หลังจากวันแรกของการขายปู นนท์ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินบนเส้นทางใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขาเริ่มตื่นเต้นกับความคิดที่จะจับปูให้ได้มากขึ้น ขายให้ได้เยอะขึ้น และหาเงินด้วยตัวเอง
แต่ในใจของเขายังติดอยู่กับคำพูดของ ลุงหมึก ชาวเลผู้ลึกลับ
"เจ้าจะมีโชคจากทะเล... แต่ก็จะมีอุปสรรคจากมันเช่นกัน"
นนท์ไม่รู้ว่าอุปสรรคที่ลุงหมึกพูดถึงคืออะไร แต่เขาตัดสินใจจะเดินหน้าต่อไป
พระอาทิตย์เพิ่งขึ้นจากขอบฟ้า น้ำทะเลยังนิ่งสงบ ลมพัดเย็นกว่าปกติ นนท์ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่พร้อมปู่ดำ วันนี้เขาตื่นขึ้นมาด้วยใจที่ฮึกเหิม เพราะเขามีเป้าหมาย—จับปูให้ได้มากกว่าครั้งแรก!
“วันนี้ข้าจะสอนเอ็งอีกวิธีหนึ่งในการหาปู” ปู่พูดพลางสะพายตาข่ายดักปูขึ้นบ่า
“วิธีไหนเหรอปู่?”
“ไปถึงหาดแล้วเดี๋ยวก็รู้” ปู่ยิ้มแล้วพานนท์เดินลัดเลาะไปยังบริเวณที่มีโขดหินและน้ำตื้น
ปู่ใช้ไม้เท้าชี้ไปที่แนวหินที่โผล่ขึ้นมาตามแนวชายฝั่ง “เอ็งเห็นอะไรไหม?” ปู่ถาม
นนท์เพ่งมอง ท่ามกลางซอกหินและสาหร่ายทะเล เขาเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหว
“ปู! แต่มันตัวใหญ่กว่าที่เราจับเมื่อวาน!”
ปู่พยักหน้า “นั่นแหละ ปูดำ หรือที่บางคนเรียกว่าปูหิน มันไม่เหมือนปูม้าที่เราจับกันตามชายหาด มันแข็งแรงกว่า วิ่งเร็วกว่า และหนีเก่งกว่า”
นนท์ตื่นเต้น “แล้วเราจะจับมันยังไง?”
“ต้องใช้มือเปล่า” ปู่พูดพลางถอดรองเท้าแล้วเดินไปใกล้โขดหิน
นนท์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ความคิดที่จะจับปูตัวใหญ่ด้วยมือเปล่าฟังดูน่ากลัว แต่ในใจก็อยากลอง
ปู่ใช้มือค่อย ๆ แหวกสาหร่ายออก แล้วใช้ความรวดเร็วคว้าปูตัวใหญ่ขึ้นมา มันพยายามดิ้นและใช้ก้ามหนีบ แต่ปู่จับกระดองมันไว้อย่างชำนาญ
“เห็นไหม ถ้าเอ็งรู้ว่าต้องจับตรงไหน มันจะหนีบเอ็งไม่ได้”
นนท์พยักหน้า ก่อนจะมองหาเป้าหมายของตัวเอง
และแล้ว...
เขาก็เจอปูอีกตัวหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในซอกหินใกล้ ๆ
“เอ็งต้องเร็วและมั่นใจ!” ปู่พูดเตือน
นนท์พยายามล้วงมือเข้าไปใกล้ ๆ แต่...
ฟิ้วว!
ปูดีดตัวออกจากซอกหิน วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว!
“โอ้โห! ไวจริง ๆ!” นนท์อุทาน เขาตกใจที่ปูตัวนี้ไวขนาดนี้
ปู่หัวเราะ “ปูดำมันฉลาดและแข็งแรงกว่าปูทั่วไป เอ็งต้องไวกว่ามันถึงจะจับได้”
นนท์พยายามอีกครั้ง คราวนี้เขาตั้งสติ ใช้วิธีค่อย ๆ ดักทางมัน แล้วพุ่งมือเข้าไปคว้า—
แกร๊บ!
“โอ๊ย!”
นนท์สะดุ้งสุดตัว ปูหนีบเข้าเต็มนิ้วของเขา!
ปู่หัวเราะลั่น “ข้าบอกแล้วไง! ต้องจับตรงกระดอง!”
นนท์รีบสะบัดมือ แต่ปูยังเกาะแน่น ปู่จึงช่วยแงะออกให้
แม้ว่าจะเจ็บ แต่เขากลับรู้สึกสนุกและตื่นเต้น
หลังจากฝึกจับปูอยู่พักใหญ่ นนท์ก็เริ่มจับปูดำได้สำเร็จ เขามองปูในมือ แล้วรู้สึกถึงความแตกต่างจากปูตัวเล็กที่เขาจับเมื่อวาน
ปูดำแข็งแรงกว่า ดิ้นแรงกว่า และมีชีวิตชีวากว่า
"ทำไมปูดำถึงไม่ค่อยมีขายที่ตลาดล่ะปู่?"
ปู่ยิ้ม "เพราะมันจับยากกว่าปูม้า คนเลยไม่ค่อยอยากเสียเวลา"
นนท์เงียบไป ก่อนจะพูดออกมาอย่างจริงจัง
"แล้วถ้าผมจับมันได้เยอะ ๆ ล่ะ?"
ปู่หรี่ตา "เอ็งกำลังคิดอะไรอยู่ไอ้หนู?"
นนท์มองปูในมือ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
"ผมอยากลองขายปูดำดู ผมอยากรู้ว่ามันจะขายได้ราคาดีกว่าปูม้าไหม"
ปู่มองหลานชายด้วยแววตาภูมิใจ "เอ็งเริ่มคิดได้แล้วว่ะ"
นนท์ไม่ได้เข้าใจทั้งหมด แต่เขารู้สึกได้ว่าปูดำตัวนี้แตกต่างจากปูที่เขาเคยจับมาก่อน
มันแข็งแรงกว่า มันฉลาดกว่า และมันก็อาจเป็นกุญแจที่ทำให้เขาเดินไปไกลกว่าที่คิด
เมื่อสิ่งที่เคยเล็ก... กลายเป็นระบบขนาดใหญ่หลังจากผ่านช่วงเวลาที่นนท์เรียนรู้ที่จะ “ปรับสมดุลชีวิต” ของตัวเอง (ฉากที่ 44) แม้เขาจะไม่วิ่งตามความสำเร็จแบบเดิมอีกแล้ว แต่เมื่อเขากลับมามองรอบตัว เขาพบว่า...สิ่งที่เขาสร้างไว้ทั้งหมด... มันใหญ่กว่าที่เขาเคยคิดโรงเลี้ยงปู 3 แห่งร้านอาหารในจังหวัดบ้านเกิดจุดกระจายสินค้าใน 4 จังหวัดเครือข่ายชาวประมงรุ่นใหม่ที่เข้าร่วมระบบกว่า 40 ครัวเรือนทีมงานประจำกว่า 20 ชีวิตเยาวชนที่มาฝึกงานและขอแรงบันดาลใจอีกนับไม่ถ้วนทุกระบบและทุกคน... ล้วนมี "หัวใจ" ผูกอยู่กับ "ปูเปลี่ยนชีวิต"“เราไม่ได้ดูแลแค่ปูในบ่อแล้ว...แต่เรากำลังดูแล ‘ชีวิตจริง ๆ’ ของคนอีกมากมาย”การประชุมประจำปี — ที่มีน้ำตามากกว่าตัวเลขในห้องประชุมขนาดเล็กหลังฟาร์ม นนท์นั่งตรงกลางล้อมด้วยคนในระบบ ไม่ใช่นักลงทุน ไม่ใช่ซีอีโอ แต่เป็นลุงต่าย ชาวประมงผู้เริ่มเลี้ยงปูตามแนวทางของนนท์ป้าจันทร์ แม่บ้านที่คัดปูส่งร้านมานานกว่า 3 ปีไอ้ป่อง ที่กลายเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดส่งเด็ก ๆ จากโรงเรียนที่มาฝึกงานเป็นปีที่ 2ทุกคนนั่งล้อมวง ไม่มีโต๊ะยาว ไม่มีโปรเจกเตอร์ แต่มีใจ... ที่ฟังกันด้วยความเงียบที
หลังการเสียสละครั้งใหญ่ ทุกอย่างช้าลง… แต่เบาสบายขึ้นหลังจากที่นนท์ตัดสินใจปฏิเสธการขยายแฟรนไชส์ทั่วประเทศ (ในฉากที่ 43) เขายกเลิกแผนหลายอย่าง ปล่อยบางสิ่งที่เคยถือไว้แน่น ทีมงานบางส่วนแยกย้ายไปเริ่มสิ่งใหม่ของตัวเองกิจการ “ปูเปลี่ยนชีวิต” ยังอยู่แต่เล็กลงและนิ่งขึ้น ไม่เร่งรีบเหมือนเก่า แต่ทุกคนในทีม... ยิ้มได้ง่ายขึ้นเปลี่ยนเวลาเร่งด่วน เป็นเวลาใส่ใจก่อนปรับหลังปรับประชุม 5 รอบ/วันประชุม 2 รอบสำคัญเท่านั้นวิ่งตามออเดอร์คัดลูกค้าเฉพาะรายที่ “เห็นคุณค่า”จัดการบัญชีเองทุกคืนแบ่งงานให้ทีม + ตรวจสรุปรายสัปดาห์ไม่ได้กินข้าวกับแม่เลยมีวันละ 1 มื้อที่ “ต้องกินข้าวพร้อมแม่”ไม่มีเวลาอยู่กับตัวเองจัด “เวลานิ่ง” ทุกเช้า-เย็นตารางชีวิตของนนท์ถูกปรับใหม่หมด“ระบบ” ที่ดีขึ้น เพราะไม่พยายามทำทุกอย่างเองนนท์เริ่มนำแนวคิด “ช้าแต่ชัด” มาใช้กับธุรกิจ เขาย้ำกับทีมว่า“เราไม่ใช่คนขายปูที่เร็วที่สุด แต่เราจะเป็นคนขายปูที่ ‘เข้าใจตัวเอง’ มากที่สุด”เขาให้สิทธิ์ทีมตัดสินใจแทนในหลายเรื่อง ไม่กังวลว่าจะผิดเพราะเขารู้ว่า...“ถ้าเราทำให้ทีมมีชีวิตที่ดี พวกเขาจะช่วยดูแลแบรนด์ให้เหมือนชีวิตของตัว
เมื่อทุกอย่างเริ่มเดินได้ แต่หัวใจเริ่มแบกไม่ไหวหลังจากการสูญเสียปู่ (ฉากที่ 42) แม้แบรนด์ “ปูเปลี่ยนชีวิต” จะยังดำเนินต่อ ลูกค้าใหม่ยังเข้ามา ทีมงานยังทำงานเต็มที่ยอดขายยังดี สาขาเริ่มกระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆแต่… ภายในใจนนท์กลับรู้สึกว่า“เรากำลังเหนื่อยกับสิ่งที่เรารัก... จนเริ่มไม่รักมันแล้ว”เขารู้สึกว่าเขาแทบไม่มีเวลาให้กับแม่เลยเขาไม่ได้ดูแลบ่อปูด้วยตัวเองเหมือนเมื่อก่อนเขาไม่ได้คุยเล่นกับเด็ก ๆ ที่เคยสอนจับปูเขาไม่ได้ “ยิ้ม” กับสิ่งที่เขาทำเหมือนเดิมมันเหมือนทุกอย่าง "โตขึ้น" แต่เขา... “ค่อย ๆ หายไปจากความตั้งใจแรก”จุดเปลี่ยน: คำถามจากเด็กชายคนหนึ่งวันหนึ่ง เด็กชายคนหนึ่งที่เคยมาเยี่ยมฟาร์มเดินเข้ามาหานนท์ขณะที่เขากำลังเดินตรวจบ่อ"พี่นนท์ครับ… ถ้าหนูอยากโตขึ้นเป็นเหมือนพี่ ต้องเริ่มยังไง?"นนท์ยิ้มแล้วตอบแบบเดิม"เริ่มจากปูตัวเดียว แล้วตั้งใจจริง ๆ กับมัน"แต่เด็กชายกลับถามต่อ…"แล้วตอนพี่เหนื่อย พี่มีใครให้คุยด้วยไหมครับ?"คำถามนั้นแทงทะลุใจเพราะตอนนี้ เขาแทบไม่มีเวลาคุยกับตัวเองด้วยซ้ำจุดตัดสินใจ: ข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธช่วงเวลานั้นเอง เขาได้รับข้อเสนอจากกลุ่มนักลง
เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน — และไม่มีใครเตรียมใจทันหลังจากช่วงเวลายุ่งวุ่นวายกับการขยายธุรกิจ นนท์ก็แทบไม่มีเวลาอยู่บ้าน แม้จะพยายามกลับมาใกล้ครอบครัวมากขึ้น (ฉากที่ 41) แต่ด้วยภาระ ความคาดหวัง และความสำเร็จที่โตแบบไม่หยุด เขาก็ยัง “พลาดบางช่วงเวลาสำคัญไปอยู่ดี”วันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังเซ็นเอกสารร่วมทุนกับพันธมิตรจากต่างจังหวัด พี่ตั้มก็เดินเข้ามา หน้าซีด และพูดเพียงเบา ๆ“ปู่เข้าโรงพยาบาล…”โรงพยาบาลเล็ก ๆ ริมจังหวัด — เตียงเงียบ ๆ กับเสียงหัวใจที่เต้นแผ่วนนท์รีบวิ่งเข้าไปหา ในสายตาเห็นปู่นอนนิ่ง มีสายน้ำเกลืออยู่เต็มแขน คุณหมอแจ้งว่า…“คุณปู่หัวใจอ่อนล้ามานาน และมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด เราพยายามเต็มที่แล้ว แต่ร่างกายท่านตอบสนองช้ากว่าที่คาดไว้มาก”เขานั่งลงข้างเตียง จับมือปู่ที่เย็นลงกว่าเดิม ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่น“ขอโทษนะครับปู่... ผมมัวแต่ทำงาน จนไม่ได้มาเยี่ยมปู่เลยช่วงนี้…”ปู่ไม่ตอบ แต่ลืมตามองเขาเล็กน้อย และยิ้มเบา ๆคำพูดสุดท้าย... ที่เป็นเหมือนบทสรุปของทั้งชีวิตนนท์โน้มหน้าลง น้ำตาไหลข้างแก้ม ก่อนที่ปู่จะเอ่ยกระซิบเบา ๆ ว่า“เงินซื้อปูได้เป็นร้อยกิโล แต่ซื้อ ‘เวลา’ กินข้าว
ตารางที่แน่นทุกช่อง… แต่ช่องในใจกำลังว่างเปล่าหลังจากการขยายแบรนด์ การเปิดร้านอาหาร การรับมือกับคู่แข่ง ตารางชีวิตของนนท์ก็แน่นเอี๊ยดทุกวัน06:00 น. ตื่นเช้าตรวจบ่อปู08:00 น. ประชุมกับทีม10:00 น. ถ่ายทำคลิปโปรโมต12:00 น. รับลูกค้ากลุ่มศึกษาดูงาน14:00 น. ประชุมสาขา17:00 น. เช็กคุณภาพวัตถุดิบ20:00 น. ตอบลูกค้าในเพจ23:00 น. ยังไม่ได้นอนเขาเริ่มเหนื่อยล้าแบบไม่รู้ตัว แต่ที่หนักกว่าก็คือ... เขากำลัง "ลืม" ว่าใครอยู่ใกล้ที่สุดคำพูดสั้น ๆ จากแม่ — แรงที่สุดในรอบปีคืนหนึ่งนนท์กลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน แสงไฟในครัวยังเปิดอยู่ แม่ยังนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร… กับจานข้าวเย็น ๆ หนึ่งจานแม่เงยหน้าขึ้น เห็นลูกชายเดินผ่านโดยไม่มองก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า“ถ้าลูกยังมีเวลาให้คนทั้งประเทศ…แม่ขอแค่วันหนึ่ง หนูมีเวลาให้แม่บ้างได้ไหม?”นนท์หยุดนิ่ง เหมือนโลกหยุดหมุน หันกลับมาช้า ๆ แล้วเห็นแม่มีน้ำตาคลอในตาแม่ยิ้ม “ไม่เป็นไรนะลูก แม่เข้าใจ… แม่แค่คิดถึง”ห้องนอนที่ไม่ได้ใช้ — หัวใจที่ไม่ได้พักคืนนั้นนนท์เข้าไปในห้องนอนที่เขาเคยใช้ เขาพบว่าสิ่งของเดิมยังอยู่ครบแต่มีฝุ่นบาง ๆ เกาะที่ขอบโต๊ะ"นานแค่ไหนแล้ว…
ข่าวลือที่เริ่มแทรกเข้ามาในช่วงที่ร้าน “ปูเปลี่ยนชีวิต” เริ่มมีชื่อเสียง มีลูกค้าแวะมาถ่ายรูป ลงรีวิว และแชร์ในโลกออนไลน์ เพจเริ่มมียอดติดตามหลักแสน มีการนำชื่อร้านไปพูดถึงในคลาสเรียนวิชาการตลาดของมหาวิทยาลัยแต่แล้ว…ก็มีเสียงแปลก ๆ เริ่มแว่วเข้ามาในวงในของอุตสาหกรรมอาหารทะเล“ช่วงนี้มีแบรนด์ใหม่กำลังมาแรงนะ ใช้แนวคิดคล้ายๆ กับปูเปลี่ยนชีวิตเลย”“เขาเอาปูจากทะเลอันดามันมาแพ็คใหม่ ใส่แบรนด์เหมือนกันเลย แต่ออกแบบหรูหรากว่า ชื่อแบรนด์ว่า Blue Crab Revival เปิดตัวเร็วมาก และมีเงินทุนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง”เมื่อข้อมูลเริ่มชัดเจน — และคู่แข่งเริ่มบุกตลาดเดียวกันพี่ตั้มเปิดโน้ตบุ๊กให้นนท์ดูหน้าเว็บไซต์ของ “Blue Crab Revival” ที่ถูกออกแบบอย่างมืออาชีพโลโก้เป็นภาพปูเรืองแสงใช้คอนเซปต์ “ชีวิตคนเปลี่ยนได้ด้วยปู”มีคลิปวิดีโอเลี้ยงปูในระบบปิด (สวยงามแต่แสดงไม่หมด)การจัดส่งใช้บริการระดับพรีเมียมและที่สำคัญ...“เขาใช้คำว่า 'From Hope to Plate' — แนวเดียวกับ ‘สดจากใจ เปลี่ยนได้ทุกชีวิต’ ของเราเลยพี่”และพบว่าเจ้าของคือ... “คนที่เคยติดต่อมาขอลงทุน”พี่ตั้มค้นข้อมูลเจ้าของบริษัทพบว่า “Blue Crab