พิมทำหน้าที่ส่งอาหารเช้าให้เตชินตามปกติ และร่วมทานมื้อเที่ยงตามข้อตกลงในสัญญา
เธอเข้าออกบริษัทบ่อยจนพนักงงานต้อนรับ เริ่มจำเธอได้และต้อนรับเธออย่างดี แต่ก็ไม่วายที่จะหลุดรอดจากคำซุบซิบนินทาของพนักงานในบริษัท พนักงานจับกลุ่มซุบซิบกัน " นี่ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าท่านประธานจะเปลี่ยนรสนิยมหันมาควงสาวน้อยหน้าใสแล้ว " อีกคนก็เอ่ยขึ้นบ้าง " ฉันได้ยินทางฝ่ายต้อนรับเขาเม้าท์กันว่า เธอมาส่งข้าวเช้าให้ท่านประธานทุกวันเลย บางวันก็มาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน " อีกคนดูตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยินแล้วเอ่ย " จริงเหรอ แสดงว่าคนนี้ต้องเป็นคนโปรดของท่านประธานที่ท่านประธานปลื้มมากแน่ๆเลย " อีกคนก็อยากร่วมสนทนาด้วยจึงเอ่ย " ฉันได้ข่าวมาว่า หลายวันก่อนที่เธอไม่มาทานข้าวด้วย ท่านประธานถึงกับต้องออกไปง้อเลย " พนักงานสาวอีกคนก็เอ่ย " แล้วแบบนี้ถ้ารองประธานรู้ จะรู้สึกยังไง พูดก็พูดเถอะ ในฐานะผู้หญิงด้วยกันไม่ใช่ว่าฉันจะมองไม่ออกนะว่า รองประธานดูมีความรู้สึกพิเศษต่อท่านประธาน " อีกคนก็เอ่ยเสริมว่า " นั่นสิ รองประธานอยู่เคียงข้างท่านมาธานมาตลอด แต่เสียดายที่ท่านประธานกลับไม่เห็นเธอเป็นผู้หญิงทั่วไป " พนักงานสาวอีกคนจึงพูดขึ้นว่า " หุยเธอ เรื่องแบบนี้นะ มันบังคับกันไม่ได้หรอก จริงมั้ย " พนักงานสาวที่เริ่มเปิดประเด็น ก็แสดงออกว่าเห็นด้วยจึงเอ่ย " มันก็จริงแหละ ช่างเหอะๆ แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว รองประธานกำลังเดินมาทางนี้ " แล้วทุกคนก็สลายวงกลับไปนั่งที่ทำงานของตัวเองต่อ ณัชชารู้สึกว่าพนักงานดูผิดปกติไป เมื่อกี้ตอนเธอเดินเข้ามายังเห็นพวกเขาพูดคุยกันอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเงียบผิดปกติ เธอจึงชี้ไปที่พนักงานสาวคนหนึ่งที่ดูซื่อกว่าคนอื่นแล้วเอ่ย " คุณตามฉันเข้ามาในห้อง " พนักสาวที่ถูกชี้ก็ตกใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เอ่ยว่า " ค่ะ " แล้วเธอก็เดินตามณัชชาไป เมื่อเข้าไปในห้องรองประธาน เธอยืนก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น ยิ่งทำให้ณัชชาเกิดความสนใจมากขึ้น ณัชชายกยิ้มมุมปากแล้วจิกด้วยสายตาคมกริบ ถามพนักงานออกไปว่า " เมื่อกี้พวกเขาคุยอะไรกัน " พนักงานสาวก้มหน้าเอ่ยตอบไปว่า " ไม่ทราบค่ะ เมื่อกี้ไม่ทันได้สนใจ " ณัชชาเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น " งั้นเหรอ สงสัยคุณยังไม่รู้ ว่าพนักงานพูดปด ไม่ซื่อสัตว์ต่อเจ้านาย จะถูกไล่ออก ฉันว่าคุณเข้าข่ายข้อนี้นะ " พนักงานสาวเอ่ยด้วยสีหน้ากังวลด้วยท่าทางลนลาน " รองประธาน โปรดยกโทษให้ด้วยค่ะ ฉันไม่รู้จริงๆว่าพวกเธอพูดเรื่องอะไร " เมื่อขู่ไม่ได้ผล ณัชชาเอ็นหลังพิงเก้าอี้แล้วเอามือกอดอก ไขว้เท้าขึ้นมา แล้วเอ่ย " สิ้นเดือนคุณเก็บของแล้วออกไปจากบริษัทซะ " พนักงานสาวได้ยินดังนั้นก็ถึงกับคุกเข่าลงทันที แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น " ฉันพูดแล้ว รองประธานอย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ กว่าจะได้เข้ามาทำงานในบริษัทนี้ไม่ง่ายเลย ฉันยังต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูครอบครัวอีกหลายชีวิต โปรดเมตตาด้วยค่ะ " ณัชชาเอ่ยขึ้นอย่างเย่อหยิ่งด้วยสีหน้านิ่งเฉย " พูดมา " พนักงานสาวจำใจเอ่ยออกมาเล่าทุกอย่างที่ได้ยิน " พวกเขาคุยกันว่า ท่านประธานควงผู้หญิงคนใหม่ ผู้หญิงคนใหม่มาส่งข้าวส่งน้ำให้ท่านประธาน และร่วมทานมื้อเที่ยงกับท่านประธานบ่อยจนพนักงานเริ่มจำหน้าเธอได้ค่ะ พวกเขายังพูดอีกว่าเธอเป็นคนโปรดที่ท่านประธานปลื้มมากค่ะ " ได้ยินดังนั้นแววตาณัชชากลายเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที แต่ต่อหน้าพนักงานเธอก็แสร้งทำตัวเป็นปกติ สีหน้ายังคงเรียบเฉย มีเพียงแววตาที่เปลี่ยนไป หากไม่สังเกตจะไม่มีทางรู้เลย แล้วเธอก็เอ่ยว่า " มันเป็นเรื่องส่วนตัวของท่านประธาน พนักงานไม่ควรเอามาพูดให้สนุกปาก หากฉันยังเห็นว่ามีการจับวงพูดคุยเรื่องของท่านประธานอีก ฉันจะไล่ออกไปให้หมดเลย " พนักงานสาวเอ่ยด้วยท่าทางสั่นกลัว " ขอโทษค่ะ ฉันจะกลับไปแจ้งพวกเขาเดี๋ยวนี้ค่ะ " ได้ยินดังนั้น ณัชชาก็เอ่ยออกมา " อืม ออกไปได้ละ " " ค่ะ " เอ่ยจบพนักงานสาวก็หมุนตัวเดินออกไปทันที เพื่อนร่วมงานต่างเฝ้ารอเธออย่างใจจดใจจ่อ พอเธอออกมา พวกเขาก็ถามทันทีว่า " รองประธานเรียกคุณเข้าพบเรื่องอะไร " เธอจึงพูดให้ทุกคนฟัง ตามที่รองประธานสั่งไว้ แล้วทุกคนก็กลับไปนั่งที่ของตัวเองอย่างเงียบๆ ณัชชาเมื่อรู้ว่ามีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตของเตชิน เธอก็อยู่ไม่สุขอีกต่อไป จะให้เธอไปตามเตชินตรงๆเธอก็กลัวเขาจะไม่ชอบ เธอจึงเดินไปที่ห้องวงจรปิด แล้วสั่งกับพนักงานว่า " เปิดภาพกล้องวงจรทุกจุดในอาทิตย์นี้ขึ้นมาหน่อย " " ครับ " พนักงานเอ่ยตอบแล้วทำตามคำสั่งเธอทันที เปิดภาพกล้องวงจรที่บันทึกไว้ย้อนหลังห้าวัน เมื่อเธอเห็นว่าคนที่เข้าออกบริษัทเป็นพิม เธอก็คิดว่าพนักงานคงเข้าใจผิด แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของพนักงานที่ว่า พิมร่วมทานมื้อเที่ยงกับเตชินบ่อย เป็นคนโปรดของเตชิน เธอก็รู้สึกไม่พอใจลึกๆก็แอบอิจฉาพิม สายตาจ้องมองภาพของพิมเข้าไปในห้องของเตชิน ใช้เวลานานกว่าจะออกมา เธอกำมือแน่น ในใจเต็มไปด้วยความอิจฉา ริษยา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เธออยู่ข้างเขามานานแต่กลับไม่เคยได้สิทธิ์อยู่ลำพังกับเขานานเหมือนพิมมาก่อน ในวันต่อมา พิมก็มาส่งข้าวเช้าให้เตชินตามปกติ เมื่อเดินเข้ามาในบริษัท ก็เห็นณัชชายืนคุยกับพนักงานต้อนรับ พนักงานต้อนรับเอ่ยทักทายเธอ " สวัสดีค่ะ คุณพิม " ณัชชาหันมามองพิมด้วยใบหน้ายิ้มๆอย่างเป็นมิตรแล้วเอ่ย " อ้าวคุณพิมนี่เอง มาส่งข้าวให้พี่เตชินเหรอคะ " พิมจึงตอบไปว่า " ใช่ค่ะ ขอตัวนะคะ " พอพิมหันหลัง ณัชชาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเอ็นดู " พี่เตชินนี่นะ ใช้งานคุณพิมหนักขนาดนี้ คุณพิมคงเหนื่อยน่าดู งานบ้านก็ต้องทำ ยังต้องวิ่งมาส่งข้าวส่งน้ำให้พี่เตชินแบบนี้อีก คุ้มกับเงินเดือนที่ได้หรือเปล่าเนี่ย ฉันล่ะเอ็นดูคุณพิมจริงๆ " เมื่อพนักงานได้ยินดังนั้นต่างพากันอึ้งไป พิมรู้ว่าณัชชามีเจตนาจะทำให้พนักงานรู้ว่าเธอเป็นแม่บ้านของเตชิน แต่เธอไม่แคร์ไง หน้าที่ของเธอคือกันณัชชาออกไปจากเตชิน ทำให้ณัชชาเลิกสนใจเตชินแค่นี้ แล้วเธอก็หันมายิ้มให้ณัชชาแล้วเอ่ย " คุณณัชชาจิตใจดีจริงๆเลย ขอบคุณนะคะที่เอ็นดู " เธอยกแขนขึ้นมามองดูนาฬิกาในมือแล้วทำท่าตกใจ แล้วเอ่ยกับณัชชาด้วยสีหน้ายิ้มๆแสร้งเกรงใจหน่อยๆ " โอ๊ะ! จะเที่ยงแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ คุณเตชินรอฉันไปทานข้าวด้วย เสียมารยาทแล้ว ขอตัวนะคะ " พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินขึ้นลิฟท์ไป ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา ณัชชาโมโหมากที่ทำอะไรพิมไม่ได้เลย แต่ใบหน้าเธอกลับแสร้งยิ้มอย่างเป็นมิตร พนักงานต้อนรับจึงเอ่ยขึ้นว่า " ถ้ารองประธานไม่บอกว่าเธอเป็นสาวใช้ในบ้านท่านประธาน พวกเราก็นึกว่าเธอเป็นแฟนของท่านประธานแล้วค่ะ " พนักงานต้อนรับอีกคนก็เอ่ยขึ้น " สมกับเป็นท่านประธาน ช่างมีมาตรฐานในการเลือกสาวใช้จริงๆเลยค่ะ ทั้งหน้าตา สีผิวและหุ่นล้วนดูดีไปจนหมด แม้จะตัวเล็ก แต่ก็เป็นคนตัวเล็กที่น่ารักมากผิวขาวใส ราวกับหิมะ เป็นสาวใช้ที่ผิวสวยจนน่าอิจฉาเลยค่ะ " ได้ยินดังนั้นณัชชาก็เอ่ยขึ้น " ในบริษัทอย่าพูดเรื่องที่ไร้สาระมากจนเกินไป อย่าลืมว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงเวลางาน " พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินออกไปจากเคาน์เตอร์เดินขึ้นลิฟท์ กลับไปที่ห้องของตัวเอง พนักงานต้อนรับมองหน้ากันแบงงๆ ว่าตัวเองพูดอะไรผิด จนทำให้รองประธานหงุดหงิดใจหรือเปล่า" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท