“งั้นก็ได้ครับ ยังไงผมก็จำเป็นต้องกลับไปกับคุณฉู่อยู่แล้ว”หลูติ้งไห่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง“ได้ครับ คุณฉู่ เชิญด้านนี้ครับ”ขณะที่กำลังพาฉู่เฉินไปที่ห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิง โจวอวี้หมิงก็สั่งให้ทหารคนสนิทพาหลูติ้งไห่ไปยังห้องพักเมื่อเปิดประตูห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิงออก โจวอวี้หมิงก็เริ่มเข้ามาแนะนำโฮ่วเจี้ยนอิงให้ฉู่เฉินได้รู้จักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณฉู่ นี่คือท่านโฮ่วเจี้ยนอิงผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในแปดเทพนักรบแห่งแดนมังกรของเรา”ฉู่เฉินและโฮ่วเจี้ยนอิงสบตากัน ราวกับว่าพวกเขากำลังจะปล่อยประกายไฟที่รุนแรงออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน โฮ่วเจี้ยนอิงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณเป็นเด็กหนุ่มคนแรกที่สามารถจ้องตาผมได้นานขนาดนี้”“คุณเองก็เป็นชายแก่คนแรกที่ยังไม่ถูกคลื่นลูกใหม่ผลักตกจากชายหาดนะ”ฉู่เฉินยิ้มเยาะ“เหอะ ๆ คุณพูดอะไรน่ะ!”โจวอวี้หมิงรีบสะกิดไปที่ไหล่ของฉู่เฉิน และส่งสายตาเตือนเขาโฮ่วเจี้ยนอิงถูกย้ายไปที่มณฑลเจียงแล้ว ซึ่งทำให้เขาอารมณ์เสียมากพออยู่แล้ว แต่ฉู่เฉินยังมายั่วโมโหเขาอีก นี่มันหาเรื่องมีปากเสียงกันไม่ใช่เหรอ?“คุณมีความสามารถมากจริง ๆ”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเล็กน้
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนต่อโลกของโฮ่วเจี้ยนอิง ฉู่เฉินถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างน่าพรั่นพรึงว่า “ต้นทุนยาบำรุงปราณไม่ถึงหนึ่งร้อย แต่ราคาตลาดขายได้หลายล้านต่อเม็ดไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่เห็นแก่ที่พวกคุณต้องการปริมาณมาก ห้าแสนผมก็ไม่ขายหรอก”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเจื่อนพลางพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าจัดหาให้ได้เดือนละเท่าไหร่ครับ?”“สัปดาห์ละหนึ่งร้อยเม็ด นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว อีกอย่างยาชนิดนี้ไม่มีผลกับคนตาย ตนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หนึ่งปีมีแค่ไม่กี่ราย จำนวนเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งอันที่จริงวิธีการหลอมยาสร้างกล้ามเนื้อไม่ได้ซับซ้อนเลย เพียงแต่ว่าตอนที่ใช้ไฟกลั่นขั้นสุดท้าย จำเป็นต้องใช้เปลวไฟหยินบริสุทธิ์ในการกลั่นเท่านั้นด้วยเหตุนี้ในแง่ของการผลิตจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉู่ซื่อกรุ๊ป สิ่งที่ฉู่เฉินต้องทำก็คือไปกลั่นไฟทุกอาทิตย์แต่ในระดับขั้นของฉู่เฉินในตอนนี้ การหลอมยาชั้นหนึ่งจำนวนหนึ่งร้อยเม็ดก็เป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้วเห็นได้ชัดว่าโฮ่วเจี้ยนอิงไม่พอใจกับจำนวนเท่านี้ แต่เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนปรน ก็ได้แต่คว้าสิ่งที่ดีรองลงมา ถ
ด้วยเหตุนี้เองถึงทำให้เกาเซิ่งอี้บ้าคลั่งขึ้นมาโดยสิ้นเชิง “ครับ! พอถึงเวลานั้น ผมจะให้เฮ่อเซวียนบีบบังคับให้แม่ลูกตระกูลหลิ่วมอบของออกมา” ฉีอวี่ไท่เอ่ยด้วยความมั่นใจแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหยกโลหิตกิเลนมีประโยชน์อะไร แต่ว่าขอเพียงได้ของชิ้นนี้มาก็เท่ากับทำให้ตระกูลฉีมีต้นทุนที่จะได้ก้าวขึ้นไปสู่ตระกูลชั้นนำอย่างแท้จริง ตามผลประโยชน์ที่เกาเซิ่งอี้รับปากว่าจะมอบให้ตระกูลฉี ลูกหลานของตระกูลฉีในสามรุ่นจะสามารถกราบเข้าสำนักบำเพ็ญเพียรได้ทั้งหมด ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่ถึงสิบปี ตระกูลฉีก็สามารถก้มลงมองไปยังตระกูลธุรกิจกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้แล้ว หากทำงานให้สมาคมกิเลนสำเร็จ ตระกูลฉีจะสามารถใช้โอกาสนี้เป็นสะพานเชื่อมเพื่อเข้าร่วมสมาคมกิเลนอย่างเป็นทางการเช่นนั้นก็หมายความว่าตระกูลฉีจะมีเส้นสายกับคนที่น่ากลัวในโลกแห่งการหยั่งรู้ได้ อนาคตในวันข้างหน้าก็จะไร้ขีดจำกัด.....เพิ่งจะกลับมาถึงเจียงจง โทรศัพท์ของฉู่เฉินก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขแปลก ฉู่เฉินก็ลังเลไปชั่วครู่ก่อนจะกดรับสาย“คุณฉู่ ตอนนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ?”ไม่นานก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนของจางม่านดังมาจากป
ยัยนี่มีประสบการณ์กร้านโลกจริง ๆ ตรงไปตรงมามากเลยฉู่เฉินฉวยโอกาสอุ้มจางม่านเข้ามาในอ้อมแขนแล้วเดินเข้าไปในห้องจางม่านกัดริมฝีปากแดงระเรื่อเบา ๆ มองฉู่เฉินด้วยดวงตาที่ส่องประกายระยิบระยับแล้วพูดว่า “คุณฉู่... ฉะ...ฉันอยาก...”จางม่านพูดพลางยื่นมือน้อย ๆ ไปที่เอวของฉู่เฉินหญิงงามดั่งหยก กระบี่ดั่งสายรุ้งต้องยอมรับเลยว่าจางม่านสมกับเป็นคนจากวงการบันเทิง รู้วิธีการสร้างความบันเทิงได้ดีมากทักษะดีเยี่ยมจริง ๆภายในไม่กี่นาทีสั้น ๆ ฉู่เฉินก็รู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะระเบิดโลกแล้วในเมื่อบรรยากาศเป็นใจถึงขั้นนี้แล้ว ฉู่เฉินก็ไม่อาจปล่อยให้จางม่านผิดหวังได้ไม่ใช่หรือไง?ฉู่เฉินเอื้อมมือไปกระชากผ้าเช็ดตัวเพียงหนึ่งเดียวบนร่างของจางม่านลงมา ก่อนจะเหมือนกับเสือที่ตะครุบเหยื่อ กดจางม่านไว้ใต้ร่างทันที“คุณฉู่...เดี๋ยวก่อนค่ะ”ภายใต้สายตาประหลาดใจของฉู่เฉิน จางม่านลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งตัวเปลือยไปที่ตู้เสื้อผ้าทางด้านข้าง แล้วค้นหาของอยู่พักใหญ่สุดท้าย เธอก็หยิบ...ปลอกคอสุนัขออกมาจากด้านใน“คุณฉู่ ชอบเล่นแบบนี้ไหมคะ?”จางม่านพูดพลางส่งสายตาหวานเยิ้ม กัดริมฝีปากแดง ก่อนจะข
ถึงแม้จะเหนื่อยจนหอบหายใจแฮก ๆ แต่มุมปากกลับยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ“วันนี้กินอิ่มมากเลย”จางม่านยื่นมือไปลูบไล้ฉู่เฉิน ใบหน้าแดงระเรื่อ เอ่ยอย่างไม่หนำใจ“กินอิ่มแล้วจริง ๆ เหรอ?”ฉู่เฉินปลดสายจูงสุนัขออก แล้วจับมือเล็ก ๆ ของจางม่าน เอาสองมือของเธอไพล่หลัง จากนั้นก็ใช้สายจูงล่ามเอาไว้แน่น ๆ ก่อนจะยกจางม่านขึ้นมาจากบนเตียงฉู่เฉินไม่เคยผ่อนปรนเรื่องระบายท่อนลำมาโดยตลอดจางม่านดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเอางานเอาการของฉู่เฉิน เท้าเล็ก ๆ ทั้งสองข้างพยายามยันฟูกไว้แล้วให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เสียงที่ดูเหมือนสะอื้นไห้และครวญครางดังต่อเนื่องอีกครั้งกว่าหนึ่งชั่วโมงถึงค่อย ๆ กลับคืนสู่ความสงบดวงหน้าเล็กของจางม่านแดงก่ำ ทรุดตัวอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาสวยฉ่ำเยิ้มจ้องมองฉู่เฉิน เธอยังอยากทำศึกต่อจริง ๆแต่ก็ไม่มีทางเลือกความง่วงงุนอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามา ไม่นานเธอก็หลับสนิทไปเมื่อมองจางม่านที่เข้าสู่ห้วงฝันเหมือนกับชูครีมที่ถูกยัดไส้เต็มเปี่ยมบนเตียง ฉู่เฉินก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมบนตัวอีกครั้ง แล้วเดินออกจากห้องพรสซิเดนเชียลสวีทจนกระทั่งเขม่าควันปืนในห้องข้าง ๆ จากหายไป ผ
ตามที่อยู่ที่ข่งเลี่ยงส่งมา ไม่นานฉู่เฉินก็มาถึงตีนเขากู่เฟิงฉู่เฉินจอดรถไว้ริมถนนหลวงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เปิดประตูกระโดดลงจากรถ มองไปยังส่วนลึกของภูเขาที่มืดมิดลึกล้ำแวบหนึ่งเขากู่เฟิงยามค่ำคืนให้ความรู้สึกเหมือนกับเหวลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับว่าทุกก้าวที่เดินไปข้างหน้าล้วนเต็มไปด้วยวิกฤติอันตรายหลังจากพาไอ้หัวดื้อเดินขึ้นหน้าไปตลอดทางผ่านสันเขาหลายลูก ถึงค่อยมีเส้นทางเล็ก ๆ สามสายที่แยกออกไปคนละทางปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉู่เฉินฉู่เฉินวาดยันต์ทลายม่านอาคมกลางอากาศ ไม่นานเส้นทางเล็ก ๆ สามสายก็หายไปจากเบื้องหน้าสายตาของฉู่เฉิน สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งกลับเป็นเส้นทางเล็ก ๆ คดเคี้ยวทอดยาวไปยังที่ห่างไกล เป็นเหมือนที่คนตระกูลหยางพูดไว้จริง ๆ ด้วย หากไม่มีคนที่คอยประสานอยู่ภายใน อยากจะหาประตูสำนักอวี้ซือเป็นเรื่องที่ยากเหมือนขึ้นสวรรค์จริง ๆหลังจากผ่านวิชาบังตาเหมือนเมื่อกี้ติดต่อกันอีกหลายจุด ประตูไม้สูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉู่เฉินในที่สุดด้านบนหอประตูเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่สีแดงฉานว่า “สำนักอวี้ซือ”เมื่อฉู่เฉินกับไอ้หัวดื้อเพิ่งเดินมาถึงประตูสำนัก ทันใดนั้นก็มีร่างเงาพุ่งออกมาจา
ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสำนักก็อยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นสามแล้ว ฉู่เฉินไม่ได้เป็นคนที่มีทักษะสูงส่งใจกล้า แต่ว่าแค่รนหาที่ตายล้วน ๆ เลย“ผมคนเดียวก็พอแล้ว”ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่ง“โฮก!”เห็นได้ชัดว่าไอ้หัวดื้อที่อยู่ด้านหลังไม่พอใจคำตอบของฉู่เฉินอย่างมาก เขาไม่นับเป็นคนหรือไง? หืม? ข่งเลี่ยงหันหน้ามองไปทางชายร่างผอมบางที่ไม่สะดุดตาคนนั้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อสบตากัน ข่งเลี่ยงพลันตกใจจนขนลุกชันขึ้นมาทันทีผีดิบเลือดคลั่ง!นอกจากนี้ยังเป็นผีดิบเลือดคลั่งที่มีพลังน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย!ชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของข่งเลี่ยงเต็มไปด้วยสีสันสุดขีดเขารู้ซึ้งดีถึงความร้ายกาจของผีดิบเลือดคลั่ง แม้แต่ตัวที่มีความสามารถอ่อนด้อยที่สุดก็เทียบเท่ากับผู้ที่อยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นห้าแล้วฉู่เฉินปราบไอ้ตัวที่น่ากลัวขนาดนี้ได้ยังไง?ปาฏิหาริย์!เป็นปาฏิหาริย์จริง ๆแต่ว่าแค่ผีดิบเลือดคลั่งตัวเดียวยังไม่เพียงพอ เดิมทีสำนักอวี้ซือก็มีต้นกำเนิดจากหมู่บ้านโบราณเหมียวเจียง มีวิธีจัดการผีดิบเลือดคลั่งนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือในสำนักอีกมากมายพลังรบของผีดิบเลือดคลั่งถูกจำกัดไว้มากมายในสำน
ว่าไงนะ?ผู้คนที่รายล้อมเข้ามาต่างก็ตกตะลึงได้เวลาอาหารแล้ว?!“โฮก!”ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้สติกลับมา ไอ้หัวดื้อก็เหมือนเสือตะครุบเหยื่อ คว้าหนึ่งในลูกศิษย์ของสำนักอวี้ซือไว้ แควก!แขนของศิษย์สำนักอวี้ซือคนนั้นถูกฉีกลงมาทันที เลือดสาดกระเซ็น ฉากดูนองเลือดอย่างยิ่ง วินาทีต่อมาก็เห็นไอ้หัวดื้อกัดเนื้อหนังของหมอนั่นชิ้นใหญ่ แล้วเคี้ยวอย่างรุนแรงในปากเชี่ยเอ๊ย!เมื่อเลือดเนื้อเข้ามาในปาก ไอ้หัวดื้อก็ค่อย ๆ เผยร่างเดิมออกมา ผีดิบเลือดคลั่งร่างสูงเกือบสองเมตรปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าผู้คน ทำให้ศิษย์สำนักอวี้ซือตกใจกลัวจนหนังศีรษะชากันหมด! “โฮก!”หลังจากกินเนื้อหัวใจไปหนึ่งคำ ไอ้หัวดื้อก็คำรามอย่างเกรี้ยวกราดแล้วพุ่งเข้าไปหาฝูงชนท่านยายงูแสยะยิ้ม พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไอ้เด็กนี่มีของนิดหน่อยจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าผีดิบเลือดคลั่งที่ฉันทิ้งไว้ในเจียงจงจะถูกแกเก็บไป”“ดูเหมือนว่าแกจะมีเบื้องหลังอยู่บ้างจริง ๆ”นักพรตชราในชุดเขียวที่อยู่ทางด้านข้างได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็ดำทะมึนอย่างยิ่ง“ท่านยายงู จะพูดไร้สาระกับมันทำไม ฆ่าทิ้งก็พอแล้ว!”ท่านยายงูแค่นเสียงเบา โบกมือให้นักพรตช
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่