แม้ว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่จะไม่รู้ว่าหมอกที่ปกคลุมฉู่เฉินไว้นั้นคืออะไรกันแน่ แต่ถ้ามองแค่สีหน้าลำพองใจของพวกเฉินไห่เสวียน ก็จะรู้ได้ว่าพลังทำลายล้างคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีวิชาเต๋าของจริงเช่นนี้ ต่อให้พวกถานเฟยกับเซียวเสวี่ยอิ๋งอยากช่วยฉู่เฉินอีกแรงก็ไม่มีช่องทางจะช่วยได้ต่อให้เป็นนายพลในกองทัพก็ไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับวิชาเต๋าแต่ในขณะนั้นเอง ซ่งหนิงซวงที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้จากสถานที่ห่างไกลเผยแววยิ้มเยาะบนใบหน้าสวยขึ้นหากต้องการทำลายยันต์ทลายโลก สำหรับซ่งหนิงซวงนับว่าไม่ถือเป็นอะไรแต่เธอจะรอจนกว่าฉู่เฉินจะตกสู่สถานการณ์จนมุมแล้วเท่านั้นถึงจะออกหน้าช่วยเธออยากจะรอดูว่า ถึงตอนนั้นแล้วฉู่เฉินยังจะกล้าโอหังอวดดีแบบนั้นต่อหน้าเธออีกหรือไม่“ท่านขุนพล นั่นมันอะไรน่ะ ดำๆ ล้อมคนแซ่ฉู่นั่นเสียมิดเลย”เฉินเยว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามด้วยความสงสัยซ่งหนิงซวงหัวเราะเบา ๆ และกล่าวตอบ “ก็แค่ไอพิฆาตเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องวิชาเต๋า นั่นก็เท่ากับสิ่งที่อันตรายถึงแก่ชีวิต ไม่เกินหนึ่งนาทีจะทำให้ฉู่เฉินสลายกลายเป็นน้ำเลือดแน่”ซี้ด
“ชิ่ง!”การออกท่ากระบี่นี้ของตู้เทียนหัวได้ฟาดฟันลงไปยังร่างกายของฉู่เฉินอย่างรุนแรง แต่วินาทีถัดมากลับทำให้ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดตรงหน้าเห็นว่าภายใต้การฟาดฟันกระบี่ครั้งนี้ของตู้เทียนหัวสร้างบาดแผลให้ฉู่เฉินไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แถมยังเกิดเสียงคล้ายโลหะทองคำกระทบกันดังขึ้นมา“หืม?!”ไม่เพียงตู้เทียนหัวที่มึนงงไปแล้ว แม้แต่เฉินไห่เสวียนและจ้าวเถี่ยซานก็ตกใจอ้าปากค้างเช่นกันการโจมตีของพวกเขาสี่คนถูกฉู่เฉินต้านกลับ ไม่สามารถสร้างบาดแผลใด ๆ ที่มีผลร้ายแก่ฉู่เฉินแม้แต่นิดเดียว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?แม้แต่ซ่งหนิงซวงที่ไม่ได้คาดหวังอะไร เมื่อเห็นฉากครั้งนี้ ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความสงสัยและประหลาดใจต่อให้เป็นเธอก็ตาม การเผชิญหน้ากับการรุมโจมตีด้วยพลังของคนสี่คนแบบนี้ ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้หนทางรอดเหมือนกันยิ่งไปกว่านั้นคือ ฉู่เฉินในขณะนี้ที่ถูกขังไว้อย่างสิ้นเชิง หนีก็หนีไม่ได้ ทั้งยังไม่มีทางสู้กลับได้อีก เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่เป็นอะไรเลย“เป็นไปไม่ได้!”ตู้เทียนหัวกัดฟันแล้วแกว่งกระบี่ขึ้นทุ่มพลังทั้งหมดฟันลงไปบนหัวไหล่ของฉู่เฉินอีกครั้งชิ้ง!เสียงดังของโลหะทอง
พวกตู้เทียนหัวมองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าหมองคล้ำ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าเมื่อครู่ฉู่เฉินทะลวงเลื่อนขั้นพลังอย่างต่อเนื่องได้โดยเฉพาะจ้าวเถี่ยซานที่ไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเองมากยิ่งกว่าเพราะยังไงแล้วหมอกสีดำที่กักขังฉู่เฉินไว้ก็เป็นไอพิฆาตทำลายล้างโลกที่เขาแสดงวิชาออกมาอย่าว่าแต่คนเลย ต่อให้เป็นเหล็กไหลก็จะหลอมละลายอย่างแน่นอน แต่ฉู่เฉินกลับใช้ไอพิฆาตทลายโลกของเขาทะลวงขั้นจนสำเร็จ?นี่แม่งเป็นสัตว์ประหลาดอะไรกัน?!สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ ทำไมฉู่เฉินถึงเลื่อนอย่างสบายใจเฉิบภายใต้การรุมโจมตีของพวกเขาสี่คนได้?หรือว่าเขาไม่กลัวตายจริง ๆ?ที่จริงไม่เพียงแค่พวกตู้เทียนหัวเท่านั้นที่แปลกใจ แม้แต่ตัวฉู่เฉินก็ยังเกิดสับสนขึ้นมาบ้างเล็กน้อยในตอนแรกทั้ง ๆ ที่เขาโดนกักขังอย่างแน่นหนาจนไม่สามารถสลัดหลุดได้แล้ว แต่ในช่วงเวลานั้น ไอพิฆาตที่กักขังเขาไว้ก็หลั่งไหลเข้าสู่ภายในร่างกายไม่หยุด แล้วเปลี่ยนไปเป็นพลังวิญญาณในทันทีตอนนั้นร่างกายฉู่เฉินได้กลายเป็นหินไปในพริบตาหรือว่าพวกเฉินไห่เสวียนทำการกุศล?เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นเช่นนั้นจนกระทั่งหลังจากนั้นมาฉู่เฉินถึงได้ค้นพบว่า เป
ฉู่เฉินยกเท้าเตะเฉินไห่เสวียนจนลอยกระเด็นไปใกล้แถวพวกถานเฟยทันทีโดยไม่รอให้เขาเปล่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดขึ้นครั้งนี้ไม่ต้องรอให้ฉู่เฉินสั่ง ถานเฟยก็รีบโบกมือส่งสัญญาณให้สมาชิกแก๊งมังกรที่อยู่ด้านหลังทันที เฉินไห่เสวียนก็ถูกมัดเป็นข้าวต้มมัดเหมือนกันในเวลาไม่นาน และถูกนำตัวไปหลังขบวนเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็ตัดแขนขาของยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นห้าสองคนได้แล้ว ทั้งยังจับทั้งเป็นอีก นี่ช่างน่าขนลุกเกินไปแล้วจริง ๆเห็นจ้าวเถี่ยซานและเจียงเยว่ตงถอยหลังหลายก้าวด้วยความตื่นตระหนกจนร่างกายด้านชาท้ายที่สุดสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงในชั่วพริบตาเดียวและไม่ถึงวินาทีด้วยซ้ำ ฉู่เฉินก็จับตัวสองคนได้ติดต่อกันอย่างมีชัยเหนือ จ้าวเถี่ยซานกับเจียงเยว่ตงจะยังกล้ามีความคิดที่จะต่อต้านขัดขืนแม้แต่น้อยได้ยังไง?“รีบหนี!”เจียงเยว่ตงกล่าวจบแล้วก็หันกายจะหนีไปฉู่เฉินกวาดสายตามองทิศทางที่เจียงเยว่ตงจะหนีเอาตัวรอดก็หัวเราะเยาะกล่าวขึ้นว่า “คิดหนี? ในเมื่อมาแล้วก็อยู่ที่นี่ต่อเถอะ”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็ออกกระบี่ฟันไปหนึ่งที“กรร!”เสียงมังกรคำรามดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา คมกระบี่แวววาวก็ฟันฉับตัดหัวเข
กวาดล้างสำนัก?!พวกตู้เทียนหัวได้ยินแล้วก็ตกใจแม้ว่าพูดได้ว่าฉู่เฉินทะลวงขั้นได้ในระหว่างการต่อสู้ครั้งใหญ่นี้ แต่หลังจากประสบกับศึกครั้งใหญ่เช่นนี้แล้ว ฉู่เฉินจะไม่เหนื่อยล้าสิ้นเปลืองพลังไปเลยหรือ?ฉู่เฉินในตอนนี้ แม้ว่ายังไม่ถึงขั้นหมดพลังไป แต่โจวว่านหลี่ก็เป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นหกสูงสุดเช่นกัน แถมยังค่ายกลสี่สังหารช่วยส่งเสริมแม้ว่าฉู่เฉินจะมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นเจ็ดก็ยังมีข้อได้เปรียบเพียงเล็กน้อยในด้านระดับพลัง แต่ฉู่เฉินเพิ่งจะเลื่อนขั้นเอง เขาเอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงได้กล้าลั่นวาจาว่าจะกวาดล้างสำนัก?ไม่ใช่แค่พวกตู้เทียนหัวที่แปลกใจ แม้แต่ซ่งหนิงซวงก็ถึงกับขมวดคิ้วฉู่เฉินคนนี้มั่นใจเกินไปแล้ว แต่บางครั้งที่มั่นใจจนเกินเหตุ นั่นจะเรียกว่าหลงตัวเองโดยเฉพาะในเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับสูงสุด คนแบบฉู่เฉินที่ชอบเลือกเดินบนเส้นด้ายเมื่อจนตรอกแล้วนั้นถือเป็นการทำลายตัวเองให้ตายลงไปอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากที่เพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่แสนอันตรายมาหมาด ๆ ต่อให้เป็นซ่งหนิงซวงก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะไปสู้ตาต่อตาฟันต่อฟันกับโจวว่านหลี่อีกเด็ดขาดที่จริงแล้
“จัดสรรกำลังพลส่วนหนึ่งไปปิดล้อมตำหนักหลังใหญ่นั้นและอย่าปล่อยให้ใครหนีไปได้แม้แต่คนเดียว”สิ้นเสียง ทหารนายนั้นก็ก้าวมาข้างหน้าและกล่าว “ผมไปเองครับ!”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้ววาดยันต์สลายผนึกกลางอากาศแล้วใช้นิ้วชี้ไปที่สันเขาที่อยู่ไกลออกไป “คุณแค่นำคนไปซุ่มโจมตีอยู่บนสันเขานั้นก็พอ ตราบใดที่มีคนหนีจากในนี้ออกมาก็ยิงให้ตายทันทีทีละคน”“ครับ!”หลังจากขานรับแล้วทหารก็โบกมือนำกองทหารรักษาการณ์จำนวนหนึ่งปีนขึ้นไปยังสันเขาอย่างเงียบ ๆ ตามทิศทางที่ฉู่เฉินชี้“คนที่เหลือให้ไปเจอหน้าคร่าตาเจ้าสำนักสำนักว่านเซี๋ยด้วยกันกับผม แต่พวกคุณทุกคนแค่ดูสถานการณ์ก็พอ ห้ามเข้าร่วมเด็ดขาด”ฉู่เฉินกล่าวกำชับพร้อมเดินหน้าการต่อสู้ระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกถานเฟยจะสามารถเข้าร่วมได้เลยเหตุผลที่พาพวกเขามาด้วยกันก็เพราะไม่ปล่อยคนชั่วที่เหลือของสำนักว่านเซี๋ยไปแม้แต่คนเดียว“ได้ครับ พวกเราจะดูสถานการณ์ให้คุณฉู่ และก็ซุ่มยิงพวกกากเดนของสำนักว่านเซี๋ยที่คิดหนี”ถานเฟยกล่าวด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้เซียวเสวี่ยอิ๋งคิดจะพูดอะไรสักอย่างอีกครั้ง แต่เซียวเฟิงส่ายหน้าให้เธอ สื่อเป็นนัยกับเธอว่าอย่าพูดมากเด
“ทะเลมายาบัวสีชาด!”ซ่งหนิงซวงซึ่งกำลังเฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกล อดตะลึงอย่างหนักไม่ได้กล่าวได้ว่ากระบวนท่านี้ของโจวว่านหลี่ ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแห่งเต๋าแล้ว ขณะที่การกระทำสุดเท่ของตู้เทียนหัวและคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ อย่างมากก็เป็นแค่วิชาเต๋าเท่านั้นในด้านนี้มีความแตกต่างกันอย่างมากดอกบัวโลหิตนับไม่ถ้วนหยั่งรากลงบนพื้นดิน กล่าวได้ว่าภายในรัศมีหนึ่งลี้รอบโถงใหญ่แห่งนี้ ล้วนถูกโจวว่านหลี่จัดการแล้ว ไม่รู้ว่าต้องมีการเสริมพลังจากค่ายกลมากน้อยแค่ไหน เขาถึงได้สามารถแสดงพลังได้อย่างอิสระสามารถกล่าวได้ว่าขณะนี้ฉู่เฉินกำลังเผชิญ ไม่ใช่แค่โจวว่านหลี่คนเดียวอีกต่อไป แต่เป็นค่ายกลจำนวนนับไม่ถ้วน หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นผืนแผ่นดินใต้เท้าของเขาเองในชั่วขณะนี้เอง เซียวเสวี่ยอิ๋งพี่ชายน้องสาวสองคน รวมถึงถานเฟยและเหล่าสมาชิกแก๊งมังกร ในที่สุดก็เข้าใจถึงช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขากับผู้บำเพ็ญพรตถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเขา แค่เสี้ยววินาทีที่พวกเขาเผลอไผลไป ร่างกายก็คงถูกแยกออกจากกันไปแล้วนี่ไม่ใช่แค่การประลองกำลัง แต่เป็นการปะทะกันระหว่างอาคมเต๋าขณะนี้ฉู่เฉินมีแสงสีขาวเรืองรองออกมาทั่วร่าง ห่อหุ
“ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินเผยรอยยิ้มจนเห็นฟันขาว ก่อนจะก้าวเท้าต่อเนื่องอีกหกก้าวจนกระทั่งก้าวที่เจ็ดเหยียบลง ดอกบัวแดงที่ปกคลุมทั่วพื้นพลันเหี่ยวเฉาลงลงอย่างฉับพลัน จากนั้น แม้แต่ลมกระบี่ที่มองไม่เห็นก็พลันสลายหายไป“ก้าวเทียนกัง?”โจวว่านหลี่เลิกคิ้วขึ้น ประเมินฉู่เฉินอย่างไม่อยากเชื่อเจ็ดก้าวที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่แท้จริงแล้วกลับแฝงไปด้วยดาวเหนือเทียนกัง! ฉู่เฉินถึงกับอาศัยอำนาจแห่งเทียนกังทำลายอาคมเต๋าของเขางั้นเหรอ?!ซี้ดๆ!แม้แต่โจวว่านหลี่เอง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง!ฉู่เฉินอายุเท่าไรกัน ทำไมถึงมีความเข้าใจในอาคมเต๋าลึกซึ้งถึงเพียงนี้“แค่ลูกไม้หลอกเด็ก อย่าเอาออกมาให้ขายขี้หน้าเลย”เมื่อคำพูดของฉู่เฉินจบลง มังกรคำรามในมือก็ส่งเสียงคำรามดังขึ้นทันทีแสงกระบี่สายหนึ่งรวดเร็วดุจสายฟ้า ฟาดฟันลงมายังศีรษะของโจวว่านหลี่ตอนแรกโจวว่านหลี่รู้สึกตกตะลึง แต่ชั่วพริบตาต่อมากลับหัวเราะเสียงเย็นอีกครั้งและกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม แกคิดว่าทำลายทะเลมายาดอกบัวสีชาดของฉันแล้วจะมีโอกาสชนะงั้นเหรอ?”“กระบี่เล่มนี้ของฉัน สามารถผ่าฟ้าดิน และสามารถทำลายล้างสรรพสิ่งได้!”เมื่อคำพูดจบลง โจวว่านห
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก