แชร์

บทที่ 182

ผู้เขียน: มู่โร่ว
คราวนี้ ทุกคนต่างพากันมารุมล้อมอยู่รอบกายของมั่วฝาน เพื่อตรวจดูวิธีการใช้สิ่งของต่าง ๆ

วิทยุสื่อสาร แม้คนสองคนจะอยู่ไกลก็สามารถพูดคุยกันได้

พวกเขาปากอ้าตาค้าง

นี่มิใช่หูพันลี้หรือ?

ในตอนที่เห็นลำโพงประกาศเสียงขนาดใหญ่ ถูกเปิดกระจายเสียงไปทั่ว พวกเขาก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

เมื่อมีลำโพงประกาศเสียงไว้กระจายเสียง วันหลังเมื่อจะปลุกให้เหล่าทหารตื่นขึ้นมาฝึกซ้อม ก็ไม่จำเป็นต้องไปไล่ปลุก ฉุด ๆ ลาก ๆ ให้ลุกจากเตียงทีละคนแล้ว

ตอนนี้ เมื่อตะโกนผ่านลำโพงประกาศเสียง ทุกคนล้วนก็ต้องตื่นขึ้นมา

สุดท้าย เป็นกล้องวงจรปิด

หลังจากติดตั้งเสร็จ และเชื่อมต่อสัญญาณ ก็สามารถตรวจสอบภาพเหตุการณ์ด้านล่างของกล้องวงจรปิดได้ตลอดเวลา

นี่มิใช่เทคโนโลยีชั้นสูงเช่นเดียวกับอากาศยานไร้คนขับหรือ?

อากาศยานไร้คนขับสามารถบินได้ แต่กล้องวงจรปิดบินไม่ได้

แต่สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งนี้ใช้งานได้ในทางปฏิบัติกว่าอากาศยานไร้คนขับมากนัก

สามารถอาศัยแสงอาทิตย์เติมพลังงาน ไม่หวาดเกรงต่อพายุและสายฝน แถมยังสามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์เบื้องล่างของกล้องวงจรปิดอีก

อากาศยานไร้คนขับสามารถบินได้แค่ครึ่งชั่วยาม แต่กล้
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Surirat Yui Chompoo Kampi
ค้างคามากเลยค่ะ! แต่ไม่เป็นไรค่ะ เรารอได้ อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะไรท์ เป็นห่วงและรักไรท์เสมอค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 183  

    เฉินขุยยืนอยู่บนบันไดกำแพงเมือง ยืดเอวตรง ยกลำโพงประกาศเสียงขึ้นมาตะโกนเสียงดังว่า “ข้าคือแม่ทัพเฉินขุย ผู้ที่ได้ยินจงมาทางนี้ให้หมด!” เหล่าทหารที่กำลังหลบแดดอยู่ใต้กำแพงเมือง ต่างก็พากันล้อมเข้ามาบริเวณด้านล่างของบันได พวกเขามองแตรรูปทรงประหลาดที่อยู่ในมือของท่านแม่ทัพเฉินขุยอย่างสงสัย จากนั้นก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันเบา ๆ เดิมเสียงของเฉินขุยก็ดังกังวานอยู่แล้ว เมื่อผ่านการกระจายเสียงของลำโพงประกาศเสียง พลังการทะลุทะลวงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ยิ่งส่งออกไปได้ไกลขึ้น ยิ่งอยู่ใกล้ ก็ยิ่งดังบาดหู ตึงตึงตึง เฉินอู่ใช้ด้ามดาบ เคาะส่วนล่างของโถเคลือบเซรามิก ทำให้เกิดเสียงออกมา “เร็วเข้า ท่านแม่ทัพจะแจกรางวัลแล้ว!” ทันทีที่ได้ยินคำว่ารางวัล เหล่าทหารที่ได้ยินต่างก็เคลื่อนไหวทันที รวมตัวกันเข้ามาอย่างกระตือรือร้น บรรดาราษฎรต่างก็ยืดคอสอดส่องเข้ามาอย่างอยากรู้อยากเห็น เฉินขุยหยิบสบู่หอมก้อนหนึ่งออกมา เมื่อเปิดห่อบรรจุภัณฑ์ออก สบู่ที่มีสีสันประดุจหยกก็กำจายกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ให้ความรู้สึกสงบและสง่างามออกมาทันที “เจ้าสิ่งเล็ก ๆ นี่คือสบู่หอม ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าดูว่าต้องใช้อย่างไร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 184

    เหล่าทหารที่ฆ่าไปมากกว่าสี่คน ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจออกมาทันที “ดีเหลือเกิน ข้าฆ่าถึงแล้ว!” “ฮ่าฮ่า ข้าก็ฆ่าครบแล้วเหมือนกัน เอาแชมพูกลับบ้านไปให้เมียได้แล้ว” ผู้ที่ไม่ได้สังหาร หรือสังหารไม่ครบจำนวนคน แต่ละคนต่างก็พากันคอตก ทอดถอนใจ จากนั้น เฉินอู่ก็แนะนำโถเคลือบเซรามิก อ่างใบนี้ เนื้อเป็นเหล็กกล้า หนักหนึ่งชั่ง เนื้อเหล็กที่ใช้หนาอย่างมาก ขอเพียงเด็ดหัวศัตรูได้ถึงแปดคนก็สามารถแลกไปได้ เมื่อทุกคนได้ยินว่าทำจากเหล็กกล้า ต่างก็พากันล้อมเข้าไปทันที ทุกคนลูบไปคนละที ใช้มือลองเคาะ จากนั้นก็มีเสียงโลหะดังออกมา เป็นดั่งที่เฉินอู่กล่าว เนื้อเป็นเหล็กกล้าจริง ๆ ภายนอกเคลือบด้วยภาพสีสันสดใส ทั้งหนาและทนทาน… นี่คือเหล็กกล้าเลยนะ! หลายเดือนก่อน อาวุธของพวกเขายังทำจากทองสัมฤทธิ์เลย ถ้วยชามรามไหในบ้านของราษฎร ส่วนใหญ่ทำจากไม้ เหล่าพ่อค้าจึงจะใช้วัตถุดิบที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ ผู้ที่มีความมั่งคั่งอย่างยิ่งในเมืองหลวงเท่านั้น จึงจะสามารถใช้ของที่ทำจากเหล็กกล้าที่สุดแสนแพงได้ แต่จำนวนก็มีน้อยเหลือแสน ยามนี้ ของเพียงสังหารศัตรูได้แปดคน ก็จะสามารถแลกอ่างที่ทำจากเหล็กกล้าได้แ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 185  

    สุภาพบุรุษ แก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย! เหยียบอากาศยานไร้คนขับของเขาจนแหลก เขาสามารถจดจำความแค้นนี้ไปได้ตลอดชีวิตเลยล่ะ! รัฐทายาทน้อยจะใช้ลูกไม้เล่นงานคนอีกแล้ว กลางดึก มั่วฝานให้คนเตรียมอากาศยานไร้คนขับไว้อย่างเรียบร้อย อากาศยานไร้คนขับตัวหนึ่งบินโคลงเคลงไปมาออกไป บนตัวมันแขวนประทัดเส้นยาว ตามน้ำหนักสูงสุดที่มันรับได้ไว้หลายสาย อากาศยานไร้คนขับตัวที่สอง แขวนถ่านติดไฟแท่งยาวไว้แท่งหนึ่ง ออกเดินทางตามไป อากาศยานไร้คนขับตัวที่สาม แขวนดาบอันคมกริบไว้เล่มหนึ่ง อากาศยานไร้คนขับตัวที่สี่แขวนลำโพงประกาศเสียงไว้! ในราตรีอันเงียบสงบ ทหารชาวหมานทั้งหมดต่างพากันเข้าสู่นิทราอันหอมหวาน… หลังประทัดที่แขวนไว้บนอากาศยานไร้คนขับถูกถ่านไม้จุดติดไฟขึ้นมา ก็ระเบิดดังปึงปังขึ้นกลางอากาศ เหนือคอกม้ากองทัพชาวหมาน ดาบยาวอันคมกริบตัดประทัดจนขาด ประทัดตกลงกลางคอกม้า เสียงประทัดที่ดังกึกก้องติดต่อกัน ปลุกม้าศึกที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมา แล้ววิ่งเตลิดไปทั่วด้วยความตื่นตระหนก เมื่อทหารชาวหมานได้ยินเสียงดัง ก็คิดว่ามีระเบิดมาอีกแล้ว ตอนนี้ ภายในใจของพวกเขาได้เกิดความหวาดหวั่นต่อระเบิดขึ้นแล้ว เพี

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 186  

    หลัวซู่ชักดาบออกมา ผ่าร่างทหารที่มาส่งข่าวในดาบเดียว ทหารผู้นั้นเลือดสาดกระจายในทันที ทหารยามทุกนายพากันคุกเข่าลง แนบศีรษะลงกับพื้น ร่างกายสั่นสะท้าน หลัวซู่แหงนหน้าขึ้นฟ้า กู่ร้องออกมาเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยวและอาวรณ์ “จ้านเฉิงอิ้น ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!” “อ๊ากกกก…” “ทหาร กลับเมือง ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะขวางทางกลับของจ้านเฉิงอิ้นให้ได้!” เมื่อทหารชาวหมานได้ยินท่านอ๋องพูดว่ากลับเมือง ก็พากันถอนใจยาวด้วยความโล่งอก พวกเขาไม่อยากตายอยู่ที่ด่านเจิ้นกวนโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่อยากใช้ชีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวน ในบรรดาพวกเขา มีผู้ใดกัน ที่บนมือไม่เคยเปื้อนเลือดชาวฮั่น พวกเขาไม่เคยเห็นชาวฮั่นเป็นคนมาก่อน ในสายตาของพวกเขา ชาวฮั่นก็เป็นเพียงเสบียงอาหาร เป็นแกะที่มีสองขาเท่านั้น แต่ยามนี้ กองทัพตระกูลจ้านแห่งด่านเจิ้นกวน ทำให้พวกเขาได้รู้ว่า สิ่งใดคือความโหดร้ายที่แท้จริง! เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้น ถูกระเบิดจนแขนขาขาดลดไป ก็ถือว่าดีแล้ว เพราะพวกเขาเคยเห็นด้วยตาตนเอง โดยไม่อาจทำสิ่งใดได้ ในยามที่ผู้มีชีวิตอยู่เบื้องหน้า ถูกระเบิดจนกลายเป็นหมอกเลือดในเสี้ยววินาที ร่างเนื

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 187  

    เหล่าแม่ทัพพากันยืนขึ้นด้วยความอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ดวงตาทั้งคู่ของเฉินขุยเบิกกว้าง ถามพลทหารที่มาส่งสารอย่างตื่นเต้นว่า “ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ?” พลทหารมอบม้วนกระดาษที่ดึงออกมาจากขานกอินทรีให้เฉินขุย บนกระดาษขาว มีลายมือที่เขียนด้วยปากกาลูกลื่นว่า “เชื้อพระวงศ์ม่อเป่ยทั้งห้าพันคนได้ถูกสังหารหมดแล้ว อย่าได้เป็นห่วง…” “ข้าจะกลับไปในทันที พวกเจ้าจงเฝ้ารักษาด่านเจิ้นกวนไว้ให้ดี อย่าให้ท่านเทพต้องเป็นกังวล!” เฉินขุยถือแถบกระดาษข้อความไว้ในมือ หัวเราะฮาฮาเสียงดังออกมา “ชนะแล้ว เชื้อพระวงศ์ของพวกม่อเป่ยถูกฆ่าหมดแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า…” “การจู่โจมที่รวดเร็วอย่างคาดไม่ถึงดุจสายฟ้าแล่บเช่นนี้ ยังคงต้องอาศัยท่านแม่ทัพจริง ๆ!” “การที่อดีตฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ขั้นหนึ่งที่สามารถสืบทอดแก่ลูกหลานได้เขา ตัวข้าเฉินขุยยอมรับอย่างยินยอมพร้อมใจแล้วจริง ๆ” บรรดาแม่ทัพท่านอื่นก็พากันตื่นเต้นยินดีจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ พวกเขาพาส่งต่อกระดาษข้อความที่จ้านเฉิงอิ้นส่งมาต่อ ๆ กันไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อดูกันครบแล้ว ก็กอดกันร้องตะโกนเสียงดังด้วยความยินดีออกมา “ชนะแล้ว ชนะแล้ว ท่านแม่ทัพใหญ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 188  

    รอบที่สอง เป็นการสู้กันด้วยอาวุธ ดาบเสี้ยวของหลัวซู่ไม่อาจสู้ขวานคู่ของหลิงเซี่ยวเฟิงได้ แพ้แล้ว รอบที่สามยังไม่ทันได้เริ่มสู้ ทหารของทั้งสองฝ่ายก็อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มการปะทะแลกชีวิตกัน ทหารแคว้นฉีพยายามห้ามทัพอย่างเต็มกำลัง… ทว่าสองฝ่ายต่างมีคนนับแสน หลายร้อยคนที่ยืนอยู่แถวหน้าเข้าตะลุมบอนกันแล้ว รั้งอย่างไรก็รั้งไม่อยู่ จนกระทั่ง ทหารของแต่ละฝ่ายเกิดการสูญเสียขึ้นมา เพียงช่วงลมหายใจ ก็ตายไปหลายสิบคน ฉีซวนเหิงจึงทนดูต่อไปไม่ไหว คำรามด้วยความโมโหว่า “หยุดมือให้หมด!” “ยังไม่ทันยึดด่านเจิ้นกวนได้ พวกท่านก็มาต่อสู้กัน ในจุดที่ห่างจากเมืองออกมาเพียงสามลี้เสียแล้ว…” “จะให้ลูกน้องของจ้านเฉิงอิ้นชมเรื่องตลกอย่างไร้เหตุผลหรืออย่างไร?” “พวกท่านจำให้ดีว่า หากยังสู้เช่นนี้ต่อไปอีก ขอเพียงบนฟ้าทิ้งระเบิดลงมา พวกท่านก็ได้แต่ตายเท่านั้น!” ทันใดนั้น ทุกคนต่างก็แหงนมองไปบนท้องฟ้าทันที บนท้องฟ้ามีอากาศยานไร้คนขับบินอยู่ คอยเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา เมื่อคืน ก็เป็นเจ้าสิ่งนี้ที่ทิ้งประทัดและระเบิดลงมา ทำให้ม้าในคอกม้าของทั้งสามทัพ เตลิดหนีไปนับห

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 189  

    เมื่อทหารยามที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ยินว่า คืนนี้จะไปโจมตีทหารแคว้นฉู่ ก้องโห่ร้องขึ้นมาด้วยความดีใจ “ดีเหลือเกิน ในที่สุดก็จะลงมือเสียที!” “ข้าอยากได้ของรางวัล หากไม่สู้รบแล้วจะไปรับรางวัลได้อย่างไร ในที่สุด คืนนี้ก็จะได้สู้อย่างเต็มที่สักรอบเสียที!” “ข้าจะไปลับดาบม่อเตาอีกหน่อย เอาให้คมจนตัดเส้นผมขาด แต่ละดาบเห็นเลือดประเภทนั้น! ” เหล่าแม่ทัพทั้งหลายต่างก็ได้ยินเสียงทหารยามที่อยู่ด้านนอกห้องโถงหารือ พวกเขาล้วนรอที่จะสู้ศึกสักคราไม่ไหวแล้ว สิ่งของที่ท่านเทพส่งมานั้น มีความเย้ายวนต่อเหล่าทหารเป็นอย่างมาก เพื่อให้ได้รับรางวัลแล้ว พวกเขาไม่เกรงกลัวต่อกองทัพฉู่นับแสน เมื่อเหล่าทหารกระตือรือร้นเช่นนี้ เหล่าแม่ทัพทุกนายต่างก็เตรียมตัวอย่างแข็งขันเช่นกัน คืนนี้ จะต้องรบให้หนักสักตั้ง* เย่มู่มู่ที่รออยู่ ไม่ได้รับจดหมายตอบกลับจากจ้านเฉิงอิ้น นี่ก็สองวันแล้ว ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร ถ้าบอกว่าป่วย เธอก็ส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไฮเทคที่สุดไปแล้ว เครื่องมือพวกนั้นเกินพอที่จะรับมือกับแผลดาบแผลธนูแล้ว ถ้าจะบอกว่าเขาตายแล้ว เธอก็คงส่งสิ่งของไปทางนั้นไม่ได้ ตอนนี้ เธอจึงเดาว่า

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 190  

    เพื่อให้พ่อค้าย้ายเข้ามาปักหลัก เพราะเธอต้องการแหล่งสินค้าที่ไม่ขาดสาย ที่สามารถซื้อหาจากตลาดสินค้าเกษตรได้โดยตรง จะได้สะดวก และไม่ดึงดูดสายตาผู้คน ตลาดสินค้าเกษตรที่สร้างเสร็จแล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าหรือแผงลอย ก็ล้วนสามารถปล่อยเช่าออกไปได้ เธอไม่ได้โลภเงินค่าเช่าเล็กน้อยพวกนั้น แต่เพื่อให้สะดวกในการอาศัยชื่อตลาดสินค้าเกษตร ไปสั่งซื้อสินค้าโดยไม่ถูกคนสงสัยเท่านั้น เมื่อผู้ใหญ่บ้านได้ยินว่าเธอจะสร้างตลาดสินค้าเกษตร ก็ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ รีบไปที่เทศบาลตำบลทันที เขาต้องการจะทำให้เรื่องนี้เป็นทางการขึ้นมา หลังคาเหล็กอันเก่าของตลาดสินค้าเกษตรถูกรื้อออกแล้ว เพราะทันทีที่ฝนตกลงมา น้ำก็จะไหลซู่ลงมา ทำให้บนพื้นทั้งชื้นทั้งเปียก จึงควรเปลี่ยนใหม่เสียนานแล้ว ภายในวันเดียวกันนั้น หัวหน้าหมู่บ้านก็นำเอกสารกลับมา เขามอบมันให้เย่มู่มู่เซ็นชื่อ ในการก่อสร้างตลาดการเกษตรขึ้นใหม่ และการจัดตั้งสำนักงานบริหารตลาดสินค้าเกษตร มีเธอเป็นผู้รับผิดชอบและผู้ดูแลแต่เพียงผู้เดียว* จ้านเฉิงอิ้นและพวกเว่ยกวง คนทั้งกลุ่มต่างเดินทางอ้อมเขตแดนเผ่าของหมาน เลาะผ่านตะเข็บชายแดนเข้าสู่แคว้นฉู่ด้ว

บทล่าสุด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 714

    เค้าโครงหน้าคมคาย ยิ่งดูหล่อเหลาโดดเด่นขึ้นแต่สีหน้ากลับเย็นชามาตลอด กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดเย็นชาประจำโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไปแล้วแน่นอนว่า เขาเดินทางด้วยจักรยานสาธารณะ หรือไม่ก็นั่งรถประจำทาง ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีของแบรนด์เนมเลยไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ที่พอเข้าเรียนปุ๊บก็รู้เลยว่า พ่อแม่ทำอาชีพอะไร มาจากตระกูลไหน ตระกูลมีกิจการอะไรบ้างเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ล้วนแต่ร่ำรวยหรือมีฐานะสูงส่งส่วนเขาพื้นเพธรรมดา การแต่งตัวก็สบาย ๆโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน เพื่อนคนอื่น ๆ ใส่แต่แบรนด์หรู หรือไม่ก็ชุดสั่งตัดส่วนเขาใส่เสื้อผ้าแผงลอยข้างทาง!อาศัยหน้าตาแบกล้วน ๆพอดูออกว่าที่บ้านไม่มีเงิน ก็ถูกนักเรียนเกเรหมายหัวเพื่อนร่วมชั้นที่มายั่วโมโห หัวเราะอย่างโอหัง “โธ่เอ๊ย กล้าทำหน้าบึ้งใส่ฉันเหรอ!”“มา ๆ ๆ วันนี้พวกเราสั่งสอนมันหน่อย ลากตัวมันขึ้นรถไปที่นอกเมือง”หลันซีเยว่ตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงขวางอยู่ข้างหน้าเขา“พวกนายกล้าเหรอ ถ้าวันนี้พวกนายกล้าแตะต้องเขาแม้แต่นิดเดียว ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”ทันใดนั้นนักเรียนหลายคนก็หัวเราะล

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 713

    เมื่อรถของเย่มู่มู่และหลูหมิงเคลื่อนตัวออกไป ลู่ฉิงยวนยังคงยืนสง่าอยู่ริมถนน มองส่งจนรถลับสายตาไป ครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยเขาก็ได้ช่องทางการติดต่อของเธอมาเย่มู่มู่ตอนห้าขวบไม่ยอมรับเขา~ไม่นึกเลยว่าพออายุยี่สิบปี เย่มู่มู่ก็ยังคงไม่ชอบเขาเหมือนเดิมผู้หญิงเพียงคนเดียว กลับเป็นคนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ถึงสองครั้งในชีวิตนี้หลังจากขึ้นรถแล้ว ลู่ฉิงยวนก็ถามหัวหน้าบอดี้การ์ดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “บอดี้การ์ดที่อยู่กับเย่มู่มู่คนนั้น เป็นคนของสายไหนกันแน่?”หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดยังนึกถึงชายคนนั้น ออกหมัดฉับไว รุนแรง นั่นไม่ใช่ฝีมือของคนธรรมดาแน่นอน“เป็นนักสู้มืออาชีพครับ ที่สำคัญคือเป็นประเภทที่ทุกกระบวนท่าล้วนมุ่งเอาชีวิต! นั่นไม่ใช่ฝีมือของพวกเรียนกังฟูหรือซานต้าวิธีที่เขาลงมือ ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย!”ลู่ฉิงยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แค่คนเดียวก็สามารถล้มบอดี้การ์ดของเขาทั้งหมดลงไปกองกับพื้นได้เดิมทีเขายังเป็นห่วงเย่มู่มู่ กลัวว่าเด็กกำพร้าตัวคนเดียวอย่างเธอจะถูกรายล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าและเสือร้ายแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะไม่จำเป็นเสียแล้วการที่สามารถอัด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 712

    “คุณคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้นะคะ ส่วนฉัน... ไม่ได้สนใจเรื่องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อะไรแบบนั้นเลยค่ะ!”เธอกำลังจะหันหลังเดินจากไป แต่เสียงของลู่ฉิงยวนก็เย็นเยียบลงหลายส่วน เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ทำไม?”เย่มู่มู่หันกลับไปมองเขา“ทำไมถึงปฏิเสธผม คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังจะพลาดอะไรไป?”“คุณไม่ชอบผม หรือคิดว่าเราไม่มีความรู้สึกต่อกันงั้นเหรอ!”เย่มู่มู่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอโทษนะคะคุณลู่ มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยค่ะ การที่ต้องสร้างครอบครัวกับผู้ชายที่แทบไม่รู้จักกันดี แค่คิด...ฉันก็รับไม่ได้แล้วค่ะ!”“สุดท้ายแล้ว ก็ยังเป็นเพราะคุณไม่ชอบผมใช่ไหม? มู่มู่ อย่าดื้อนักเลย ความรู้สึกน่ะมันสร้างกันได้นะ...”เย่มู่มู่ขมวดคิ้ว มองไปยังลู่ฉิงยวนเขาทั้งหนุ่ม ทั้งรวย อาศัยความสามารถของตัวเองล้วน ๆ สร้างหลิ่วอวิ๋นกรุ๊ปจนยิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้เขายอดเยี่ยมมากบางทีในอนาคตเธออาจจะต้องเสียใจ ที่ตัวเองพลาดมหาเศรษฐีโสดผู้เพียบพร้อมทั้งความสามารถและฐานะระดับเพชรยอดมงกุฎคนนี้ไปแต่ ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องหาเงิน และเรื่องการช่วยจ้านเฉิงอิ้นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่นในคติประจำใจ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 711

    “แน่นอนว่าพวกเธอก็จะไม่บังคับลูก ๆ ถ้าไม่ชอบ ก็ปฏิเสธได้!”“ต่อมา คุณแม่เกิดอุบัติเหตุ ผมถูกบ้านตาไปรับเลี้ยง ไอ้สารเลวนั่นเริ่มฟ้องร้องยาวนานกว่าสิบปี เพียงเพื่อล้มล้างพินัยกรรมของแม่!”“ระหว่างนั้น เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในมือผม ป้าหลินจึงมอบหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ในมือของเธอให้ผมโดยไม่คิดค่าตอบแทน”“ผมเคยถามเธอ ว่าต้องการอะไรเป็นการตอบแทนไหม์”“เธอขอให้ผมดูแลคุณให้ดี หากวันใดวันหนึ่งพวกเขาสามีภรรยาเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องถูกคนตระกูลเย่รังแกแน่ ๆ เธอหวังว่าผมจะรับปากว่าจะดูแลคุณให้ดีไปชั่วชีวิต!”น้ำตาของเย่มู่มู่ร่วงเผาะ ๆเธอไม่คิดเลยว่า คุณแม่ได้วางแผนเพื่อเธอไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วเพื่อเดิมพันกับโอกาสอันน้อยนิดนั้น ใช้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ของลู่ซื่อกรุ๊ป แลกกับคำมั่นสัญญาเพื่อเธอพ่อแม่ของเธอรักเธอมาก“ลู่ฉีหยางตามหาคุณ ข่มขู่คุณ! นอกจากจะหมายตาฟู่ลี่กรุ๊ปที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่แล้ว ยังมีอีกอย่าง พวกเขารู้ว่าแม่ของคุณมีหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์!”“ผมเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทต่อสาธารณะ พวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อ!”“อยากจะยึดหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์นั้นมาเป็นขอ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 710

    ตอนที่เธออายุประมาณห้าขวบ เคยพบเคยพบลู่ฉิงยวนครั้งหนึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมประจำปีขององค์กร ลู่ฉิงยวนถูกลุงพามาจากเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟู่ลี่กรุ๊ปเวลานั้นแม่ถามเธอว่า “ชอบพี่ชายตัวน้อยคนนั้นไหมจ๊ะ? ให้เขาเป็นแฟนของหนูดีไหม?”ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ฟันยังไม่ทันขึ้นครบเธอกำลังกินเค้กก้อนเล็ก ๆ พลางถามมารดาด้วยท่าทางน่ารัก “คุณแม่คะ แฟนคืออะไรเหรอคะ กินได้หรือเปล่า?”ผลลัพธ์ก็คือคำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงของลู่ฉิงยวนกับบิดาของเธอรู้สึกขบขัน!แต่ว่าเธอกับลู่ฉิงยวนเคยพบกันแค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพบกันอีกเลยตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่ฉิงยวนไม่ได้มาไว้ทุกข์ ทว่าลุงของเขาส่งของมาร่วมพิธี!แต่ว่าคนไม่ได้มา!แน่นอนว่าเย่มู่มู่สามารถเข้าใจได้ พอหมดอำนาจคนก็ลาจาก เด็กกำพร้าเช่นเธอไม่ค่าพอที่จะแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถอนตัวจากการบริหารฟู่ลี่กรุ๊ปทุกคนรู้ดีว่าเอาอกเอาใจเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ มีคนไปมาหาสู่อยู่บ้างทว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต ก็ไม่มีใครมาสนใจอีกเล

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 709

    คิดไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงหลิวจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสู้ยิบตา จนคุณชายลู่รู้สึกเสียใจในภายหลังเขาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว ตบหน้า และสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าบอกว่าไม่ยินยอมหย่าร้าง ขอร้องให้คุณผู้หญิงหลิวให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจ เขาจึงลบข้อมูลการติดต่อของผู้หญิงทุกคนทิ้งไปจนหมด ต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิวทั้งยังเปิดเผยข่าวอื้อฉาวของนักแสดงที่เคยมาก่อเรื่องต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว และทำลายอาชีพของเธอ!นอกจากนี้ยังทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องตกงาน และถูกแบนในธุรกิจนั้นด้วยเขาเอาบ้าน และรถที่จ่ายเงินซื้อให้กับคุณหญิงลู่ กลับคืนมาทั้งหมด!บางทีคณผู้ชายลู่อาจจะแสดงเก่งจนเกินไป บางทีลูกอาจจะเล็กจนเกินไป จึงไม่อยากให้ลูกที่พอเกิดมาก็กลายเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณผู้หญิงหลิวจึงใจอ่อนเธอยอมรับคุณผู้ชายลู่ และชิงบริษัทที่อยู่ในมือของคุณชายลู่กลับคืนมาญาติพี่น้องและเพื่อนที่คุณชายลู่เอาเข้ามาก่อนหน้านี้ ถูกไล่ออกไปจนหมดเชิญพนักงานเก่ากลับเข้ามาโรงงานภายใต้การบริหารของคุณผู้หญิงลู่ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งและในครั้งนี้ คุณผู้หญิงหลิวได้บีบคุณผู้ชายลู่ให้ล

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 708

    หากว่าทางจ้านเฉิงอิ้นสามารถเอาชนะการรบได้ เธอจะต้องเฉลิมฉลองให้สักครั้งอย่างแน่นอนเธอกับหลูหมิงคืนจักรยานไฟฟ้าอย่างมีความสุข และขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงฮ่าวอี้และเสี่ยวเฉิงที่เฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไป ก็ขับรถตามไปอยู่ห่าง ๆจนถึงวันนี้หวังเสี่ยวเฉิงก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ว่าเจ้านายของตนเองเป็นผู้บำเพ็ญเซียน“พี่ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม คุณหนูเย่เป็นนักศึกษาที่อายุยังน้อยแล้วก็สวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”“พี่ว่า ผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นไปขอให้เธอทดสอบหินวิญญาณให้ดีไหม ไม่แน่ผมอาจมีความสามารถในการบำเพ็ญเซียนเหมือนกันก็ได้?”ฮ่าวอี้กำลังมองคนปัญญาอ่อนที่ฝันกลางวันมาตลอดทั้งวัน “หุบปาก เย่มู่มู่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ผมรู้อยู่แล้วน่า ว่าเธอเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวเป็นคนธรรมดาเท่านั้น พี่ว่าตอนนี้เธอบรรลุถึงขั้นไหนแล้ว?”“ฝึกลมปราณ สร้างรากฐาน หรือว่าแก่นปราณทองคำ? สามารถดูดซับสายฟ้า เคลื่อนย้ายพายุฝน ขั้นต่อไปก็พลักภูเขาผลิกทะเล

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 707

    แคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ หรือแม้กระทั่งแคว้นอวี่ กับแคว้นหย่งต่างก็กำลังจับจ้องกองทัพเผ่าหมาน...ทำไมงั้นหรือ?พวกเขาต่างก็ต้องการเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของแคว้นต้าฉี่เพราะความโง่เขลาและเหี้ยมโหดของฮ่องเต้น้อย ไม่แบ่งแยกถูกผิด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้านเฉิงอิ้นพวกเขาจึงต่างคิดว่าแคว้นต้าฉี่อ่อนแอข่มเหงได้ง่าย!หากในหกแคว้น แคว้นใดที่ล้มลงไวที่สุดย่อมต้องเป็นแคว้นฉี่ที่ปราศจากจ้านเฉิงอิ้นอย่างแน่นอนดังนั้น การที่เผ่าหมานแห่งม่อเป่ยบุกโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทุกแคว้นของหัวเซี่ยจึงจ้องกันตาเป็นมันหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยทำสำเร็จแคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ก็จะถอนทัพออกจากแคว้นเยี่ยนโดยทันที และยกกำลังทหารทั้งหมดไปที่แคว้นต้าฉี่ล่าสังหารราษฎรของแคว้นต้าฉี่มาเป็นเสบียงอาหารอย่างป่าเถื่อน เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งสองปีที่อันตรายที่สุดหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไรทหารเผ่าหมานที่กล้าหาญและสันทัดในการรบสองแสนคน ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็สามารถลดทอนกำลังของกองทัพตระกูลจ้านลงได้เมื่อพวกเขาบุกเข้าแคว้นต้าฉี่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นจุดจบเป็นเช่นไร พวกเขาเพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ดูไฟจา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 706

    ขอเพียงสามารถยึดครองทัพกระกูลจ้าน พวกเขาก็จะสามารถบุกเข้าเมืองหลวง และแช่งยิงแผ่นดินต้าฉี่มาได้ ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะถูกจ้านเฉิงอิ้นทำให้เสียเรื่องเขามองเข้าไปยังสนามรบ ที่ยังคงโรมรันกับกองทัพตระกูลจ้าน ทหารเผ่าหมานต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก จะให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ละทิ้งเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่เช่นนี้งั้นหรือ?ไม่มีทาง!เขายกดาบม่อเตาที่อยู่ในมือ จับจ้องไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว“ข้า ม่อเป่ยอ๋อง จะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”จ้านเฉิงถือดาบม่อเตาด้วยมือเดียว กระชับบังเหียนม้าและเดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา“หลัวซู่ เจ้าหมดหวังแล้ว เจ้าไม่อาจเอาชนะกองทัพตระกูลจ้านได้หรอก!”“ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”หลัวซู่ปักมีดลงไปในดินโคลน สายตาของเขาเย็นชา “ข้าเป็นบุรุษแห่งทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวความตาย!”“เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เหตุใดข้าจึงได้พ่ายแพ้เจ้าอย่างไร้สาระเช่นนี้ พ่ายแพ้เจ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”การศึกในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากกองทัพตระกูลจ้านของจ้านเฉิงอิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ขวัญกำลังใจ หรือว่าจำนวนคนที่ติดอาวุธ...ไม่ว่าจะ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status