“คือ… คืนนั้นมาร์มาหาพี่เหรอ”
“ใช่ค่ะ มาร์ไปที่คอนโดฯ ของพี่”
“คือ… คืนนั้นพี่เมามากอะมาร์ พี่เสียใจที่วันครบรอบของเรามาร์ไม่มาหาพี่ ไม่คิดว่าพี่เมาอยู่ที่คอนโดฯ ดี ๆ ยัยนั่นก็มาหาพี่ที่ห้องเอง พี่คิดว่าเป็นมาร์… เอ่อ พี่ก็เลย” อนิรุตสรรหาข้ออ้างเพื่อแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ
“อ้อ… แล้วใครน้าที่พูดว่า ยัยแว่นนั่นนะเหรอ ผมเอาไม่ลงหรอก โคตรจืดชืดแถมยังเชยเป็นคุณป้า ผมก็แค่หมั้นไว้ตามคำสั่งคุณพ่อคุณแม่ เพราะถ้าผมไม่ยอมหมั้นกับยัยนั่น เขาจะไม่ยกสมบัติให้ผม เลยต้องยอมเล่นละครตามน้ำเท่านั้นเอง” มารีอาถอดคำพูดที่ได้ยินจากอนิรุตพูดออกมาไม่ผิดเพี้ยน
“เอ่อ… คือพี่แค่เมาอะมาร์ พี่ก็แค่พูดไปเรื่อย”
“แต่มาร์ไม่ได้เมาค่ะ ที่มาร์กำลังพูดตอนนี้ มาร์พูดด้วยสติร้อยเปอร์เซ็น มาร์จะขอถอนหมั้นค่ะ” มารีอายังคงยืนกรานเสียงแข็ง
“แต่พี่ไม่ยอม พี่รักมาร์นะครับ” อนิรุตยังคงดื้อแพ่ง ขืนถ้าถอนหมั้นกับเธอพ่อแม่คงจะเอาเขาตายแน่
“งั้นก็ต้องคุยกันด้วยหลักฐานค่ะ มาร์มีคลิปที่พี่นอกใจ แล้วมาร์ก็จะเอาไปให้คุณพ่อคุณแม่ของพี่ดู” มารีอาแกล้งขู่ จริง ๆ แล้วตอนนั้นเธอตกใจมาก จนไม่ทันได้ตั้งสติยกมือถือมาถ่ายด้วยซ้ำ
“อย่า อย่า อย่าทำแบบนั้นนะมาร์”
“ทำไมจะทำไม่ได้ค่ะ”
“ถ้าพ่อแม่พี่รู้ว่าพี่ทำผิดต่อมาร์ เขายกสมบัติให้น้องชายพี่หมดแน่”
“มาร์คิดแล้วไม่มีผิด สุดท้ายพี่ก็ห่วงแต่สมบัติ แล้วไงคะ จะยอมถอนหมั้นกันดี ๆ หรือจะให้มาร์เอาเรื่องที่พี่นอกใจมาร์ไปบอกคุณพ่อคุณแม่ของพี่ก่อนแล้วค่อยถอนหมั้น” มารีอามองเขาด้วยสายตาที่เหมือนว่าถือไพ่เหนือกว่า
“งั้นก็ได้มาร์” อนิรุตเสียงจ๋อย แค่โดนมาร์ถอนหมั้นเขาก็แย่แล้ว ถ้ามาร์ยิ่งเอาหลักฐานไปยืนยันยิ่งแย่ใหญ่
“แล้วมาร์จะให้เหตุผลกับที่บ้านพี่ยังไง”
“ไม่ยังไงค่ะ ถ้าพี่ยอมถอนหมั้นกันดี ๆ มาร์ก็แค่บอกที่บ้านพี่ว่าเราเข้ากันไม่ได้แค่นั้นเอง”
“แล้วของหมั้น”
“ก็เอาคืนไปให้หมดเลยค่ะ เพราะมาร์ไม่อยากได้อะไร”
“แล้วแหวน” อนิรุตรีบถามหา เพราะแหวนวงนี้มันค่อนข้างสำคัญมาก เป็นแหวนเพชรเก่าแก่ที่แม่ของเขารักมาก แต่ก็ยอมยกให้มารีอา เขาจับมือเธอขึ้นมา พบว่าเธอไม่ได้สวมใส่มันที่นิ้วเหมือนเคยแล้ว
“เอ่อ... มาร์ มาร์ถอดเก็บไว้ที่บ้าน วันที่มาร์เข้าไปพบคุณพ่อคุณแม่พี่เรื่องถอนหมั้น วันนั้นมาร์จะเอาไปคืน” คราวนี้เป็นมารีอาเองที่อึกอัก อันที่จริงของหมั้นตามกฎหมายถ้าพบว่าคู่หมั้นทำผิดหรือนอกใจ เธอสามารถริบของหมั้นทั้งหมดมาได้เลย แต่สำหรับมารีอาเธอไม่เคยอยากได้ของพรรค์นั้น
~แต่... เธอจะไปหาแหวนที่ไหนไปคืนเพื่อถอนหมั้นอีตานี่~
“ไม่รีบเข้าทำงานกันหรือครับ”
เสียงทุ้มนุ่มแต่แฝงไปด้วยความเย็นชาเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง ทำให้มารีอาสะดุ้ง เธอรีบยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู พบว่าเลยเวลาเข้างานไปมาก เพราะเธอมัวแต่เคลียร์ปัญหากับอนิรุตจนลืมเวลาเข้างานเสียสนิท
และเวลาแบบนี้จะเจอใครไม่เจอ ดันมาเจออีตาประธานขี้เก๊กคนนี้อีกแล้ว
“ขอโทษค่ะ กำลังจะไปค่ะ” มารีอารีบก้มหน้า ก่อนจะหันไปไล่อนิรุตให้รีบกลับ
เมื่อลิฟต์ถูกเปิดขึ้นตรงหน้า ประธานลี่คุนเดินก้าวเข้าไป แต่เขายังคงกดลิฟต์รอมารีอาที่ยังยืนนิ่งไม่กล้าก้าวเข้ามาพร้อมเขา
“ไม่ทำงาน ?” เขาเลิกคิ้วมองพร้อมตั้งคำถามเมื่อเห็นมารีอายังยืนนิ่ง
“ทำค่ะทำ ขอโทษนะคะ” มารีอารีบก้มหน้าก้มตาก้าวเข้าไปตาม แม้จะรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ต้องมาอยู่ในลิฟต์ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้
ลี่คุนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงสายตามองไปที่ตัวเลขที่กำลังไต่ระดับชั้นขึ้นไปเรื่อย ๆ ส่วนมารีอาไม่ต้องพูดถึงเธอเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจเสียงดัง
พรึ่บบ
ว้ายยย
อยู่ดี ๆ ลิฟต์ในส่วนของลานจอดรถก็มืดสนิท จนมารีอาร้องลั่น ร่างกายขยับไปหาลี่คุนโดยอัตโนมัติ
ในความมืดแบบนี้ กลิ่นหอมเฉพาะตัวจากเขาและเธอแบบนี้
~ทำไมคุ้นๆ~
“ไฟที่ตึกคงมีปัญหา” เขาพูดขึ้นในความมืด สัมผัสได้ถึงคนตัวเล็กที่กำลังกอดอยู่ที่เอวของเขาด้วยความกลัว
“กลัวความมืดเหรอ”
“ปะ เปล่าค่ะ ไม่ได้กลัว” มารีอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุุกตะกัก แต่ค่อนข้างคุ้นหู
“หึ กอดผมแน่นขนาดนี้ ไม่กลัว”
“หา เอ่อ… คือ” มารีอารีบผละสองมือออกจากเอวของท่านประธานด้วยความตกใจ ก่อนจะผวาเข้าไปกอดอีกครั้ง เมื่อลิฟต์เหมือนสั่นไหวอีกรอบ
“ว้ายยยย”
“หึ ไม่กลัวเลย” ลี่คุนอดรู้สึกขำกับท่าทีตัวสั่นเป็นลูกนกของเธอไม่ได้ ในความมืดแบบนี้เขารู้ว่าเธอคงกลัวมาก ก่อนจะเอื้อมมือไปตบบ่าเธอเบา ๆ แบบปลอบใจ
ลิฟต์สั่นไหวอีกครั้ง เหมือนไฟกำลังจะมาทำให้มีอาการกระตุก จังหวะที่ไม่ทันตั้งตัวของคนทั้งคู่ ร่างของลี่คุนจึงเซไปกระแทกมารีอาจนเกือบล้ม
แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่า ในความมืดนั้น
ปากของคนทั้งคู่สัมผัสไปโดนกันราวกับจูบ
พรึ่บบบ
ไฟในลิฟต์ติดสว่าง
มารีอาตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ที่ใบหน้าลี่คุนอยู่ใกล้ชิดเธอไม่ถึงเซนติเมตร แถมปากของเขากับของเธอ
ยัง…
“อะ ขะ ขอโทษ มันเป็นอุบัติเหตุ” ลี่คุนรีบทรงตัวให้ยืนขึ้นในท่าปกติ พร้อม ๆ จับเสื้อสูทของตัวเองเข้าที่
ทันทีที่ลิฟต์เคลื่อนไปปกติเมื่อถึงชั้น เขารีบก้าวขาออกไปทันทีโดยไม่ได้หันมามองมารีอาที่ยังยืนเอ๋ออยู่กับที่ด้วยความมึนงง
~วันบ้าอะไรของเธอเนี่ย~
ทุกคนรัวถามเธอชนิดพูดเออตอบเอง แอนนี่ได้เพียงแต่พูดอ้าปากค้างเพราะพูดอะไรไม่ทัน ก่อนทุกคนจะเห็นท่านประธานลี่หานเดินมาที่แผนก ทำให้ทุกคนต้องหยุดคุยกันแล้วรีบก้มหน้าคำนับท่าน แต่เขากลับมาหยุดยืนตรงที่แอนนี่ยืนอยู่“เก็บของเสร็จหมดหรือยัง”“เสร็จแล้วค่ะ ของแอนนี่มีไม่เยอะ”“นี่กาแฟของโปรดเรา พี่ให้คนลงไปสั่งมาให้” เขาพูดพลางส่งแก้วน้ำในมือมาให้ นี่แค่ได้ยินเธอคุยกับมารีอาว่าอยากกินเฉย ๆ ก็รีบหามาให้ เล่นเอาใจกันเสียขนาดนี้ ไม่หลงก็แย่แล้ว“แล้วไม่รอแอนนี่ลงไปสั่งเองล่ะคะ ถือมาให้ถึงที่นี่ทำไม”“ก็เห็นเมื่อกี้บอกว่าอยากกินไม่ใช่เหรอ พี่กลัวน้ำแข็งมันละลายเลยรีบเดินเอามาให้”“ไม่เห็นพี่หานต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่คะ” แอนนี่ยิ้มเขิน“ไหนของมีอะไรบ้าง มีอะไรให้พี่ช่วยถือไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง”“อืม งั้นเดี๋ยวพี่ให้ผู้ช่วยยกของเราเอาไปไว้ที่รถดีกว่า”“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”เธอส่งยิ้มให้เขาในขณะที่เขาก็ยิ้มอ่อนโยนกลับมาที่เธอ ภาพที่ทุกคนมองเห็นประหนึ่งว่ามีไฟสปอตไลต์ฉายส่องลงมาที่คนทั้งคู่แล้วพวกเธอและเขาเหล่านั้นเป็นตัวประกอบ~อย่าบอกนะว่า~ ทุกคนเริ่มส่งสายตามองหน้ากันไปมาเลิ่กลั่ก“ขอบคุณทุก
ผู้จัดการจินพูดรัวมาก รัวจนทุกคนเงียบสนิท เพราะพูดแทรกไม่ทัน ในขณะที่ผู้จัดการจินก็ไม่ได้สนใจยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาป้อย ๆ ตอนมารีอาอยู่กลับไม่เคยทำดีต่อเธอ พอไม่มีเธอขึ้นมา ก็นะ… เลยรู้ซึ้งถึงคุณค่าสิ้นเสียงของผู้จัดการจิน ตามด้วยเสียงเริ่มฮือฮาเพราะเริ่มคล้อยตามเพราะรู้สึกสงสารมารีอาขึ้นมาแต่ทว่า จู่ ๆ ผู้หญิงสวยคนนั้นกลับผละแขนจากลี่คุน แล้วเดินเข้ามาสวมกอดผู้จัดการจิน ท่ามกลางความตะลึงของทุกคน“มาร์ก็คิดถึงผู้จัดการจินนะคะ”~เอ๊ะ ! เสียงคุ้น ๆ~ผู้จัดการรีบเช็ดน้ำตา ในขณะที่มารีอาขยับตัวออกจากอ้อมกอด ผู้จัดการจินเริ่มเพ่งมองใบหน้าของมารีอาอย่างชัด ๆ“มาร์ มารีอา นี่ นี่ คือมารีอาจริง ๆ เหรอ”“ว่าไงครับ จะลาออกอีกไหม ?” ลี่คุนถามย้ำอีกรอบด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ“คะ คือ คือว่า… โอยจะเป็นลม” ...ในขณะที่ฝ่ายการตลาด ไม่รู้ว่าที่ข้างล่างเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เพราะพนักงานบางส่วนโดยเฉพาะที่ตำแหน่งต่ำลงมาก็ไม่ได้ลงไปต้อนรับทั้งหมดเนื่องจากต้องจำกัดพื้นที่“เฮ้อ คิดถึงยัยแอนจังเมื่อไหร่จะกลับมาน้า” เจ้อาร์ตบ่นพึมพำในขณะที่คนน้ำแข็งในแก้วกาแฟคาปูชิโน่เย็นที่ถืออยู่ในมือไปมา ยิ่งเป็นเครื่องดื่มกาแฟ
แต่อย่างน้อย วันนี้ก็ไม่มีแล้ว …มารีอาสาวพนักงานบัญชีที่ใส่แว่นหนา ๆ หน้าจืด ๆ คนที่ขี้เกียจแต่งหน้าแล้วใช้คำว่างานเยอะเอาแต่เฝ้าอยู่หน้าคอม คนเฉิ่ม ๆ ที่สวมเสื้อตัวโคร่ง ๆ ชอบทาแค่แป้งฝุ่นกับลิปมันมาทำงาน ตอนนี้เธออยู่กับเจ้าแม่สายแซ่บอย่างแอนนี่ เลยถูกจัดการแปลงโฉมเพื่อนเบา ๆ ด้วยการแต่งหน้าอ่อน ๆ รับกับใส่คอนแทกต์เลนส์สีน้ำตาลเข้ม ผมที่เคยมัดเรียบจนตึงเป๊ะ ถูกปล่อยมันออกมาให้เห็นความเงางามจนเหมือนเธอเป็นเคลือบมาอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งผมดำเงาของเธอในตอนนี้ตัดกับสีผิวขาว ๆ ของมารีอา ดูผ่าน ๆ แบบไม่สังเกตดี ๆ ราวกับคนละคนกับสาวแว่นคนนั้นอย่างลิบลับแต่กลับกัน สาวแสบอย่างแอนนี่ที่ชอบใส่กระโปรงสั้นแค่คืบ หรือถ้ามีตรงไหนพอจะโชว์ได้เธอจะต้องใส่วับแวม ๆ อยู่เสมอ กลับโดนว่าที่เจ้าบ่าวหวงจนเธอต้องเปลี่ยนมาแต่งตัวมิดชิดขึ้น อย่างชุดรัดรูปเซ็กซี่ ๆ โดนเขาสั่งเองให้เอาไปเก็บหมด แต่ถ้าเธออยากจะใส่ก็ได้นะ แค่แลกกับคำขู่พร้อมการกระทำจากลี่หานที่ว่า...ถ้าแต่งตัวเซ็กซี่ออกจากบ้านเมื่อไหร่… จะโดนเขาจับถอด ! ช่วยไม่ได้ พอเห็นเมียตัวเองแต่งตัวเซ็กซี่แล้วมันเกิดอารมณ์ เลยต้องขอจัดการเธอก่อนเบา ๆ เล่นเอาแ
ข่าวลือเรื่องบริษัทใหญ่ระดับเอเชียอย่าง Lee Group ว่าสองพี่น้องตระกูลลี่จะมีการจัดแต่งงานเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ติดก็แค่… ทางสองพี่น้องตระกูลลี่ ต้องเดินทางกลับมาสู่ขอคนรักของพวกเขาที่เมืองไทยอย่างเป็นทางการก่อน จึงค่อยประกาศกำหนดวันแต่งงานให้ทราบโดยทั่วกันสำหรับเมืองไทย พนักงานหลาย ๆ คนทราบว่าประธานหนุ่มหล่ออย่างลี่คุนเป็นที่แน่ชัดอยู่แล้วว่าเจ้าสาวคือมารีอา พนักงานสาวบัญชีจอมเฉิ่ม กระนั้นหลายคนก็ยังคงจดจำภาพมารีอาสาวแว่นคนนั้นอยู่ดี หรือต่อให้บางคนที่เคยเห็นตอนเวลาทั้งคู่ออกเดตหรือตอนไปฝากท้อง ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงสวย ๆ คนคนนั้นคือมารีอาและแน่นอนข่าวลือก็คือข่าวลือ มักจะโดนแต่งแต้มจนเกินความเป็นจริงเสมอ โดยเฉพาะสาวออฟฟิศอย่างเรา ๆ เพราะต่อให้เรื่องมีความจริงแค่หนึ่งเดียว แต่พวกเราก็มีความพิเศษสามารถพูดต่อ ๆ กันจนคนสุดท้ายที่ได้ยิน สรุปเป็นตัวเลขที่ร้อยได้… พวกเราเก่ง ^ ^และก็ตามข่าวที่ลือกันสุดฮิตในตอนนี้ คือเรื่องที่ประธานลี่คบซ้อน ! และที่ประธานลี่เลือกมารีอาแต่งงานด้วยเพราะว่าเธอพลาดท้องแค่นั้นเอง ส่วนผู้หญิงสวย ๆ อีกคน ที่หลายคนเคยเห็นก็เป็นแค่คู่ขาผู้จัดการจินเองก็ไม่ต่
เพียงครู่ก็มีเสียงดนตรีบรรเลงมาจากด้านหลังของเรือยอชต์“อะ เสียงอะไรน่ะ” มารีอาหันขวับไปตามต้นเสียง เพราะอยู่ ๆ ก็มีเสียงไวโอลินบรรเลงดังขึ้นมา แถมอยู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนแต่งกายด้วยชุดสูทเต็มยศ แต่กลับพากันยกกระถางดอกไม้เป็นพุ่ม ๆ มาวางตกแต่งบริเวณรอบ ๆ ด้านหน้าของเรือที่พวกเธอนั่งอยู่ จนสองสาวลุกขึ้นยืนแบบงง ๆ“อะไรอะแก” แอนนี่หันไปมองหน้ามารีอาด้วยความแปลกใจ ก่อนที่สองสาวจะหันรีหันขวางไปตามเสียงเพลงด้วยสีหน้าประหลาดใจ ไม่ช้า นักสีไวไอลินก็เดินบรรเลงออกมา พร้อมกับลี่หานและลี่คุนที่เปลี่ยนเป็นชุดสูทเรียบร้อย พาเดินออกมาพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่แอนนี่กับมารีอาถึงกับนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนที่แอนนี่จะคลี่ยิ้มออกมา เธอมองสบตากับลี่หานที่ส่งยิ้มมาให้เธอด้วยสายตาแวววาวส่วนมารีอาไม่ต้องพูดถึง แค่เห็นลี่คุนที่เดินออกมาพร้อมช่อดอกไม้ช่อใหญ่ เธอถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง ดวงตาคู่ใสมีน้ำตาซึมเอ่อออกมาด้วยความตื้นตันสองหนุ่มยื่นช่อดอกไม้ให้พวกเธอรับไว้ ก่อนจะนั่งคุกเข่าตรงหน้า พร้อมยื่นกล่องแหวนเพชรให้กับสองสาว“แต่งงานกันนะครับ” สองพี่น้องตระกูลลี่เอ่ยขึ้นแทบจะพร้อม ๆ กัน แม้อะไร ๆ สำหรับพวกเขาแล
“นั่นสิเนอะ ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อ จากผู้ชายที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะเอื้อมถึง กลับมาเป็นคนที่ใกล้ตัวที่สุด แต่ก็นะเรื่องทั้งหมดก็เริ่มมาจากแกนั่นแหละแอนนี่ ถ้าวันนั้นแกไม่จับฉันแปลงโฉมจนไปเจอลี่คุน วันนี้ฉันกับเขาอาจจะแค่เดินสวนทางกันธรรมดา ๆ ในฐานะเจ้านายกับลูกน้องก็ได้”“แหมแก ก็ว่าไป ไม่หรอก… ระหว่างแกกับท่านประธานมันเป็นเรื่องของพรหมลิขิตต่างหากล่ะ ที่ทำให้แกกับประธานลี่ได้รักกัน”“ใช่เหรอ แต่ส่วนนึงก็มาจากแกนะ อืมแต่ก็นะ บางทีโชคชะตาหรือพรหมลิขิตอาจทำให้ฉันกับเขาได้รักกันจริง ๆ ก็ได้ แต่… ของแกไม่ใช่นะแอนนี่ แกกับพี่หานเป็นความตั้งใจล้วน ๆ ไม่ใช่พรหมลิขิต” มารีอายิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องที่รู้มาจากลี่คุน“บ้าน่า… ถ้าไม่ใช่พรหมลิขิต แล้วจะเป็นความตั้งใจได้ยังไง”“ก็ตอนแรก ฉันก็นึกว่าเป็นเพราะว่าลี่คุนกับฉันอยากจับคู่ให้แกกับพี่หาน เขาถึงยอมแต่งกับแก ที่ไหนได้ มาตอนหลังถึงรู้ว่าเพราะพี่หานเขาแอบปิ๊งแกจากรูปในไอจีก่อนต่างหากล่ะ ไม่งั้นคนอย่างพี่หานจะยอมตกลงไปเมืองไทยทำไม”“ชิ ทำมาพูดไป” แอนนี่ยิ้มเขิน ถึงลี่หานเองก็เคยบอกว่าแอบชอบเธอจากไอจี “เอาจริงนะยัยมาร์ ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไรว