เมื่อได้ยินเสียงปังในโทรศัพท์ ฟางอวี่เจิ้งก็สะดุ้งเช่นกัน เขารีบวางสายแล้วหันตัววิ่งกลับไปยังห้องพักโดยสาร“น้องฉู่ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”ฟางอวี่เจิ้งเล่าคำพูดของเฉียวเทียนฉี่เมื่อครู่นี้ออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฉู่เฉินหัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “ฮึ ถ้าเกิดผมเดาไม่ผิด ตอนนี้ผู้อาวุโสเฉียวน่าจะมีเลือดไหลออกจากปากแล้ว”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็หันหน้าไปมองสีท้องฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “อย่างมากอีกหนึ่งชั่วโมงก็จะกระแกเลือดคำใหญ่แล้ว”“ก่อนพลบค่ำพระอาทิตย์ตกดิน ถ้าเกิดไม่ดำเนินการช่วยเหลืออย่างถูกต้อง ขอเพียงตะวันลับฟ้าก็สามารถฝังนายท่านใหญ่ลงดินไปสู่สุคติได้เลย” ซี้ด!เมื่อคำพูดนี้ออกมา จางหลิงที่เพิ่งเอนตัวนอนเข้าไปอยู่ในสนามเพลาะเดียวกับฉู่เฉินก็มองไปทางฉู่เฉินด้วยความไม่อยากจะเชื่อจริง ๆถ้าเกิดบอกว่าวิชาแพทย์ของคนเรามีระดับ ฉู่เฉินจะต้องอยู่ระดับสูงสุดอย่างแน่นอน ควบคุมการเกิดแก่เจ็บตายของคนได้ในพริบตา เป็นตัวตนที่เหมือนกับเทพเซียนจริง ๆ หลี่จิงจิงเองก็มองฉู่เฉินด้วยความไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “คุณฉู่ คุณคาดการณ์อาการป่วยของผู้อาวุโสเฉียวได้เป็น
“ฉู่เฉิน นายท่านใหญ่ใกล้จะไม่ไหวแล้ว ไม่ว่าตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่ ผมให้เวลาคุณยี่สิบนาที รีบกลับมารักษานายท่านใหญ่เดี๋ยวนี้!”เฉียวเทียนฉี่ใช้น้ำเสียงที่ไม่อนุญาตให้สงสัยออกคำสั่งอย่างเย็นชา“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ว่าง”ฉู่เฉินพูดจบก็โอบเอวบางของหลี่จิงจิงอีกครั้ง ก่อนจะพูดกับเนื้อขาปูในจานข้าง ๆ ว่า “ผมอยากกินปูที่มือเรียวสวยถือให้” “แหม คุณนี่แย่จริง ๆ ฉันกำลังถือโทรศัพท์อยู่ ยังมีมือที่สามมาแกะขาปูให้คุณที่ไหนกัน?” หลี่จิงจิงกล่าวพลางแค่นเสียงอย่างแง่งอน“งั้นก็วางสายสิ”ฉู่เฉินเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจวินาทีต่อมา เฉียวเทียนฉี่ที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟยังไม่ทันได้ระบายโทสะออกมา ก็มีเสียงสายไม่ว่างดังมาจากปลายสาย ตัดสายของเขาจริง ๆ เหรอเนี่ย?!ดวงหน้าของเฉียวเทียนฉี่แดงฉานเพราะความโกรธจัด!“บังอาจ! บังอาจ!”เฉียวเทียนฉี่ปากสั่น ตวาดอย่างเกรี้ยวกราดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “แค่แพทย์แผนจีนตัวเล็ก ๆ กล้าตัดสายฉันเนี่ยนะ?!”วินาทีถัดมา เฉียวเทียนฉี่โทรศัพท์ไปอีกครั้ง“พูดมา!” ฉู่เฉินกินเนื้อขาปูไปด้วย เอ่ยพลางเคี้ยวเสียงดังไปด้วย “เมื่อกี้คุณได้ยินที่ผมพูดไหม ผมบอกว่านายท่านใหญ่ของบ้านเ
นั่นคือเฉียวเทียนฉี่เลยนะฉู่เฉินสามารถทำให้เฉียวเทียนฉี่พูดจาอ่อนน้อมได้ แถมยังแล่นมาตั้งหลายสิบกิโลเมตรเพื่อมารับเขาด้วยตัวเอง นี่เป็นปาฏิหาริย์จริง ๆ หลี่จิงจิงกับจางหลิงยิ่งนับถือฉู่เฉินราวกับมีตัวตนประหนึ่งเทพเจ้าต้องรู้เอาไว้ว่าในสายตาของพวกเธอ ฟางอวี่เจิ้งก็สูงเกินเอื้อมแล้ว เป็นตัวตนที่เหมือนกับท้องฟ้าแล้ว ส่วนเฉียวเทียนฉี่ นั่นเป็นตัวตนที่พวกเขาไม่มีวันได้สัมผัสไปชั่วชีวิต ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่เฉิน คนแบบนี้ก็ถูกขัดเกลาจนต้องยอมจำนนส่วนฉู่เฉินตอนนี้เพิ่งอายุยี่สิบกว่าปี อนาคตของเขาในวันข้างหน้าไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง ต่อให้เป็นเพียงคนรักข้างกายเขา ผลประโยชน์ที่ตนได้รับก็นับไม่หวาดไม่ไหวแล้ว.....อีกทางด้านหนึ่ง เฉียวเทียนฉี่กำลังจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พูดกับหลูไคซานว่า “ เตรียมรถ ไปที่ท่าเรือตะวันออก!” หลูไคซานพยักหน้าหนัก ๆ แล้วพูดว่า “ครับ!”ผ่านไปไม่นาน เฉียวเทียนฉี่ก็เข้าไปนั่งในรถ เมื่อรถค่อย ๆ แล่นออกไป หลิ่วหรูเยียนกับมารดาที่รอคอยอยู่ตรงหน้าประตูด้วยความวิตกกังวลกำลังคิดจะเข้ามาขวางรถของเฉียวเทียนฉี่ หลูไคซานที่นั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับก็ตวาดอย่
ฉู่เฉินงั้นเหรอ?ไม่มีทางเด็ดขาด นั่นมันคือรถของผู้ว่าการเฉียวนะ ฉู่เฉินมีสิทธิ์อะไรมานั่ง?“ลูกคงตาฝาดไปเอง ลูกลองคิดดูให้ดีรถของผู้ว่าการใครจะนั่งก็ได้งั้นเหรอ?”หลิ่วชิงเหอจ้องมองไปยังไฟท้ายรถ กล่าวขึ้นมาด้วยความคิดเมื่อได้ยินดังนั้น หลิ่วชิงเหอก็ถอนหายใจยาวๆ ออกมาด้วยความโล่งใจ เธอน่าจะมองผิดไปจริงๆ ใช่ไหม?......อีกด้านหนึ่ง รถเคลื่อนที่ไปถึงข้างในประตูของบ้านใหญ่จึงจะหยุดลง หลังจากลงจากรถแล้ว เฉียวเทียนฉี่ก็พูดอย่างเกรงอกเกรงใจกับฉู่เฉินว่า “คุณฉู่เชิญทางนี้ครับ”ฉู่เฉินพยักหน้าลงเล็กน้อย ย่างก้าวเดินไปยังห้องนอนของนายท่านใหญ่เมื่อเห็นว่าเฉียวเทียนฉี่เชิญฉู่เฉินกลับมาอีกครั้ง เฉียวซูอวี่ก็ยังคงกอดอกมีสีหน้าที่ไม่พอใจ พร้อมทั้งจ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉิน คนที่ไม่เคยแม้แต่เรียนการแพทย์มา จะมีความสามารถมากมายขนาดไหนกันเชียว?มันเป็นเพียงกลอุบายของนักต้มตุ๋น เธอไม่เชื่อหรอกนะว่าฉู่เฉินจะช่วยชีวิตนายท่านใหญ่ไว้ได้เนื่องจากมีเฉียวเทียนฉี่อยู่ข้างๆ เธอจึงไม่มีได้พูดอะไรให้มากความ และทำได้เพียงจ้องมองอย่างเย็นชาจากด้านข้างเท่านั้น“คุณฉู่ครับ พ่อผมเขา...”ระหว่างที่เฉียวเทีย
เฉียวเทียนฉี่ถึงกับตกใจในการกระทำของฉู่เฉิน ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลพลั่ก!เศษกระสุนที่ตกลงบนเหรียญจักรพรรดิทั้งห้ายังคงมีเศษชิ้นส่วนเนื้อติดอยู่ด้วย เป็นไปได้จริงหรือที่ฉู่เฉินดึงมันออกมาจากร่างกายของนายท่านใหญ่โดยผ่านทางอากาศ?“ผู้ว่าการเฉียว ลองดูสิครับ นี่คือเศษกระสุนที่อยู่ในร่างกายของนายท่านใหญ่” ฉู่เฉินยกมือขึ้นมาจากชามน้ำ หยิบเศษกระสุนออกมา ยื่นให้กับเฉียวเทียนฉี่ที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตกเฉียวเทียนฉี่กลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ เขาถามขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อว่า “คุณฉู่ นี่... นี่มันออกมาจากร่างกายของพ่อผมจริงๆ เหรอครับ? แต่ว่า...”เขาไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าในโลกนี้มันจะมีการเอาสิ่งของออกมาผ่านอากาศแบบนี้ด้วย“ที่จริงนี่ก็ถือว่าเป็นแพทย์แผนจีนแขนงหนึ่ง เรียกว่าวิชาจู้โหยว”“เพียงแต่ว่าในตอนนี้คนที่ใช้วิชาแพทย์แผนจีนแขนงนี้ได้นั้นน้อยลงไปแล้ว ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าตกใจขนาดนั้นนะครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเฉียวซูอวี่ที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ไปอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็กล่าวขึ้นมาด้วยความเย็นชาว่า “แกน่ะหยุดหลอกลวงได้แล้ว เศษกระสุนบ้าบออะไรที่ออกจากร่างของพ่อฉัน เห็นได้ชัดๆ เลยว่าแกใ
เมื่อได้ยินเสียงแหลมๆ ข้างหลังเขา ฉู่เฉินขมวดคิ้วและหันไปมองเมื่อเห็นหลิ่วหรูเยียนและหลิ่วชิงเหอสองแม่ลูก เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพูดว่า “ทำไมจะเป็นฉันล่ะ?”ขณะที่เขาพูด ฉู่เฉินเหลือบมองสองแม่ลูกที่สวมเสื้อกาวน์และพูดว่า “มีปัญหากับฟางอวี่เจิ้งแล้ว ยังมีหน้าใช้เส้นสายแอบมาหาเฉียวเทียนฉี่ลับๆ แบบนี้เหรอ?”ขณะที่เขาพูด สายตาของฉู่เฉินก็จับจ้องไปที่สะโพกที่งดงามของผู้หญิงสองคนเมื่อเห็นแววตาร่าเริงของฉู่เฉิน ใบหน้าของหลิ่วชิงเหอ ก็ซีดลงด้วยความโกรธ เธอจึงก้าวไปข้างหน้าหลิ่วหรูเยียนเพื่อขวางทาง และตะโกนอย่างเย็นชาว่า “ฉู่เฉิน แกมันไอ้สัตว์เดรัจฉาน แกกำลังพูดจาบ้าบออะไรอยู่!”ใช้เส้นสายงั้นเหรอ?พวกเธอมาขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าการเฉียวเกี่ยวกับเรื่องทางการ ผู้ว่าการเฉียวไม่ได้เป็นคนแบบนั้นสักหน่อยหลิ่วหรูเยียนอดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปมองที่ลานใหญ่ของตระกูลเฉียว จากนั้นก็มองไปที่ฉู่เฉิน และคิดหาความเป็นไปได้ทันทีฉู่เฉินคงไม่ได้มาแย่งชิงธุรกิจจัดหาอุปกรณ์การแพทย์หรอกใช่ไหม?เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลิ่วหรูเยียนก็อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ฉู่เฉินหยุดแพร่ข่าวลือได้แล้ว ฉั
ฮ่าๆๆ...เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่เฉินก็อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ “แม้แต่เฉียวเทียนฉี่ก็ต้องทำตามความปรารถนาของฉัน”อะไรนะ?!เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิ่วหรูเยียนและหลิ่วชิงเหอต่างก็ตกตะลึง แต่วินาทีต่อมา ทั้งสองแม่ลูกก็หัวเราะกันจนน้ำตาไหลเป็นเรื่องจริงที่โลกนี้มีผู้คนมากมาย ฉู่เฉินรู้หรือไม่ว่าเฉียวเทียนฉี่คือใคร ?เฉียวเทียนฉี่ ผู้ว่าการเจียงจงผู้มีชื่อเสียงจะต้องทำตามความปรารถนาของฉู่เฉินงั้นเหรอ?“ฉู่เฉิน ฉันว่าแกยังฝันอยู่ใช่ไหม? กลางวันแสกๆ พูดจาเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย!”ถ้าเป็นเรื่องอื่นหลิ่วชิงเหออาจเชื่อ แต่เธอจะไม่เชื่อเลยว่าเฉียวเทียนฉี่จะต้องทำตามความปรารถนาของฉู่เฉิน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม!หลิ่วหรูเยียนมองฉู่เฉินราวกับว่าเขาเป็นตัวตลกและพูดว่า “แกรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคำพูดของแกไปถึงหูของผู้ว่าการเฉียว?”“บริษัทเล็กๆ ของแกจะถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปิดลงภายในระยะเวลาไม่ถึงสามวัน”“จะพูดจาโอ้อวดอะไรก็ไม่เข้าใจให้ถ่องแท้เสียก่อน นี่โอ้อวดเกี่ยวกับผู้ว่าการอีก ฉันว่าแกคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!”หากต้องการฆ่าฉู่เฉิน เฉียวเทียนฉี่ไม่มีความสามารถขนาดนั้น ก็ในเมื่อความส
ฉู่เฉินส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ผู้ว่าการเฉียว คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ครับ เห็นแก่หน้าของเลขาหลู เรื่องค่ารักษาผมขอไม่รับนะครับ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลูไคซานก็ตกตะลึงชั่วขณะและเฉียวเทียนฉี่มองไปที่หลูไคซานด้วยท่าทางสับสนอย่างสิ้นเชิงเป็นไปได้ไหมว่าหมอเทวดาฉู่เฉินไม่ใช่คนที่ฟางอวี่เจิ้งหามาเอง แต่เป็นคนที่หลูไคซานหามา?ถ้าเป็นเรื่องจริง เฉียวเทียนฉี่คงติดหนี้บุญคุณหลูไคซานอย่างมาก!อย่างไรก็ตาม เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว หากฟางอวี่เจิ้งและเจียงไห่ตงรู้จักฉู่เฉินมาก่อน พวกเขาคงไม่แนะนำเขาให้ตระกูลเฉียวรู้จักหรอกเมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ สายตาของเฉียวเทียนฉี่ที่จ้องมองหลูไคซานก็เต็มไปด้วยความขอบคุณเมื่อเห็นหลูไคซานตกตะลึง ฉู่เฉินก็ขยิบตาให้เขา และหลูไคซานก็พยักหน้าซ้ำๆ ให้กับเฉียวเทียนฉี่ราวกับตื่นจากความฝันและกล่าวว่า “ผู้ว่าการเฉียว เป็นผมเอง... ผมแนะนำปรมาจารย์ฉู่ให้ทราบถึงสถานการณ์ที่นายท่านใหญ่เฉียวป่วย”“เอ่อ... ปรมาจารย์ฉู่เคารพนายท่านใหญ่เฉียวที่ทุ่มเทและเสียสละเพื่อประเทศชาติ ดังนั้นเขา... เขาจึงตัดสินใจช่วยใช่ไหมครับปรมาจารย์ฉู่?"ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวขึ้นม
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก