ชาวบ้านทั้งหลายต่างพากันโกรธเกรี้ยว เรียกร้องให้ทหารประหารพวกเขาเสียทว่าเฉินขุยเห็นว่าความผิดนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องโทษตาย จึงสั่งให้ควบคุมตัวพวกเขาเข้าไปในเมือง เพื่อใช้แรงงานสร้างบ้านแทนการสร้างบ้านเหนื่อยยากกว่าการทำไร่มากนักต้องแบกอิฐและวัสดุก่อสร้างท่ามกลางอากาศร้อนระอุในฤดูร้อนการทำไร่ในช่วงกลางวันหรือบ่ายไม่จำเป็นต้องทำงาน จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน หรือในยามค่ำคืนค่อยแขวนไฟพลังงานแสงอาทิตย์แล้วลงมือทำงานจ้านเฉิงอิ้นดูเสร็จแล้ว จึงส่งแท็บเลตคืนให้ทหารจากนั้นทหารคนที่สองก็ส่งจดหมายลับขึ้นมาให้มันคือจดหมายจากฮ่องเต้แคว้นเยี่ยน“ถึงแม่ทัพใหญ่จ้านเฉิงอิ้นหนิงกวนโหว เมื่อไม่นานมานี้ มีทหารกลุ่มหนึ่งก่อกบฏและมุ่งหน้าไปยังด่านเจิ้นกวน หวังว่าท่านแม่ทัพจะนำกองทัพออกไปช่วยแคว้นเยี่ยนปราบปรามกองกบฏเหล่านี้!”เนื้อความระบุจำนวนอย่างชัดเจน กองกบฏมีกำลังพลถึงห้าหมื่นคนผู้ที่นำการกบฏในครั้งนี้ คือแม่ทัพคนหนึ่งของแคว้นเยี่ยนที่มีชื่อเสียงไม่น้อยเขามีนามว่าเซี่ยเวยเหตุใดจึงก่อกบฏ?ก็เพราะแคว้นเยี่ยนขาดแคลนเสบียง หลายเดือนมาแล้วที่ไม่มีการแจกจ่ายเสบียงให้กับแม่ทัพเซี่ยที่ปกป้อง
เซี่ยเวยเดิมทีคิดว่าจะได้พบกับจ้านเฉิงอิ้น แต่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเพียงรองแม่ทัพซ่งตั๋วใต้บังคับบัญชาของเขาที่มาเจรจาแทนในตอนแรก เขาไม่ยอมรับเรื่องการทำไร่ทำนาแม่ทัพผู้สูงศักดิ์นำทหารมาประจำชายแดนเพื่อทำไร่นาหรือ?นี่ไม่ใช่การดูถูกเขาหรอกหรือ?เขาต้องการเป็นทหารองครักษ์ของจ้านเฉิงอิ้นมีข่าวลือว่าทหารใต้บังคับบัญชาของเขามีเกราะที่ฟันแทงไม่เข้าเครื่องอุปโภคบริโภคดีที่สุดและมีมาตรฐานสูงสุดในบรรดาค่ายทหารของหกแคว้นเขานำทหารมาสวามิภักดิ์ แต่กลับไม่แม้แต่จะได้พบหน้า แถมยังได้รับการปฏิบัติด้อยกว่าทหารชั้นสองเสียอีก!นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเซี่ยเวยค่อนข้างหยิ่งยโส รู้สึกว่าจ้านเฉิงอิ้นดูถูกเขาหากจ้านเฉิงอิ้นไม่ออกมาพบหน้า เขาคิดจะนำกองทัพกลับไป...ในเวลานั้นเอง เว่ยกวงก็นำกลุ่มคนขับรถสามล้อเข้ามารถแต่ละคันมีถังขนาดใหญ่สามถัง ในถังบรรจุโจ๊กที่ปรุงสุกแล้ว ส่งกลิ่นหอมของเนื้อและไข่บนข้าวต้มโรยหน้าด้วยใบผักสีเขียวไกลออกไป แม้ว่ารถสามล้อยังมาไม่ถึงพวกเขา พวกเขาก็ได้กลิ่นหอมนั้นแล้วเหล่าทหารทุกคนต่างตาเป็นประกาย กลืนน้ำลายอย่างต่อเนื่องเมื่อเว่ยกวงสั่งให้คนยกถังข้าวต้มลง
พวกเขาไม่สนใจรางวัลอื่น ๆ เลยสิ่งที่เห็นเพียงอย่างเดียวคือรางวัลอันดับหนึ่งก็คือปลายข้าว“เพียงแค่ไถพรวนที่ดินหนึ่งหมู่ ก็จะได้รางวัลเป็นปลายข้าวหนึ่งชั่ง?”“ใช่! รางวัลสามารถสะสมเพิ่มได้ ไถพรวนห้าสิบหมู่ ก็จะได้รับปลายข้าวห้าสิบชั่ง!”ทหารองครักษ์ของซ่งตั๋วนำปลายข้าวออกมาในถุงสีขาวบรรจุปลายข้าวสีขาวสะอาด ไม่มีเศษหินหรือสิ่งเจือปนโจ๊กที่พวกเขากิน ล้วนปรุงจากข้าวสารเหล่านี้“หากพวกเราไถพรวนที่ดินได้มากพอ หลังจากสามเดือนไปแล้ว สามารถนำปลายข้าวทั้งหมดไปด้วยได้หรือไม่?”“ได้สิ หากต้องการนำไปให้ครอบครัวและญาติพี่น้อง ข้าแนะนำให้นำครอบครัวมาอยู่ที่ด่านเจิ้นกวนด้วยกันเลย ที่ด่านเจิ้นกวนมีโจ๊กให้กิน!”เมื่อเหล่าทหารได้ยินเช่นนั้น ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที จ้องมองไปที่ซ่งตั๋วเขม็ง“จริงหรือ ครอบครัวก็สามารถพามาที่ด่านเจิ้นกวนได้ และที่ด่านเจิ้นกวนก็จะให้น้ำให้ข้าวด้วย?”“ใช่แล้ว ที่ด่านเจิ้นกวนมีชาวแคว้นฉู่ห้าหมื่นคน ทหารแคว้นฉู่แปดพัน ครอบครัวอีกสี่หมื่นกว่า พวกเขาตั้งหมู่บ้านอยู่ริมแม่น้ำที่ด่านเจิ้นกวน ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข!”“อ้อ ใช่ ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป การเข้าร่วมกองทัพตระกู
ทหารม้าทั้งห้าหมื่นนายของเซี่ยเวยกินอิ่มดื่มพอแล้ว เลือกสถานที่ตั้งค่ายพักไม่ไกลจากแม่น้ำชลประทานตะกอนในแม่น้ำจมลง น้ำใสสะอาดแล้ว พวกม้าเห็นดังนั้นก็ส่งเสียงร้อง รีบวิ่งลงไปแช่น้ำในแม่น้ำเหล่าทหารเห็นเข้าก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที“แม่น้ำ เป็นแม่น้ำ!”“มีน้ำ เป็นน้ำที่ลึกมาก...”เหล่าทหารไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป กระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่ออาบน้ำซ่งตั๋วรีบห้ามปราม“เดี๋ยวก่อน น้ำนี่ใช้สำหรับการชลประทาน ต้องต้มให้เดือดก่อนจึงจะใช้อาบน้ำได้”แม่ทัพเซี่ยเวยพอใจกับสถานที่ตั้งค่ายที่ซ่งตั๋วจัดให้มาก ห่างจากแม่น้ำใหญ่ไม่ถึงสามสิบเมตร น้ำในแม่น้ำใสสะอาด น้ำเหล่านี้เพียงพอที่จะรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กระหายน้ำตายในอนาคตซ่งตั๋วกลับบอกว่าน้ำในแม่น้ำใช้สำหรับการชลประทาน หากจะใช้อาบน้ำ ทางที่ดีควรต้มให้เดือดก่อนใช้น้ำดีขนาดนี้ทำการชลประทาน ไม่ใช่ว่าเป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ?แม่ทัพเซี่ยเวยยิ้มพลางกล่าวว่า “ปล่อยให้พวกเขาลงไปเถอะ ไม่ได้อาบน้ำมาครึ่งปีแล้ว ถึงเวลาต้องชำระล้างร่างกายให้สะอาดเสียหน่อย!”ซ่งตั๋วไม่ห้ามปรามอีกต่อไป ปล่อยให้พวกเขาทำตามใจเหล่าทหารกระโดดลงน้ำ
เขาดีใจจนเนื้อเต้น “คุณหนูเย่ ตอนนี้ผมจะรีบติดต่อให้คุณ วางใจได้ พรุ่งนี้ผมจะให้คำตอบคุณแน่นอน!”เย่มู่มู่ตอบกลับจ้านเฉิงอิ้น “ฉันสั่งซื้อรถบรรทุกขนาดใหญ่ไปแล้วยี่สิบคัน รถขุดดินสามสิบคัน ถ้าในเมืองนี้มีสินค้าในสต็อก พรุ่งนี้ก็ส่งมาได้เลย!”“ตอนเย็น คุณบรรทุกเสบียงและน้ำใส่รถบรรทุกขนาดใหญ่สองคัน นำไปส่งให้เหอหง การสะสมถ่านหินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!”นี่เกี่ยวข้องกับว่าเหล่าทหารจะสามารถผ่านพ้นภัยพิบัติหิมะในอีกสองปีข้างหน้าไปได้หรือไม่จ้านเฉิงอิ้นตอบกลับนางว่า “ท่านเทพ ขอบคุณท่าน พรุ่งนี้เที่ยงจะมีการทำพิธีเปิดศาลเทพและบวงสรวง ชาวบ้านด่านเจิ้นกวนจะเริ่มจุดธูปบูชาตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เมื่อถึงเวลา ข้าจะถ่ายวิดีโอให้ท่านดู!”เดี๋ยวนะ~เขาถึงกับสร้างศาลเทพจริง ๆ หรือ?เธอเป็นคนเป็น ๆ จะให้คนโบราณมากราบไหว้บูชา มันจะเหมาะสมเหรอ“หรือว่าพวกเราล้มเลิกดีไหม?”“ไม่ นี่เป็นสิ่งที่ท่านเทพสมควรได้รับ หากไม่มีท่าน ชาวบ้านด่านเจิ้นกวนคงล้มตาย กองทัพตระกูลจ้านคงพินาศ แคว้นต้าฉี่คงไม่หลงเหลืออยู่แล้ว”“บัดนี้ เวลากระชั้นชิด ด่านเจิ้นกวนจึงสร้างได้เพียงสามศาลเทพเท่านั้น”“หากวันใดสามารถรวมแผ่นดิน
วันรุ่งขึ้น ณ ด่านเจิ้นกวนชาวบ้านทั้งเมืองต่างต่อแถวไปที่ศาลเทพริมแม่น้ำแม่ทัพใหญ่นำเหล่านายทหารทุกคนมาสักการะบูชาที่ศาลเทพพิธีกรรมในครั้งนี้ซื่อเมิ่งเป็นผู้นำพิธีจ้านเฉิงอิ้นสวมชุดเกราะสีเงิน ผูกผมสูง เผยหน้าผากรูปหัวใจแสนประณีตเรียบเนียนออกมา บุคลิกของเขาดูเย็นชา ใบหน้าหล่อเหลา หน้าตาขาวผ่องดุจหิมะ สีปากจางเป็นอย่างมาก ตรงกระจับปากมีตุ่มริมฝีปาก สายตามองไปยังรูปปั้นเสมือนจริงของท่านเทพชุบทองที่ถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าไหมสีแดงหลังสร้างรูปปั้นเสมือนจริงของท่านเทพเสร็จ เขากลัวว่าจะไปล่วงเกินท่านเทพเข้า จึงไม่เคยมาดูมาก่อนทว่าลอบข่มขู่ช่างเป็นการส่วนตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากทำพัง ช่างอย่าได้คิดจะได้กินข้าวอีกในทางตรงกันข้าม หากทำดีจะมีรางวัลใหญ่!ช่างทุกคนต่างตั้งอกตั้งใจจนแทบกลั้นหายใจ ดูว่าแม่ทัพใหญ่พอใจหรือไม่! ในขณะนี้ จ้านเฉิงอิ้นนำเหล่านายทหารเดินไปตรงหน้ารูปปั้นเสมือนจริงของท่านเทพ ด้วยท่าทางน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง พร้อมเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง หมอบลง ก้มลงกราบ...“ข้าขอบคุณท่านเทพที่ประทานน้ำและอาหารให้แก่ด่านเจิ้นกวน ช่วยชีวิตชาวบ้านและทหารของด่านเจิ้นกวนหนึ่งแสนค
ผ่านไปประมาณหนึ่งเดือน ทั้งภายในภายนอกก็สร้างและตกแต่งเสร็จแล้วพี่ซุนวิ่งไปทาสี ลงสีโป๊วที่ห้องนั้นทุกวันเธอจ่ายเงินเดือนสูง ช่วงนี้สองสามีภรรยามีรายได้สูง ยิ่งทุ่มเททำงานหนักมากขึ้น*หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ หัวหน้าผู้รับเหมาก็ต่อสายเข้ามา บอกว่าเขาจัดการหารถขุดให้ได้สามสิบคัน รถดันดินยี่สิบคันรถบรรทุก รถหกล้อ รถบรรทุกดินที่บรรทุกดินในก่อนหน้านี้ มีให้ได้ยี่สิบห้าคันหากเธอต้องการ เขาปรึกษากับเถ้าแก่ที่ทำงานเกี่ยวกับดินเรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้ได้ราคาถูก ๆสรุปราคาประมาณสี่สิบเก้าล้านสองแสนห้าหมื่นเย่มู่มู่คิดแล้วสี่สิบเก้าล้านสองแสนห้าหมื่นบวกกับเงินค่าน้ำห้าแสนทั้งหมดต้องจ่ายห้าสิบสองล้านห้าแสนเธอโอนเงินให้หัวหน้าผู้รับเหมาทันทีในวินาทีที่หัวหน้าผู้รับเหมาได้รับเงิน เห็นว่าเย่มู่มู่ให้เพิ่มอีกเจ็ดแสนห้าหมื่น การค้าขายในครั้งนี้ เขาได้กำไรสุทธิสามล้านสองแสนห้าหมื่นเถ้าแก่ที่ทำงานเกี่ยวกับดินเหล่านั้นยังให้อั่งเปาเขาและเลี้ยงข้าวเขาอีกด้วยรายได้ของเขาไม่ต่ำกว่าสี่ล้านช่วงสองสามวันระยะเวลาสั้น ๆ ก็ได้มาแล้วสี่ล้าน ทำเงินได้เยอะกว่างานที่เขาต้องทำอย่างเหน็ดเหนื่อยสาย
หลังจากนั้นเธอก็เห็นรัฐทายาทน้อย นายทหารคนอื่นต่างสวมชุดเกราะ มีเพียงรัฐทายาทน้อยเพียงผู้เดียวที่สวมเสื้อคลุมตัวยาวปักลายดอกไม้ทำจากผ้าฝ้าย ตรงเอวรัดเข็มขัดหนังสีดำและห้อยหยกแขวนสีขาวโปร่งแสงเอาไว้อันหนึ่งเขาแต่งตัวดูมั่งคั่งและโดดเด่นเป็นพิเศษในหมู่นายทหารเขารูปร่างผอมสูง ใบหน้าหล่อเหลา เมื่อเทียบกับนายทหารหน้าตาขึงขังรอบ ๆ หน้าตาของเขาแฝงไปด้วยการเย้ยหยันถากถางสังคมและกลิ่นอายของผู้ดีเล็กน้อยบรรดาแม่ทัพที่เหลือ เธอไม่รู้จักอีกแล้วเนื่องจากนายทหารมีจำนวนคนเพิ่มมากขึ้น ในพวกหลี่หยวนจง เปี้ยนจื่อผิงและเฉินจวิ้นหลินปะปนอยู่ในนายทหารใต้บังคับบัญชาของสวีหวย...ผู้นำของกองกำลังกบฏก็อยู่ในนั้นด้วยพวกเขาต่างสวมรองเท้าผ้า นายทหารบางนายสวมรองเท้ากีฬาต่างสวมชุดเกราะสีเงิน ภายใต้ชุดเกราะสวมเครื่องแบบทหารสีสันต่างกันออกไปล้วนตัดจากผ้าที่เย่มู่มู่ส่งไปให้ทั้งสิ้นกระทั่งชาวบ้านรอบข้างที่หันกล้องไปถ่ายติด พวกชาวบ้านไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งอีกต่อไป ทุกคนต่างสวมเสื้อผ้ารัดรูปที่ทำจากผ้าฝ้ายทั้งสิ้นไม่มีที่ปะซ่อม ไม่มีที่ขาด สะอาดสะอ้านเรียบร้อยอีกทั้งบนหน้าแต่ละคนล้วนมีเนื้อ
เค้าโครงหน้าคมคาย ยิ่งดูหล่อเหลาโดดเด่นขึ้นแต่สีหน้ากลับเย็นชามาตลอด กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดเย็นชาประจำโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไปแล้วแน่นอนว่า เขาเดินทางด้วยจักรยานสาธารณะ หรือไม่ก็นั่งรถประจำทาง ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีของแบรนด์เนมเลยไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ที่พอเข้าเรียนปุ๊บก็รู้เลยว่า พ่อแม่ทำอาชีพอะไร มาจากตระกูลไหน ตระกูลมีกิจการอะไรบ้างเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ล้วนแต่ร่ำรวยหรือมีฐานะสูงส่งส่วนเขาพื้นเพธรรมดา การแต่งตัวก็สบาย ๆโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน เพื่อนคนอื่น ๆ ใส่แต่แบรนด์หรู หรือไม่ก็ชุดสั่งตัดส่วนเขาใส่เสื้อผ้าแผงลอยข้างทาง!อาศัยหน้าตาแบกล้วน ๆพอดูออกว่าที่บ้านไม่มีเงิน ก็ถูกนักเรียนเกเรหมายหัวเพื่อนร่วมชั้นที่มายั่วโมโห หัวเราะอย่างโอหัง “โธ่เอ๊ย กล้าทำหน้าบึ้งใส่ฉันเหรอ!”“มา ๆ ๆ วันนี้พวกเราสั่งสอนมันหน่อย ลากตัวมันขึ้นรถไปที่นอกเมือง”หลันซีเยว่ตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงขวางอยู่ข้างหน้าเขา“พวกนายกล้าเหรอ ถ้าวันนี้พวกนายกล้าแตะต้องเขาแม้แต่นิดเดียว ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”ทันใดนั้นนักเรียนหลายคนก็หัวเราะล
เมื่อรถของเย่มู่มู่และหลูหมิงเคลื่อนตัวออกไป ลู่ฉิงยวนยังคงยืนสง่าอยู่ริมถนน มองส่งจนรถลับสายตาไป ครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยเขาก็ได้ช่องทางการติดต่อของเธอมาเย่มู่มู่ตอนห้าขวบไม่ยอมรับเขา~ไม่นึกเลยว่าพออายุยี่สิบปี เย่มู่มู่ก็ยังคงไม่ชอบเขาเหมือนเดิมผู้หญิงเพียงคนเดียว กลับเป็นคนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ถึงสองครั้งในชีวิตนี้หลังจากขึ้นรถแล้ว ลู่ฉิงยวนก็ถามหัวหน้าบอดี้การ์ดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “บอดี้การ์ดที่อยู่กับเย่มู่มู่คนนั้น เป็นคนของสายไหนกันแน่?”หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดยังนึกถึงชายคนนั้น ออกหมัดฉับไว รุนแรง นั่นไม่ใช่ฝีมือของคนธรรมดาแน่นอน“เป็นนักสู้มืออาชีพครับ ที่สำคัญคือเป็นประเภทที่ทุกกระบวนท่าล้วนมุ่งเอาชีวิต! นั่นไม่ใช่ฝีมือของพวกเรียนกังฟูหรือซานต้าวิธีที่เขาลงมือ ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย!”ลู่ฉิงยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แค่คนเดียวก็สามารถล้มบอดี้การ์ดของเขาทั้งหมดลงไปกองกับพื้นได้เดิมทีเขายังเป็นห่วงเย่มู่มู่ กลัวว่าเด็กกำพร้าตัวคนเดียวอย่างเธอจะถูกรายล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าและเสือร้ายแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะไม่จำเป็นเสียแล้วการที่สามารถอัด
“คุณคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้นะคะ ส่วนฉัน... ไม่ได้สนใจเรื่องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อะไรแบบนั้นเลยค่ะ!”เธอกำลังจะหันหลังเดินจากไป แต่เสียงของลู่ฉิงยวนก็เย็นเยียบลงหลายส่วน เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ทำไม?”เย่มู่มู่หันกลับไปมองเขา“ทำไมถึงปฏิเสธผม คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังจะพลาดอะไรไป?”“คุณไม่ชอบผม หรือคิดว่าเราไม่มีความรู้สึกต่อกันงั้นเหรอ!”เย่มู่มู่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอโทษนะคะคุณลู่ มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยค่ะ การที่ต้องสร้างครอบครัวกับผู้ชายที่แทบไม่รู้จักกันดี แค่คิด...ฉันก็รับไม่ได้แล้วค่ะ!”“สุดท้ายแล้ว ก็ยังเป็นเพราะคุณไม่ชอบผมใช่ไหม? มู่มู่ อย่าดื้อนักเลย ความรู้สึกน่ะมันสร้างกันได้นะ...”เย่มู่มู่ขมวดคิ้ว มองไปยังลู่ฉิงยวนเขาทั้งหนุ่ม ทั้งรวย อาศัยความสามารถของตัวเองล้วน ๆ สร้างหลิ่วอวิ๋นกรุ๊ปจนยิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้เขายอดเยี่ยมมากบางทีในอนาคตเธออาจจะต้องเสียใจ ที่ตัวเองพลาดมหาเศรษฐีโสดผู้เพียบพร้อมทั้งความสามารถและฐานะระดับเพชรยอดมงกุฎคนนี้ไปแต่ ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องหาเงิน และเรื่องการช่วยจ้านเฉิงอิ้นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่นในคติประจำใจ
“แน่นอนว่าพวกเธอก็จะไม่บังคับลูก ๆ ถ้าไม่ชอบ ก็ปฏิเสธได้!”“ต่อมา คุณแม่เกิดอุบัติเหตุ ผมถูกบ้านตาไปรับเลี้ยง ไอ้สารเลวนั่นเริ่มฟ้องร้องยาวนานกว่าสิบปี เพียงเพื่อล้มล้างพินัยกรรมของแม่!”“ระหว่างนั้น เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในมือผม ป้าหลินจึงมอบหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ในมือของเธอให้ผมโดยไม่คิดค่าตอบแทน”“ผมเคยถามเธอ ว่าต้องการอะไรเป็นการตอบแทนไหม์”“เธอขอให้ผมดูแลคุณให้ดี หากวันใดวันหนึ่งพวกเขาสามีภรรยาเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องถูกคนตระกูลเย่รังแกแน่ ๆ เธอหวังว่าผมจะรับปากว่าจะดูแลคุณให้ดีไปชั่วชีวิต!”น้ำตาของเย่มู่มู่ร่วงเผาะ ๆเธอไม่คิดเลยว่า คุณแม่ได้วางแผนเพื่อเธอไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วเพื่อเดิมพันกับโอกาสอันน้อยนิดนั้น ใช้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ของลู่ซื่อกรุ๊ป แลกกับคำมั่นสัญญาเพื่อเธอพ่อแม่ของเธอรักเธอมาก“ลู่ฉีหยางตามหาคุณ ข่มขู่คุณ! นอกจากจะหมายตาฟู่ลี่กรุ๊ปที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่แล้ว ยังมีอีกอย่าง พวกเขารู้ว่าแม่ของคุณมีหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์!”“ผมเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทต่อสาธารณะ พวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อ!”“อยากจะยึดหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์นั้นมาเป็นขอ
ตอนที่เธออายุประมาณห้าขวบ เคยพบเคยพบลู่ฉิงยวนครั้งหนึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมประจำปีขององค์กร ลู่ฉิงยวนถูกลุงพามาจากเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟู่ลี่กรุ๊ปเวลานั้นแม่ถามเธอว่า “ชอบพี่ชายตัวน้อยคนนั้นไหมจ๊ะ? ให้เขาเป็นแฟนของหนูดีไหม?”ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ฟันยังไม่ทันขึ้นครบเธอกำลังกินเค้กก้อนเล็ก ๆ พลางถามมารดาด้วยท่าทางน่ารัก “คุณแม่คะ แฟนคืออะไรเหรอคะ กินได้หรือเปล่า?”ผลลัพธ์ก็คือคำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงของลู่ฉิงยวนกับบิดาของเธอรู้สึกขบขัน!แต่ว่าเธอกับลู่ฉิงยวนเคยพบกันแค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพบกันอีกเลยตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่ฉิงยวนไม่ได้มาไว้ทุกข์ ทว่าลุงของเขาส่งของมาร่วมพิธี!แต่ว่าคนไม่ได้มา!แน่นอนว่าเย่มู่มู่สามารถเข้าใจได้ พอหมดอำนาจคนก็ลาจาก เด็กกำพร้าเช่นเธอไม่ค่าพอที่จะแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถอนตัวจากการบริหารฟู่ลี่กรุ๊ปทุกคนรู้ดีว่าเอาอกเอาใจเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ มีคนไปมาหาสู่อยู่บ้างทว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต ก็ไม่มีใครมาสนใจอีกเล
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงหลิวจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสู้ยิบตา จนคุณชายลู่รู้สึกเสียใจในภายหลังเขาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว ตบหน้า และสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าบอกว่าไม่ยินยอมหย่าร้าง ขอร้องให้คุณผู้หญิงหลิวให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจ เขาจึงลบข้อมูลการติดต่อของผู้หญิงทุกคนทิ้งไปจนหมด ต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิวทั้งยังเปิดเผยข่าวอื้อฉาวของนักแสดงที่เคยมาก่อเรื่องต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว และทำลายอาชีพของเธอ!นอกจากนี้ยังทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องตกงาน และถูกแบนในธุรกิจนั้นด้วยเขาเอาบ้าน และรถที่จ่ายเงินซื้อให้กับคุณหญิงลู่ กลับคืนมาทั้งหมด!บางทีคณผู้ชายลู่อาจจะแสดงเก่งจนเกินไป บางทีลูกอาจจะเล็กจนเกินไป จึงไม่อยากให้ลูกที่พอเกิดมาก็กลายเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณผู้หญิงหลิวจึงใจอ่อนเธอยอมรับคุณผู้ชายลู่ และชิงบริษัทที่อยู่ในมือของคุณชายลู่กลับคืนมาญาติพี่น้องและเพื่อนที่คุณชายลู่เอาเข้ามาก่อนหน้านี้ ถูกไล่ออกไปจนหมดเชิญพนักงานเก่ากลับเข้ามาโรงงานภายใต้การบริหารของคุณผู้หญิงลู่ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งและในครั้งนี้ คุณผู้หญิงหลิวได้บีบคุณผู้ชายลู่ให้ล
หากว่าทางจ้านเฉิงอิ้นสามารถเอาชนะการรบได้ เธอจะต้องเฉลิมฉลองให้สักครั้งอย่างแน่นอนเธอกับหลูหมิงคืนจักรยานไฟฟ้าอย่างมีความสุข และขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงฮ่าวอี้และเสี่ยวเฉิงที่เฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไป ก็ขับรถตามไปอยู่ห่าง ๆจนถึงวันนี้หวังเสี่ยวเฉิงก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ว่าเจ้านายของตนเองเป็นผู้บำเพ็ญเซียน“พี่ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม คุณหนูเย่เป็นนักศึกษาที่อายุยังน้อยแล้วก็สวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”“พี่ว่า ผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นไปขอให้เธอทดสอบหินวิญญาณให้ดีไหม ไม่แน่ผมอาจมีความสามารถในการบำเพ็ญเซียนเหมือนกันก็ได้?”ฮ่าวอี้กำลังมองคนปัญญาอ่อนที่ฝันกลางวันมาตลอดทั้งวัน “หุบปาก เย่มู่มู่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ผมรู้อยู่แล้วน่า ว่าเธอเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวเป็นคนธรรมดาเท่านั้น พี่ว่าตอนนี้เธอบรรลุถึงขั้นไหนแล้ว?”“ฝึกลมปราณ สร้างรากฐาน หรือว่าแก่นปราณทองคำ? สามารถดูดซับสายฟ้า เคลื่อนย้ายพายุฝน ขั้นต่อไปก็พลักภูเขาผลิกทะเล
แคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ หรือแม้กระทั่งแคว้นอวี่ กับแคว้นหย่งต่างก็กำลังจับจ้องกองทัพเผ่าหมาน...ทำไมงั้นหรือ?พวกเขาต่างก็ต้องการเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของแคว้นต้าฉี่เพราะความโง่เขลาและเหี้ยมโหดของฮ่องเต้น้อย ไม่แบ่งแยกถูกผิด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้านเฉิงอิ้นพวกเขาจึงต่างคิดว่าแคว้นต้าฉี่อ่อนแอข่มเหงได้ง่าย!หากในหกแคว้น แคว้นใดที่ล้มลงไวที่สุดย่อมต้องเป็นแคว้นฉี่ที่ปราศจากจ้านเฉิงอิ้นอย่างแน่นอนดังนั้น การที่เผ่าหมานแห่งม่อเป่ยบุกโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทุกแคว้นของหัวเซี่ยจึงจ้องกันตาเป็นมันหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยทำสำเร็จแคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ก็จะถอนทัพออกจากแคว้นเยี่ยนโดยทันที และยกกำลังทหารทั้งหมดไปที่แคว้นต้าฉี่ล่าสังหารราษฎรของแคว้นต้าฉี่มาเป็นเสบียงอาหารอย่างป่าเถื่อน เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งสองปีที่อันตรายที่สุดหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไรทหารเผ่าหมานที่กล้าหาญและสันทัดในการรบสองแสนคน ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็สามารถลดทอนกำลังของกองทัพตระกูลจ้านลงได้เมื่อพวกเขาบุกเข้าแคว้นต้าฉี่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นจุดจบเป็นเช่นไร พวกเขาเพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ดูไฟจา
ขอเพียงสามารถยึดครองทัพกระกูลจ้าน พวกเขาก็จะสามารถบุกเข้าเมืองหลวง และแช่งยิงแผ่นดินต้าฉี่มาได้ ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะถูกจ้านเฉิงอิ้นทำให้เสียเรื่องเขามองเข้าไปยังสนามรบ ที่ยังคงโรมรันกับกองทัพตระกูลจ้าน ทหารเผ่าหมานต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก จะให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ละทิ้งเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่เช่นนี้งั้นหรือ?ไม่มีทาง!เขายกดาบม่อเตาที่อยู่ในมือ จับจ้องไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว“ข้า ม่อเป่ยอ๋อง จะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”จ้านเฉิงถือดาบม่อเตาด้วยมือเดียว กระชับบังเหียนม้าและเดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา“หลัวซู่ เจ้าหมดหวังแล้ว เจ้าไม่อาจเอาชนะกองทัพตระกูลจ้านได้หรอก!”“ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”หลัวซู่ปักมีดลงไปในดินโคลน สายตาของเขาเย็นชา “ข้าเป็นบุรุษแห่งทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวความตาย!”“เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เหตุใดข้าจึงได้พ่ายแพ้เจ้าอย่างไร้สาระเช่นนี้ พ่ายแพ้เจ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”การศึกในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากกองทัพตระกูลจ้านของจ้านเฉิงอิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ขวัญกำลังใจ หรือว่าจำนวนคนที่ติดอาวุธ...ไม่ว่าจะ