู่เฉินไม่มีความคิดอื่นจริง ๆ เขาแค่ต้องการรักษาหลินรั่วเวยให้หายดีเท่านั้น อย่างไรก็ตามในห้องโถงกว้างที่มีผู้คนมากมาย วิธีการรักษาเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะสมจริง ๆ เขาต้องคำนึงถึงชื่อเสียงและความรู้สึกของหลินรั่วเวยด้วยผู้อาวุโสฮว่าพยักหน้าเล็กน้อย เอามือชี้ไปยังประตูบานเล็กด้านหลังโซนพักผ่อนแล้วพลางพูดว่า “คุณฉู่ ทางนั้นมีห้องพักผ่อน ผมจะให้คนจัดห้องว่างให้คุณเดี๋ยวนี้ครับ”ฮว่าจิ่วหยางพูดจบก็รีบเดินเข้าไป เวลานี้ผู้คนที่มุงดูรอบ ๆ แทบอยากจะถลกหนังของฉู่เฉินทั้งเป็นแล้ว ถ้าอยู่ที่นี่พวกเขายังดูฉู่เฉินได้ ไม่ให้เขาฉวยโอกาสลวนลามหลินรั่วเวย แต่ถ้าไปที่ห้องกั้นเล็ก ๆ คนแซ่ฉู่คงไม่ได้ทำตามอำเภอใจหรอกเหรอ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย ต่อให้เป็นพวกทายาทเศรษฐีที่มีสาวสวยรายล้อมก็ทนยั่วยวนอย่างรุนแรงขนาดนี้ไม่ไหวเช่นกันเมื่อเห็นผู้อาวุโสฮว่าไล่พวกคนในห้องพักผ่อนออกมาแล้วกวักมือเรียกฉู่เฉินกับหลินรั่วเวย แฟนคลับชายหนึ่งในนั้นก็ควบคุมอารมณ์ร้อนในใจไม่ไหวอีกต่อไป เขาก้าวออกมาขวางหน้าหลินรั่วเวยกับฉู่เฉินไว้แล้วพูดว่า “เพื่อนนักเรียนเสี่ยวหลิน คุณเชื่อเขาไม่ได้นะ!” “ชายโสด
หลินรั่วเวยส่ายหน้าพูดว่า “ไม่เจ็บค่ะ ไม่เจ็บเลยสักนิดเดียว...” เวลานี้เธอเหมือนกับเข้าสู่โลกใบใหม่ เบื้องหน้ามีเพียงแสดงแดดอบอุ่น ราวกับว่าตัวเธอได้อาบแสงตะวันจนหมดไม่ถึงห้านาที หลินรั่วเวยอิงแอบกายฉู่เฉินโดยไม่รู้ตัว รู้สึกได้จากทางด้านหลังถึงแผงอกอันแข็งแกร่งและจังหวะหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงของฉู่เฉิน หลินรั่วเวยก็เผลอหอบหายใจเบา ๆ ออกมาความรู้สึกที่ถูกพลังของเพศชายโอบล้อมปกป้องโดยสมบูรณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยมีมาก่อนขณะที่ฉู่เฉินขยับมือ หลินรั่วเวยก็รู้สึกว่ามีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาในใจโดยไม่ได้ตั้งใจ “มาเถอะ คุณนอนลงก่อน” ฉู่เฉินค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วพูดพลางชี้ไปยังเตียงที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อความรู้สึกอบอุ่นบนร่างหายไป หลินรั่วเวยเหมือนตกใจตื่นขึ้นมาจากฝัน เธอถึงค่อยพบว่าตัวเองกำลังมองหน้าฉู่เฉินอยู่หลินรั่วเวยอายจนเอามือสองข้างปิดดวงหน้าเล็ก ๆ ทันที เธอโอ้เอ้อยู่พักใหญ่ถึงค่อยเอนตัวนอนลงบนเตียง เชี่ยเอ๊ย! ท้องน้อยเกลี้ยงเกลาดั่งหยก และกล้ามหน้าท้องที่ชัดเจนนี้ เรือนร่างนี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบจริง ๆเมื่อกวาดตามองขอบลูกไม้สีดำที่โผล่ออกมาบนเอวของหลินรั่วเวย ฉู่เฉินก
ต่อให้ถูกฟ้องร้องก็ต้องทำลายเรื่องดี ๆ ของฉู่เฉินให้ได้ ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงซะ!หมอประวัติไม่ดีที่ทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าโดยอ้างว่ารักษาคนไข้ ต่อให้ฮว่าจิ่วหยางยอมรับเขาแล้วเป็นอย่างไร?เกรงว่าแม้แต่ทีมผู้กำกับก็ไม่สามารถปิดปากผู้คนได้หรอกใช่ไหม?ต่อให้มีแรงกดดันจากฝ่ายต่าง ๆ แต่ในฐานะที่หลินรั่วเวยเป็นผู้เกี่ยวข้องก็ทำได้เพียงลุกออกมาชี้แจงว่าฉู่เฉินเป็นคนบังคับขืนใจเพื่อรักษาภาพลักษณ์ไว้ พอถึงเวลานั้น...หึ ๆ!ข่งลิ่งเจี๋ยถูกความคิดอันบ้าคลั่งในใจตัวเองนี้ทำให้ดีจนสติหลุดแล้วเขาไม่รอให้ผู้คนตอบก็เตะใส่ประตูห้อง!“ปัง!”ชั่วพริบตาที่ประตูห้องถูกเตะแรง ๆ จนเปิดออก สายตาเกือบทุกคนต่างจ้องมองไปยังทั้งสองคนในห้องโดยพร้อมเพรียงกัน!แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคนกลับทำให้ข่งลิ่งเจี๋ยตะลึงงันโดนสิ้นเชิง!มองเห็นเพียงหลินรั่วเวยที่แต่งกายเรียบร้อย ส่วนฉู่เฉินกำลังเอานิ้วมือสองข้างที่ทำเป็นรูปกระบี่เปิดเส้นลมปราณให้หลินรั่วเวย เมื่อประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ฉู่เฉินกับหลินรั่วเวยที่กำลังผ่อนคลายเพลิดเพลินก็มองไปทางหน้าประตูแทบจะพร้อมกัน“เกิดอะไรขึ้น!” ดวงหน้างดงามของหล
เวรเอ๊ย!นั่นเป็นนางฟ้าในใจของพวกเขานะ! โดนฉู่เฉินทำลายแบบนี้!ในขณะที่ทุกคนปวดร้าวปานจะขาดใจ หลินรั่วเวยกลับเงยหน้ามองไปทางฉู่เฉินด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนช้อยราวกับไม่มีกระดูกว่า “หมอเทวดาฉู่คะ ถ้าเกิดฉันรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีก ฉันโทรศัพท์ไปหาคุณให้มารักษาที่บ้านฉันได้ไหมคะ?”“งั้นถ้าเกิดฉันอยากกินยาอีก ฉันไปหาคุณได้ไหมคะ?”พอพูดถึงตรงนี้ หลินรั่วเวยก็ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเขินอาย “ได้สิ” กิน?! หัวใจของทุกคนในที่แห่งนี้แทบจะระเบิดหมดแล้ว!แค่คำว่า “กิน” คำเดียว แต่...ครอบคลุมไปหมดทุกอย่างเลย ข่งลิ่งเจี๋ยเซ่อซ่าไปแล้ว ขนาดฮว่าจิ่วหยางก็ยังแขนสั่นเล็กน้อย “คุณหลิน โรคของคุณ...”หลินรั่วเวยยิ้มพลางเอ่ยกับฮว่าจิ่วหยางว่า “ผู้อาวุโสฮว่า ฉันรู้สึกว่าอาการป่วยของฉันหายดีแล้ว รบกวนคุณช่วยยืนยันอีกทีด้วยค่ะ” เธอพูดจบก็ควงแขนของฉู่เฉินเดินมาที่โต๊ะแพทย์ การกระทำเล็กน้อยนี้อยู่ในสายตาของข่งลิ่งเจี๋ย ทำให้เขาโกรธจนปอดแทบจะระเบิดแล้ว!ก่อนที่เขาจะเตะประตู ฉู่เฉินอาจจะไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ แต่หลังจากที่เขาเตะประตูแล้ว ฉู่เฉินแม่งเหมือนกับทำทุกอย่างที่เขาควรทำแ
เมื่อเห็นตัวเองกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคน ข่งลิ่งเจี๋ยก็ฝืนยิ้ม เดินเข้าไปใกล้ฉู่เฉินแล้วพูดว่า “คุณฉู่ พวกเราไม่มีความแค้นต่อกัน ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้หรอกใช่ไหม?”“เป็นคนก็หัดเหลือทางรอดไว้ เผื่อวันหน้าได้พบกันใหม่” ข่งลิ่งเจี๋ยพูดพลางชี้ไปยังป้ายคุมสอบบนตัว ราวกับกำลังข่มขู่ฉู่เฉิน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็ยิ้ม มองข่งลิ่งเจี๋ยอย่างละเอียดด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “วันหน้า? คุณคิดว่าระหว่างพวกเรายังมีความจำเป็นต้องพบกันอีกเหรอ? ไม่มีใครติดหนี้ผมได้ทั้งนั้น!” “เวลาของทุกคนมีค่ามาก ผู้คุมสอบข่งรีบทำให้เร็วที่สุดด้วยครับ” ฉู่เฉินพูดจบก็เอามือสองข้างไพล่หลัง ยืนตัวตรงพลางเชิดคางขึ้นสูง ฉู่เฉินไม่มีทางเมตตาให้กับคนอย่างข่งลิ่งเจี๋ย คนที่เลียแข้งเลียขาหลิ่วหรูเยียนคู่ควรทำตัวหยิ่งยโสต่อหน้าเขาด้วยเหรอ? “นาย...ไอ้คนแซ่ฉู่!” ข่งลิ่งเจี๋ยกำลังคิดจะเอ่ยปากข่มขู่ฉู่เฉินต่อ เขากลับพบว่าฮว่าจิ่วหยางจ้องมองตนด้วยสีหน้าทะมึน ซี้ด!ข่งลิ่งเจี๋ยอดรู้สึกหนาวสันหลังไม่ได้ เขาฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ แล้วคุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉินดังตุบ “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ควรสงสัยในวิชาแพทย์ของคุณ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก