เธอรู้สึกผิดต่อเตชินมาก ที่เลี้ยงงูเห่าไว้ข้างกาย จนกลับมาฉกพวกเขาเองแบบนี้
เธอเดินไปที่ห้องของเตชิน ยกมือเคาะประตูเบาๆแล้วเดินเข้าไปในห้อง เตชินมองเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเย็นชา ทำให้เธอรู้สึกเย็นไปถึงขั้วหัวใจ แต่ก็ฝืนเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังด้วยความรู้สึกผิด " ฉันขอโทษค่ะ ที่ไม่ระวังคนรอบข้างให้ดี ไว้ใจคนง่ายเกินไป จนทำให้บริษัทเกิดปัญหาใหญ่ แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะทำทุกวิถีทาง สร้างความเชื่อมั่นให้ นักลงทุนให้กลับมาร่วมลงทุน ซื้อหุ้นของบริษัทเราอีกครั้งให้ได้ค่ะ " เตชินจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำว่า " พรุ่งนี้ผมจะจัดแถลงข่าว ผมจะให้โอกาสคุณได้แก้ตัวสักครั้ง ต่อไปจะรับใครเข้ามาทำงานคงรู้นะว่าไม่ควรใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง " " ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว " เตชินรู้ว่าณัชชาเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร จึงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีใช้เป็นเครื่องมือได้ง่าย แม้เธอจะเก่ง มองผิวเผินแลดูเพรียบพร้อม แต่แท้จริงแล้วณัชชาขาดความเป็นผู้นำหลายจุด มองคนไม่ทะลุปรุโปร่ง ใจอ่อน ขี้สงสาร ชอบใช้ความรู้สึกส่วนตัว และไม่มีความเด็ดขาด จากนั้นเตชินก็เอ่ยต่ออย่างเหนื่อยหน่ายว่า " คุณออกไปเถอะ " ณัชชามองเตชินด้วยสีหน้ารู้สึกผิดแววตาเจือความเศร้า ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปแล้วปรับสีหน้าให้ นิ่งเฉย แต่ยังคงความสง่าไว้ในทุกท่วงท่าในการเดิน หลังจากที่ณัชชาออกไป เตชินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาพิม เมื่อพิมรับสายเขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างตำหนิว่า " ผมจ้างคุณเดือนละสองหมื่นเพื่อมาเล่นซ่อนแอบหรือไง คุณถึงใช้ทางเดินบันได้หนีไฟ พิมคุณอย่าคิดจะใช้ลูกเล่นกับผมนะ ผมไม่ได้มีความอดทนกับคุณหรอกนะ " พิมได้ยินดังนั้นเธอทั้งน้อยใจ และอารมณ์ขึ้นทันที จึงเอ่ยตอบไปด้วยความโมโหว่า " นี่ฉันช่วยให้คุณจับตัวผู้ที่ทำให้บริษัทของคุณเสียหายได้ แทนที่จะขอบคุณ คุณกลับโทรมาตำหนิฉัน มันเหมาะสมแล้วเหรอ ผู้บริหารอย่างคุณทำกับผู้มีพระคุณแบบนี้เหรอ ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป จริงๆเลย แล้วก็ไม่ต้องเอาเงินสองหมื่นมาพูด ไม่ต้องเอาเงินสองล้านมาขู่ เข้าใจมั้ย " ด่าเสร็จเธอก็กดวางสายไป เท้าเอวหายใจออกมาแรงๆด้วยความโมโห แล้วบ่นว่า " พิมนะพิม ไม่น่าไปทำสัญญาบ้าบอนั่นเลย ชีวิตที่เคยสงบ กลับวุ่นวาย ไม่สงบสุขอีกเลยตั้งแต่เซ็นสัญญาบ้าบอนั่น " เตชินนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานบริษัทด้วยท่าทางสุขุม สง่าผ่าเผย ใบหน้าเหล่อเหลาคิ้วขมวดเข้าหากัน เมื่อถูกพิมวางสายใส่เป็นครั้งที่สอง เขาไม่รู้จะว่าอะไรเธอจึงเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็ง " อวดดี! " แล้วเขาก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไปไกลออกไปจากตัวเขา จากนั้นก็ก้มหน้าทำงานต่ออย่างเงียบๆ พอถึงตอนเที่ยง เขามองออกไปที่ประตู แต่ก็ไม่มีเงาของพิมโผล่มา แล้วเขาก็ก้มหน้าทำงานต่อ ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง เขาเริ่มหิว มองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว พิมก็ยังไม่มาอีก เขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป เอ่ยกับผู้ช่วยคังที่อยู่หน้าห้อง ด้วยสีหน้าเย็นชาว่า " กลับไปทานข้าวที่บ้าน " ได้ยินดังนั้นผู้ช่วยคังถึงกับอึ้งไปสามวิ ดวงตาเบิกกว้าง พอได้สติ คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไปจึงเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ " คุณชายว่าไงนะครับ " เตชินมองเขาแล้วเอ่ยเสียงเย็น " ผมไม่พูดเป็นครั้งที่สอง " พูดจบเขาก็เดินออกไป ผู้ช่วยคังรีบเดินตามเขาไปแบบงงๆ ที่อยู่ๆคุณชายเขาก็อยากกลับไปทานมื้อเที่ยง ที่บ้าน แต่ก็ไม่เอ่ยถามอะไรอีก ได้แต่ไปเอารถมารับเจ้านาย แล้วขับออกไปมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน พิมอยู่บ้าน วุ่นวายอยู่กับการล้างผักกาด เธอเสียใจที่ถูกตำหนิ จึงรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมา เลยทำจอผักกาดกิน เธอนำเนื้อหมูและซีโครงลงไปต้มในหม้อ แล้วมานำเอาพริกกับกระเทียมและหอมแดงมาโขลกจนละเอียด จากนั้นเธอก็ตักกะปิใส่ลงไปโขลกให้เข้ากัน พอเนื้อหมูเริ่มสุกส่งกลิ่นหอม เธอก็ตักพริกแกงที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อ จากนั้นก็ใส่ปลาร้าและรสดีลงไป ใส่เกลือนิดหน่อยแล้วใส่น้ำมะขามเปียกที่เตรียมไว้ ตามด้วยใส่ผักกาดกับมะเขือเทศลูกเล็กหรือมะเขือส้ม เพื่อเพิ่มความนัว เพิ่มความกลมกล่อมให้น้ำแกง จากนั้นเธอก็ปิดฝาหม้อรอให้ผักกาดสุก เมื่อสุกแล้วเธอก็ตักออกมาใส่ถ้วยไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร เตชินเดินเข้ามาในบ้านได้กลิ่นหอมของจอผักกาด ก็รู้สึกหิวจัดขึ้นมาทันที จนท้องร้องออกมา เขาเดินมานั่งลงแล้วหยิบช้อนขึ้นมาชิมแล้วเอ่ย " อืม รสชาติใช้ได้ อมเปรี้ยว อมหวาน อมเค็ม เป็นรสชาติที่แปลกใหม่ อร่อยดี " เขาไม่เคยทานอาหารทางเหนือเลย และเป็นคนไม่ทานกะปิกับปลาร้าด้วย แต่ครั้งนี้ เขากลับรู้สึกว่า อาหารบนโต๊ะนั้นส่งกลิ่นหอมจนเขาต้องชิม พิมเดินออกมาพร้อมข้าวสวย เมื่อเห็นเตชิน เธอก็มองเขาด้วยแววตาเย็นชา สีหน้าขุ่นเคือง เธอคิดว่าเขายังไม่ได้ทานข้าว จึงตักข้าวใส่จานวางลงตรงหน้าเขา แล้วเธอก็หมุนตัวเดินออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึงโดยไม่เอ่ยอะไร คิดว่าจะเข้าไปทานข้าวในห้องครัว เพราะไม่อยากมองหน้านายจ้างคนนี้ เตชินเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น " คุณจะไปไหน มานั่งทานข้าวตรงนี้ " เธอจึงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า " ฉันไม่หิว คุณทานก่อนเลย " เตชินรู้ว่าเธอโกรธเรื่องเมื่อเช้า และรู้ว่าตอนนี้เธอหิวมาก เธอเตรียมอาหารบนโต๊ะก็เพื่อตัวเองไม่ใช่เพื่อเขา เขาจึงเอ่ยต่อว่า " งั้นเหรอ แต่ดูเหมือนอาหารที่หน้าตาอัปลักษณ์ กลิ่นเหม็นแปลกๆนี่ ไม่ได้ถูกเตรียมมาเพื่อผมนะ " ได้ยินเขาว่าให้อาหารที่เธอทำแบบนั้นเธอจึงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชาว่า " ถ้าคุณไม่ชอบ ฉันจะไปเก็บค่ะ แล้วจะให้ผู้ช่วยคังสั่งอาหารราคาแพงๆหน้าตาน่าทานๆให้ค่ะ " พูดจบเธอก็เดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร เตรียมจะเก็บถ้วยแกง พอมือไปสัมผัสถ้วยแกง เตชินก็จับมือเธอไว้ แล้วมองหน้าเธอที่กำลังบึ้งตึงและเย็นชาอย่างเงียบๆ แล้วเอ่ย " ผมขอโทษ คุณพอใจยัง ถ้าพอใจแล้วก็นั่งลงทานข้าวกับผม ตามข้อตกลงในสัญญา ผมหิวแล้ว " แล้วเขาก็ลุกขึ้นกดไหล่พิมให้นั่งลงข้างๆเขา จากนั้นก็ไปตักข้าวใส่จานให้เธอแล้วเอ่ย " วันนี้ผมบริการคุณ ตอบแทนที่คุณช่วยจับผู้ไม่หวังดีมาลงโทษ " เขาวางจานข้าวลงตรงหน้าเธอแล้วเอ่ยต่อว่า " ทานข้าวเถอะ ผมรู้ว่าคุณหิว " ด้วยความที่หิวมาก พิมจึงจับช้อน แล้วก้มหน้าก้มตาทานข้าวอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่พูดไม่จาอะไรอีกต่อไป เตชินทานข้าวไปมองเธอไป จนเผยยิ้มในหน้าออกมาอย่างเงียบๆ" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท